ความคิดเห็นที่ 1 ความจริงประการต่อไปก็คือ ....หนังสือเรื่องรวยๆ ทั้งหลายนั้นน่าจะเป็นความจริง เขียนจากประสบการณ์ และกระตุ้นให้คนอ่านอยากจะปฎิบัติตาม จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 08:55:43 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีหลายวิธีคิด หลายทฤษฎี หลายวิธีปฏิบัติ สองคนยลตามช่อง ยังเห็นไม่เหมือนกันเลย ไหนจะเรื่องนำมาคิดต่อ หรือเรื่องนำมาปฏิบัติ สำหรับผม ทางใครก็ทางใคร ครับ ผมก็มีวิธีปฏิบัติของผมเอง ไม่ต้องถึงกับชนะตลาด แต่ ก็ไม่เจ๊งและได้กำไรในระยะยาว แค่นี้ก็พอใจแล้ว ถือว่า ไม่โลภเกินความสามารถของเราครับ สัปดาห์หน้า ถ้าสภาพการณ์ยังเป็นอย่างนี้ ผมยังมองลง อยู่นะ ( http://www.geocities.com/muegaohudkub ) ทั้งที่มีหุ้นเยอะแยะอยู่ในพอร์ต แต่ยังมีหุ้นดีๆ อยู่ ไม่น้อย เลือกๆ ดูนะครับ บางตัว เข้าซื้อได้ (ตั้งนานแล้ว) ก็มี อาจจะไม่หวือหวานัก แต่ปลอดภัย (กว่าหุ้นอื่นๆ) จากคุณ : มือเก่าหัดขับ - [ 29 พ.ค. 48 09:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 trading model จากคุณ : guyver - [ 29 พ.ค. 48 09:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความจริงและไม่จริงก็คือ .........QTE DSM (10) – Warren Buffett ลงทุนวิธี DSM ด้วยหรือไหม “My favorite time frame for holding a stock is forever” หมายถึง“เวลาที่ผมชอบที่สุดคือเวลาที่ผมได้ถือหุ้นไว้ตลอดไป” คำประโยคนี้คือหัวใจที่ทำให้ Warren Buffett ทำกำไรจากหุ้นได้มากที่สุด นั่นคือ Warren Buffett คิดและลงทุนในแนวทางของคนรีดนมวัว และจะเลือกหุ้นที่มีอนาคตดี ชนิดที่เรียกว่า ต่อให้เขาตายไปแล้วบริษัทนั้นก็ยังคงอยู่ต่อไป เช่น โค้ก ยิลเล๊ต และกอดหุ้นเหล่านั้นไว้ตลอดไป จะใช้ DSM ให้ประสบความสำเร็จ ต้องลืมเรื่องเวลา คนที่มีหุ้นติดดอย(ติดหุ้นราคาสูง ไม่ใช่ไปนั่งเทรดหุ้นบนดอยสุเทพ)อยู่ ลองถามตัวเองสักนิดว่า กังวลใจเพราะอะไร เพราะราคาหรือเวลา ถ้าซื้อหุ้นแล้วรีบร้อนอยากขาย ขายถูกขายแพงก็เป็นทุกข์ ดังนั้นถ้าตั้งใจจะลงทุนตามแนวทาง DSM แล้วห้ามเลิกกลางคันเป็นอันขาด และต้องลงทุนตลอดชีวิตหรือว่าลงทุนระยะยาว ๆ มาก ต้องเลือกหุ้นที่อยู่กับเราไปจนวันตายเมื่อดังที่ Warren Buffett ทำได้ทำการเลือกหุ้นเป็นต้น DSM (11) – ระบบการซื้อ - ขายหุ้น DSM ระบบการซื้อ - ขาย ที่ดี คือส่วนสำคัญของ DSM เมื่อกระโจนเข้าสู่สมรภูมิหุ้น บ่อยครั้งที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้บ่อยๆ หลายๆ ครั้งที่เรามักไม่กล้าขายหุ้นเมื่อหุ้นลง จนหุ้นลงมาก ก็ยิ่งตัดใจขายลำบากยิ่งขึ้น วิธี DSM ช่วยสร้างระบบป้องกันตัวไว้อย่างแยบยล การตัดขายเพียง 10% นอกจากจะช่วยสร้างกระแสเงินสดแฝงแล้ว ยังเป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่เราถือไว้อีกด้วย อย่าลังเล เมื่อถึงเวลาที่ต้องขาย ง่ายๆ แค่นี้จริงๆ .......... UNQTE Warren Buffet สะสมหุ้นจริง แต่ไม่ได้ตัดขายแบบ 10% ของคุณเด่นศรี การขายหุ้นออก10 % .....ไม่ได้เป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่ถือไว้แต่ประการใด แต่อาจจะ.....เน้น....อาจจะ ช่วย ประกันความเสี่ยงหุ้น 10% ที่คุณ short ลงมา แต่ถ้าคุณคิดผิด หุ้นไม่ลงกลับ ตีขึ้นไปอีก คุณก็เสียอีกแล้ว.....เรียกว่าซวยไป 20 %แล้ว จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 09:21:19 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การขายแบบ Short Against Port นี้ก็เป็น Trading model แบบหนึ่งในหลายๆแบบที่คุณ Guyver เรียก ข้อสำคัญก็คือ Broker ชอบวิธีการนี้ เพราะว่าจะทำให้ลูกค้าทำการซื้อๆขายๆ บ่อย จึงนำมาให้...หมูสยามเล่น broker จะได้ค่าคอมตลอดเวลา ลูกค้ายิ่งเล่น ยิ่งติดหุ้นตัวนั้นตัวนี้ จากน้อยตัวเป็น หลายสิบตัว ยิ่งเล่น ยิ่งถอนตัวลำบาก จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 09:34:15 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ป๋าวอร์เรนน่ะ คิดง่ายกว่าเราๆ เยอะครับ คือถ้าหุ้นของบริษัทนั้น ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (NPV) ใน ปัจจุบันนี้มาก (คิดผลจากอนาคตแล้ว) ป๋าก็จะเข้าซื้อแล้ว กอดไว้เลย เว้นแต่ว่า ได้คิดคำนวณอะไรผิดพลาดไปเท่านั้น และป๋า คงไม่ยอมขายขาดทุนเพียงแค่เพราะราคาหุ้นนั้น มัน "ขยับตัวต่ำลง" กระมัง สำหรับผู้ที่ไม่เก่งธุรกิจ ดูธุรกิจและอนาคตไม่ออก ก็อาจ ใช้วิธีต่างๆ นาๆ ในการเทรด ก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเหมือน กันครับ เพราะ "ทางใครก็ทางใคร" ในเรื่องแบบนี้.... จากคุณ : มือเก่าหัดขับ - [ 29 พ.ค. 48 09:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผู้ตั้งทฤษฎีนี้ ใช้เวลา เป็น.....Indefinite นั่นก็คือ ไม่มีสิ้นสุด โดยให้ความหวังว่าเมื่อหุ้นลง แล้วก็จะขึ้น อาจมีช่วงนึงที่คุณตัดสินใจถูก ก็ได้เงิน ใน time frame อันนี้ ถ้าใช้หลักสถิติแล้ว การตัดสินใจของคนๆหนึ่งในตลาดหุ้น อาจจะถูกก็ได้ ผิดก็ได้ แบบเล่นปั่นแปะ 50-50 แต่อย่าลืมว่า การซื้อๆขายๆ แต่ละครั้ง ผู้เล่นเสีบเปรียบเสมอ เพราะว่าถูกชักค่า commission ไปแล้ว ยิ่งเล่นมาก ก็เสียค่า คอมมาก กระทู้นี้ อาจเป็นที่ไม่พอใจ กับ Broker ทั้งหลาย แต่เป็นความจริง ที่ผมอยากจะบอกให้สังคมชาวหุ้นรู้ เพราะว่าเป็นความจริง ที่ broker ในตลาด Forex และใน Commodities ทั่วโลกใช้มานานแล้ว จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 09:51:10 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณมือเก่าหัดขับบอกว่า............ สำหรับผู้ที่ไม่เก่งธุรกิจ ดูธุรกิจและอนาคตไม่ออก ก็อาจ ใช้วิธีต่างๆ นาๆ ในการเทรด ก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเหมือน กันครับ เพราะ "ทางใครก็ทางใคร" ในเรื่องแบบนี้.... ก็เป็นความจริงครับ ผมเห็นด้วย 100% จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 09:57:10 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะวิพากษ์ DSM ชิญที่คลับ DSM ดีกว่าครับ ที่นั่นมีคนพร้อมจะตอบทุกข้อสงสัย ขอตอบให้ก่อนในฐานะคนที่สนใจ DSM วิธีการของป๋า Warren Buffett กับของคุณเด่นศรี โดยแนวทางคล้ายกัน แต่คุณเด่นศรีเสนอวิธีการที่ถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า มีโอกาสทำได้ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีเงินแค่ไหน วิธีการนี้อาจจะทำให้มาร์ชอบเพราะมีการซื้อขายบ่อยได้ค่าคอมเยอะ แต่จะเป็นไรไปล่ะในเมื่อคุณก็ได้ตัง มาร์ก็ได้ตัง จากคุณ : Livestock - [ 29 พ.ค. 48 09:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอแก้ไขคห.ที่ 4 จาก..... เรียกว่าซวยไป 20 %แล้ว .....เป็นซวยไป 2 หนแล้ว จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 10:00:48 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขายแล้วหุ้นขึ้น.... อ่านเยอะๆครับ อ่านแล้วก็อ่านอีก อ่านซ้ำๆซัก 5-6 รอบ ^^ จากคุณ : มือใหม่DSM - [ 29 พ.