CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    จุดอ่อนของ DSM ที่มือใหม่ควรระวังหรือมือเก่าควรระลึกถึง

    ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าอาจเข้าใจ DSM ได้ไม่ถ่องแท้ ดังนั้นประเด็นที่เสนอก็อาจเกิดจากความโง่เขลา หากเป็นเช่นนั้นก็หวังว่าเพื่อน ๆ คงให้อภัย
    จริง ๆ แล้ว DSM เป็นระบบที่ดีในหลาย ๆ ประเด็น เช่น การกำหนดจุดซื้อ จุดขายที่ง่าย และชัดเจน ไม่ทำให้ผู้เล่นเกิดความไม่แน่ใจ นอกจากนี้ยัง follow Down theory ด้วย
    อีกประเด็นที่ทำให้ระบบ DSM มักจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้เริ่มต้นคือ
    เมื่อเริ่มเล่น ถ้าราคาหุ้นขึ้น – ก็happy เพราะมูลค่าเพิ่มขึ้น
    ถ้าราคาหุ้นตก ก็ทำ short against port สร้าง cash flow ได้
    อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า DSM ก็มีจุดอ่อน (จริง ๆ ก็ไม่ใช่จุดอ่อนหรอกครับ แต่เป็นข้อพึงระวังหรือจะเรียกว่า คำเตือนก่อนใช้ยา น่าจะเหมาะกว่า)
    ผมเริ่มที่ concept ก่อนนะครับ ถ้าผมเข้าใจ concept ผิด ก็ไม่ต้องถือสาผมเลย

    DSM เป็น trading system ที่มองการลงทุนแบบการทำ project  คือ เมื่อลงเงินก้อนลงไปในครั้งแรก ก็จะได้รับผลตอบแทนในรูป cash flow ในระยะเวลาต่อมา จนสิ้นสุดโครงการ (หรืออาจเป็น infinity ก็ได้) เมื่อเรานำ Cashflow ที่ได้ มาทำ Discount cash flow (DCF) ก็จะได้ว่า NPV จาก cashflow ที่ได้ จะมีมูลค่าสูงกว่าเงินเริ่มลงทุน (ในที่นี้คือเงินที่ซื้อหุ้นตอนแรก) ก็หมายถึงว่าสิ่งที่เราทำ ถูกต้อง
    ในกรณีที่เราใช้กับการซื้อหุ้น ซึ่งมี cashflow เป็น infinity สิ่งที่ต้องคำนึงคือ required rate หรือผลตอบแทนที่เราคาดหวังหรือต้องการ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเราไม่มีเงินเลย ต้องไปก็แบงค์มาเล่นหุ้น cashflow ที่ได้ต้องมากกว่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่าย รวมถึงค่าเสียเวลาของเรา ซึ่งในทางการคำนวณเราจะคิดค่าใช้จ่ายนี้เป็นรูปของเปอรเซ็นต์ หากผลตอบแทนที่ได้มีเปอร์เซน์ที่ต่ำกว่า ที่เราต้องการก็ไม่คุ้มค่าที่จะเล่น


    ทีนี้เวลาเราเล่น DSM จะพบว่า เมื่อหุ้นมีราคาลดลง เราจะทำ Cashflow ได้ดี เวลาเราทำ forecast จะพบว่า cashflowที่ได้ทำให้ NPV ของเราดีมาก บางทีอาจพบว่า 2-3 ปีอาจได้เงินต้นคีนก็มี (ของผมที่ทำดู พบว่า cashflow ที่ได้เป็น 10% ของมูลค่าการลงทุนใน 2 เดือน หรือถ้าคิดแบบง่าย ๆ ก็คาดว่า payback อยู่ที่ 20 เดือน-โดยยังไม่คิด required rate นะครับ )

    ปัญหาก็คือว่า หุ้นมันเป็นcycle มีตก ก็มีขึ้นนะครับ เวลามันขึ้น เราแทบจะไม่ได้ cashflow จากมันเลย (อย่าปลอบใจตัวเองว่า ไม่มี cashflow แต่มูลค่าport สูงขึ้นนะครับ เพราะเราต้องมีแนวคิดที่ไม่เปลี่ยนไปมา เวลาหุ้นตก จะเอา cashflow เวลาหุ้นขึ้นจะเอา value ไม่ได้นะครับ)  
    ดังนั้น forecast ที่เราทำ ก็จะดีเกินความเป็นจริงครับ คือจะมีช่วงที่เราแทบจะไม่ได้ cashflow เลย และที่สำคัญคือ ช่วง uptrend บางครั้งเราไม่สามารถ cover short ได้หมด เราทิ้งหุ้นไว้ที่ราคาต่ำ ถ้าทิ้งไว้เกิน 3 ไม้ ก็แย่แล้วครับ เพราะเมื่อเจอ downtrend หรือ sideway เราก็มีหุ้นทำ DSM ลงลงอย่างมาก

    พอเข้าใจประเด็นไหมครับ (หรืออาจเข้าใจได้ว่า ผมไม่รู้เรื่องแล้วยังมาขยายความโง่อีก)

    จากคุณ : krit587 - [ 13 มี.ค. 48 16:01:01 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป