ความคิดเห็นที่ 1 นำมาจากบทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาที่เทวดาถามว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความสุขความเจริญ ความสุขอันเกิดจากความสันโดษนั้น เราไม่ต้องแสวงหาอะไรนอกตัวเรา ไม่ต้องทำอะไรพิเศษไปกว่าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม เราเพียงแต่เปิดใจให้กว้าง ยอมรับความจริงตามธรรมชาติ ด้วยจิตใจที่เป็นธรรม แล้วยินดีพอใจในสิ่งที่มี ที่เป็น ที่หามาได้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รู้จักคิดดี คิดถูก เท่านั้นแหละ ความสันโดษอันเป็นบ่อเกิดของ ความพอใจสุขใจ มันก็ผุดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:41:32 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นัสรูดินกับมุสตาฟา นัสรูดินมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อมุสตาฟา มุสตาฟาเป็นคนที่ไม่ฉลาด นัสรูดินเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ชอบทำเป็นคนโง่ และขยันล้อเลียนเพื่อนบ้าน วันหนึ่งมุสตาฟาตื่นแต่เช้ามืด ด้วยความท้อแท้ก็ไปหานัสรูดิน บอกว่า เพื่อนเอ๋ย บ้านผมที่อยู่มันแคบ กลิ่นอับ ไม่คล่องตัวเลย ผมไม่มีความสุข กลัดกลุ้มมาหลายปีแล้ว ช่วยผมหน่อยได้ไหม เงินที่จะขยายห้องก็ไม่มี นัสรูดินบอกว่า เอาละ แกต้องเชื่อข้านะ เชื่อทุกอย่างนะ แล้วจะช่วยให้สบายขึ้น มุสตาฟาบอกว่าผมจะเชื่อทุกอย่างที่นายบอก นัสรูดินได้ทีก็บอกว่า คืนนี้นะ เอาแพะเข้าไปล่ามในห้องนอนของแก มุสตาฟา งง แต่ก็เชื่อฟังนัสรูดิน รุ่งเช้าตื่นมาตาแดง มาหานัสรูดิน ผมนอนหลับๆตื่นๆ เจ้าแพะวายร้ายมันร้องทั้งคืน ไหนว่าจะช่วยให้ผมมีความสุข นัสรูดินบอกว่า เอาน่าเชื่อฉัน คืนนี้เอาลาเข้าไปอีกตัวหนึ่ง ล่ามด้วยกัน มุสตาฟาคนโง่ก็ทำตาม เอาลาเข้าไปล่าม รุ่งเช้าก็โผเผมาบอกว่า เจ้าแพะกับลามันทะเลาะกันทั้งคืน ร้องและเตะกันและถ่ายมูลออกมา ห้องผมก็เล็กอยู่แล้ว เหม็นคลุ้งไปหมด ไหนว่าจะช่วยผมให้สบายขึ้นไงล่ะ นัสรูดินบอกว่าเอาน่า คืนนี้ได้เรื่องเอาม้าเข้าไปอีกตัวหนึ่ง พอรุ่งเช้า มุสตาฟาไม่มีแรง เพราะไม่ได้นอนทั้งคืน บอกนัสรูดินช่วยผมด้วย ช่วยให้ผมมีความสุขหน่อย นัสรูดินบอกว่า เอาละได้ที่แล้ว คืนนี้เอาแพะออกจากห้องไป พอรุ่งเช้ามุสตาฟามาหา นัสรูดินก็ถามว่าเป็นไงบ้าง มุสตาฟาจึงบอกว่าค่อยยังชั่วนิดหนึ่งแล้ว นัสรูดินบอกว่า งั้นคืนนี้เอาลาออกไป รุ่งเช้ามุสตาฟาบอกว่าผมรู้สึกว่าห้องผมกว้างขึ้น นัสรูดินบอกว่า เอ้าคืนนี้แกเอาม้าออกไปจากห้อง รุ่งเช้ามุสตาฟาเดินยิ้มเผล่บอกว่า แหม ผมรู้สึกเป็นสุขเหลือเกิน ห้องผมรู้สึกมันกว้างขวางดี คงมีหลายคนที่เป็นแบบมุสตาฟานี่แหละ ไม่รู้จักพอใจตนเองเที่ยวคิดฟุ้งซ่านไป ครั้นสูญเสียไปทีละน้อย พอได้คืนมาจึงเห็นคุณค่าของที่ตนมีอยู่ ถ้ารู้จักคิดดี คิดถูก เสียตั้งแต่ต้น ก็จะสุขใจ สบายใจ ไม่ต้องกระวนกระวายใจให้เป็นทุกข์ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:44:53 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สันโดษ มาจากภาษาบาลีว่า สันโตสะ สันแปลว่า ตน โตสะแปลว่ายินดี สันโดษจึงแปลว่า ยินดี พอใจ อิ่มใจ สุขใจ กับของของตน กล่าวโดยย่อ คือให้รู้จักพอ ให้รู้จักประมาณตน ลักษณะของสันโดษมี 3 ประการคือ ยินดีตามมี ยินดีตามได้ ยินดีตามควร จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:48:10 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อเราเข้าใจกฎแห่งกรรม ยอมรับกฎแห่งกรรม ด้วยปัญญาชอบแล้ว ก็จะพอใจในสิ่งที่มีอยู่ เป็นอยู่ ตามฐานะของตนในปัจจุบัน ยอมรับว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันสมบูรณ์แล้วด้วยเหตุผล อดีต เป็นเหตุ ปัจจุบัน ..เป็นผล มันเป็นกรรมเก่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า กรรมเก่าคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ร่างกายจิตใจของเรา รวมทั้งสิ่งที่เป็นที่พึ่งอาศัยของกาย เช่นพ่อแม่ พี่น้อง สามีภรรยา ลูกๆ บุคคลต่างๆ ตลอดจนทรัพย์สมบัติ สถานที่ บ้าน สังคม ประเทศชาติ ที่เราต้องไปเกี่ยวข้องล้วนเป็นกรรมเก่า จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:49:42 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยินดีตามมี โลกธรรม 8 ที่เราประสบอยู่ในปัจจุบัน โลกธรรมฝ่ายน่าปรารถนา ได้ลาภ ได้ยศ สรรเสริญ สุข โลกธรรมฝ่ายไม่น่าปรารถนา เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ล้วนเป็นผลจากการกระทำของเราทั้งสิ้น ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏมีอยู่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงสมบูรณ์ด้วยเหตุและผล เราจึงต้องยินดีพอใจ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:51:23 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยินดีตามได้ ยินดีกับของส่วนที่ได้มา คือเมื่อแสวงหาประโยชน์อันใดแล้ว ได้เท่าไร ก็พอใจเท่านั้นยินดีพอใจในสิ่งที่ได้ เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในสังคม เราย่อมมีความปรารถนา อยากได้ อยากมี อยากเป็น และเมื่อเราแสวงหาสิ่งที่ต้องการด้วยความตั้งใจ ความพยายามอย่างดีที่สุดตามกำลังตนแล้ว เราต้องยอมรับผลที่ได้เพราะเราก็ได้อาศัยบุญเก่า ได้ใช้ความขยันหมั่นเพียร ความมานะอดทน ความสามารถ กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาเต็มที่แล้ว มันเป็นเพราะการกระทำทั้งในอดีตและปัจจุบัน ร่วมกันออกผล เรียกว่าสิ่งที่ได้มันก็พอดีๆกับการกระทำของตนเองทั้งนั้น เมื่อเข้าใจจุดนี้ก็จะสบายใจ มีความยินดีพอใจในสิ่งที่ได้ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:53:25 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยินดีตามควร ยินดีกับของที่สมควรแก่ตนเท่านั้น สิ่งใดที่มีอยู่หรือจะได้มา หากเห็นว่าไม่สมควรกับเรา ก็ไม่ยินดี ไม่ยอมรับไว้ การจะตัดสินว่า ควรหรือไม่ควรนั้น ให้พิจารณาโดยใช้หลัก 3 ประการคือ ควรแก่ฐานะ ควรแก่ความสามารถ ควรแก่ศีลธรรม จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:54:51 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 8 1.ควรแก่ฐานะ ให้พิจารณาว่าปัจจุบัน เราอยู่ในฐานะอะไร เช่นเป็นฆราวาส หรือเป็นนักบวช เป็นผู้ใหญ่ หรือผู้น้อย เช่น เมื่อเราเป็นฆราวาส มีใครเอาบาตร เอาจีวรมาให้ เราก็ไม่ควรใช้ หรือเมื่อเราเป็นพระ ก็ไม่ควรรับของที่ไม่เหมาะสม แก่ฐานะตนเช่น อาวุธ บุหรี่ เหล้า หนังสือโป๊ วิดีโอเกมส์ เป็นต้น 2.ควรแก่ความสามารถ คนเราเกิดมามีกำลังความสามารถไม่เท่ากัน ทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา ดังนั้นเราควรรู้กำลังความสามารถของตนเอง และแสวงหา หรือยอมรับเฉพาะของที่ควรแก่ กำลังความสามารถของตนเองเท่านั้น เช่น ถึงแม้ว่าครอบครัวเราจะมีอำนาจบารมี สามารถฝากงานในตำแหน่งสูงๆให้กับเราได้ แต่ถ้าเราพิจารณาถึงกำลังสติปัญญาและ ประสบการณ์ของเราแล้วว่ายังไม่พร้อมที่จะ รับผิดชอบงานได้ ก็ไม่ควรยินดีรับตำแหน่งเป็นต้น 3.ควรแก่ศีลธรรม ของใดก็ตามแม้ควรแก่ฐานะของเรา ควรแก่ความสามารถของเรา แต่ถ้าไปยินดีกับของนั้นแล้วทำให้เราผิดศีลธรรม เสียชื่อเสียงเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ก็ไม่ควรยินดีกับสิ่งของนั้น เช่นของที่ลักขโมย ฉ้อโกงเขามา ของผิดกฎหมาย เช่น อาวุธเถื่อน ยาเสพติด ของที่เขาให้เพื่อเป็นสินจ้างรางวัลในทางที่ผิด หรือในกรณีที่เราแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เมื่อมีใครมารักมาชอบเราแบบชู้สาว แม้เราพอใจในตัวเขามากแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ควรรับ ไม่ควรตอบสนอง เป็นต้น จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:57:19 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อิทธิบาท 4 คู่กับสันโดษ คนจำนวนมากเข้าใจความหมายของสันโดษผิดไป คิดว่าสันโดษคือการพอใจอยู่คนเดียว หรือการไม่ทำอะไร หากนำหลักการของสันโดษไปใช้แล้ว จะทำให้ประเทศชาติไม่เจริญ ประชาชนไม่รู้จักพัฒนาตน เพราะพอใจในสภาพตามมีตามเกิดตามธรรมชาติ เป็นอยู่อย่างไร ก็พอใจแค่นั้น มีน้อยแค่ไหนก็ไม่ต้องขวนขวายไปหามาเพิ่ม จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 20:59:05 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ความจริงแล้ว .. การพอใจอยู่คนเดียวภาษาบาลีเรียกว่า ปวิวิตตะ ไม่เรียกสันโดษ ส่วนการไม่ทำอะไรนั้น ภาษาบาลีเรียกว่า โกสัชชะ คือความเกียจคร้าน คำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องสันโดษ ไม่ได้สอนให้คนเกียจคร้านท้อถอย ไม่ขยันหมั่นเพียรในการทำหน้าที่การงาน ซึ่งเป็นอุปสรรคขวางกั้นความเจริญ อย่างที่มีการเข้าใจผิดกัน พระพุทธเจ้าสอนเรื่องความสันโดษ เพื่อให้เรารู้จักพอใจกับสิ่งที่ตนมีอยู่ สิ่งที่ตนได้มาและสิ่งที่สมควรแก่ฐานะของตน เมื่อเรามีความสันโดษเป็นคุณธรรมประจำใจแล้ว ก็ขจัดเสียซึ่งความโลภ ไม่มีการเบียดเบียน แก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยา ทุจริตฉ้อโกง มุ่งร้ายทำลายกัน จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 21:00:53 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พระพุทธศาสนามีหลักคำสอน เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตว่าด้วยหลักอิทธิบาท4 ซึ่งหมายถึงทางแห่งความสำเร็จในกิจอันเป็นกุศล ไม่ว่าจะเป็นทางโลก หรือทางธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จตามที่ตั้งใจ ถ้าเราปฏิบัติตามหลักอิทธิบาท 4 ซึ่งมีองค์ประกอบ 4 ประการคือ ฉันทะ ..มีความพอใจในสิ่งที่ทำ โดยเราตั้งเป้าหมายไว้ตามความเหมาะสมกับฐานะ และกำลังความสามารถของเรา วิริยะ ..ความเพียรพยายามและตั้งใจทำสิ่งนั้น จิตตะ ..ความเอาใจใส่ จิตใจจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ วิมังสา .ปัญญาที่พิจารราใคร่ครวญหาเหตุผล เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาให้ดีขึ้น จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 21:03:03 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อเราอยากมี อยากได้ อยากเป็นอะไรก็ตาม ก่อนอื่นให้เข้าใจตัวเอง รู้จักฐานะ ความรู้ ความสามารถของตนแล้วตั้งเป้าหมายไว้ ลงมือทำตามเป้าหมายนั้นด้วยความพอใจ เพียรพยายามเต็มกำลังความสามารถ เอาใจใส่เพื่อให้สำเร็จตามที่ตั้งใจ เมื่อได้ผลออกมาอย่างไร ก็ให้ยินดีพอใจตามที่ได้ ตามที่เป็น ถึงแม้ว่าไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ตาม ก็ให้สันโดษ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 21:04:26 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อิทธิบาท 4 เป็นการสร้างเหตุที่ดีของการกระทำ เพื่อให้ประสบความสำเร็จ สันโดษเป็นความยินดีพอใจในผลที่ได้รับ เมื่อเราดำเนินชีวิตด้วยคุณธรรม ตามหลักอิทธิบาท 4 และสันโดษแล้ว ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องทุกข์ร้อนอะไรมากมาย สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ตกงาน ผิดหวังในความรัก ไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา ก็ให้เข้าใจว่าเมื่อเราตั้งใจทำดีด้วยใจสงบ เราได้ทำเหตุที่ดีแล้ว ก็ต้องยอมรับผลด้วยใจที่สงบเหมือนกัน จึงจะเรียกว่าทำงานด้วยความปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น รักษาหัวใจของนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย ความพ่ายแพ้ไม่ได้ทำให้ท้อถอย แต่ทำให้มีความหวังในอนาคต ตั้งใจทำความดีในปัจจุบันด้วยสุขภาพใจดี ตั้งใจทำความดีด้วยหลักอิทธิบาท 4 ยอมรับผลด้วยความสันโดษ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 21:07:11 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สิ่งที่คนเรามักจะไม่สันโดษ สิ่งที่คนเรามักแสวงหาอย่างไม่รู้จักพอไม่รู้จักประมาณ ได้แก่ อำนาจ ยศ ตำแหน่ง ทรัพย์สมบัติ กามคุณ 5 อาหาร จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 21:08:46 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอพักสายตาก่อนนะคะ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 21:10:16 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับคุณGain ขอบคุณครับพิมพ์ยาวเลย(ยิ้ม) ความสันโดษ เกิดจากภายใน แม้อยู่ในที่คนมากๆและอึกทึก ก็สันโดษได้ (คงยาก กว่าอยู่ในที่ๆสงบ) แต่ถึงอยู่ที่ๆสงบ แต่ใจไม่สันโดษ ก็หาสันโดษไม่ เดี๋ยวนี้ผมฝึกสติ (ตามลมหายใจบ้าง นึกถึงขันธ์5บ้าง) ช่วยได้มากครับ ตอนโกรธก็รู้ทันว่าโกรธ ตอนทานอาหารก็พิจารณา อย่างมีสติ ไม่ใช่สักแต่ทานเข้าไปเหมือนเมื่อก่อน ใหม่ๆ ผมพยายามไม่ให้เกิดเวทนาต่างๆ แต่ที่จริงเป็นธรรมชาติ ที่ต้องเกิด เพียงแต่ให้มีสติรู้เท่าทัน ตามรู้ว่ามันเกิดแล้ว มันหาย มันไปแล้ว จะมาตามอ่านต่อครับ (ยิ้ม) จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 3 มี.