ค. 48 10:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขออนุญาตแสดงความคิดเห็น ชอบคำพูดของคุณมือเก่าหัดขับที่ว่า ทางใครก็ทางใคร ชอบคำพูดคุณ Livestock ที่ว่าจะเป็นไร ถ้านักลงทุนก็ได้ตังค์ มาร์ก็ได้ตังค์ Appreciate คุณเด่นศรีที่สละเวลามาเผยแพร่ ความคิด รวมทั้งคุณ italy คุณ Coyote คุณนินจา คุณซ้อสี่ คุณทรงกฤษฏ์ และอีกหลายๆท่าน ที่ช่วยกันสร้างชุมชนแห่งปัญญาในคลับ อิสรภาพทางการเงิน เปรียบเสมือนบ้านในรั้วเดียวกันของโต๊ะสินธร ที่อบอุ่นและจริงใจ แม้ว่าปัจุบันดิฉันไม่มีเวลาพอจะจัดทำบัญชี และเล่นตามแนว DSM แต่คิดว่าวันหนึ่งถ้ามีโอกาสก็จะผสมผสาน ระหว่างFundamental Analysis กับ DSM เพราะการลงทุนในหุ้น ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนที่วัด ในรูปตัวเงิน แต่สิ่งสำคัญคือ EQ ต้องดีด้วย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Gain - [ 29 พ.ค. 48 10:19:25 A:unknown X:202.12.74.6 TicketID:051026 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ Livestock บอกว่า............. วิธีการของป๋า Warren Buffett กับของคุณเด่นศรี โดยแนวทางคล้ายกัน แต่คุณเด่นศรีเสนอวิธีการที่ถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า....... อันนี้ไม่แน่ใจครับ เรื่องการ Trading แบบซื้อๆขายๆว่า Warren มีแนวทางคล้ายกับของคุณเด่นศรี และของคุณ เด่นศรี ถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า .....หมายความว่าคุณเด่นศรี จะรวยเร็วกว่า ป๋านะหรือครับ และอีกประโยคนึงที่ไม่ค่อยแน่ใจคือ......แต่จะเป็นไรไปล่ะในเมื่อคุณก็ได้ตัง มาร์ก็ได้ตัง ถามว่าเมื่อคุณเสียตังค์ มาร์ก็ได้ตังค์ ....จะเป็นไรไหมครับ ********นี่คือที่มาของกระทู้นี้ครับ ต้องขออภัยที่อาจทำให้หลายท่านไม่สบายใจ ผมเพียงแต่จะบอกว่า.............หนังสือรวยๆทั้งหลาย ที่ยกมากล่าวอ้างกัน และ ป๋า Warren ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการ trade แบบนี้นะครับ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 10:33:26 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความไม่จริงอีกประการก็คือ ที่เขียนไว้ว่า............... สิ่งที่คุณจะได้จาก DSM และไปสู่อิสรภาพทางการเงิน 1. ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่คุณชอบ 2. สามารถหารายได้จากหุ้นคือกระแสเงินสดแฝงจากหุ้นได้ทุกวัน........... การมีหุ้นเพียง .01 หรือ 1% ไม่น่าเรียกว่าเป็นเจ้าของบริษัท การเป็นเจ้าของบริษัทน่าจะมีมากกว่า 50% นะครับ ดังนั้นการมีหุ้นนิดหน่อยน่าจะเรียก...... ผู้ถือหุ้น เท่านั้นเอง อยากจะถามท่าน DSM ที่เข้ามาตอบว่า คุณมีรายได้จากกระแสเงินสดแฝงทุกวัน.....จริงๆหรือครับ ( หรือเพียงเป็นคำกล ที่ เพียงหลอกเอาไว้ เฉยๆ ) อ้อ อีกประการหนึ่งที่ผมโพสต์ในนี้ ก็เนื่องจากมีผู้มาชวนเชิญให้อ่านเรื่อง DSM ในกระทู้ข้างล่าง ผมถึงตามไปจึงได้รู้ว่า มีเรื่องนี้ขึ้นมา จึงได้โพสต์ในที่นี้เผื่อว่าผู้ยังไม่ได้ เข้าไป Trade แบบ DSM จะได้เห็นแนวทางบ้าง ไม่หลงระเริงกับความสำเร็จ ของคนรวยๆทั้งหลายที่เขียนหนังสือ และป๋า Warren จนลืมประโยคทองที่ผู้รวบรวมได้เขียนไว้ว่า.... ............................................... การตัดสินใจลงทุนด้วยวิธี DSM ถ้าหากเลิกกลางคัน จะเกิดความเสียหายมาก ถ้าเลิกก่อนเวลาอย่างน้อย 2 ปี !!! จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 11:08:48 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 15 "และคุณเด่นศรีได้.....เผลอประกาศิตบอกความลับซึ่งเป็นความจริงของสวรรค์นี้ออกมาเสียแล้วว่า.......ผู้เข้ามาใช้วิธีนี้ใหม่ๆ ....มักจะตายเสมอ ( ภายในสองปี......555 )" เออ....ผมว่าคุณผมเองครับ คงตีความหมายคลาดเคลื่อนไปนะครับ เท่าที่ผมได้ศึกษาดูนี่ ผมตีความได้ว่า ผู้ที่จะไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้จากการนำ แนวคิดไปใช้ นั้น หนึ่งในหลาย ๆ ข้อก็คือ ล้มเลิกกลางคัน ซึ่งในที่นี้ถ้าผมจำไม่ผิดนี่ คุณเด่นศรีให้ระยะเวลาในการเห็นผลไว้ที่ 3 ปีนะครับ "คือผู้รวบรวมไม่ขอรับผิดชอบเสียหายจากการลงทุนของทุก ๆ ที่เกิดจากบทความนี้" จากประโยคข้างต้น ผมก็คงต้องบอกว่า ไม่แปลกหรอกครับที่ท่านผู้รวบรวม จะบอกไว้ตามนั้น ทั้งนี้ก็เนื่องจาก นับแต่วันนี้คุณเด่นศรี นำ แนวคิด นี้มาเผยแพร่นั้น ระยะเวลาเพิ่งจะล่วงผ่านมาประมาณ 1 ปีได้ ดังนั้นนอกจากคุณเด่นศรีแล้ว ผมว่าคงมีอีกไม่เกิน 3-5 ท่านที่ได้นำ แนวคิด นี้ไปใช้ แล้วสามารถบอกได้ว่าประสบผลสำเร็จได้ เพราะระยะเวลายังไม่ถึง 3 ปี ตามที่คุณเด่นศรีได้บอกไว้ ฉะนั้นคนที่จะสามารถรับรองตรงนี้ ได้ ณ. เวลานี้ก็น่าจะมีเพียงแค่คุณเด่นศรีเท่านั้น ซึ่งก็อีก ผมว่าการรับรองนี้ คุณเด่นศรีสามารถรับรองได้อยู่แล้ว แต่ว่าคนที่ต้องการให้คุณเด่นศรีรับรองให้นี่ ก็ต้องปฏิบัติตามที่คุณเด่นศรีแนะนำตลอดระยะเวลา 3 ปีนี้ ซึ่งผมว่าคุณเด่นศรีก็คงไม่ต้องการเสียเวลาที่จะต้องมาบอกทุก ๆ วันว่าจะให้ทำอะไรเมื่อไร อย่างไร เอาเป็นว่าผมอยากให้คุณผมเองครับ อดทนรออีกสัก 2 ปีไหวมั๊ยครับ แล้วมาตั้งกระทู้ถามคนที่นำ แนวคิดนี้ ไปใช้ว่าเค้าประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวอย่างไร แต่ทั้งนี้ผมอยากให้ท่านถามเฉพาะท่านที่เข้าใจในแนวคิด นี้อย่างแท้จริง และได้นำไปใช้ เช่น คุณ coyote, vpravat, minibar (นี่แค่ยกตัวอย่างนะครับ ไม่ได้หมายความว่าจะมีแค่สามท่านเท่านี้) นะครับ ทั้งนี้เพราะสิ่งที่คุณเด่นศรีเผยแพร่นั้น เป็นแนวคิด ส่วนวิธีการที่แนะนำนั้นเป็นเพียง guide line สำหรับท่านที่ยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไง ส่วนท่านที่สามารถนึกออก เริ่มต้นได้แล้ว วิธีการย่อมเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เหมาะสมกับตนเอง จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 11:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเองก็ยังอ่านไม่หมดนะครับ เดี๋ยวไปศีกษาก่อน แต่ผมก็เป็นคนนึงที่ เป็นมาร์เก็ตติ้งอยู่ ความจริงการที่คุณบอกว่าหากมีการซื้อๆขายๆ ยิ่งมากแน่นอนครับ ว่ามาร์เก็ตติ้งย่อมชอบเป็นธรรมดา เพราะเขาได้ค่าคอม แต่ อย่าลืมนะครับ ว่ามาร์ ที่ได้ค่าคอมหาก ลูกค้าของเราขาดทุน มาร์ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ผมว่ามันเหมือนน้ำเพิ่งเรือเสือเพิ่งป่ามากกว่า การทำ Short Against Port  ทำให้มาร์ ได้ค่าคอมก็จริงนะครับ แต่ สาเหตุที่มาร์ส่วนใหญ่แนะนำให้ทำ คงเป็นเพราะว่า หุ้นตัวนั้นๆมีแนวโน้ม ว่าราคาจะลง ( มาร์คงมั่นใจ ว่ามันจะลงจริง ๆ ) ถึงแนะนำให้ขายหุ้นแล้วค่อยซื้อกลับ เพราะถ้าหุ้นมันลงจริง แค่ 2 ช่องแล้วซื้อกลับ อย่างน้อยพอหักค่าคอมฯก็ได้กำไรได้เหมือนกันนะครับ ผมเองยังคิดว่าการทำ Short Against Port  ก็เป็นการทำกำไรให้ลูกค้าได้แบบหนึ่ง ( เป็นการ ลดต้นทุนของลุกค้าไปในตัว ) สำหรับผม ผมคิดว่าการลงทุนแบบ วอแรนตฺฯ อยู่บนพื้นฐานของ คำที่ว่า เราไม่รู้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะลงเมื่อไหร่ แต่เรารู้ว่า เจ้าของกิจการ ในหุ้นตัวนั้นๆ ดีจริงหรือไม่ แล้วค่อย ซื้อหุ้นตัวนั้นๆ ซึ่งมันก็เป็นความจริง ส่วนการลงทุนแบบ  Trading ก็ คงอยู่ภายใต้ความคิดที่ว่าราคาหุ้นไม่ได้อยู่นิ่ง หรือขึ้นลงตาม กำไรของบริษัทอย่างเดียว แต่มันขึ้นลงตลอดเวลา และตลอดไป หากเราสามารถ ซื้อหุ้นเมื่อราคาตก แล้วขายหุ้นเมื่อราคาขึ้น แล้วซื้อใหม่ ด้วยความคิดที่ว่า ราคาหุ้นมันขึ้น ก็ต้องมีวันที่ราคามันลง และราคามันตกก็ต้องมีวันขึ้นเหมือนกัน ส่วนตัวคิดว่าถ้าเรานำทั้งสองทางเข้ามาผสมผสานกันก็อาจได้แนวทางในการลงทุนที่ดีที่สุดตามสไตล์ของเราได้ เห็นด้วยกับ ทางใครก็ทางใคร คับ เพราะไม่มีอะไร ที่จะเหมาะกับ ทุกคน มันอยู่ทีว่าเราได้เลือกในสิ่งที่เหมาะกับตัวเราแล้วหรือยัง ปล. อยากแลกเปลี่ยนความคิด จากคุณ : tonkim85@yahoo.com (tonkim85) - [ 29 พ.