ความคิดเห็นที่ 1 ต่างครับ เพราะตลาดเราเป็นแบบนี้ 1 ถูกกฎหมาย 2 เจ้ามือโหดกว่า 3 มีวิธีโกงแยบยลกว่ามาก 4 เจ้ามือวางแผนให้เราเดินตามได้สำเร็จเสมอ 5 ไม่มีการวัดดวง 6 คนเล่นกระเป๋าหนักกว่า การศึกษาดีกว่าแต่โลภมากกว่า 7 หน้าใหม่มักเสียให้หน้าเก่าก่อนจะกลายมาเป็นหน้าเก่า รอกินหน้าใหม่ต่อ (เพราะกฎข้อหนึ่งในตำราของการเล่นหุ้นคือ ซื้อมาขายให้คนที่โง่กว่า) (ไม่รู้มองโลกแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า) ไปแล้วครับเดี๋ยวโดนเตะ อิๆ จากคุณ : ก้อนหิน MBA - [ วันฉัตรมงคล 08:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับนักลงทุนระยะยาวน่าจะต่างนะครับ  เป็นการนำเงินมาลงทุนเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุน   สามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดีๆได้  ไม่ใช่การเสี่ยงดวง จากคุณ : อึ้งกิมกี่ (g2001) - [ วันฉัตรมงคล 08:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต่างครับ เพราะตลาดเราเป็นแบบนี้ 1 ถูกกฎหมาย *** เห็นด้วยกะพ่อทองก้อนครับ*** 2 เจ้ามือโหดกว่า ***เจ้ามือบ่อนโหดกว่าสิ บ่อนนี้แค่เสียเงิน เสียทรัพย์ แต่บ่อนโน้น มีถึงชีวิตน๊ะพ่อทองก้อน*** 3 มีวิธีโกงแยบยลกว่ามาก ***อันนั้นมาตรฐาน ไม่มีการโกง ยกเว้น เต๋า ไฮโลว์ ผมว่าแยบยลแบบคิดว่าโกงได้ แต่คนก็ยังจะเล่น*** 4 เจ้ามือวางแผนให้เราเดินตามได้สำเร็จเสมอ ***อันนั้นคนที่เข้าไปเล่นนี่พร้อมตัวพร้อมใจเลยล่ะ*** 5 ไม่มีการวัดดวง  *** ถ้าแบบเฮียกีกี้ว่านั่นแหละใช่  แต่ทุกวันนี้เราทั้งสองคนก็เล่นแบบวัดดวงน่ะ หรือไม่จริง*** 6 คนเล่นกระเป๋าหนักกว่า การศึกษาดีกว่าแต่โลภมากกว่า ***พ่อทองก้อนคงไม่เคยเห็นเขาวางชิปทีละ 50 ล้านน่ะ คนเล่นในบ่อนความรู้น้อยกว่า??????*** 7 หน้าใหม่มักเสียให้หน้าเก่าก่อนจะกลายมาเป็นหน้าเก่า รอกินหน้าใหม่ต่อ (เพราะกฎข้อหนึ่งในตำราของการเล่นหุ้นคือ ซื้อมาขายให้คนที่โง่กว่า) ***ในบ่อนหน้าใหม่ๆ มักจะได้เงินเหอๆๆๆๆ *** (ไม่รู้มองโลกแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า) ไปแล้วครับเดี๋ยวโดนเตะ อิๆ ***พ่อทองก้อนไม่ได้มองในแงร้ายหรอก แต่พ่อทองก้อนไม่เคยเห็น*** บ่อนหุ้นได้เสียเป็นเปอร์เซ็นต์ มีสิทธิ์ขายทิ้งในขณะที่กำไรหรือขาดทุนเพียงเล็กน้อยถ้าแนวโน้มไม่เป็นอย่างที่คิด แต่บ่อน วางเงินลงไปแล้วไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจ บ่อนมาตรฐานเปิด 24 ชั่วโมง แต่บ่อนเราวันนี้ปิด จ๋อยซะ ไม่มีอะไรทำ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 48 09:00:10 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว - [ วันฉัตรมงคล 08:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขึ้นกับว่าเราทำตัวอย่างไร Proactive หรือ Responsive เราเลือกได้ เราเลือกในสิ่งที่เป็นอยู่ ให้มีประโยชน์กับเราได้ครับ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ - [ วันฉัตรมงคล 09:37:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จะเหมารวมว่าเป็นบ่อน ก็ดูจะรุนแรงเกินไป ไอ้ครั้นจะเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่ใช่ก็กระดากปาก ก็คงมีทั้งใช่ และไม่ใช่อยู่ในตัวมันเอง หลายตัวที่เป็นหุ้นยอดนิยมในซุ้ม VI มันก็ยังเดินหน้าตามแรงกรรมแห่งผลประกอบการไปได้อย่างต่อเนื่อง แต่หุ้นส่วนใหญ่ ก็วิ่งตามแรงกรรมแห่งความโลภและความกลัว แอบเอาคำพูดเฮีย 2ค (วันนี้แกไม่อยู่) แต่ถ้ามองให้ลึกๆ คิดเป็นเปอร์เซนต์กันแล้วก็เอนเอียงไปทางการพนันมากกว่า มีหลายอย่างที่คล้ายกัน เช่น 1.มีเจ้ามือรายใหญ่เหมือนกัน และก็เป็นคนที่สามารถกำหนดทิศทางของเกมส์ได้เหมือนๆกัน ในบ่อนจริงอาจใช้วิธีซ่อนไพ่ เปลี่ยนไพ่หรือทำตำหนิ ในตลาดอาจใช้วิธีซ่อนผลประกอบการบังคับให้ออกมาดีบางไตรมาสที่อยากให้ดี แอบแจกวอร์ แอบนับหุ้นรายย่อย 2.ในบ่อนคนเล่นมีความรู้น้อยกว่า แต่เจ้ามือก็มีความรู้มากกว่านิดหน่อย แต่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย และบุคลากรทีพร้อมกว่า ในตลาดคนเล่นมีความรู้มาก เจ้ามือก็มีความรู้และประสบการณ์มากกว่า แต่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย และบุคลากรทีพร้อมกว่า สุดท้าย ผมว่าอย่าไปคิดมากเลยครับ ว่าเป็นบ่อนหรือไม่เป็นบ่อน คิดว่าเราจะทำยังไงไม่ให้ตกเป้นเหยื่อจะดีกว่า วันไหนถ้าเข้าบ่อน ก็หาจังหวะเข้าเล่นในช่วงที่เจ้ามือเขาอ่อยลูกค้า วันไหนเดินเข้าตลาดก็หาจังหวะให้ถูกตัวก็แล้วกัน เพราะเราเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ต้องเดินตามเกมส์ ไม่ใช่ผู้กำหนดทิศทางของเกมส์ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 48 09:53:35 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 48 09:53:13 จากคุณ : พ่อไก่โต้ง - [ วันฉัตรมงคล 09:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 น่าจะมีข้อหนึ่งที่แตกต่างนะ  สมมติเราซื้อหุ้นตัวหนึ่ง 50,000 บาท แล้วหุ้นตกลงมาสัก 15 % แต่เรายังไม่ยอมขายเพราะเห็นว่าหุ้นตัวนี้มีอนาคตแต่ที่ตกลงมาเนื่องจากภาวะตลาดในขณะนั้นไม่ดี เมื่อภาวะตลาดดีราคาจะวิ่งกลับมาและวิ่งเลยต้นทุนอีกด้วยก็จะเป็นกำไร  แต่ถ้าเป็นการพนันสมมุติเราลงทุนเล่น 50,000 บาท ในวันนั้นเราเสียก็คือเสียหมดไม่ได้คืน ถ้าจะเอาคืนก็ต้องไปหาเงินมาเล่นใหม่อันนี้คือข้อแตกต่างที่มองเห็นในตอนนี้ ส่วนอันอื่นก็เห็นด้วยกับเพื่อนๆที่ตอบกันมาข้างบนแล้ว จากคุณ : แมงเขียว-แดง (แมงเขียว-แดง) - [ วันฉัตรมงคล 10:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เช้าวันหยุด ได้มาอ่านเปิดประเด็น คุณ luck me ก็น่าสนใจดี เมื่อ30 ปีก่อน ตลาดหุ้นไทยเปิดมาด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อระดมทุนที่เป็นทางเลือกให้กับกิจการ แทนการไปกู้ยืมจากธนาคาร ด้วยเงินปันผล เป็นสิ่งตอบแทนจูงใจ (เรื่องส่วนต่างราคาหุ้นนั้นน้อยมาก ไม่ใช่เรื่องจูงใจเท่าใดนัก) ต่อมาคนเข้ามามาก กิจการเข้ามามาก แต่เงินของคนเล่นหุ้นยังน้อยอยู่ จึงเกิดการแย่งชิงการเอาทุนของคนเล่นจากกิจการอื่นๆในตลาดหุ้นด้วยกัน มีการประกาศเพิ่มทุน หลังเพิ่มทุนก็ปั่นราคาหุ้นของตนเองให้สูง ล่อใจให้คนซื้อหุ้นยอมจ่ายเงินค่าเพิ่มทุน หุ้นใครเพิ่มทุนแล้วราคาไม่ขึ้นคนก็ทิ้งไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มทุน (นี่เป็นสัญญาณแรกของการเข้าสู่การฉ้อฉล และแนวทางออกกฎที่ยุติธรรมหรือไม่ของระบบตลาดหุ้น) การแย่งชิงเงินทุนเกิดขึ้นรุนแรงในสมัยที่ PHATRA ประกาศเพิ่มทุน 1 ต่อ 5 (เสมือนกิจการมีห้องแถว 1 ห้อง แต่ต้องการเงินมาเพิ่มเป็น 5 ห้อง ถือว่าอยากเงินมากๆ ๆๆ)โดยผู้บริหารที่มีความคิดก้าวหน้า แต่ไม่มองอนาคตอย่างคุณ ว.. หลังจากนั้น กิจการต่างๆก็แย่งกันเข้าตลาด ผู้บริหารต่างก็ไม่สนใจความสมดุลย์ระหว่าง เงินจากคนเล่นหุ้นที่เข้ามา สมดุลย์กับปริมาณหุ้นใหม่ที่เพิ่มทุนรวมกับหุ้นใหม่ของกิจการใหม่ที่เข้ามา เมื่อเงินน้อยกว่าหุ้น ราคาหุ้นก็ลดลงตามกฎธรรมชาติ (อย่างเช่นตอนฟองสบู่แตก เงินถูกถอนออกไปเรื่อยๆ ราคาหุ้นจึงลงติดดินกันเกือบหมด) ความคิดพิศดาร ก้าวหน้าของ คุณ ว.. ก็แนะนำให้ตลาดเพิ่มแรงจูงใจให้บรรดาคนซื่อบื้อทั้งหลาย โดยอ้างการตามอย่างระบบต่างประเทศ นั่นคือการเพิ่มเพดานราคา จาก บวกลบ 10 เปอร์ เป็น 30 เปอร์ นั้นคือเหตุและกฎแรกแห่งการเล่นเชิงพนันเร็วขึ้น เป็กนกแรงจูงใจให้รายใหญ่บ้าง