ค. 48 21:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Coyote - [ 3 มี.ค. 48 21:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อำนาจ ยศ ตำแหน่ง หลวงพ่อชาท่านเทศน์ให้พระเณรฟังว่า ผ้าขาว(คนที่เตรียมบวช) เณร พระบวชใหม่ อาจคิดว่าเป็นหลวงพ่อนี้สบาย นั่งหัวแถวเป็นอันดับแรก นั่งพิงหมอนสามเหลี่ยม ใครๆก็กราบไหว้ ตักอาหารเป็นองค์แรก เลือกอาหารได้ตามใจชอบ จริงๆแล้ว พระที่บวชนานๆ พรรษามาก ความรับผิดชอบก็มากมาย ไม่สบายหรอก ใครได้เป็นแล้วก็อยากจะอยู่อย่างพระบวชใหม่ๆ ยิ่งเป็นเจ้าอาวาส บางทีเปรียบเสมือนถังขยะ รับปัญหาสารพัด ปัญหาก่อสร้าง ดูแลความเรียบร้อยของศาลา เสนาสนะ ปัญหาคนงาน ปัญหาของพระเณร เรื่องยุ่งๆต่างๆนานามันก็ท่วมหัวเจ้าอาวาสกันทั้งนั้น หลวงพ่อชาท่านเคยพูดกับลูกศิษย์ ซึ่งเป็นพระฝรั่งองค์แรกที่ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส เพื่อเตือนสติให้เตรียมใจไว้รับสถานการณ์ เพราะถ้าหากไม่มีกำลังใจ ก็คงเครียด กลุ้มใจ ทนเหม็นไม่ไหวเหมือนกัน ทุกข์ของผู้น้อยมี ทุกข์ของผู้ใหญ่มันก็มี เราจึงควรรู้จักฐานะ หน้าที่ของตนเอง แล้วก็มีความสุข ความพอใจในปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้จะดีกว่า เมื่อเราได้เป็นผู้ใหญ่ ก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี พอใจ สุขใจได้ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:32:19 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทรัพย์สมบัติ ความรู้สึกว่าเรายังมีทรัพย์สมบัติไม่พอ มันเกิดจากการเปรียบเทียบกับคนอื่น เมื่อเราเปรียบเทียบแล้วก็อาจจะเกิดความโลภ อยากจะมีเหมือนกัน เลยกลายเป็นยากจนเพราะว่ามีไม่พอ ไม่ใช่เพราะไม่มี ถึงรวยแค่ไหน เป็นมหาเศรษฐี ถ้าไม่รู้จักพอ ก็กระวนกระวายใจเป็นทุกข์อยู่นั่นแหละ จนอาจรู้สึกมีปมด้อย อิจฉาเพื่อนในวงสังคมของมหาเศรษฐีด้วยกัน เพราะรู้สึกว่าเขามีมากกว่า บางคนไม่ว่าจะรวยมากขนาดไหนก็ยังขี้เหนียว เป็นใจเปรต คอยแต่โลภอยากได้อย่างเดียว บางครั้งความทุกข์เกิดจากการมีมาก ดังตัวอย่างข่าวในหนังสือพิมพ์ เรื่องชาวบ้านคนหนึ่งถูกสลากกินแบ่งของรัฐบาล ได้เงินรางวัลหลายล้านบาท แทนที่จะมีความสุข กลับทะเลาะในหมู่ญาติพี่น้อง จนเกิดเรื่องวุ่นวาย เจ้าตัวถึงกับฆ่าตัวตายเลยก็มี แต่ถ้าเรารูจักสันโดษ พอใจในสิ่งที่มี ไม่ว่าจะมีมากมีน้อย เราก็มีความสุขได้เสมอตามอัตภาพของเรา จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:34:36 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 20 กามคุณ 5 กามคุณ 5 หมายถึงสิ่งที่น่าปรารถนา น่าพอใจ มี 5 อย่างคือ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสทางกาย ความติดใจในกามคุณเป็นเหตุให้จิตใจฟุ้งซ่าน ทำให้คนเราต้องดิ้นรนแสวงหาเงินทอง เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขจากกามคุณ ความไม่รู้จักพอในกามคุณ มักก่อให้เกิด ปัญหาในชีวิตครอบครัวและสังคม เช่น เมื่อไม่สันโดษในทรัพย์สินที่ตนมี ก็ทำให้เกิดความโลภไปลักขโมยเขา เมื่อไม่สันโดษในความเป็นคู่ครองกัน แล้วก็นอกใจกัน แย่งแฟนกัน ความพอใจในกามคุณสำหรับมนุษย์เรา จึงต้องอยู่ในกรอบของศีลธรรม ไม่เบียดเบียนตนเองและไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เช่นนั้นกามคุณก็จะกลายเป็นโทษ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:37:05 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อาหาร คนเราเมื่อมีอาหารรับประทานอยู่แล้ว ส่วนมากก็มักจะยังไม่พอใจ ยังอยากจะไปรับประทานอาหารแพงๆ ตามภัตตาคารหรูๆ หรือบางครั้งแม้ว่า จะสั่งอาหารแพงๆจากภัตตาคารมากินแล้ว ก็ยังรู้สึกไม่อร่อย ไม่พอใจอีก คนมาอยู่ในวัด รับประทานอาหาร วันละมื้อเดียวหรือบางที่เป็นคนงาน ทำงานหนักๆเมื่อหิวแล้ว รับประทานอะไรมันก็อร่อยทั้งนั้น เป็นความสุขแบบเรียบง่าย อาจารย์เดินทางออกจากญี่ปุ่นมาอยู่ต่างประเทศ ตั้งแต่อายุ 20 ปี กลับไปเยี่ยมบ้านครั้งแรกหลังจากที่จากมา ประมาณ 15 ปี ประเทศญี่ปุ่นเปลี่ยนไปมาก สถานีรถไฟใหญ่ที่สุดในกรุงโตเกียวสมัยก่อน ที่เป็นอาคารชั้นเดียว เปลี่ยนเป็นชานชลาที่ขุดลงไปใต้ดิน 3 ชั้นบนตึกสูง เมื่อก่อนเคยเดินทางด้วยรถไฟใช้เวลา 9ชั่วโมง เดี๋ยวนี้เหลือ 3 ชั่วโมงถึงที่หมาย อาหารการกินสมบูรณ์ อาหารบางอย่างที่เคยเป็นเมนูพิเศษ เดี๋ยวนี้กลายเป็นอาหารธรรมดาๆ แต่พี่สาวอาจารย์บอกว่ายังคิดถึงสมัยเด็กๆอยู่เสมอ ในฤดูร้อน เอาแตงกวามาแช่ในน้ำพุธรรมชาติ ที่เย็นจัดซึ่งอยู่ใกล้บ้านแล้วเอามาจิ้มกับมิโสะ มันก็อร่อยดี มีความสุขแล้ว ทุกวันนี้ถึงจะกินอาหารอุดมสมบูรณ์มากกว่า แต่เมื่อนึกถึงความสุขในการกินทีไร ก็นึกถึงสมัยเด็กๆทุกครั้ง สมัยที่อาจารย์ยังเด็ก แม่พูดเสมอว่า ชีวิตในชนบทดีที่สุด มีข้าวปลาอาหารพออยู่พอกิน ไม่ต้องเครียดอะไร แม่ไม่เคยบอกให้อาจารย์ต้องเรียนหนังสือสูงๆ ต้องรวย ต้องมียศ มีตำแหน่งถึงจะมีความสุข อาจารย์รู้สึกว่า น่าจะจริงตามที่แม่พูด คำพูดของแม่ทำให้รู้จักสันโดษ พอใจกับชีวิตแบบเรียบง่าย พออยู่พอกิน รักกันสามัคคีกันในครอบครัวก็มีความสุขแล้ว จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:40:05 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ต้นทางแห่งความสุขที่แท้จริง คำสอนตามหลักพระพุทธศาสนากล่าวว่า ยิ่งสันโดษต่อสามิสสุขมากเท่าไร ก็ยิ่งได้นิรามิสสุขมากขึ้นเท่านั้น สามิสสุขหมายถึง ความสุขที่ต้องอาศัยวัตถุภายนอกมาตอบสนอง ความต้องการทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และความคิดอยากต่างๆ ถือเป็นความสุขขั้นหยาบ ที่มีทุกข์เจือปนตลอดเวลา เพราะต้องแสวงหา ดิ้นรนกระวนกระวายเป็นอาการนำหน้า เมื่อได้มาก็ต้องระวังรักษา ยึดติด หวงแหน ผูกพัน กลัวสูญหาย ถ้าไม่ได้มา ถูกขัดขวางก็ขัดเคือง ไม่พอใจ นิรามิสสุขเป็นความสุขภายใน ที่ไม่ต้องอาศัยวัตถุภายนอก มาสนองความอยาก เป็นความสุขที่เกิดจากใจที่สงบ สะอาด ไม่ดิ้นรนกระวนกระวายตามกิเลส นิรามิสสุขจึงเป็นความสุขที่แท้จริง เป็นภาวะสุขที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆตามมา และยังช่วยขจัดปัญหาต่างๆด้วย ผู้ที่จะมีนิรามิสสุขได้จะต้องมีสภาพใจที่สงบไม่ดิ้น คือมีความสันโดษเสียก่อน แล้วก็หมั่นฝึกพัฒนาจิตใจ ด้วยการเจริญอานาปานสติและเมตตาภาวนา เป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อเข้าถึงความสุขที่แท้ หรืออย่างน้อยก็เพื่อความมีสุขภาพใจที่ดี มีความสบายใจ สุขใจ จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:42:49 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การฝึกตนให้สันโดษ พิจารณาความแก่ เจ็บตาย พิจารณากฎแห่งกรรม ให้ทาน รักษาศีล เจริญอานาปานสติและเมตตาภาวนา จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:44:09 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 24 1.