ค. 48 11:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 "การขายหุ้นออก10 % .....ไม่ได้เป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่ถือไว้แต่ประการใด" ผมจะขอลองอธิบายเรื่องมุมมองของการประกันความเสียงตรงนี้นะครับ แต่จะผิดถูกอย่างไร คงต้องให้ ท่าน DSM พันธุ์แท้ ที่เข้าใจ แนวคิด อย่างถ่องแท้แล้วมาอธิบายอีกทีครับ ในความคิดผมนี่ ผมมองอย่างนี้ครับ 1. เมื่อซื้อหุ้น ทุกคนหวังจะให้หุ้นขึ้นต่อไปทั้งนั้นถูกต้องนะครับ 2. เมื่อซื้อหุ้นแล้ว หุ้นมันไม่ขึ้น แต่ดันถอยลงนี่ ผมก็ต้องถามตัวเองต่อไปว่า ผมจะรู้ได้ไงว่า ตกลงนี่มันไม่ขึ้นหมดรอบแล้ว หรือมันแค่ ถอยมารับคนตกรถกันแน่ 3. เมื่อผมไม่สามารถตอบคำถามข้อ 2 ได้ ผมก็เลือกที่จะประกันความไม่รู้ของผม ด้วยการขายหุ้นตัวนั้นออกไปสัก 10% (อันนี้สมมติตามตัวอย่างที่คุณผมเองครับยกมานะครับ) 4. ทีนี้ถ้าเจ้าหุ้นนั้น มันดันเลือกแค่ถอยมารับคนที่ตกรถแล้วขึ้นต่อนี่ ผมก็จะมีหุ้นอีก 90% ไว้ขายต่อไปใช่มั๊ยครับ แบบนี้เรียกว่าประกันความเสี่ยงหรือเปล่าครับ 5. ถ้าข้อ 4 ไม่เกิดนี่ ก็หมายความว่ามันลงต่ออีกใช่มั๊ยครับ ที่นี้ไอ้ที่ผมขายไป 10% ก่อนแล้วนี่ ผมก็ได้ใช้ประโยชน์แล้วถูกมั๊ยครับ (นี่ดูเฉพาะแค่จุดตรงนี้จุดเดียวนะครับ) ส่วนที่คุณผมเองครับบอกว่าซวยไป 2 หนนั้น ถ้าสำหรับผม ผมคิดว่า ผมยอมที่ได้กำไรน้อยลง ส่วนหนึ่ง ดีกว่าที่ผมอาจจะสูญเสียโอกาสที่จะได้เงินต้นคืนกลับมาบ้างนะครับ (นี่พูดในแง่ของการมองแบบกำไรขาดทุนนะครับ ซึ่งเท่าที่ผมศึกษาแนวคิด นี้มานี่ เรื่องการมองกำไรขาดทุนนี่ ไม่ใช่ประเด็นแรก หรือประเด็นหลักที่สนใจกัน) จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 11:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอขยายความคุณทอม (เดาว่าอยู่กิมเอ็ง ?) นิดหนึ่งครับ ป๋าวอร์เรน แกเพียงแต่ซื้อของถูก หากแกมั่นใจว่าของสิ่ง นั้นน่าจะมี "ค่า" มากกว่าที่ซื้อๆ ขายๆ กันอยู่ หุ้นนั้นจะไม่ ขึ้น แกคงไม่สนใจ เพียงแต่ว่าซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เข้ามาอีก เพราะมีโอกาสซื้อ ก็ซื้อๆ เข้ามา ถ้าหุ้นนั้นลง ทั้งที่พื้นฐาน ไม่ได้เปลี่ยนไป (ตลาดนั่นแหละ อารมณ์ไม่ดี) แกก็คง "ฉวย" โอกาสซื้อเข้ามาอีก ถือไว้กี่ปีๆ หุ้นไม่ขึ้นแกคงไม่ ว่าอะไรหรอก เหมือนคนซื้อทอง คงไม่ขายเพราะทองคำ ราคาลดต่ำลงง่ายๆ นัก เพราะรู้ว่า อย่างไรเสีย ต่อไปมัน ต้องขึ้น(ค่อนข้าง)แน่นอน ส่วนวิธีการเทรดดิ้ง เป็นการ "ฉวยโอกาส" จากราคาที่ เปลี่ยนไป ซึ่ง ถ้าทำได้ถูกต้อง (ผมก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไร เหมือนกัน) และบ่อยๆ ก็รวยได้เช่นกัน และในความเห็น ส่วนตัว ผมว่าน่าจะรวยกว่าป๋าเสียอีก เพราะหุ้นที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ทุกวันนี้ มันเปลี่ยนไปปีละเป็นร้อยๆ เปอร์เซ็นต์ อย่างที่ว่าครับ ทางใครก็ทางใคร ไม่มีผิดหรือถูกหรอก ถ้าใช้ให้ถูกวิธี ก็มีโอกาสทำเงินได้ทั้งสิ้น เราควรเคารพใน ความคิดของคนอื่นน่ะครับ ดังนั้น พอเราพูดเรื่องควรซื้อ หรือควรขาย ก็น่าจะแถมด้วยว่าเหตุผลคืออะไร เป็นเรื่อง ของเทคนิคการเปลี่ยนราคาของหุ้นนั้นๆ + อารมณ์ตลาด หรือว่าเป็นเรื่องของมูลค่าพื้นฐานของธุรกิจนั้นนๆ ด้วย ซึ่งหลังๆ มานี้ เพื่อนๆ หลายๆ ท่านก็ให้เหตุผลเหล่านี้ ประกอบไว้ด้วยเสมอ อ่านแล้วล้วนได้ประโยชน์ทั้งสิ้นครับ (ผมไม่เก่งเทคนิค ดูได้ แต่ดูไม่เป็น ดังนั้นจึงได้แต่อ่าน) จากคุณ : มือเก่าหัดขับ - [ 29 พ.ค. 48 11:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบเจ้าของกระทู้ ถ้ามองกันแค่ตัวเงินอย่างเดียวโดยอาศัยวิธีการของ DSM มีโอกาสขาดทุนอย่างเดียวถ้าหุ้นตัวนั้นเจ๊งออกจากตลาดไป ผมเคยคำนวณให้ดูในทุกๆแนวทางที่จะเกิดเป็นตัวเงินให้เห็นตั้งแต่คุณเด่นศรีเสนอทฤฤษฎีใหม่ๆ ลองไปอ่านดูครับ http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/I2951519/I2951519.html ถ้าอ่านในกระทู้ให้ละเอียดคุณเด่นศรียังแนะนำด้วยซ้ำว่าผมยังเข้าใจ DSM ไม่ดีพอ ก่อนจะวิพากษ์มากกว่านี้แนะนำให้ทำตามความเห็นของคุณมือใหม่DSM คห 11 ออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ได้เป็นตัวแทนของ DSM เพียงแต่เห็นว่ายังเป็นแนวทางที่ดี ที่ควรศึกษา จากคุณ : Livestock - [ 29 พ.ค. 48 11:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ดีครับ ที่มีความเห็นที่แตกต่าง ผมขอออกความเห็นสักเล็กน้อยครับ 1.ท่านเจ้าของกระทู้ได้ทดลองทำ หรือมีประสบการณ์หรือยังครับ  หรือเพียงอ่านแล้วพิจารณาเอาว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น 2.สิ่งที่มีคุณอนันต์ ย่อมมีโทษมหันต์ อยู่ที่ผู้ใช้รู้จักวิธีควบคุมแค่ไหน จากคุณ : ช า ติ - [ 29 พ.ค. 48 12:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อพูดถึงความจริงและไม่จริง...ของ DSM ไปแล้ว มาพูดถึง......ความดีบางประการของการ trade แบบ DSM บ้าง DSM พูดถึงการ tradeที่เมื่อคุณเข้าไปซื้อแล้ว หุ้นตกลงมา การ Short Against Port เป็น ยุทธวิธีที่ดีอันหนึ่ง ถ้านำมาใช้ ได้เหมาะสมกับเวลา หมายความว่า ถ้าหุ้นกำลังตกลง และมีแนวโน้มที่จะลงจริงๆ การ ขายไปก่อนและ มาซื้อทีหลัง จะช่วยให้ลดการขาดทุน จากหุ้นเดิมของเราที่มีราคาสูงได้ และเผลอๆ อาจทำกำไรก็ได้ ถ้าทิ้งหมด 100 % และมาซื้อคืน ที่ราคาต่ำมาก ด้วยจำนวนมากกว่า 100% จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 12:24:41 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 22 "อยากจะถามท่าน DSM ที่เข้ามาตอบว่า คุณมีรายได้จากกระแสเงินสดแฝงทุกวัน.....จริงๆหรือครับ" ผมขอตอบคำถามนี้ในฐานะที่ได้นำแนวคิดนี้ไปใช้ ในการบริหารการลงทุนในหุ้นของผมนะครับ ตอนนี้ผมยังไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกวันครับ แต่จากระยะเวลาประมาณเกือบ 1 ปีที่ผมได้นำแนวคิดมาใช้ในการบริหารการลงทุนในหุ้นของผม ผมสามารถดึงเงินต้น (จากกระแสเงินสดแฝง) คืนมาได้แล้วประมาณ 5% และในสิ้นเดือนหน้า ผมคาดว่าผมจะสามารถดึงออกมาได้อีกประมาณ 12% ท้ายนี้ขอตอบด้วยความเชื่อจากที่พอจะทราบโครงสร้าง port การลงทุนของคุณเด่นศรี (ทราบแค่โครงสร้างนะครับ ไม่ได้รู้ว่าคุณเด่นศรีลงทุนหุ้นกี่ตัว อะไรบ้าง) นะครับว่า ผมเชื่อว่าในอนาคตผมจะสามารถสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกวันครับ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 12:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คห.17 ของคุณแมงเม่าทนไฟ ....... 