เจ้าของกิจการที่ไม่ใฝ่หาเงินจากทางธุรกิจ มาหาเงินจากระบบตลาดพนันหุ้นแบบไทยๆ พร้อมกันนั้นผู้คุมกฎก็หรี่ตา ไม่มีการตรวจสอบชัดเจน ทุกครั้งจะบอกว่าตรวจสอบแล้วไม่มีการปั่นหุ้น (ใครที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ นั้น ๆ มีใครเชื่อบ้างว่าไม่มีการปั่นหุ้น) แล้วระบบก็ค่อยๆเข้าสู่ระบบการพนันที่ใช้ช่องว่างกฎหมาย ใช่กลวิธีแยบยล ทุกวันนี้การจ้องดูเงินปันผลเป็นข้ออ้างในเชิงหลอกลวงให้เป็นเชิงลงทุน เป็นหน้าตาของระบบตลาด แต่กลการเล่นเป็นเชิงกึ่งพนัน (ถ้าเป็นนักลงทุนต้องซื้อหุ้นเมื่อราคาถูก (อาจเกิดเพียง 1 - 2 ครั้งในรอบปีเท่านั้น) แล้วถือรอรับเงินปันผล ไม่ใช่มาซื้อเมื่อกิจการประกาศเงินปันผล และรอก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย 2 - 3 อาทิตย์ ซึ่งราคาอาจถือได้ว่า ไม่ใช่ราคาน่าลงทุนถือเป็นปี ๆ แล้ว แต่พอก่อนวัน xd ก็ขาย(เพราะมีการปั่นให้สูงก่อน xd) แล้วค่อยมาซื้อหลัง xd หรือไม่เล่นเลย นอกจากระบบตลาดดีขึ้น การเล่นหุ้นเดี๋ยวนี้คือกึ่งพนันกึ่งเสมือนลงทุน หรือเทียบเป็น สไตล์ พนัน ต่อ ลงทุน = 80 ต่อ 20 เท่านั้น เหตุผลเพราะ เงินลงทุนในตลาด น้อยกว่าความต้องการของเงินเพิ่มทุนของกิจการ และน้อยกว่าปริมาณหุ้นทั้งหมดในตลาด วอแร้นท์ก็เป็นทางเลือกในการพนันอีกแบบหนึ่ง ถ้าถามว่าจะทำให้ระบบลดความเสี่ยงลดการเล่นเชิงพนันได้ไหม ตอบว่าได้ แต่อาจเสี่ยงต่อการละทิ้งตลาดของบรรดานักพนันทั้งหลาย เพราะคนเล่นส่วนมากเริ่มเสพติดการเล่นเชิงพนันแล้ว (เงินไม่น้อยสำหรับใช้เล่นเชิงพนัน) ตลาดอาจวาย แต่ทั้งนี้หากมีความมุ่งมั่น ผู้คุมกฎหรือรัฐเองต้องลงมาแก้ แก้ที่กฎเกณท์บางอย่างที่ส่งเสริมให้เล่นเชิงพนัน เช่นราคาวอแร้นท์ ให้ขึ้นลงบวกลบ 5 เปอร์ ราคาหุ้นสามัญ บวกลบ เหลือ 5 หรือ 10 เปอร์ หรือ หลังบริษัทใดประกาศปันผล ก็ sp จนกว่าวัน xd เห็นไหมละ ผู้คนจะทิ้งหุ้นไม่ยอมเล่นหุ้น เพราะกฎกติกาแบบนี้ เล่นไม่มันส์ โดยเฉพาะกิจการในตลาด จะทยอยถอนตัวออกจากตลาด (ซึ่งคือกิจการที่เจ้าของชอบการพนันนั้นเอง) ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำงัยดี ก็เล่น ๆ กันไป พนันกันไป ใครมาว่าเราเป้นนักพนันก็ทะเลาะเถียงว่าเป้นนักลงทุนข้างๆ คู ๆ ไปก่อน การพนันกับการลงทุนมีข้อแตกต่างกัน 2 - 3 ข้อ 1....เวลาถือคลองหุ้น 2....ราคาหุ้นที่ซื้อตามอัตราเสี่งของผลงานในกิจการนั้นๆ 3....รู้จัก คุ้นเคยกับคณะหรือเจ้าของกิจการเพียงใด ตามหลักการร่วมทุนอย่างหนึ่งคือเราจะเอาเงินไปร่วมทุนกับใครต้องรู้สันดารคนนั้น (เมื่อให้เขาบริหารแทน) 4.....กฎเกณท์การร้องสิทธิต้องเป็นธรรมระหว่าง ผู้ร่วมทุนและผู้บริหาร (ทุกวันนี้ คนเล่นหุ้นไม่มีอำนาจอะไรในการร้องสิทธิ เขาจะโยกเงินเราก็ตรวจยาก เขาจะโกงก็ปล่อยเขาโกงไป เราก็แค่ขายหุ้นนั้นทิ้งไป คนอื่นที่ไม่รู้ก็เซ่อถือต่อไปจนเจ้ง อย่าง cirkit เป็นตัวอย่าง ไปดูรายชื่อเจ้าของจะเห็นว่าเชี่ยวชาญในการผันกิจการ เช่น twp จากรีแฮปจะเข้ามาเทรดในกระดานสามัญแล้ว คนเดียวกันหรือเปล่า ตลาดไม่มีแบ็ลค์ลิส ใครจะบอกใครว่าตัวเองเป็นนักลงทุนหรือนักพนันก็ช่าง ผมบอกเพื่อนๆว่าผมเป็นนักเล่นหุ้น เล่น ๆ กับหุ้น ไม่ใช่นักพนัน ไม่ใช่นักลงทุน กลยุทธก็ต้องอาศัย 2 สนามร่วมกัน ต้องมีกฎการพนัน 12 ข้อของคุณก้องเกียต + 5 ข้อของ บ ประตูน้ำ และผสมหลักากรลงทุนของตำราการลงทุนของ อ .