พิจารณาความแก่ ความเจ็บความตายอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นความจริงของชีวิตที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะดิ้นรนแสวงหาเงินทอง สะสมทรัพย์สมบัติไว้มากเพียงใด วันหนึ่งเราก็ต้องพลัดพรากจากสมบัติที่เราหาไว้ ทรัพย์สมบัติเป็นเครื่องมือที่ช่วยเราในการดำเนินชีวิต เป็นทรัพย์ภายนอก เมื่อตายแล้วก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ เมื่อพิจารณาแบบนี้บ่อยๆ ความโลภในสมบัติจะลดลง มุ่งหน้าทำความดี คือให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา เป็นการสะสมอริยทรัพย์ ซึ่งหมายถึงคุณความดี 7 ประการประกอบด้วย 1.ศรัทธา ความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ประกอบด้วยศรัทธา 4 ประการคือ กรรมศรัทธา เชื่อในเรื่องกรรมว่าสัตว์โลกย่อม เป็นไปตามกรรม วิบากศรัทธา เชื่อว่าผลดีมาจากเหตุดี ผลชั่วมาจากเหตุชั่ว ดังนั้นทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเป็นกฎตายตัว กรรมมัสสกตาศรัทธา เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตนเอง เมื่อทำกรรมอันใดไว้ จะหนีผลของกรรมนั้นไม่พ้น ตถาคตโพธิศรัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 2.ศีล คือการรักษากาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อย 3.หิริ คือความละอายต่อบาป ทุจริต 4.โอตตัปปะ คือความเกรงกลัวต่อบาป 5.พาหุสัจจะ คือความเป็นผู้ได้ยินได้ฟังธรรมมาก และจำธรรมเหล่านั้นได้อย่างดี รู้ศิลปวิทยามาก 6.จาคะ รู้จักสละ แบ่งปันสิ่งของตนให้แก่คนที่ควรได้ 7.ปัญญา รอบรู้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ อริยทรัพย์นี้ดีกว่าทรัพย์สินเงินทอง เพราะเป็นทรัพย์ภายในที่เราพึ่งพาอาศัยได้ ไม่เพียงแต่ชาตินี้ แต่อาศัยได้หลายภพ หลายชาติต่อๆไป จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:47:25 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 25 2.พิจารณากฎแห่งกรรม ให้หมั่นพิจารณาอยู่เสมอว่า เรามีกรรมเป็นของตน เรามีกรรมเป็นผู้ให้ผล เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ไม่ว่าทำกรรมใดไว้ เราจะต้องเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป เมื่อเข้าใจกฎแห่งกรรมจริงๆแล้ว เราจะสามารถทำใจและรักษาใจดีไว้ได้ในทุกสถานการณ์ มีความสุขใจ พอใจกับชีวิตที่เป็นอยุ่ปัจจุบัน พอใจในการสร้างความดี ละความชั่ว ยินดีในการให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:49:24 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 26 3.การให้ทาน หมั่นให้ทานอยู่เสมอ อานิสงส์ของการให้ทานที่ผู้ให้จะได้รับทันที คือได้ลิ้มรสความสุขอันเกิดจากการให้ การสละและแบ่งปันเพื่อความสุขของผู้อื่น การให้ทานเป็นการฆ่าความตระหนี่ ขี้เหนียว ความโลภในจิตใจไปทีละน้อย มองเห็นคุณค่าแห่งความสุขจากการคิดจะให้ แล้วความสันโดษก็จะเกิดขึ้น จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:51:05 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 27 4.การรักษาศีล ตั้งใจในการรักษาศีล 5 ให้สมบูรณ์ ศีล 5 เป็นกรอบทำให้เราไม่เบียดเบียนผู้อื่น และหาโอกาสในการรักษาศีล 8 เพื่อฝึกหัดขัดเกลาจิตใจ ผู้ที่รักษาศีล 8 ได้จะช่วยให้เกิดความสันโดษในหลายๆเรื่อง เช่นเรื่องกามคุณ เรื่องอาหาร การแต่งกาย เป็นต้น ทำให้มองเห็นว่า แม้กินง่าย นอนง่าย อยู่ง่าย ก็มีความสุข จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:53:13 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 28 5.การเจริญภาวนา ให้หมั่นเจริญอานาปานสติและเมตตาภาวนาอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเวลาก่อนนอนและตอนเช้า ก่อนที่จะเริ่มภารกิจอย่างอื่น ***************** ตั้งใจกำหนดอานาปานสติ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ให้มีสติและสัมปชัญญะกับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ปล่อยวางอดีต ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆที่ผ่านมาแล้ว ไม่ต้องคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ระลึกถึงแต่ปัจจุบัน สิ่งที่เป็นสมมติก็ปล่อยวาง เช่น เราเป็นชาย หญิง เป็นพ่อ แม่ เป็นผู้น้อย ผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้ต้องปล่อยวางทั้งหมด แม้แต่ตัวเรา ปล่อยวางกาย ปล่อยวางความรู้สึก ปล่อยวางความคิดต่างๆ กำหนดรู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้าสบายๆ มีสติระลึกถึงความรู้สึกที่ดี สบายใจ มีปิติสุขทุกครั้ง ที่ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า เมื่อมีสติระลึกรู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้าติดต่อกัน ต่อเนื่องกันแล้ว ใจเราก็จะเปลี่ยน เกิดความสบายใจ สุขใจ มีเมตตากรุณา แม้จะมีความไม่สบายใจในตอนต้น ความสบายใจก็จะเกิดขึ้นแทน เมื่อใจเรามีความสุข สบายใจแล้ว ก็แผ่เมตตา ความปรารถนาดีให้กับผู้อื่น ขอให้เขามีความสุข ระลึกถึงบุคคลใกล้ชิดที่เรารักก่อน พ่อ แม่ พี่ น้อง ของเรา ขอให้เขามีความสุข แล้วก็ค่อยๆทำความรู้สึกให้กว้างออกไป ถึงบุคคลอื่นๆที่เรารู้จักเป็นกลางๆ ในที่สุดระลึกถึงบุคคลที่มีปัญหาขัดแย้งกับเรา คนที่เป็นศัตรูกับเรา ก็ขอให้เขามีความสุขเช่นกัน เมื่อแผ่เมตตาให้กับคนที่เรารู้จักแล้ว