4. ทีนี้ถ้าเจ้าหุ้นนั้น มันดันเลือกแค่ถอยมารับคนที่ตกรถแล้วขึ้นต่อนี่ ผมก็จะมีหุ้นอีก 90% ไว้ขายต่อไปใช่มั๊ยครับ....... มันลงรับที่คนตกรถ แต่ก็ไม่ถึง ราคาที่90% ที่คุณถืออยู่ หรืออาจขึ้นไป สองสาม step ซึ่งตำราของคุณยังไม่ให้ขาย แล้วอีกวันก็ลงอีก 90 % ที่มีอยู่ ช่วยประกันอะไรไม่ได้เลย อันที่จริงไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยครับ ไม่กล้ายิ้ม จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 12:32:33 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบคำถามคห.20 คุณชาติ ผมมีประสบการณ์ในการเทรดแบบนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้วในฐานะ Broker ซื้อขายตลาดหุ้นทองคำในต่างประเทศ ซึ่ง ผมรู้ว่า ลูกค้าไม่ได้อยู่ในฐานะได้เปรียบ แต่ Broker ได้เปรียบกว่าครับ จึงมาเล่าสู่กันฟัง ผมทำรายได้มหาศาล ค่าคอมหลายแสนต่อเดือน จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 12:39:37 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมรบกวนคุณผมเองครับ  ช่วยยกตัวอย่างเป็นตัวเลขจริง ๆ ได้มั๊ยครับ เดี๋ยวผมไปกินข้าวเที่ยง แล้วจะลองมาตอบคำถามในเรื่องมุมมองการประกันความเสี่ยงอีกครั้งนะครับ เพราะรู้สึกเอาเองว่า เรายังไม่ได้มองในประเด็นเดียวกัน มันก็เลยทำให้คำตอบที่ออกมาไม่สามารถสื่อสารกันได้ อย่างที่ควรน่ะครับ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 12:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คำตอบของคุณแมงเม่าทนไฟ ก็บ่งบอกแล้วว่า..... ยังไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกวัน ยังมีท่านอื่นอีกไหมครับ ว่าสามารถสร้างกระแสเงินสด แฝงได้....ทุกวัน หรือว่าต้องรอให้ถึง 3 ปีก่อนครับ อ้อ ผมกำลังพูดถึงเรื่องดีๆ ของ DSM อยู่ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 12:45:59 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณแมงเม่าทนไฟครับที่เกี่ยวพันในคห.25 ของคุณนั้น ผมอ้างข้อความของ DSM............. วิธี DSM ช่วยสร้างระบบป้องกันตัวไว้อย่างแยบยล การตัดขายเพียง 10% นอกจากจะช่วยสร้างกระแสเงินสดแฝงแล้ว ยังเป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่เราถือไว้อีกด้วย........ ผมบอกว่าไม่เป็นความจริง การขาย หุ้นออกมา 10% ก็ได้เงินมา 10% ณ ราคาขาย ไม่ได้เกี่ยวพันกับหุ้น 90 % ที่เหลือของคุณ แม้แต่น้อยนิด แต่ถ้าในตลาด Forex มีการซื้อประกันความเสี่ยงการผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างนี้แหละ คุณไปซื้อ ว่าให้ประกันอัตราแลกเปลี่ยนไว้ คุณถึงจะเรียกได้ว่า ประกันความเสี่ยง และเงินที่คุณไปซื้อ ก็ศูนย์หายไปเลยไม่มีหุ้นอะไรให้กลับคืนมา จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 12:59:36 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คห.20 ของคุณชาลีอีกนิดนะครับ ที่ว่า........... 2.สิ่งที่มีคุณอนันต์ ย่อมมีโทษมหันต์ อยู่ที่ผู้ใช้รู้จักวิธีควบคุมแค่ไหน ...... อันนี้ผมไม่แน่ใจนักนะครับ เพราะว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้มีคุณอนันต์ สำหรับผม และไม่มีโทษ อะไรเลยครับ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 13:06:17 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พูดถึงความดีของ DSM ต่อแล้วกันครับ แนวคิดของเขาดีมากครับ เรื่องการสะสมทุน การสร้าง wealth การใฝ่ฝันที่จะมีอิสระภาพทางการเงิน ผมสนับสนุนครับ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 13:10:59 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่า....พอดีผมไม่ค่อยสนใจ dsmสักเท่าไร คนชอบเสี่ยงก็งี้หุๆ จากคุณ : Moonzonezturn - [ 29 พ.ค. 48 14:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ว่าแต่ว่าผมก็พอจะเคยอ่านมาบ้างเหมือนกันนะครับ คนทำ dsm เขาไม่ได้สนใจที่ราคา แต่สนใจที่หุ้นที่เขาถือมากกว่าน่ะครับ บางทีแล้วคุณผมเองบอกมาก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยตรงส่วนที่ว่า "อยากจะถามท่าน DSM ที่เข้ามาตอบว่า คุณมีรายได้จากกระแสเงินสดแฝงทุกวัน.....จริงๆหรือครับ ( หรือเพียงเป็นคำกล ที่ เพียงหลอกเอาไว้ เฉยๆ )" ผู้แบบนี้ก็คงถูกมังครับ คำว่ากระแสเงินสดแฝงนั้น ถ้าเรามองกันในด้านของธุรกิจ ก็คงต้องคิดว่าดีแน่ๆเลย กิจการนี้มีสภาพคล่องสูง  แต่สำหรับ dsm เขามีกระแสเงินสดแฝงไว้เพื่อลงทุนเพิ่มจำนวนของในร้านเก็บเอาไว้ให้มากกว่าเดิม ไม่ใช่มีของเอาไว้เพื่อขายให้กับใคร แต่เพื่อเก็บเอาไว้ให้กิจการเองต่างหากล่ะ ดังนั้น จะมีกระแสเงินสดแฝงเกินขึ้นก็ดี หรือจะไม่มีกระแสเงินสดแฝงเกิดขึ้นเลย ก็ยิ่งดีใหญ่หุๆ จึงไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เราจะบอกว่าเราขาย 10% ทิ้งไปเพื่อรับประกัน 90% ที่เหลืออย่างที่คุณคิด เพราะเราไม่ได้สนใจในมูลค่าของสิ่งของที่มีอยู่เลย เพราะเราคัดมาดีแล้ว ว่ามันจะมีปันผลให้กับเรา หากว่าในตลาดมีของชิ้นเดียวกับที่เราต้องการ ขายถูกกว่า เราก็แค่อยากจะขายแพงๆ  และซื้อถูกกับเขาบ้างแค่นั้นเอง (อยากจะทำ) จะได้มีเงินไปเผื่อได้ซื้อถูกขายแพงบางเท่านั้น ถ้าของมันถูกลงไปเรื่อยๆ เราก็ขายๆๆๆแพงไปเรื่อยๆ เงินแฝงก็เกิด ก็ดีอีกสภาพคล่องมา หากมันแพงขึ้น เรายังเหลืออีก 90% เราได้หรือเสียอะไรหรอ??? ผมไม่บังอาจจะอธิบายแทนคนที่คลับอิสรภาพหรอกนะครับ เพราะผมไม่ได้เข้าไปโพสเลยมาตั้งนานแล้วตั้งแต่คนโรคจิตแอบลบข้อความผมมาก่อกวน อยากได้คำตอบที่ดีกว่าและชัดเจนกว่าผมนี้ เชิญเข้าไปถามไถ่พัฒนาความรู้อย่างสร้างสรรค์ได้ที่ คลับอิสรภาพนะครับ ^^ จากคุณ : Moonzonezturn - [ 29 พ.ค. 48 14:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ในเมื่อบอกไว้ว่าต้อง 3 ปี ถึงเห็นผล แล้วตอนนี้ใครบ้างละที่ใช้DSMได้ 3 ปีแล้ว คำตอบคือ ยังไม่มี ถ้ามี ก็คงจะเป็นผู้ที่คิดDSM คนเดียว ถ้าได้ผลจริงก็น่าจะโชว์หลักฐานให้เห็นจะจะกันไปเลย จะได้ไม่มีข้อโต้แย้งกันอีก ในความเห็นส่วนตัว ตลาดหุ้นไม่มีความแน่นอน เพราะฉะนั้นจึงเห็นว่าDSMเสี่ยงกับการขาดทุนมากๆ จะมีการซื้อๆขายๆตามสภาวะตลาด สู้เล่นแบบสไตล์ของคุณluck me ไม่ได้ครับ รับที่จุดต่ำๆ ขายที่ดอย ถ้าจะเอาจำนวนหุ้นเพิ่ม ก็รับอีกทีที่จุดต่ำๆด้วยจำนวนเงินที่ขายออกไป จากคุณ : ptt - [ 29 พ.ค. 48 15:01:31 A:203.188.18.125 X: TicketID:018704 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อิ่มแล้วครับ ก่อนอื่นก็ต้องขอตอบก่อนว่าการที่ผมไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกวัน มิได้หมายความว่าท่านอื่นทำไม่ได้นะครับ ก็อย่างที่บอกน่ะครับ แต่ละคนย่อมมีปัจจัยไม่เหมือนกัน แล้วก็ไม่ใช่ว่าถ้านำแนวคิดนี้ไปใช้จนครบ 3 ปีแล้ว จะสามารถสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกนะครับ การที่จะสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกวันนั้น เท่าที่ผมได้ทำการศึกษามานี่ มันมีองค์ประกอบของมันอยู่ เอาเป็นว่าผมคิดว่ามันเกิดขึ้นได้จริง และก็มั่นใจว่าในอนาคตถ้าตลาดยังไม่ล่มสลายไปก่อน ผมก็จะสามารถที่จะสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกวันครับ ขอย้ำอีกทีนะครับ แนวคิดนี้ คุณเด่นศรีบอกว่าจะเห็นผลใน 3 ปี (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) เพราะฉะนั้น ถ้าต้องการตัดสินอะไรนี่ ผมว่าน่าจะรอให้ครบกำหนดตรงนั้นก่อนไม่ดีกว่าหรือครับ ส่วนท่านที่ยังไม่แน่ใจในแนวทางนี้  ก็ยังไม่เห็นจำเป็นต้องนำไปใช้นี่ครับ ทีนี้ขอวกมาตอบเรื่องการประกันความเสี่ยงนะครับ ก่อนอื่นก็ต้องขออภัยก่อนที่ผมมองคนละจุดกับที่คุณผมเองครับ สื่ออยู่ ผมขอแสดงมุมมองในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงใหม่ดังนี้นะครับ จากข้อความที่คุณผมเองครับ โพสต์ "วิธี DSM ช่วยสร้างระบบป้องกันตัวไว้อย่างแยบยล การตัดขายเพียง 10% นอกจากจะช่วยสร้างกระแสเงินสดแฝงแล้ว ยังเป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่เราถือไว้อีกด้วย........ ผมบอกว่าไม่เป็นความจริง การขาย หุ้นออกมา 10% ก็ได้เงินมา 10% ณ ราคาขาย ไม่ได้เกี่ยวพันกับหุ้น 90 % ที่เหลือของคุณ แม้แต่น้อยนิด" ผมขอแยกแสดงความเห็นเป็นสองส่วนนะครับ ส่วนแรกที่บอกว่าการตัดขาย 10% เพื่อประกันความเสี่ยงของอีก 90% ที่เหลือนั้น จากการที่ผมได้ทำการศึกษาแนวคิดนี้ มาเป็นระยะเวลาพอสมควรนี่ ผมตีความได้ว่า การตัดขายออกมา 10% นั้นเป็นการป้องกันความเสี่ยงนะขณะนั้น ๆ หมายความว่าเมื่อผมซื้อหุ้น แล้วราคาไม่ขึ้นต่อนั้น ผมตัดขายออกมา 10% เพื่อประกันว่าผมจะได้เงินต้นคืนมาจำนวนหนึ่ง ถ้าหากว่าหุ้นมันลงต่อจริง ๆ ขณะเดียวกันถ้ามันไม่ลงต่อแล้ว แต่กลับวิ่งขึ้นไปนี่ ผมก็จะยังมีหุ้นอีก 90% ที่สามารถขายที่ราคาสูงขึ้นไปได้ต่อไปครับ ทีนี้ ถ้าสิ่งที่ผมประกันไว้ มันเป็นจริง คือมันลงต่อจากจุดที่ผมขายเพื่อประกันความเสี่ยงตรงนั้น ผมก็ต้องย้อนกลับไปถามตัวเองเหมือนเดิมอีกว่า ณ. ระดับราคาตรงนี้ผมรู้มั๊ยว่าต่อไปมันจะขึ้นหรือลง ซึ่งคำตอบผมก็คงเหมือนเดิม คือผมไม่รู้ ทีนี้ก็ต้องมาถามต่อว่า แล้วไอ้ที่ผมประกันไปแล้วนั้น มันคลอบคลุมความเสี่ยงที่อาจจะลงเพิ่มได้อีกหรือเปล่า ซึ่งถ้าไม่ (ก็คือมันถอยห่างจากจุดที่ได้ขายครั้งแรกออกไปจำนวนหนึ่ง) ผมก็ต้องบอกตัวว่า ควรจะต้องทำประกันเพิ่มแล้วล่ะ ก็คือผมต้องขายเพิ่มออกไปอีก แบบนี้พอจะเห็นภาพในเรื่องของการประกันความเสี่ยงแบบเดียวกันหรือเปล่าครับ ต่อข้อความที่คุณผมเองครับบอกว่าการขายเพียงแค่ 10% ก็ได้เงินมา 10% ณ. ราคาที่ขาย ไม่เกี่ยวกับอีก 90% ที่เหลืออยู่นั้น ตรงนี้ผมขอแสดงความเห็นอย่างนี้นะครับ สำหรับตัวผมแล้วนั้น การกระทำทุกอย่างมันมีผลเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันหมด ก็เหมือนในเรื่องของธรรมน่ะแหละครับ ทุกเรื่องเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันหมด อยู่ที่ว่าผู้ศึกษาจะแยกศึกษาเฉพาะส่วน แล้วเลือกเชื่อ เลือกปฏิบัติเฉพาะส่วนนั้น หรือจะเลือกศึกษาทีละส่วน แล้วนำมาเชื่อมโยงสำพันธ์กัน เพื่อบรรลุมรรคผล ในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน คือผมคิดว่าการที่ผมได้เงินคืนมาสัก 10% ตรงนั้น มันย่อมดีกว่าการที่ผมไม่ได้ขายออกไปเลย แล้วเมื่อระดับราคามันลดลงต่ำไปกว่าตรงจุดนั้นอีก หุ้นจำนวน 100% ก็โดนลดมูลค่าทั้งจำนวน (ในเรื่องมูลค่านี้ ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ ที่แนวคิดของ DSM ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน แต่ที่ต้องกล่าวตรงนี้เพื่อให้เห็นภาพเดียวกันนะครับ) ที่นี้แล้วมันสัมพันธ์กับอีก 90% ที่เหลืออย่างไร ในส่วนตัวผม มันสัมพันธ์กันตรงที่ ถ้าหุ้นมันขึ้นนี่ มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของหุ้นอีก 90% ที่เหลืออยู่ตรงนี้ มันสามารถที่จะ cover ส่วนที่ลดลงของ 10% ที่ได้ขายออกไป (นี่กล่าวเฉพาะเป็นการขึ้นหรือลงทางเดียวนะครับ เพื่อจะได้เห็นภาพเดียวกันก่อน) ตรงนี้ถ้าผมยังอธิบายไม่ตรงกับจุดที่คุณผมเองครับพยายามสื่ออยู่ ก็รบกวนช่วยขยายความเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 15:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรียนคุณ  ptt ครับ ในความเห็นผม ผมยังอยากให้การมีโต้แย้งนะครับ แต่คงต้องเป็นการโต้แย้งอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การกล่าวร้าย ด่าทอ โดยไม่พิจารณาข้อเท็จจริงใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ผมเชื่อว่า การโต้แย้งที่สร้างสรรค์ จะทำให้เกิดการพัฒนา และนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอครับ อ้อ...ขออนุญาติให้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคุณ ptt นิดนึงครับ ว่าเท่าที่ผมศึกษา DSM มาระยะหนึ่งแล้ว ผมตีความได้ว่า DSM พยายามที่จะให้ take action จากสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน มิใช่การ take action จากความเชื่อ หรือการคาดเดาใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ผมมิได้หมายความว่า การ take action จากความเชื่อ หรือการคาดเดาใด ๆ เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่ดีนะครับ เพราะแต่ละคนก็ย่อมมีหนทางในการเดินทางไปสู้เป้าหมายของตัวเอง ต่างกันไป บางคนตีเลขหวยเก่ง ซื้อ 10 งวด ถูก 7 งวด เค้าก็สามารถที่จะไปสู่เป้าหมายของเค้าได้เหมือนกัน จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 15:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมก็ทำ dsm เหมือนกันนะ ซื้อให้ถูกกว่าขาย ถ้าขายแล้วซื้อคืนได้เมื่อวาน ถ้าอีกวันถัดมาถ้า มีโอกาสขายแล้วมีโอกาสซื้อคืนได้อีก ผมก็ขายนะแม้ราคาที่ขายจะต่ำ กว่าที่ซื้อคืนเมื่อวาน เพราะมันเป็นการค่อยๆชักทุนของผมคืนมา เจ้าของกระทู้เข้าใจคำว่าลงทุน และคำว่าการเสียโอกาสรึเปล่าครับ ลองไปดูกราฟหุ้นดูซิครับ ความยาวของแท่งเทียนนั่นน่ะคืออะไร ไม่ว่ามันจะสีเขียวหรือสีแดง กับความชันของมันตามระยะเวลา ลองดูนะครับ จากคุณ : kidmai - [ 29 พ.ค. 48 15:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าหุ้นแดง dsm ไม่ต้องการให้พอร์ตเราลดค่าไปโดยไม่ทำอะไร ถ้าหุ้นเขียว dsm ก็ปล่อยให้มันขุนให้อ้วน เพื่อสร้างเปอร์เซ็นต์โอกาสในการซื้อคืนได้มากขึ้น ส่วนการกำหนดจุดซื้อหรือขาย หรือการขายทีละเท่าไหร่ ผมว่าประสบการณ์จะสอนแต่ละคนเอง มันไม่มีคำว่าตายตัว ตรงนี้ล่ะที่เป็นศาสตร์และศิลป์ของแต่ละคน dsm นี้ถ้ายังไม่เข้าใจแนวคิดก็อย่าริทำนะครับ ไม่ใช่ว่ามันอันตราย หรอก แต่ต้องเข้าใจแนวคิดครับ เน้น....ลงทุน....เน้น... ชักทุนคืน...เน้น...ได้ทรัพย์สินมาฟรีโดยทุนคืนให้เราหมดแล้ว จากคุณ : kidmai - [ 29 พ.ค. 48 15:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณแมงเม่าทนไฟครับ "วิธี DSM ช่วยสร้างระบบป้องกันตัวไว้อย่างแยบยล การตัดขายเพียง 10% นอกจากจะช่วยสร้างกระแสเงินสดแฝงแล้ว ยังเป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่เราถือไว้อีกด้วย........ ข้อความทั้งหมดข้างบนนี้ผมลอกมาจาก DSM นะครับ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยว่า มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร กับการไปประกันความเสี่ยง ของ90% ที่เหลือ ถ้าวันรุ่งขึ้นหุ้นตกลงไปอีก เจ้า 90% ที่เหลือ ได้รับการคุ้มครองอะไร คุณก็จะขาดทุนมากขึ้น ในทำนองเดียวกัน ถ้าคุณขายไป 30 % หุ้น คุณเหลือ 70 % และวันรุ่งขึ้นหุ้นตกลงไปอีก การขาย 30% แรก ไม่ได้ประกันความเสี่ยงว่า หุ้น 70 % ที่เหลือจะได้กำไร แต่ขาดทุนน้อยลงกว่าการขายเพียง 10% และเมื่อตลาดตีกลับสูงขึ้นไป โอกาศคุณก็จะได้กำไรน้อยลง สิ่งที่ผมพยายามจะชี้ก็คือว่า ไม่มีสูตรสำเร็จ ว่าคุณสมควรจะ Short กี่ % มันขึ้นกับโอกาศที่ดีของคุณมากกว่า ผมอยากจะเรียกว่า.....