อัจฉรา ใครยึดกฎข้างเดียวก็อาจเจ้งง่ายๆ หรือไม่ก็ไม่คุ้มเวลาการลงทุนตามหลักเศรษฐศาสตร์ อ่านเมื่อแล้วซินะ คนพิมพ์ยังเมื่อยเลย 55 55 55 ขอให้โชคดี จากคุณ : อยากเชือก - [ วันฉัตรมงคล 10:56:22 A:202.57.173.182 X: TicketID:000385 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พิมพ์ผิดพิมพถูกไปเยอะ ขี้เกียจแก้ หวังว่าคนอ่านคงเดาคำถูก แต่คิดคำโต้เถียงของเพื่อนผมคนหนึ่งได้ว่า เขาเป็นนักลงทุน 100 เปอร์ เพราะการลงทุนของเขาหวังเงินปันผล (ตอนหลังถึงรู้ว่าจะเอามาเพื่อหักล้างภาษี) แต่ระหว่างรอเงินปันผล หากราคาหุ้นขึ้นมาก เขาก็ขายทิ้งแล้วรอราคาตกลงมาใหม่ค่อยซื้อ แม้จะได้ซื้อคืนหลังหมดสิทะหปันผลก็ตาม อย่างนี้ก็คือการลงทุนกึ่งพนันนะครับ เพราะเขาต้องการปันผลเมื่อเทียบราคาหุ้นที่เขาซื้อ ถือว่าคุ้ม แตระหว่างรอ ราคาหุ้นขึ้น (ราคาขึ้นมากกว่าราคาปันผล ก็คือการปั่น คือการเล่นเชิงพนันนั่นเอง) เมื่อเขาอาศัยยืมมือคนอื่นปั่นราคาหุ้นที่ตนถือ แล้วเขาก็ขายหุ้นนั้นไป เพราะพอใช้ราคาขาย ก็แสเดงว่าเขาไม่ใช่นักลงทุนแล้ว เพราะนักลงทุนต้องถือหุ้นยาวเป็น ปี ๆ บางที่ 10 ปีด้วยซ้ำ การที่ซื้อ ๆ ขาย ๆตามภาวะราคาตลาด ไม่ใช่นักลงทุนนะครับ แม้แต่บรรดากองทุนทั้งหลายก็คือนักพนันระยะปานกลางทั้งสิ้น นักลงทุนจริงๆ เป็นนักลงระดับโลกทั้งนั้น เพราะเขาใช้กลวิธีถือครองหุ้นราคาถูกจนต้องถือยาว สุดท้ายเขาก็กำไรแล้วมูลค่าก็เพิ่มจนไม่จำเป้นต้องขายหมดพรอท ซึ่งต้องเป็นพวกอินไซค์เดอร์มาก่อน เมืองไทยก็มีหลายคน ดังนั้นอย่างเราๆ ท่านๆ ผมมิกล้าฟันธงว่าเป็นนักลงทุน 100 เปอร์ ก็แค่ นักลงทุน งู ๆ ปลา ๆ อย่าโกธรผมนะ หาที่สงบคิดอย่างเป็นธรรม ไม่เข้าข้างตนเอง ก็จะรู้ว่าเป้นแค่กึ่งนักลงทุนเท่านั้น และอย่าเสียกำลังในการเป็นเช่นนั้น เพราะ ท่านก็เป็นพระเอกในวงการหุ้นอยู่แล้ว "" นักกึ่งนักลงทุน "" ฟังแล้วแปลกๆ ขอให้โชคดี จากคุณ : อยากเชือก - [ วันฉัตรมงคล 11:15:58 A:202.57.173.182 X: TicketID:000385 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โหวตให้คุณอยากเชือกครับ จากคุณ : รากไม้มะค่า - [ วันฉัตรมงคล 11:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอตอบว่าใช่ 75% ไม่ใช่ 25% จากคุณ : redvdox - [ วันฉัตรมงคล 12:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านพี่อยากเชือกแล้วมันส์ดี นักกึ่งลงทุน ชื่อฟังดูแปลกแต่จริง ผมเองเป็นนักพนันแน่นอน ยังไม่มีหุ้นปันผลไหนที่ผมถือได้ยาว ๆ เสียทีเป็นต้องกระเด็นออกไปก่อน จากคุณ : ขุนอิน - [ วันฉัตรมงคล 12:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณคุณอยากเชือก  ชอบตรงที่เฮียเคยบอกว่า --- - จงเล่นหุ้นด้วยเทคนิคแบบใหม่ๆ ตามหลักคิดใหม่ๆ อะไรที่กำไรจงเก็บเกี่ยว เมื่อมันไม่ได้ผิดกฎหมาย และไม่ใช่หน้าที่ที่เราต้องประชดไม่ซื้อไม่เล่นเพื่อรักษาความเป็นธรรมให้สังคม นั่นมันหน้าที่ กลต ตลท ที่เข้ายังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์สักที 55 55 55 - ล้างสมองตนเอง คิดใหม่ลงมือใหม่เถิด หน้าที่ของเราคือทำกำไรตามกติกาที่ตลาดให้มา ใช้ให้เป็น ลงมือให้ถูกแล้วเอากำไรที่นับวันจะหายากขึ้นทุกที ---- เฮียปลาไม่มีอะไรทำเหรอ ไปนวดซิครับ น่าจะเปิด เหอ เหอ เหอ จากคุณ : อึ้งกิมกี่ (g2001) - [ วันฉัตรมงคล 12:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มันเป็นจิตวิทยาธรรมชาติ คนไหนโพสทอะไร ก็มักหมั่นมาตรวจสอบ เพื่อดูว่ามีความเห็นอะไร ใครมาติมาชม กระทู้ผมคนชมเยอะ(ยกหาง) คนติก็มีแต่เห็นดันไปติที่เวปอื่นเมื่อหลายเดือนก่อนโน้น แปลกดี กลับมาอ่าน คห 12 คุณ อึ้งกิมกี่ (g2001) ตอนที่คุณลอกมาว่า ---- เฮียปลาไม่มีอะไรทำเหรอ ไปนวดซิครับ น่าจะเปิด เหอ เหอ เหอ เอ รู้สึกว่าไม่ใช่ของผมนา คงลอกมาผิด เดี๋ยวเฮียปลาจะสะดุ้งเป็นผมไป ตะโกนบอกนะว่า ผมไม่เกี่ยวกับประโยคนี้ ทราบแล้วเปลี่ยน คนแก่สะเทือน 55 55 55 จากคุณ : อยากเชือก - [ วันฉัตรมงคล 13:34:14 A:202.57.173.182 X: TicketID:000385 