ก็ให้แผ่เมตตาและความรู้สึกที่ดีนี้ให้กว้างออกไป ขยายออกไปถึงสรรพสัตว์ทั่วทุกสารทิศ ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข เป็นการแผ่เมตตาแบบไม่มีนิมิต คือ ไม่ได้นึกถึงใครโดยเฉพาะ การแผ่เมตตาเป็นการให้ที่ยิ่งให้ก็ยิ่งเพิ่ม หมายถึง ยิ่งแผ่เมตตาและความรู้สึกที่ดีออกไปมากเท่าใด จิตใจเราก็ยิ่งมีปิติสุข จิตใจเราก็จะยิ่งเบิกบาน เป็นการเจริญเมตตาภาวนา ซึ่งเราควรฝึกทำบ่อยๆ แม้แต่ละครั้งอาจจะแค่เวลา 5 นาที 10 นาทีก็ตาม การฝึกเจริญอานาปานสติและเมตตาภาวนาอยู่บ่อยๆ จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข สบายใจมากขึ้น เมื่อมีความสุข ความสบายใจ มีความพอใจในชีวิตแล้ว เราจะดำเนินชีวิตด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี ได้ไม่ยาก และใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไม่ยินดียินร้าย รักษาใจเป็นปกติในทุกสถานการณ์ คัดลอกจากหนังสือ สันโดษ..เคล็ดลับของความสุข โดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก จากคุณ : Gain - [ 3 มี.ค. 48 23:56:48 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สวัสดีค่ะ คุณเต่าหยวนเปียว และ คุณ Coyote ขอบคุณที่กรุณาแวะมา ดิฉันได้รับหนังสือพระอาจารย์จากเพื่อน อ่านแล้วมีประโยชน์ ต้องขออภัยที่ตาเจ็บจึงข้ามไป 3 เรื่องค่ะ ได้แก่ เสือก็รู้จักสันโดษ นกแขกเต้ากับชาวนา และ แก่นแท้ของความประหยัด จากคุณ : Gain - [ 4 มี.ค. 48 00:06:16 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ในที่สุดก็ได้อ่าน นึกว่าคุณGainลืมไปเสียแล้ว ขอบคุณครับ .................... คลับนี้ชักยังไง ๆ เเล้ว วันข้างหน้าอาจต้องเปลี่ยนชื่อเป็น " คลับเพื่ออิสรภาพทางการเงินและจิตใจ " จากคุณ : ไร้แก่นสาร - [ 4 มี.ค. 48 03:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณคุณgainมากครับ       มีโอกาสมาต่อสามเรื่องที่เหลือนะครับ จากคุณ : วิถีพุทธ - [ 4 มี.ค. 48 05:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ด้วยความยินดีค่ะ คุณไร้แก่นสารและคุณวิถีพุทธ วานนี้ระหว่างพิมพ์ยังคิดถึงทั้งสองท่านอยู่ เนื่องจากดิฉันจะถนัดคัดลอก แต่ไม่ถนัดเรื่อง Discussion เป็นประเภทอ่านเจออะไร บางเรื่องจะเกิด Insight ทันที เนื่องจากมีนิสัยเช่นนั้นจริง (ทั้งด้านบวกและด้านลบ) แต่บางเรื่องต้องใช้เวลา -ประสบการณ์ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยจะแสดงความเห็นเท่าไร ยกตัวอย่างเช่น การทำสมาธิ เคยศึกษาอยู่หลายวิธี แต่ไม่เข้าใจ เพิ่งจะมาปฏิบัติได้ไม่นาน แต่ปฏิบัติแล้วเห็นผล ก็กล้าที่แสดงความเห็น ได้บ้างค่ะ สมาธิช่วยในการนอนหลับ , การสวดมนต์ช่วยในเรื่องอาการปวดรุนแรง และล่าสุดสามารถช่วยระงับอาการคัน ที่เกิดจากลมพิษให้ทุเลา อายจังค่ะที่จะบอกว่า ในเวลาปกติ จะไม่ค่อยได้สวดมนต์และทำสมาธิเท่าไร (ข้ออ้างที่ไม่น่ารับฟังคือ ก็งานมันเยอะ ) ยังไม่กล้าให้คำมั่นกับผู้ใดว่าจะทำสมาธิทุกวัน เนื่องจากคำพูดที่ออกจากปากไปแล้ว จะกลายเป็นเจ้านายและสร้างความกังวลให้กับเราค่ะ จากคุณ : Gain - [ 4 มี.ค. 48 08:06:54 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบคำว่าอิสรภาพทางการเงินและทางจิตใจ ที่คุณไร้แก่นสาร กล่าวมากค่ะ เสียดายที่มีงานต้องทำ(คิวยาว)และพิมพ์ดีดได้ช้ามาก กอปรกับมีปัญหาทางสายตา (ใช้คอมพ์นานไม่ได้ ) หัวข้อที่ละเอียดเช่นนี้ ต้องใคร่ครวญ และใช้สติในการแสดงความเห็นอย่างมาก ปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาจึงเป็นข้อจำกัดสำหรับการ สนทนาหัวข้อนี้ในขณะนี้ค่ะ จากคุณ : Gain - [ 4 มี.ค. 48 08:18:04 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบคุณวิถีพุทธค่ะ 3 เรื่องที่ข้ามไปนั้น ถ้าเวลาและสังขารอำนวย จะมาโพสต์ต่อนะคะ เพราะขณะพิมพ์ไป ตรวจทานไป ดิฉันก็ได้ประโยชน์เช่นกัน ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Gain - [ 4 มี.ค. 48 08:25:02 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีค่ะคุณ Gain ขอบพระคุณมากๆนะคะ ที่สละเวลาอันมีค่า เพื่อมอบสิ่งที่มีคุณค่าขนาดนี้ให้กับเราและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ... คำว่า "หลุดพ้น" นั้นลึกซึ้งมากๆ ทั้ง "หลุด" และทั้ง "พ้น" ... โดยส่วนตัวแล้ว จึงมุ่งเป้าหมายเพื่อ  "อิสรภาพที่แท้จริง" ให้เป็นผลจาก "การหลุดพ้น"   ******** ช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง มีภารกิจด่วนนิดหน่อย ... รับงานวิจัย สำหรับช่วยชาวเรือประมงทะเล กับผลกระทบต่อราคาน้ำมัน จึงอาจไม่ได้เข้ามาเขียนยาวๆ นะคะ แต่ยังติดตามอ่านอยู่อย่างต่อเนื่องค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 4 มี.ค. 48 09:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แวะเข้าไปกระทู้ของคุณกุ้งไร้สารเรื่อง "มีโอกาสเยี่ยมชมกิจการที่ถือหุ้น" พยายามจะโพสต์ในกระทู้นั้น แต่มิสามารถ จึงขออนุญาตใข้พื้นที่นี้แทนนะคะ 1) ขอบคุณคุณไร้แก่นสาร คุณวิถึพุทธ และทุกท่านสำหรับความเห็นที่เป็นประโยชน์ 2) กระทู้เอ่ยถึงภรรยาคุณกุ้งไร้สารด้วย ทราบจากเพื่อนที่เคยไปทำบุญที่ วัดป่าสุนันทวนาราม กาญจนบุรีว่า ถ้าดิฉันจะไปกับพ่อบ้านและพอมีเวลา น่าจะอยู่พัก 1 คืน และถ้าไม่เคยชินกับสภาพความเป็นอยู่ เรียบง่ายที่วัดป่า ก็สามารถหาโรงแรมได้ไม่ยากค่ะ (ไม่ได้อยู่ใกล้กับวัดป่า) 3) อ่านเจอข่าวดีของคุณซ้อสี่กำลังมีบุตร ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ พร้อมนี้ขออนุญาต แสดงความเห็น เกี่ยวกับการปฏิบัตติตน ไม่ควรนั่งหน้าคอมพ์นานๆ เพราะ การนั่งนานๆ ไม่ดีต่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็นผู้ใด และเคยอ่านเจอข้อเสียของการใช้คอมพ์นานๆ ที่มีผลกระทบต่อหญิงมีครรภ์ ทานผักผลไม้ให้เป็นนิสัย เพราะอายุครรภ์มากขึ้น โอกาสริดสีดวงสูง เนื่องจากมีการกดทับบริเวณนั้น ชี้แจงเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้ มิได้มีเจตนาจะให้เกิด ความกังวลนะคะ ดื่นน้ำขิง ถ้ารู้สึกว่าท้องอืด พยายามไปเดินเล่นตอนเช้าหรือเย็นๆ เพื่อช่วยให้คลอดง่าย การแต่งกาย รองเท้ามีส้นเล็กน้อย อย่าใส่รองเท้าแตะ เพราะจะลื่นได้ง่าย สำหรับรายละเอียดอื่นๆ คงมีผู้รู้ท่านอื่นแนะนำบ้างแล้ว อาจไม่ได้เข้ามาอีกนาน ต้องขออภัยล่วงหน้า แต่ดิฉันเชื่อในเรื่องความรู้สึกดีๆที่พวกเรามี ซึ่งกันและกันค่ะ จากคุณ : Gain - [ 4 มี.ค. 48 09:10:11 A:unknown X:202.12.74.5 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ด้วยความยินดีค่ะคุณนินจา โพสต์กระทู้ก่อนคุณนินจา แต่พิมพ์ช้ามาก ส่งข้อความเสร็จ เจอคุณนินจาพอดี ทึ่งกับความรอบรู้ ความสามารถหลายๆประการ ของคุณนินจา (ดิฉันแอบตั้งชื่อว่า สาวน้อยมหัศจรรย์) แต่มีความชื่นชมกับน้ำใจของคุณนินจามากกว่าค่ะ คนเก่งหาไม่ยาก แต่ทั้งเก่ง อดทน และ สละเวลาให้ผู้อื่น เช่นนี้ หาได้น้อยมาก ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Gain - [ 4 มี.ค. 48 09:18:17 A:unknown X:202.12.74.5 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวัสดีครับคุณ Gain ขอบคุณมากครับ ในความพยายาม....พิมพ์...ของ คุณGain ที่ทำให้ผมได้รับความรู้เพิ่มเติมอีก คราวที่แล้วผมอ่านบทความที่คุณGain ลิ้งค์ ไปที่ ....อาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก  (ไม่ได้เซฟไว้)ได้ เข้าไปอ่านแล้วเป็นเว็บที่ดีมีนิทานให้อ่าน  ทำน่าอ่าน ดีครับ แล้วมีการสอนทำสมาธิด้วยแบบอานาปานสติ อ่านเข้าใจง่ายไม่ซีเรียส ส่วนที่บอกว่าคุณนินจา  เป็น"สาวน้อยมหัศจรรย์" นี่ ผมเห็นด้วย 100%เลย...... ขอบคุณอีกครั้งนะครับ . แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 10:51:26 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 48 22:26:57 จากคุณ : ขวัญชัย - [ 6 มี.ค. 48 22:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีค่ะคุณขวัญชัย ยินดีมากค่ะที่กรุณาแวะมา ชื่นชมในความคิดเห็นดีๆ มีประโยชน์ และการเป็นผู้มองโลกแง่ดีของคุณขวัญชัย จำได้ค่ะว่าคราวก่อนคุณขวัญชัยเล่าให้ฟังเรื่องไปเยี่ยมเว็บวัดสุนันวนาราม แต่กระทู้นั้นถูกลบไปแล้ว ขออนุญาตคัดลอก ด้านหลังปกหนังสือ “สติเป็นธรรมเอก” เพื่อบอกเล่าประวัติย่อของพระอาจารย์ค่ะ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เป็นชาวญี่ปุ่น เป็นสัทธิวิหาริกรุ่นแรกของหลวงพ่อพระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) อุปสมบทตั้งแต่ปี 2518 เป็นท่านหนึ่งในคณะสงฆ์ ผู้บุกเบิกวัดป่านานาชาติ ท่านบำเพ็ญเพียรมาหลายรูปแบบ ได้ธุดงค์มาหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ ทั้งที่อุดมสมบูรณ์และทุรกันดาร ปัจจุบันท่านเป็น เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม บ้านท่าเตียน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นวัดสาขาที่ 117 ของวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี การที่พระอาจารย์ได้เดินทางมาประเทศไทย และได้อุปสมบทเป็นศิษย์ต่างชาติท่านหนึ่ง ของหลวงพ่อชา สุภัทโทนั้น ท่านว่าเป็นเรื่องที่ “ เป็นไปเอง” ตั้งแต่เด็กๆ ท่านคิดเสมอว่า อะไรคือชีวิตที่น่าพอใจ ชีวิตน่าจะมีอะไรที่มีคุณค่ามากกว่านี้ ท่านจึงออกสัญจรรอนแรมจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่ปี 2514 และมิได้กลับไปประเทศญี่ปุ่นอีกเป็นเวลานานถึง 14 ปี ท่านเดินทางสู่อินเดีย เนปาล อิหร่าน และยุโรป แล้วเปลี่ยนความตั้งใจที่จะไปแอฟริกา วกกลับสู่อินเดีย เมื่อเดินทางถึงพุทธคยา เห็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ ก็ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ และประจักษ์ต่อใจว่า “ นี่คือสิ่งที่แสวงหา สัจจะความจริงอยู่ภายในกายกับใจของเรานี้เอง ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจ ทุกคนทุกชีวิตสามารถพ้นทุกข์ได้” ท่านจึงหยุดการแสวงหาจากภายนอก เข้าสู่การค้นหาภายใน พระอาจารย์พูดถึงชาวตำบลบุ่งหวายและชาวบ้านก่อนอก อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ผู้อุปฐากท่านด้วยศรัทธาว่า “เปรียบเสมือนพ่อแม่พี่น้องของอาตมา อุปการะเลี้ยงดูอาตมาแต่ครั้งยังเป็นสามเณร” และนี่คือที่มาของมูลนิธิมายาโคตมี ที่ท่านเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2533 เพื่อช่วยเหลือให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนด้อยโอกาสในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ การให้ทุนการศึกษาได้ขยายออกไปยังอีก หลายจังหวัดของประเทศไทยในเวลาต่อมา พระอาจารย์ได้สอนสมาธิวิปัสสนากรรมฐานโดยจัดอบรมอานาปานสติ ที่วัดสุนันทวนารามครั้งแรก 19-27 ตุลาคม 2539 และได้มีการจัดอบรมเป็นระยะๆ ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน จากคุณ : Gain - [ 8 มี.ค. 48 10:20:51 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ต่อไปนี้คือเว็บและทางไปวัดค่ะ www.watpahsunan.org แผนที่สังเขปแสดงเส้นทางไปวัด ( ดิฉันไม่ได้เป็นสมาชิกพันทิพย์ ขอคัดลอกข้อความแทน) ปากทางเข้าวัดอยู่ก.ม. 90 ของทางหลวงหมายเลข 323 ช่วงอำเภอไทรโยค-ทองผาภูมิ ระยะทางจากรุงเทพฯถึงวัดประมาณ 200 ก.ม. จากตัวเมืองกาญจนบุรีถึงน้ำตกไทรโยคน้อย ประมาณ 60 ก.ม. จากน้ำตกไทรโยคน้อยถึงปากทางเข้าวัดประมาณ 47 ก.ม. จากปากทางถึงวัด 3 ก.ม. การเดินทางโดยรถโดยสารจากกรุงเทพฯ ไปวัดสุนันทวนาราม 1) ขึ้นรถกรุงเทพ-กาญจนบุรีที่สถานีรถขนส่งสายใต้ใหม่ ต่อรถกาญจนบุรี-อำเภอทองผาภูมิที่สถานีขนส่งกาญจนบุรี ไปลงกิโลเมตรที่ 90 ( ปากทางเข้าวัดสุนันทวนาราม) 2) หรือรถตู้หน้าโรงแรมรอยัล มุมถนนราชดำเนิน เชื่อมติดต่อจากท้องสนามหลวง ไปสถานีขนส่งจ.กาญจนบุรี สำหรับผู้สนใจหนังสือบรรยายธรรมของพระอาจารย์ สามารถติดต่อ มูลนิธิมายา โคตมี 378 อาคารสงเคราะห์สาย 20 ก แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพ 10120 โทร 02 676 3453 , 02 676 4323 อีเมล mayagotami@watpahsunan.org ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Gain - [ 8 มี.ค. 48 10:26:03 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอเรียนความในใจ ตั้งแต่โพสต์กระทู้ ก็หลบมุมไปเคลียร์งานค่ะ แต่ปรากฏว่าอาการลมพิษที่เพิ่งหายไปนั้น ย้อนกลับมาเป็นอีก พอทานยา ก็จะง่วง ทำงานไม่ได้ จึงยอมทน เพื่อจะได้ทำงานต่อเนื่อง คืนที่ผ่านมา แม้จะทานยา ก็ยังมีอาการคัน จนไม่สามารถนอนได้อย่างสงบ ทรมานอยู่พักหนึ่ง เห็นทางส่ว่าง ลุกมาสวดมนต์พระคาถาชินบัญชร สักพัก ร่างกายจะสบายขึ้น ๆๆ และสามารถหลับไปได้ เช้านี้มีอาการปิติ อยากจะเล่าสู่ในชาวเว็บบอร์ดฟัง (เพื่อสนับสนุนความเห็นเรื่องประโยชน์ของการ สวดมนต์-สมาธิ) จึงทำให้มีโอกาสคุยกับคุณขวัญชัย และคัดลอกข้อความข้างต้น จากคุณ : Gain - [ 8 มี.