ดวง ดังนั้นสิ่งที่อยากจะแนะนำ DSM ก็คือ ควร revise สิ่งที่เขียนๆ เอาไว้ อะไร ที่พูดเกินความจริง ก็ลบออกเสียบ้าง ไม่ใช่เขียนอย่างข้างบน แล้วทำให้เข้าใจว่า Warren ใช้วิธีการ trading แบบ DSM และ Shortหุ้นทีละ 10% อะไรทำนองนี้ สิ่งที่ DSM แนะนำได้และปลอดภัยสำหรับทุกคน ก็คือ เสนอ การเล่น Short against port ซึ่งมีหลายรูปแบบ ซึ่งจะขาย 10 % ก็ได้ 100 % ก็ได้ 200 % ก็ได้ หรือไม่ short เลยก็ได้และปล่อยให้หุ้นตีกลับขึ้นมาเอง ก็ให้เขาเลือกใช้ตามชอบใจ ไม่ควรบอกว่าใช้วิธีนี้แล้วจะได้เป็นเจ้าของบริษัทที่คุณชื่นชอบ หรือว่ามีรายได้จากเงินสดแฝงทุกวัน ( ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเขียนไว้ว่าการตัดขาย 10% ทำให้มีกระแสเงินสดแฝงทุกวัน เพราะว่าคุณขาย 10 วัน ก็หมดไม้แล้ว วันต่อไปเดือนต่อไป เอากระแสเงินสดแฝงจากที่ไหนมา กิน นอกจากทุนเดิมทั้งนั้น ) จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 17:17:22 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ความดีของ DSM ( ต่อ ) เสนอมุมมองของการ Short against port ที่ทำให้คลาย เคลียด ก็เป็นสิ่งที่ดีในด้านจิตใจครับ และดีต่อ port ของเรา ถ้าตลาดเป็นไปในทิศทางที่เราคาด การณ์ไว้ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 17:36:03 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ... ของทุกอย่างมีทั้งสองด้าน .. ความเข้าใจของผมนะครับ DSM สนใจรายได้จากสินทรัพย์ มิใช่กำไรครับ .. "น้ำครึ่งแก้ว" บางคนเห็นว่า มีน้ำแค่ครึ่ง (ดื่มไม่พอ) บางคนก็เห็นว่า น้ำเหลือตั้งครึ่ง (ดื่มได้อีก) แต่... อีกคน เค้าบอกว่า น้ำมากหรือน้อย มันอยู่ที่ขนาดแก้วครับ อยู่ที่คุณมอง ... แล้วคุณเห็นอะไรครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 48 19:12:39 จากคุณ : chaychay - [ 29 พ.ค. 48 19:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 40 และเมื่อมีเวลาก็ตามไปอ่านกระทู้ที่คุณ Livestock แนะนำมาคือhttp://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/I2951519/I2951519.html ในตอนท้ายๆของกระทู้คุณเด่นศรีบอกว่า............... วิธีการที่ผมทำ จะยืดหยุ่นได้ตลอด ไม่มีวิธีตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการทำเกมส์ของเจ้ามือ..... เห็นไหมครับว่า แม้คุณเด่นศรี เองก็ trade ต่างกับที่โพสต์เอาไว้ของ DSM จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 19:05:07 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ก่อนอื่น ก็ต้องเรียนคุณผมเองครับว่า สิ่งที่คุณชินจังช้างน้อยโพสต์นั้น เป็นไปด้วยความหวังดี ที่ต้องการให้ผู้ที่สนใจแนวคิดนี้ ได้สามารถอ่านทีเดียว แล้วได้เนื้อหาคลอบคลุมทั้งหมด ไม่ต้องไปอ่านจากหลาย ๆ กระทู้ที่มีทั้ง คุณเด่นศรีได้เคยอฺธิบายไว้ หรือท่านอื่น ๆ ที่ได้ พยายามขยายความสิ่งที่คุณเด่นศรีได้อธิบายไว้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น ดังนั้น ทุกข้อความในนั้น มิได้เป็นคำภีร์ หรือสูตรสำเร็จที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามนะครับ รวมถึงการขาย 10% อะไรนั่นด้วย เพราะผมเองก็แทบจะไม่เคยขายทีละ 10% เลย ก็อย่างที่ได้บอกไว้ล่ะครับ วิธีการที่ยกมานั้น เป็นแค่ guide line สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่า จะเริ่มต้นอย่างไร ทีนี้เรื่องประกันความเสี่ยงอะไรนี่ ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าคุณผมเองครับต้องการสื่ออะไร ต้องขอโทษด้วยที่รอยหยักในสมองผมมันน้อยไปหน่อย กว่าจะเข้าใจในส่งที่คุณ ผมเองครับต้องการสื่อ ก็ต้องให้อธิบายกันหลายครั้งหลายหน ตรงนี้ถ้าเป็นเรื่องของการใช้คำที่สื่อความหมายไม่ชัดเจน หรือผิดพลาดไปนี่ ผมก็ยินดีรับ ที่จะนำไปแจ้งให้คุณชินจังฯ ทราบครับ ส่วนสำหรับข้อความ "ไม่ควรบอกว่าใช้วิธีนี้แล้วจะได้เป็นเจ้าของบริษัทที่คุณชื่นชอบ หรือว่ามีรายได้จากเงินสดแฝงทุกวัน ( ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเขียนไว้ว่าการตัดขาย 10% ทำให้มีกระแสเงินสดแฝงทุกวัน เพราะว่าคุณขาย 10 วัน ก็หมดไม้แล้ว วันต่อไปเดือนต่อไป เอากระแสเงินสดแฝงจากที่ไหนมา กิน นอกจากทุนเดิมทั้งนั้น )" ในมุมมองของผม แม้ว่าผมจะถือหุ้นบริษัทนั้น ๆ แค่ 100 หุ้น ผมก็กล้าพูดว่าผมเป็นเจ้าของ บริษัทนั้น ๆ เหมือนกันนะครับ เพราะผมเองก็มีสิทธิมีเสียงที่จะสามารถเสนอความคิดเห็น หรือ vote มติที่ประชุมได้เหมือน ๆ กับคนอื่น ๆ ที่ถือหุ้นมากกว่า ส่วนที่กล่าวว่ากระแสเงินสดแฝง เกิดไม่ได้ทุกวันนั้น ผมเข้าใจคุณผมเองครับ คงมองจากหุ้นเพียงตัวเดียว ก็อย่างที่ผมได้อธิบายความคิดผมไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่าการที่จะสามารถสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกวันนั้น มันมีองค์ประกอบของมัน และการที่ใครบอกว่า มีหุ้นเพียงตัวเดียว แล้วสามารถสร้างกระแสเงินสดแฝงได้ทุกวันนี่ ผมว่าหุ้นตัวนั้นของเค้า คงต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงทุกวันโดยมีช่วงห่างของราคามากพอสมควรเลยนะ ซึ่งผมก็ว่ามันไม่น่าจะมีหรอกนะครับ หรือถ้าท่านใดพบแล้ว จะกรุณาเมตตาผม ส่งหลังไมค์มาให้หน่อยก็จะขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 19:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 42 พอดีเพิ่งเห็นคุณผมเองครับมาโพสต์ คห.40 ก็อย่างที่ผมได้พยายามอธิบายมาตั้งแต่ต้นล่ะครับว่า สิ่งที่คุณเด่นศรีนำมาเผยแพร่นั้น เป็นแนวคิด ไม่ใช่วิธีปฏิบัติ ส่วนวิธีปฏิบัติที่แนะนำนั้น ก็เป็นเพียงแค่ guide line สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ผมเรียนคุณผมเองครับได้ว่า DSM นั้นสำคัญที่แนวคิด และจิตใจ ครับ ส่วนวิธิปฏิบัตินั้น ทุกท่านสามารถประยุกต์ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ให้เหมาะสมกับแต่ละท่านได้เสมอครับ แม้แต่กับตัวผมเอง ซึ่งนำแนวคิดนี้มาใช้บริหารการลงทุนในหุ้นของผมมาเกือบปีนี่ ก็ยังมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงวิธีการอยู่เสมอ ๆ ครับ เพื่อให้มันเหมาะสมกับสภาพของผม ในแต่ละช่วงเวลา แล้วก็ยังอยากจะเสริมตรงนี้ว่า แนวคิด ของ DSM นั้นไม่ใช่แค่สิ่งที่หลาย ๆ ท่านเรียกว่า short port นะครับ (ตรงนี้ผมคิด และตีความเองนะ) การ short port เป็นเพียงแค่ วิธีการ หรือกระบวนการอย่างหนึ่งเท่านั้น จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 19:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขออย่างเดียวอย่าเน้นคำว่าลงทุนอ่ะคับ ไม่เกี่ยวกับแนวคิดว่าต้องลงทุนใดๆเลย พี่มัดลี่ก็เคยบอกไปแล้วว่าอิสรภาพทางการเงินก็คือโมเดลที่เรามาใช้เทรดนั่นเองอ่ะครับ ซื้อขายบ่อยๆคงไม่ลงทุนอะครับผมแถมจะให้ลงทุนตลอดชีวิตเนี่ยเสี่ยงมากกับการบริษัทเจ้ง แต่เป็นโมเดลที่เหมาะกะขาลงเพราะราคาต่ำแต่หุ้นเพิ่มก็ช่วยบรรเทาทุนหายได้เผลอๆกำไร  ทางที่ดีที่สุดคือชอบวิธีไหนก็พยายามฝึกไปล่ะกัน จากคุณ : guyver - [ 29 พ.