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คิดอะไรได้ก็โพสท ใครจะเป็นนักลงทุนหรือนักพนัน หรือนักกึ่งลงทุน ก็ช่างเถิด เชื่อว่า กลต ก็รู้ ตลท ก็รู้ ตัวคนที่ซื้อหุ้นก็รู้อยู่เต็มหัวอก แต่ที่สำคัญคือ อย่ามาโทษกันเมื่อขาดทุน เมื่อตลาดไม่ดี เมื่อตลาดดี ว่าเพราะกลุ่มโน้นอยู่ตลาดหุ้นจึงตก กลุ่มนี้มันแย่เอาแต่พนันหุ้นจึงไม่ขึ้น ขอตอบว่าคนที่พูดนั่นแหละไม่ดี ไม่รู้สัจจะของตลาด ถ้าตลาดไม่มีกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ ตลาดหุ้นก็ไม่เป็นตลาด หรืออาจขาดสภาพคล่อง หรือราคาหุ้นก็ขึ้นปีละ 20 สตางค์ เหมือนเมื่อ 20 กว่าปีก่อน หรือตลาดก็แทบวายเหมือนเมื่อฟองสบู่แตก วันหนึ่งๆ ซื้อขายเพียง ไม่กี่ร้อยล้าน อย่างงั้นคือดีหรือไม่ คนที่เป็นนักลงทุนแบบชาวบ้านทั่วไป จะซื้อหุ้นถูกกว่าคนซื้อขายทุกวัน และเมื่อเขาเป็นนักลงทุน เขาจะจ้องราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐาน เขาคงรู้จักเจ้าของดี เขาจึงควรซื้อหุ้นนั้นๆด้วยจำนวนมากมายเกือบเต็มพรอท (นั่นคือนักลงทุน) เพราะเขาต้องมั่นใจ และราคาที่ซื้อนั้นจะลงต่อคงไม่เท่าใด แล้วเขาจะขายต่อเมื่อราคาหุ้นเกินปัจจัยแท้จริงไปมากๆ และสูงในเวลานานๆ จนตัวนักลงทุนเห็นว่ากิจการนั้นไม่น่าจะมีค่าเกินราคาที่สูงเท่านั้นได้ จึงขายออกให้หมด ไม่ใช่ขายทะยอย ขายประปิดกระปอย เหมือนไม่มั่นใจหรือใจยังอยากพนันราคาต่ออีก เพื่อราคาสูงอีก ฯลฯ การขายออกของนักลงทุนเขาจะซื้อครั้งหนึ่งๆแทบหมดกระเป๋าที่จะลงทุน และขายครั้งหนึ่งๆ เอากำไรไปซื้อบ้านซื้อรถเบนซ์ ซื้อห้องแถวได้ 3 คูหา ไม่ใช่ขายได้กำไร ไม่กี่หมื่นแล้วก็ดีใจว่าเป็นนักลงทุน ทั้งที่ตนเองใช้จ่ายเดือนละหลายหมื่น โปรดอย่าสำคัญตนผิด และตีความนักลงทุนแท้จริงผิด อายเขา เมื่อ 20 ปีก่อนผมยอมรับว่าเป็นนักลงทุน แต่หลังจาก tpipl tatl tyong bland และหุ้นเงินทุนเริ่มเข้าตลาดมากขึ้น ผมจึงรู้ว่า ตลาดหุ้นเรากำลัง เปี่ยนไป๋ ใกล้บ่อนทุกที จนกระทั่ง คนชื่อวิ....คิดฆ่าตัวตาย และคุณเสรีมาเป็น ผจก ก็ยิ่งมั่นใจว่าระบบเรากลายเป็นบ่อนเสียแล้ว ผู้บริหารไม่กล้าตัดสินแก้ไขกฎระบบ ตลาดอยู่ภายใต้การเมือง ถ้าเช่นนั้นการลงทุนแท้จริงต้องเปลี่ยนวิธีการ ต้องรู้อินไซค์ ต้องเล่นพรรคพวก ต้องโกงเล็กๆ น้อยๆ จึงพอจะถือลงทุนโดยเอาส่วนที่กำไร(ซึ่งคือเงินเรือนทุนคนอื่น) มาถือหุ้นไว้ยาวๆ ยังไงก็ขาดทุนเงินคนอื่น ไม่ใช่เงินเราสักหน่อย จริงมัย 55 55 55 แต่การถือหุ้นด้วยวิธีนั้นก็ผิดหลัการลงทุนตามหลักคิดทางเศรษฐศาสตร์ เมื่อตลาดเราไม่มีเสถียรภาพ ต้องพึ่งเงินนอก ต้องพึ่งเส้นสนกลใน แม้จะถือหุ้นที่ได้จากเงินส่วนที่กำไร แต่ราคามันตกได้ เราก็ขาดทุนกำไรและถ้าดื้อก็กำไรหดหายถูกคนโกงแย่งไปได้ กระนั้นก็อย่าเลย มาเป็นนักเล่นหุ้นดีก่า เวลาตลาดตกมากตกนาน เราก็มีแต่เงินสดๆ มีความสุขใจกว่าเยอะ เวลาตลาดขึ้นเล็กน้อยสั้นๆ น้ำลายเราก็อย่าหกเลอะ เดี๋ยวจะเสียการใหญ่ 55 55 55 เล่าสู่กันฟังแค่นี้ เมื่อยมือจัง ขอให้โชคดี จากคุณ : อยากเชือก - [ วันฉัตรมงคล 14:05:56 A:202.57.173.182 X: TicketID:000385 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณพี่อยากเชือกที่เข้ามาให้ความรู้ความเข้าใจครับ ถ้ารายย่อยมีความรู้ความเข้าใจมากอย่างพี่ และปฎิบัติได้ ผมว่ารอด ไม่ตายในตลาดนี้ ผมไม่คิดว่าตลาดเป็นการพนัน แต่เป็นเรื่องของจิตวิทยา ความรู้ และความไม่รู้ ความเร็วความช้ามากกว่าครับ รู้ในเรื่องใดๆก็ตาม กราฟ ข่าว วงใน กฎเกณฑ์ของรัฐ และก็ขึ้นอยู่กับความเร็ว และความช้าของสิ่งนั้นๆด้วย สุดท้ายก็มาที่ตัวเราตอนที่ตัดสินใจซื้อขายหุ้นครับ ตลาดเป็นเรื่องของ mass psychology กับ Psychology ของรายใหญ่ครับ ใครดีกว่าก็ได้ไป