ค. 48 10:41:42 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ยินดีกับคุณGainด้วยที่ประสบการบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้ด้วยสมาธิ(คาถาชินบัญชร) ผมว่านี่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่มาก จากคุณ : . (ไร้แก่นสาร) - [ 9 มี.ค. 48 00:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากค่ะ คุณไร้แก่นสารที่กรุณาแวะมา ชื่นชมในความเพียร และจิตอันเป็นกุศล ของคุณไร้แก่นสารที่มอบให้แก่ชาว DSM และผู้สนใจเสมอมาค่ะ ดิฉันสวดพระคาถาได้มาก่อนที่จะทำสมาธิ (เพิ่งจะทำสมาธิเป็นประมาณกว่า 2 ปี เองค่ะ) เคยใช้วิธีสวดพระคาถาชินบัญชร เพื่อช่วยระงับอาการปวดรุนแรงมาแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกันกับอาการคันจากลมพิษ คิดว่าครั้งนี้น้อยกว่าหลายเท่า ขออนุญาตพูดยาวหน่อยนะคะ การสวดพระคาถาช่วยเตือนสติเราไปในตัว เนื่องจากต้องทบทวนว่าแต่ละวันๆ ๆ ที่ผ่านไปนั้น ตัวเราได้กระทำความดี ( คิดดี พูดดี ทำดี) สมควรแก่การขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองหรือไม่ ดิฉันเคยเจอความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถา ในเหตุการณ์อื่น แต่ขออนุญาตไม่กล่าวถึงในที่นี้ ทุกวันนี้ นึกขอบพระคุณบรรพชนอยู่เสมอ ใน"ภูมิปัญญา" ที่สั่งสอนลูกหลานให้สวดมนต์ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำสมาธิ และ ฯลฯ ถึงแม้ว่าบางคนจะไม่สามารถก้าวต่อไปยัง จุดที่กล่าวข้างต้นได้ แต่อย่างน้อยที่สุด การสวดมนต์ช่วยลด อาการฟุ้งซ่าน จิตใจที่ซัดส่าย ให้สงบได้ขณะหนึ่ง ปกติเป็นคนพิมพ์ช้ามาก(จิ้มทีละนิ้ว) การโพสต์แต่ละครั้งต้องใช้เวลาไม่น้อย จึงมักจะเป็นผู้อ่านฝ่ายเดียว บังเอิญครั้งนี้คุณไร้แก่นสารพูดถึงพระคาถาชินบัญชร ซึ่ง"โดนใจ" ทำให้คุยยาว อาจไม่ได้เข้ามาอีกนาน เพราะว่างานเร่งรัดตัว ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Gain - [ 9 มี.ค. 48 09:35:29 A:unknown X:202.12.74.9 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ยังอ่านไม่จบหรอกครับ แต่ขอบคุณมากครับ.....เรียงเรียงกี่วันครับเนี่ย จากคุณ : นกแคปหมู - [ 9 มี.ค. 48 11:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณครับคุณอา Gain   ............................. ( มาแอบเซฟเข้าแฟ้มครับ ) .................................... รักษาสุขภาพด้วยนะครับคุณอา เด่นศรี  ครับ จากคุณ : เด่นศรี - [ 10 มี.ค. 48 21:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 46 วันนี้โทรคุยกับน้องเด่นฯ .. ถึงทราบว่า คุณ Gain เป็นคุณอา... ตอนแรกยังนึกว่า คุณ Gain อายุยังไม่มาก แต่สนใจเรื่อง ธรรมะเป็นพิเศษ .. ตอนนี้ขอฝากตัวเป็นหลานเพิ่มอีกคนนะคะ คุณ อา Gain ขอบคุณที่ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตนเองระหว่างตั้งครรภ์นะคะ .. หลายข้อเป็นสิ่งที่ซ้อไม่ได้ตระหนักไว้ ..และเมื่อคุณอา Gain ให้คำแนะนำไว้ .. ซ้อก็ขอปฎิบัติตามค่ะ นับถือที่คุณอาเป็นผู้สูงอายุที่ทันสมัย พิมพ์ดีดก็ได้ และเล่น internet ก็ได้ .. ถือเป็นผู้สูงอายุแถวหน้าเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับธรรมะที่เตือนสติเราทุกคนกันนะคะ.. สันโดษ .. เป็นคำที่สั้นๆ นิดเดียว แต่มีความหมาย และ เป็นสิ่งที่เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบันมากทีเดียว.. ซ้อยังอ่านไม่จบค่ะ .. จะไปตามอ่านตามอีกทีค่ะ ส่วนพระคาถาชินบัญชร ซ้อเองก็ท่องได้ค่ะ แต่คงต้องฝึกท่องทุกวันให้บ่อยขึ้น .. ตอนนี้คุยกับคุณไร้แก่นสารว่าจะโพสต์บทสวดมนต์พระคาถาชินบัญชรเข้าในคลับด้วย ขอเวลาซ้อ 2-3 วันนะคะ .. จะเริ่มพิมพ์แล้วค่ะ ขอให้คุณอา Gain แข็งแรง และรักษาสุขภาพด้วยนะคะ หายเร็วๆ ด้วยค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 10 มี.ค. 48 21:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีค่ะ คุณนกแคปหมู คุณเด่นศรี และ คุณซ้อสี่ ขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาแวะมาค่ะ และขออภัยที่เพิ่งมาตอบ ที่คุณนกแคปหมูถามว่าเรียบเรียงกี่วันนั้น ความจริงเป็นการคัดลอกจากหนังสือธรรมบรรยาย ของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ค่ะ ก่อนอ่านหนังสือเล่มนี้ ดิฉันก็เคยมีความสับสน และเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหมายของคำว่า "สันโดษ" โชคดีที่ได้มีโอกาสอ่านบรรยายธรรมเล่มดังกล่าว เลยทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น จึงอยากจะนำมาฝากผู้ที่สนใจเพราะคิดว่า เป็นเนื้อหาที่มีประโยชน์ แต่ช่วงเวลานั้น หาเวลาว่างจากงานไม่ได้เลย พอกลับเข้ามาใหม่ ใจหนึ่งก็ลังเลที่จะพิมพ์ เพราะว่ากระทู้เดิมเคยถูกลบไปคงเนื่องจาก โพสต์ผิดห้อง แต่ตั้งใจไว้ว่าหนังสือดีๆแบบนี้ ถ้าได้เผยแพร่ออกไป น่าจะเป็นประโยชน์ และคุ้มค่า แม้ว่าในที่สุดจะถูกลบ ขอบคุณมากค่ะ คุณเด่นศรี สำหรับความห่วงใย และความปรารถนาดี ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ พอดีทานยาตัวใหม่ ที่คุณหมอสั่งให้ เพราะว่าไม่ง่วงนอนและสามารถ ทำงานได้ ช่วงนี้แดดจัด รังสี UV เป็นสาเหตุหลัก จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงแดดให้มากค่ะ ขอบคุณคุณซ้อสี่มากค่ะที่ให้เกียรติ ดีใจจังที่มีหลานเพิ่มขึ้นมาอีกคน ตอนแรกเห็นคำว่าผู้สูงอายุ อดยิ้มไม่ได้ค่ะ เพราะยังเรียกตัวเองว่า "หนู" กับคุณพ่อคุณแม่ ขอบคุณที่คุณซ้อสี่โพสต์กระทู้ ถามคุณเด่นศรี เรื่อง "ทำไมคุณเด่นศรีถึงว่า Rich Dad ......" ขึ้นมา จึงทำให้เกิด " คลับอิสรภาพทางการเงิน" ขึ้นมา แต่ละคนร่วมมือร่วมใจ ปลูกสร้างสถานที่แห่งนี้ ด้วยการหาวัสดุมาทำชายคาที่ร่มรื่น จัดหาเก้าอี้หินอ่อนมานั่งพักคลายจากความเมื่อยล้า หาน้ำมาดื่มแก้กระหาย ช่วยกันปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา ฯลฯ ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากหลายๆท่าน เช่น คุณ MacroArt คุณ Italy คุณ Coyote คุณขวัญชัย คุณนินจา ฯลฯ และต่อๆมาก็มีพลังทวีจากอีกหลายท่าน ขออภัยที่จำชื่อไม่หมด และจัดเรียงลำดับไม่ถูกต้อง แต่ถือว่าทุกท่านมีส่วนสำคัญในการสร้างชุมชน แห่งปัญญาที่อบอุ่น และพร้อมที่จะเติบโตอย่าง มั่นคงแข็งแรงต่อไป คงได้มีโอกาสคุยกันในครั้งต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Gain - [ 12 มี.