ค. 48 19:22:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เพิ่งคิดได้ ดีเอสเอ็มน่าจะเจ๋งจริงๆช่วงขาลงสำหรับคนลงทุน คิดไปคิดมาผมจะลองใช้ดีกว่า สำหรับนักลงทุนที่ไม่เล่รนบ่อยๆเวลาหุ้นขึ้นก็จะหยุดดีเอสเอ็มแต่ช่วงที่เราคิดว่าขาลงเราต้องการแค่จะสะสมจำนวนหุ้นให้ได้มากที่สุด มากกว่าทีจะหวังไว้ให้ราคาขึ้นหลังจากนั้นก็รอเปงห้าหกปีให้ถึงเวลาหุ้นขึ้นก็หยุดดีเอสเอ็ม ครึ่งดีเอสเอ็มครึ่งลงทุนก็น่าสนใจมิน้อย จากคุณ : guyver - [ 29 พ.ค. 48 19:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบคุณchaychay ผมเห็นเพียงคำว่า "น้ำครึ่งแก้ว" อย่างที่คุณเขียนครับ ถ้าคุณโพสต์รูปลงมาผมก็จะเห็น มากขึ้น เช่นเดียวกันกับการ trade ถ้าอธิบายให้สาธารณะชน เข้าใจอย่าง clear cut ก็จะไม่มีการเสียหาย แต่ถ้าอธิบายครึ่งๆกลางๆ ออกมาในแนวรูปปรัขญา จะเกิดความเสียหายได้มาก จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 19:33:42 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เรียนคุณ guyver สำหรับคำว่าลงทุน ส่วนตัวผมคิดว่า การที่เราเอาเงินของเรา ใส่ลงไปในอะไรสักอย่าง แล้วหวังจะได้ผลตอบแทนกลับมานั้น ผมคิดว่าเป็นการลงทุนทั้งหมดนะครับ แต่จะเรียกว่า ลงทุนระยะสั้นมาก ๆ สั้นมาก สั้น กลาง ยาว ก็คงขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่แต่ละคน จะให้คำจำกัดความกัน แม้แต่การซื้อหวยเพื่อหวังรางวัล ผมก็มองว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เหมือนกัน ทีนี้คำว่าโมเดลเทรดนี่ ผมตีความได้ว่า จะต้องเป็นวิธีการที่แน่นอน กำหนดตายตัว ว่าจะต้องทำอะไรเมื่อไร ไม่ว่าใครจะนำไปใช้ ก็ต้องทำตามข้อกำหนดนั้น ๆ ในส่วนของ DSM นี่ สำหรับผมถ้าจะมองให้เป็นแบบ โมเดลเทรดนี่ ผมมองว่ามันเป็นโมเดล ของแต่ละคน ที่จะคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาจากแนวคิดที่คุณเด่นศรีได้ให้ไว้ ซึ่งตรงจุดนี้นี่ ผมจึงไม่สามารถเหมาว่าคำว่า DSM นี่เป็นโมเดลเทรดชนิดหนึ่ง เพราะคนที่นำไปใช้นี่ ก็ไม่ได้ทำเหมือนกันทุกคน และก็วิธีที่แต่ละคนใช้นี่ ก็ไม่ได้บังคับตายตัว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และก็เช่นเดียวกันนะครับ ที่ผมแสดงความเห็นแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า โมเดลเทรด ที่มีอยู่ใช้ไม่ได้ หรือไม่ได้ผลนะครับ เพียงแต่ผมแค่ต้องการเสนอความเห็นในเรื่องคำจำกัดความ ของคำว่าโมเดลเทรดน่ะครับ เพื่อจะได้มีมาตรวัดตัวเดียวกัน จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 19:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เอาเรื่องความจริงก่อนละกันครับ....... ...........DSM = DenSri Method มาจากชื่อนักลงทุนที่ชื่อเด่นศรี (ชื่อลูกสุนัขที่ตายไป).... อันนี้เป็นความจริงค่อนข้างมาก เพราะว่า เมื่อใช้วิธีการนี้ใหม่ๆเปรียบได้กับว่าเป็นลูกสุนัขที่เพิ่งเกิดมา ของคุณเด่นศรี และคุณเด่นศรีได้.....เผลอประกาศิตบอกความลับซึ่งเป็นความจริงของสวรรค์นี้ออกมาเสียแล้วว่า.......ผู้เข้ามาใช้วิธีนี้ใหม่ๆ ....มักจะตายเสมอ ( ภายในสองปี......555 ) เหตุผลที่ประกอบข้อสมมุติฐานของข้อยก็คือ ผู้รวบรวมได้เขียนประโยคเด็ดสุดท้ายเอาไว้แล้วนั่นก็ คือผู้รวบรวมไม่ขอรับผิดชอบเสียหายจากการลงทุนของทุก ๆ ที่เกิดจากบทความนี้ .................เอิ๊ก จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 08:49:38 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] ผมว่าประโยคดังกล่าวคงไม่ได้เรียกว่า "ความจริง" แน่นอนครับ 1. เรื่อง ชื่อเด่นศรี ซึ่งเป็นชื่อสุนัขที่ตายไป ก็เป็นเรื่องของ คุณเด่นศรี เค้า มันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคนที่ใช้การลงทุนด้วยวิธีนี้เลย ความจริงคือ คนตั้งชื่อ DSM คือนักลงทุนชื่อ คลายเครียด (Endophine) เจ้าของ คลายเครียดเรโช อันโด่งดัง ในวันที่ 6 ส.ค.2547 ได้ตั้งชื่อ DenSri Method = DSM เพื่อเป็นเกียรติแก่คุณเด่นศรีที่ได้เปิดเผยเคล็ดลับสู่อิสรภาพทางการเงิน หลังจากนั้น ชื่อ DSM ได้ถูกเรียกจากนักลงทุนเมื่อพูดถึงแนวทางการเล่นหุ้นเพื่อลงทุนสร้างหุ้นกับกระแสเงินสดแฝง 2. ผมไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณเด่นศรีจะเผลอประกาศิตบอกความลับซึ่งเป็นความจริงของสวรรค์นี้ออกมาเสียแล้วว่า.......ผู้เข้ามาใช้วิธีนี้ใหม่ๆ ....มักจะตายเสมอ ( ภายในสองปี......555 ) ความจริงก็คือ วิธีนี้ต้องใช้เวลาและความอดทน หากเลิกทำกลางคันจะขาดทุนมหาศาล 3. จากประโยคที่ว่า ผู้รวบรวมได้เขียนประโยคเด็ดสุดท้ายเอาไว้แล้วนั่นก็ คือผู้รวบรวมไม่ขอรับผิดชอบเสียหายจากการลงทุนของทุก ๆ ที่เกิดจากบทความถ้าใครจะเลือกลงทุนด้วยวิธีนี้ ความจริงก็คือ ผู้ลงทุนด้วยวิธีนี้ก็ไม่ควรที่จะให้คุณเด่นศรีมารับผิดชอบอะไรถ้าเกิดความเสียหาย เพราะทุกคนต้องใช้วิจารณญานครับ ไม่มีใครบังคับให้คุณมาลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีใครบังคับคุณให้มาลงทุนด้วยวิธี DSM เช่นกัน ผมว่าที่คุณเรียกว่า "ความจริง" คงเป็นแค่ "ความเห็น" มากกว่าครับ จากคุณ : Methee B. - [ 29 พ.ค. 48 19:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นด้วยกับคุณผมเองเรื่องคำกล่าวนี้ ที่ว่าป้องกันความเสี่ยง น่าจะมีการตีความให้กระจ่างชัดเจน เพราะบางคนอาจจะไม่เข้าใจก็ได้ (โดยเฉพาะพวกมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาที่สินธรแห่งนี้) เป็นเรื่องดีครับ แต่เรากำลังพูดถึงเรื่องวิธีการทำ DSM อยู่ไม่ใช่หรอครับ? ......เพราะคนในคลับที่เข้าใจใน DSM เขาจะไม่พูดถึงกำไรขาดทุนน่ะครับ เพราะมันเป็นแค่ปัจจัยรองไว้อธิบายประกอบว่าเงินที่มาจากการขายไป มันเป็งไง และไปไหน เท่านั้น และการเคลื่อนที่ของหุ้นในหนึ่งปี จะทำให้พวกเขามีหุ้นบริษัทนั้นๆเพิ่มขึ้นกว่าตอนแรกที่เข้าไปลงทุน นั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามความคิดของพวกเขาไปขั้นหนึ่งแล้ว... ดังนั้นการพูดถึงเรื่อง short agian นั้น จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ DSM สักนิด เพราะที่นั้นเรียกกันว่า (ขายแพงซื้อถูก) ตามความคิดที่ 31 ที่ผมกล่าวประกอบไว้ เกรงว่าถ้าพูดถึง short again แล้วคงจะต้องไปเปิดกระทู้เป็นกลยุทธ์การเทรดหุ้นแทนไป^^" คุณแมงทวนลมครับ คำที่คุณบอกว่าตอนนี้คุณมีกระแสเงินสดอยู่ 5% แล้ว ถ้าผมขอลองอุปมานว่าคุณได้ใช้วิธีทำ DSM กับหุ้นแค่ตัวเดียว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และไม่เคยเพิ่มเงินเข้าไปในพอร์ตเลย ถึงตอนนี้คุณมีหุ้นตัวนั้นเท่ากับตอนแรก และยังมีส่วนของกระแสเงินสด (จริง) อยู่ 5% ใช่รึป่าวครับ? ถ้าเป็นจริงล่ะก็ผมอิจฉาคุณจังเลย อิจฉาที่คุณทำได้ตามที่ตั้งใจไว้น่ะครับ จากนั้น 5% ก็มาทำงานให้พอร์ทคุณต่อไป (รึป่าวหว่า - -a)อิอิ ส่วนเรื่องที่ว่า เป็นเจ้าของกิจการได้นั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องของความภูมิใจส่วนบุคคลมากกว่าครับ บางคนมีหุ้นแค่หุ้นเดียว หรือไม่มีเลยสักหุ้น แต่ทำงานบริษัทนั้นมาโดยตลอด ในตำแหน่งสำคัญๆเสียด้วย เขายังภูมิใจยิ่งกว่าการได้เป็นเจ้าของเสียอีก จึงไม่แปลกที่ว่า 0.1% ในมือคนๆหนึ่งจะคิดว่าตัวเองได้เป็นเจ้าของกิจการกับ 20% สำหรับอีกคนอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นแค่ผู้ถือหุ้นก็ได้ครับ เห็นด้วยว่าควรผู้ถึงประเด็นนี้ให้เข้าใจกันชัดเจน แล้ววิธีการ DSM ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด วิธีการอื่นๆ Model trade อื่นๆ อาจจะมีที่ดีกว่านี้ สามารถเข้าถึงคำว่าอิสรภาพทางการเงินได้เร็วว่าวิธี DSM นี้ก็ได้ ศึกษาไว้ก็ไม่เสียหลายครับ อ่ะเห็นด้วยกับความคิดผมเองที่ 45 ครับ (อย่างมากถึงมากที่สุดด้วยครับ) จากคุณ : Moonzonezturn - [ 29 พ.