ทุกคนรู้ดีทำไมถึงติดหุ้น ทำไมตอนนั้นถึงไม่ขาย หากทุกครั้งที่เราขาดทุน เราไป review พฤติกรรมการซื้อขาย แล้วค่อยๆแก้ไขเรื่องขาดทุนไป ทุกคนรอดแน่นอนครับ ตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่แปลกมาก เหยื่อล่อของตลาดนี้คือคำว่ากำไร ความโลภ ความหวัง แต่ทุกคนไม่ได้มองหาสิ่งที่ป้องกันตัวเองเลยคือการขาดทุน ผมมีความเชื่อว่าการเล่นหุ้นนั้นเป็นอาชีพได้ หากเรามี riskmanagement ที่ดีเพียงพอ และมีวินัยในการซื้อขาย ซึ่งการพนันทำแบบนั้นไม่ได้ เช่น หากเราเล่น high low เราสามารถเล่นได้กำไรแน่นอนได้ด้วยการเล่นแทงข้างใดข้างหนึ่งไปเรื่อยๆ โดยเพิ่มเงินเป็น 2 เท่าทุกครั้งที่ผิดพลาด ซึ่งหากชนะครั้งใดก็ตามเราก็จะได้กำไรทันทีซึ่งบ่อนไม่ยอมให้ทำแบบนั้นแน่นอน ตลาดหุ้นจึงเป็นเรื่องของความเร็วช้า รู้ไม่รู้ กล้ากลัว มากกว่าการพนันครับ จากคุณ : น้องส้มเด็กดี - [ วันฉัตรมงคล 14:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คนหาเงิน    มุมมองในแง่ดีคือนักลงทุน มองในแง่ร้ายคือนักพนัน  .....      คนฆ่าคน  มุมมองในแง่ดีคือทหาร มองในแง่ร้ายคือโจร   ... การกระทำอย่างเดียวกันแต่วิธีคิดทำให้เกิดความแตกต่าง   จากคุณ : goodboy.ok - [ วันฉัตรมงคล 19:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วันนี้วันหยุด อากาศร้อน ไม่อยากออกไปหาเพื่อนคุย จึงนั่งดูหนังสทอในบ้าน แล้วเปิดเน็ตทิ้งไว้ ดูโน้นดูนี่แล้วก็กลับมาดูความเห็นตัวเองอีกว่าใครสนใจมีความเห็นแตกต่าง ตอนนี้เห็น คห 16 ก็มาคุยกันก่อน คุณ goodboy.ok มุมมองต่างแง่ ความหมายก็ต่างไปนั้น ขอแจมว่า ไม่ใช่ คนหาเงินทั้งประเทศ ไม่มีใครบอกตาแป๊ะขายไอติมว่า เขาเล่นพนัน คุณประชัยแห่ง tpi ไม่มีคนว่าเขาเป้นนักพนัน แต่คนเล่นหุ้นกลับถูกว่าเล่นพนันก็มี ลงทุนก็มี ไม่เหมือนคนซื้อหวย หรือคนเล่นพนันในบ่อน ใครๆก็ว่าเล่นพนัน ทั้งนี้เพราะความชัดเจนแห่งพฤติกรรมผิดกัน พฤติกรรมส่อให้มองเจตนาต่างกัน จึงเข้าใจง่ายขึ้น แต่ความเข้าจะถูกหรือไม่ก็ต้องพิสูจน์ หากกลายเป็นข้อพิพากกัน ทหารฆ่าศัตรู เพราะทำตามคำสั่งหน้าที่และความเห็นพ้องของคนทั้งชาติ เพื่อแย่งหรือเอาทรัพย์กร ทรัพยสินหรือดินแดนคืนมา เอาความชอบธรรมคืนมา แต่โจรมันฆ่าเพื่อเลี้ยงชีพ เพื่อแย่งมาครองด้วยความเห็นชอบเพียงตนเองและพวกพ้องส่วนน้อย ทหารไปปล้นสมบัติของชนต่างชาติชิดดินแดนมา ก็ถือเป็นโจรได้ นักลงทุนคือคนที่เอาเงินของตนเองไปร่วมธุรกิจกับคนอื่นโดยให้คนอื่นบริหารแทน แต่ตัวเองเอาส่วนแบ่งจากกำไร จึงไม่ใช่นักธุรกิจ หรือพ่อค้า ซึ่งใช้เงินตนเองหรือยืมมาเพื่อลงมือทำการค้าด้วยตนเอง บริหารเองแม้จะจ้างคนช่วยบริหาร กำไรก็เป็นของตนเองหรือแบ่งกำไรให้คนที่เขาไว้ใจทำงานให้ (เรียกว่าโบนัส) หรือให้ยืมเงินมาทำทุน(หุ้นส่วนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ทั้งวันแรกเข้า และวันที่เขาประกาศเพิ่มทุน)แล้วแบ่งส่วนกำไรให้ (เรียกว่า ปันผล ซึ่งปันผลถือว่าเงินรางวัลตอบแทนที่ไม่จำต้องรู้บุญคุณ เท่ากับดอกเบี้ย) คนซื้อขายหุ้นในตลาดจึงเป็นอย่างละครึ่งเท่านั้น แค่กึ่งนักลงทุน และกึ่งพนัน เราจึงควรเรียกเป็นนักเก็งกำไร ซึ่งก็ตรงกับพวก สะสมรูปภาพจิตรกรมีชื่อ ซื้อทองเก็บไว้ขาย ซื้อที่ดินไว้ขายเมื่อราคาดี โดยไม่มีวัตถุกระสงค์จะปลูกบ้านจะอยู่อาศัย ดังนั้นความภาคภูมิใจในทรัพย์ก็ต่างจาก พ่อค้า นักธุรกิจที่เป็นเจ้าของกิจการแท้ๆ พวกนี้เขาหวงกิจการมากกว่า แม้คนที่มาเทคโอเวอร์กิจการก็จะรักหวงกิจการน้อยกว่าหัวอกเจ้าของที่ปลุกปั้นกิจการขึ้นมาเองแล้วถูกคนอื่นซื้อไปด้วยความผิดพลาดของตน (ไม่เชื่อไปถามคุณ ประชัยแห่ง tpi ) 55 55 55 การซื้อขายในตลาดหุ้น ยากที่จะบอกว่าร่วมทุน