ค. 48 08:20:31 A:unknown X:202.12.74.5 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขออนุญาตคุยต่อกับคุณซ้อสี่ 1) เรื่องพระคาถาชินบัญชรนั้น ตอนนี้มีผู้จัดพิมพ์เผยแพร่ในเวปมากกว่า 1 ที่ อย่างไรก็ตามถ้าคุณซ้อสี่ตั้งใจแต่แรก และเพื่อรักษาคำพูด ดิฉันก็ไม่ขัดศรัทธาตรงนี้ แต่ขอให้รักษาสุขภาพด้วย 2)ดิฉันเคยอ่านเจอเรื่องคุณแม่เปิดเพลงคลาสสิก ให้ลูกน้อยฟังระหว่างตั้งครรภ์ พอลูกคลอดออกมา และเติบโตขึ้น เวลาที่เขาร้องไห้ หรืออารมณ์เสีย พอคุณแม่เปิดเพลงเดิมให้ฟัง เด็กน้อยเงี่ยหู้ฟัง และหยุดร้องไห้ อ่านแล้วก็ชอบใจและได้เล่าต่อให้ น้องที่ทำงานฟัง (ตอนที่เขาตั้งครรภ์) ก็เล่าไว้หลายคนนะคะ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่เล่าสู่กันฟัง จนกระทั่งวันหนึ่งเจอกับคุณแม่มือใหม่ น้องเขาบอกว่าระหว่างตั้งครรภ์ ได้ลองเปิดเพลงที่ตัวเองชอบ แม้ว่าจะไม่ใช่เพลงคลาสสิก พอลูกคลอดมา เลี้ยงดูกันมา จนพอจะฟังเสียงต่างๆ ปรากฏว่าลูกน้อยจะตั้งใจฟังเพลงนี้เป็นพิเศษค่ะ คุณแม่ท่านนี้จึงนำมาเล่าให้ดิฉันฟังอีกทีหนึ่ง สาเหตุที่คุยต่อให้คุณซ้อสี่ฟังเนื่องจาก ขณะนี้มีเทปเพลงของศ. เสฐียรพงษ์ วรรณปก ร่วมกับคุณสุรพล โทณะวณิก จัดทำเผยแพร่ น้ำเสียงผู้ร้องไพเราะมากค่ะ ถ้าจะนำมาเปิดแทนเพลงคลาสสิก ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สุดแล้วแต่จะพิจารณา ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Gain - [ 12 มี.ค. 48 08:43:46 A:unknown X:202.12.74.5 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผมเคยเห็นปลอกหมอนที่มีคาถาชินบัญชร ไม่ทราบว่าท่านใดสนใจบ้างครับ ถ้ามีเพื่อนๆ สนใจเยอะ จะแว้บไปหามาให้ครับ ปล. ผมไม่เคยสวดชินบัญชรเลยนะ จากคุณ : Coyote - [ 12 มี.ค. 48 21:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณค่ะ คุณอา Gain สำหรับคำแนะนำ .. น่าสนใจมากค่ะ .. ทุกวันนี้ให้ลูกฟังเพลง MoZart อยู่ เพื่อนให้มา จะเป็นเพลงคลาสิกค่ะ .. แต่ถ้าเอาแบบแม่ชอบ หรือซ้อชอบ จะเป็นแบบแดนซ์ แดนซ์ .. อย่างนี้จะเปิดให้ลุกฟัง ไม่รู้จะคึกทั้งวันหรือเปล่า กลัวจะทำให้เป็นสมาธิสั้น สับสน เลยเปิดเพลง MoZart ดีกว่าค่ะ ขอบคุณสำหรับเทปที่แนะนำด้วยค่ะ .. จะลองหาฟังดูค่ะ สำหรับพระคาถาชินบัญชร .. ได้ปรึกษากับคุณไร้แก่นสารเช่นกันค่ะ .. คุณไร้แก่นสารแนะนำว่า การได้พิมพ์เองจะช่วยทำให้รู้สึกปลื้มปีติมากขึ้น และเป็นการทบทวนทั้งตัวบทสวดมนต์เองและคำแปล จึงคิดที่จะพิมพ์เองค่ะ สำหรับพี่ coyote .. ได้เวลาเริ่มสวดชินบัญชรแล้วค่ะ .. ดูจากปลอกหมอนก็ดีค่ะ ทำให้ง่ายไม่ต้องคอยเปลี่ยนหน้า เปิดปิดหนังสือ .. แต่ถ้ามีคำแปลด้วยจะดีมากค่ะ คุณอา Gain มีสิ่งใดแนะนำเพิ่มเติม ซ้อยินดีนะคะ !! ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 13 มี.ค. 48 06:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สวัสดีค่ะคุณ Coyoteและคุณซ้อสี่ เคลียร์งานเสร็จไปอีก 1 ชุด (พร้อมทั้งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากนั่งนานๆและทานมากไปหน่อย) แวะมาบอกคุณซ้อสี เพิ่มเติมว่า เพลงพระคาถาชินบัญชร ในม้วนเดียวกันยังมีเพลงกาพย์ยานีชินบัญชร ขับร้องโดยคุณสุวัจชัย สุทธิมา และคุณนัฏธร จาติกวณิชย์ ค่ะ ปล. ลืมบอกว่ามีทั้งเทปและซีดีค่ะ จากคุณ : Gain - [ 17 มี.ค. 48 22:01:06 A:unknown X:202.12.74.5 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สวัสดีครับคุณgain                 ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับวีถีแห่งความสันโดด             ส่วนเรื่องลมพิษนั้นไม่ทราบว่าคุณgainได้ทานผงชูรสหรือเปล่าครับ            ในอดีตช่วงยุคบ้านเมืองปั่นป่วน            ผงชูรสเป็นหนึ่งในยุทธปัจจัย          ห้ามส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน           เพราะถือว่าเป็นยาใช้ห้ามเลือดได้ดีชั้นหนึ่ง             หากเราทานเข้าไปสะสมมากๆในกระแสเลือด            ทำให้กระแสเลือดข้นได้           การไหลเวียนเลือดจะไม่ค่อยดี            ทำให้การขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกายด้อยประสิทธิภาพ              เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย            เป็นภูมิแพ้ได้(หนึ่งในสาเหตุ)              วิธีล้างพิษในร่างกาย              ให้ใช้ว่านรางจืดเถา         ชงต่างน้ำชาดื่มซักระยะหนึ่ง(ประมาณหนึ่งอาทิตย์)           อาจจะช่วยได้ครับ           ( เดี๋ยวนี้เขามีทำขายเป็นซองแบบชาลิปตันแล้ว )                                        ....................................................................                 ส่วนผู้ที่สวดพระคาถาชินบัญชรประจำ          หากจะมีเพศสัมพันธ์            กรุณาอย่าลืมให้อาราธนาออกไปก่อนนะครับ                                     ........................................................................... แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 48 02:46:58 จากคุณ : วิถีพุทธ - [ 18 มี.ค. 48 02:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณ คุณวิถีพุทธมากค่ะ คิดว่าอาการลมพิษไม่น่าจะเกิดจาก ทานผงชูรส เนื่องจากเป็นคนที่ไวต่อผงชูรส อาหารที่มีผงชูรส ทานแล้วจะมึนหัว และกระหายน้ำทั้งวัน สาเหตุเกิดจากดิฉันไปทำวิจัย และตากแดดนานไปหน่อย ตอนนี้หายจากลมพิษแล้วค่ะ จากคำแนะนำคิดว่าจะไปหา ว่านรางจืดเถามาปลูกติดบ้านบ้างแล้ว น้องที่รู้จักกันเคยเสนอว่าจะนำมาฝาก พร้อมทั้งอธิบายสรรพคุณมากมาย ซึ่งดิฉันก็ลืมไปแล้ว เพราะว่าตอนนั้น มีงานมาก คงไม่มีเวลาดูแล สงสารต้นไม้ จึงขอฝากเขาไว้ก่อน ตอนนี้ทราบสรรพคุณจากคุณวิถีพุทธว่า สามารถแก้อาการลมพิษได้ ทำให้สนใจที่จะไปหามาปลูกค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ จากคุณ : Gain - [ 18 มี.ค. 48 20:59:04 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]