ถ้าพูดว่าร่วมทุนกันได้นั่นแหละคุณจะเป็น นักลงทุนอย่างเต็มภาคภูมิ คุณซื้อแค่ 1 เปอร์ของทุนจดทะเบียน มันไม่พอหรอก ก็แค่คนเก็งกำไรตามสมุดบัญชีของกิจการที่แสดงต่อสาธารณะเท่านั้น แม้คุณจะเป็นญาติห่างๆกับผู้บริหารก็ตาม บ่มิไก๋ จริงๆ ต้องระวังอย่าสำคัญผิดเชียว เพราะเจ้าของกิจการเขามองกลับมาหาเราแบบเยาะนิดๆได้ง่ายๆ ถ้าออกความเห็นขัดแย้งในที่ประชุมใหญ่ ขอให้โชคดี จากคุณ : อยากเชือก - [ วันฉัตรมงคล 19:58:16 A:202.5.83.38 X: TicketID:000385 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โหวตครับ จากคุณ : พ่อ@LLถุง - [ วันฉัตรมงคล 23:05:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าคิดว่าใช่  ก็ใช่ ถ้าคิดว่าไม่ใช่  มันก็ไม่ใช่ เหรียญบาทแค่เหรียญเดียว พอโยนขึ้นไปในอากาศ  มันยังกลายเป็นการพนันได้เลย จากคุณ : endophine - [ 6 พ.ค. 48 08:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ความหมายใน คห 16  เหมือนกับความเห็นของคุณอยากเชือก ทำไม คห 17 ขอแจมว่าไม่ใช่ ...ไม่เข้าใจ   แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 48 17:12:51 จากคุณ : goodboy.ok - [ 6 พ.ค. 48 10:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 21 บ่อนหุ้นได้เสียเป็นเปอร์เซ็นต์ มีสิทธิ์ขายทิ้งในขณะที่กำไรหรือขาดทุนเพียงเล็กน้อยถ้าแนวโน้มไม่เป็นอย่างที่คิด แต่บ่อน วางเงินลงไปแล้วไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจ บ่อนมาตรฐานเปิด 24 ชั่วโมง แต่บ่อนเราวันนี้ปิด จ๋อยซะ ไม่มีอะไรทำ   แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 48 09:00:10 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว  - [ วันฉัตรมงคล 08:59:08 ] เฮียครับผมเคยเห็นบรรยากาศในบ่อนครับ ญาติผมหลายคนนักพนันตัวยงเลยครับ บางคนกว่าจะเลิกเล่น เสียไปสองร้อยกว่าล้าน ได้ไม่ใช่ทำอะสังหาป่านนี้คงยังไม่ฟื้น  เลยทำให้นิสัยนักพนันติดมาในสายเลือดผมพอสมควรครับเฮีย จากคุณ : ก้อนหิน MBA - [ 6 พ.ค. 48 15:11:36 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมว่า เกือบเป็นบ่อน เพียงแต่ว่า "คนทำ" เป็นทั้งคนในบ่อน และ นอกบ่อน ในบ่อน : รายใหญ่ นอกบ่อน : สื่อมวลชน องค์กร เจ้าของ สรุป รายย่อย หากโลภ = ตาย! สถานเดียว จากคุณ : กระเพราหมู - [ 6 พ.ค. 48 19:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 กลับมาดูเห็น คห 20 คุณ goodboy.ok บอกมาว่า คห 16 มีความเห็นตรงกัน แต่ทำไม คห 17 กลับไปแย้ง คห 16 ว่าไม่ใช่ ก็ต้องอธิบายเพิ่มว่า คห 17 เป็นการเสริม คห 16 ของคุณ goodboy.ok ต่อ ว่า เรื่องเดียวกัน หากมองแง่ดี ก็อย่างหนึ่ง มองแง่ร้าย ก็อย่างหนึ่ง นั้นถูกแล้ว ผมเสริมสาระลงไปอีกว่า มองแง่ดีคือมองอย่างไร เติมตัวอย่างเนื้อหาเพิ่มลงไป เพราะเดียว แง่ดีของคนเรายังไม่ตรงกัน เพราะมาตรฐานคนเรามีหลากหลายมากขึ้น ที่ ๆ หนึ่งคนนิยมสูบบุหรี่(ถือว่าไม่ดีไม่ร้าย กลางๆ) แต่ที่บ้านเรา กำลังไม่นิมและกำลังต่อต้านการสูบบุหรี่ แม้แต่ในหนังทีวี เพื่อนต่างชาติ(ญี่ปุ่น) มาบ้านเราถามว่าทำไม ทีวีไทยเซนเซ่อร์ หาว่าเราละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทั้งคนดูทีวีอยากดูสีหน้าคนแสดงตอนนั้นก็ อดดู ฯลฯ ต้องอธิบายให้กว่าเข้าใจก็เหมือนยังไม่ยอมรับเต็มที่ ผมเลยบอกว่า บ้านคุณ(ญี่ปุ่น) มีแต่คนรวยมาก เต็มเมือง เป็นมะเร็งปอด และมะเร็งส่วนอื่นๆ ตายกันสักครึ่งเมือง ก็ไม่เดือดร้อน คนไม่สูบก็เลี้ยงตัวเอง พึ่งตัวเองได้ เพราะยังรวย ๆกันอยู่ แต่เมืองไทยไม่ใช่ เพราะหัวหน้าครอบครัวป่วย เงินรักษาก็หมด คน ญาต คนเบื้องหลังก็หมดปัญญารักษาให้ แถมขาดไป 1 แรงในการช่วยหาเงิน ฐานะก็ลำบากขึ้น คุณภาพของชีวิตก็ตกลง เพราะเราไม่รวยมาก ๆ แบบญี่ปุ่น สาธุ ขอให้คนญี่ปุ่นตายด้วยมะเร็งสักครึ่งเมืองเถิด ตอนนั้นคง เผาฟิมส์ที่มีคนแสดงสูบบุหรี่กระมัง สาธุ คุณ goodboy.ok เข้าใจหรือยังครับ ขอให้โชคดี จากคุณ : อยากเชือก - [ 7 พ.ค. 48 12:12:14 A:202.57.149.90 X: TicketID:000385 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาอ่าน แต่ความเห็นส่วนตัว บ่อนมีกฏเกณฑ์ที่ว่า เจ้ามือต้องได้มากกว่าเสีย แต่ตลาดหุ้น ถือครองหุ้นมิใช่การได้เสียภายใน 1 เกม 1 ตา แต่มันเป็นเรื่องของเวลา คือ 1 วินาที(ต่ำที่สุด) การได้เสียในกรณีของหุ้น คือส่วนต่างของราคาหุ้นและปันผลนั้นเอง จากคุณ : Myth&Miracle - [ 8 พ.ค. 48 00:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาอ่านแบบละเอียด ช่างมันเต๊อะ  จะลงทุน หรือ การพนัน วัตถุประสงค์ คือต้องการผลตอบแทนที่ดี (คือกำไร) จากคุณ : S-sung - [ 8 พ.ค. 48 10:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 26 . แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 48 19:05:48 จากคุณ : คนรู้จักเจ้าของบ่อน (ปลานิลจิ๋ว) - [ 9 พ.ค. 48 13:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมไม่มองว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อนการพนัน ขึ้นอยู่กับคนมากกว่า ว่าทำอะไรอยู่ เล่นการพนัน หรือ ลงทุน หุ้นโดยแท้แล้วมันไม่รู้หรอกว่าใครทำอะไรกับมัน เปรียบเทียบเช่น ขนาดรถแถวบ้านวิ่งผ่าน ยังเล่นพนันทายเลขทะเบียนกัน รถหรือถนนนั้นก็ไม่ใช่บ่อนการพนันเช่นเดียวกับตลาดหุ้น นักพนันหุ้นที่เล่นได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกอยู่ข้างเดียว กับโอกาสที่จะได้มากกว่าเสีย ก็น่าจะถือได้ว่าเป็นนักลงทุน จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 10 พ.ค. 48 20:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ทุกอย่างเป็นพนันได้ ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นการพนัน ผมไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เกี่ยวกับประเด็นนี้ดีกว่า อ่านอย่างเดียว จากคุณ : Muffin - [ 10 พ.ค. 48 22:22:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ... คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น จากคุณ : Mr. Fusion - [ 11 พ.ค. 48 12:34:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ก็มาหาเหตุผล ในที่ๆไม่มีเหตุผล หายากหน่อยแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ จากคุณ : มึนๆ (ตันซ่วนอู๋) - [ 11 พ.ค. 48 20:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าเล่นแบบเดย์เทรด ก็เหมือนกับเล่นพนันค่ะ แต่ถ้าลงทุนระยะยาว ไม่น่าจะใช่ค่ะ จากคุณ : วากายามา - [ 11 พ.ค. 48 22:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมมองว่าโดยพื้นฐานเป็นตลาดลงทุนนะครับ แต่ว่ามีตลาดเก็งกำไรมาครอบอยู่บนตลาดลงทุนอีกที (ตัวใหนสภาพคล่องสูงก็มีตลาดเก็งกำไรครอบอยู่มาก) ซึ่งถ้าใครถามผม ผมคงตอบว่าผมเป็นนักเก็งกำไร(หรือเป็นนักเก็งขาดทุนก็ไม่รู้แฮะ :P) ซึ่งจริงๆ แล้วผมว่าการเก็งกำไรก็มีกันอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเก็งกำไรที่ดิน เก็งกำไรทองคำ หรือแม้แต่การเก็งกำไรดอกทิวลิป เพียงแต่การเก็งกำไรสิ่งอื่นมันไม่ได้เห็นอย่างชัดเจนและรวดเร็วเหมือนที่เกิดในตลาดหุ้นเท่านั้น ผมจึงไม่ได้มองว่าการเก็งกำไรเป็นการพนัน และก็ไม่ได้มองว่าตลาดบ้านเราเป็นบ่อนครับ เพียงแต่การเก็งกำไรกับการพนันจะมีบางสิ่งที่คล้ายๆ กันเท่านั้น ปล. ถูกใจความเห็นพี่อยากเชือกที่สุดครับ จากคุณ : Serenity - [ 12 พ.ค. 48 15:32:47 ]