ค. 48 19:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 .........QTE ความจริงและไม่จริงก็คือ .........QTE DSM (10) – Warren Buffett ลงทุนวิธี DSM ด้วยหรือไหม “My favorite time frame for holding a stock is forever” หมายถึง“เวลาที่ผมชอบที่สุดคือเวลาที่ผมได้ถือหุ้นไว้ตลอดไป” คำประโยคนี้คือหัวใจที่ทำให้ Warren Buffett ทำกำไรจากหุ้นได้มากที่สุด นั่นคือ Warren Buffett คิดและลงทุนในแนวทางของคนรีดนมวัว และจะเลือกหุ้นที่มีอนาคตดี ชนิดที่เรียกว่า ต่อให้เขาตายไปแล้วบริษัทนั้นก็ยังคงอยู่ต่อไป เช่น โค้ก ยิลเล๊ต และกอดหุ้นเหล่านั้นไว้ตลอดไป จะใช้ DSM ให้ประสบความสำเร็จ ต้องลืมเรื่องเวลา คนที่มีหุ้นติดดอย(ติดหุ้นราคาสูง ไม่ใช่ไปนั่งเทรดหุ้นบนดอยสุเทพ)อยู่ ลองถามตัวเองสักนิดว่า กังวลใจเพราะอะไร เพราะราคาหรือเวลา ถ้าซื้อหุ้นแล้วรีบร้อนอยากขาย ขายถูกขายแพงก็เป็นทุกข์ ดังนั้นถ้าตั้งใจจะลงทุนตามแนวทาง DSM แล้วห้ามเลิกกลางคันเป็นอันขาด และต้องลงทุนตลอดชีวิตหรือว่าลงทุนระยะยาว ๆ มาก ต้องเลือกหุ้นที่อยู่กับเราไปจนวันตายเมื่อดังที่ Warren Buffett ทำได้ทำการเลือกหุ้นเป็นต้น DSM (11) – ระบบการซื้อ - ขายหุ้น DSM ระบบการซื้อ - ขาย ที่ดี คือส่วนสำคัญของ DSM เมื่อกระโจนเข้าสู่สมรภูมิหุ้น บ่อยครั้งที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้บ่อยๆ หลายๆ ครั้งที่เรามักไม่กล้าขายหุ้นเมื่อหุ้นลง จนหุ้นลงมาก ก็ยิ่งตัดใจขายลำบากยิ่งขึ้น วิธี DSM ช่วยสร้างระบบป้องกันตัวไว้อย่างแยบยล การตัดขายเพียง 10% นอกจากจะช่วยสร้างกระแสเงินสดแฝงแล้ว ยังเป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่เราถือไว้อีกด้วย อย่าลังเล เมื่อถึงเวลาที่ต้องขาย ง่ายๆ แค่นี้จริงๆ .......... UNQTE Warren Buffet สะสมหุ้นจริง แต่ไม่ได้ตัดขายแบบ 10% ของคุณเด่นศรี การขายหุ้นออก10 % .....ไม่ได้เป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่ถือไว้แต่ประการใด แต่อาจจะ.....เน้น....อาจจะ ช่วย ประกันความเสี่ยงหุ้น 10% ที่คุณ short ลงมา แต่ถ้าคุณคิดผิด หุ้นไม่ลงกลับ ตีขึ้นไปอีก คุณก็เสียอีกแล้ว.....เรียกว่าซวยไป 20 %แล้ว จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 09:21:19 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] .......... UNQTE 1. ผมคิดว่าประโยคใน DSM (10) ต้องการสื่อเรื่อง Time Frame ในการลงทุนครับ คือลงทุนระยะยาว Time Frame เป็น Infinity ไม่ได้บอกนะครับ Warren Buffet ตัดขายแบบ 10% ของคุณเด่นศรี คุณ ผมเองครับ คงเข้าใจผิดมั้งครับ 2. ผมคิดว่าการขาย 10% ตอนหุ้นตกน่าจะเรียกว่า ลดความเสี่ยงได้นะครับ เพราะ เป็นการลดความเสี่ยงที่หุ้น 100% จะราคาลดลง เหลือ 90% เป็นการลดความเสี่ยงทั้งพอรต์ลง ถ้าหุ้นดีดกลับ จะซวยได้ไงครับ ถ้า Time Frame ในการลงทุนเป็น Infinity (หุ้นมีขึ้นก็ต้องมีลง) แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 48 20:07:28 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 48 19:58:09 จากคุณ : Methee B. - [ 29 พ.ค. 48 19:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าถ้ากระบวนการคัดสรรหุ้นแต่ละคน เลือกหุ้นออกมาแล้ว แล้วใช้ dsm หุ้นมันก็เป็นแค่ "หุ้น" dsm ใช้ประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลง ของราคา เป็นประโยชน์สูงสุดในการสร้าง "กสงสฝ" และสะสมหุ้น ในเจตนารมณ์เดิม เพื่อความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ผมนับถือคุณเด่ินศรี ที่เปิดเผย เพราะผมไม่เห็นว่าเค้าจะได้อะไร (มีแต่เสียกับเสีย) แต่ปัจจุบัน พอร์ตเล็กๆ ของผม ผมชอบวิธีนี้ เพราะผมสบายใจ และคืนเงินต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่รบกวนผมขอทราบประสบการณ์การเทรดของคุณผมเอง จขกท ได้ไหมครับ เพราะประสบการณ์ผมไม่ถึง ยี่สิบปี รบกวนขอความคิดเห็นครับ จากคุณ : เลขสาม - [ 29 พ.ค. 48 20:14:46 ]

ความคิดเห็นที่ 51 .........QTE การขายแบบ Short Against Port นี้ก็เป็น Trading model แบบหนึ่งในหลายๆแบบที่คุณ Guyver เรียก ข้อสำคัญก็คือ Broker ชอบวิธีการนี้ เพราะว่าจะทำให้ลูกค้าทำการซื้อๆขายๆ บ่อย จึงนำมาให้...หมูสยามเล่น broker จะได้ค่าคอมตลอดเวลา ลูกค้ายิ่งเล่น ยิ่งติดหุ้นตัวนั้นตัวนี้ จากน้อยตัวเป็น หลายสิบตัว ยิ่งเล่น ยิ่งถอนตัวลำบาก จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 09:34:15 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] .......... UNQTE ความจริงก็คือ คนที่ลงทุนด้วยวิธี DSM ก็ต้องการอยู่กับหุ้นที่ลงทุนตลอดไปอยู่แล้วครับเพราะอยากเป็นเจ้าของ (หนึ่งในเจ้าของ) ส่วนมาร์จะได้มากน้อย ก็เป็นเรื่องของมาร์ครับ เพราะคนที่ลงทุนด้วยวิธี DSM ได้ กสงสฝ ซึ่งเกิดจากขายแพงซื้อถูก หักลบค่าคอมไปแล้ว ให้คนอื่นบ้างก็ไม่เห็นไปไรนิ่ครับ โบรกเกอร์เขาก็ต้องลงทุนในเรื่องต่างๆ เช่นกัน เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ บทวิจัยต่างๆ มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะได้ 0.21% หรือ 0.25% อยู่แล้ว จากคุณ : Methee B. - [ 29 พ.ค. 48 20:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ ทั้งผู้ตั้งกระทู้และผู้ร่วมตอบทุกท่าน ในความเห็นของผม ถ้าคุณมีหุ้นห่วยๆ ผู้บริหารเห่ยๆในมือ ไม่ว่าจะเล่นวิธีไหน คุณก้อต้องขาดทุนบักโกรกวันยังค่ำ!! จากคุณ : เหาฉลาม - [ 29 พ.ค. 48 20:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ่ะ ไหน ๆ ผมก็โพสต์มาตั้งเยอะแยะแล้ว ก็ขออนุญาตให้ข้อมูลสำหรับผู้ที่กำลัง กังวลว่า ถ้ามีเพื่อน ๆ นำแนวคิด DSM ไปใช้ แล้วจะทำให้เกิดความเสียหายนั้น ผมอยากเรียนว่าท่านที่ได้นำแนวคิดไปใช้แล้ว และรู้สึกว่ากำลังเกิดความเสียหาย ผมเองอยากเรียนให้ท่านเหล่านั้น ช่วยกันเข้าไปตั้งกระทู้ในคลับเพื่ออิสรภาพทางการเงิน ผมเชื่อว่าทุกปัญหาที่ท่านพบเจอ คุณเด่นศรี หรือหลาย ๆ ท่านในคลับนั้น ได้พบเจอมาก่อนท่านแล้ว ดังนั้น ถ้าท่านเหล่านั้น ยังสามารถใช้วิธีการนี้ได้อยู่ ในปัจจุบันนี้ ผมก็ตีความได้ว่า ท่านเหล่านั้นสามารถที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นได้แล้ว เพราะฉะนั้นผมคงได้แต่บอกว่า อย่ากลัวที่จะตั้งคำถาม แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนการตั้งคำถามใด ๆ ผมอยากรบกวนให้ช่วยกรุณาได้ทำการศึกษาในเรื่องนั้น ๆ มาก่อน เพราะคำถามที่ดี ถึงจะได้รับคำตอบที่ดีกลับไปครับ ผมเองยืนยันได้ว่า มีเพื่อน ๆ หลายท่านในคลับที่สามารถให้คำแนะนำได้ และล่าสุดผมเองได้ยินจากคุณ coyote ซึ่งเป็นผู้ที่ได้มีโอกาสคุยกับคุณเด่นศรีเป็นประจำ และผมเชื่อว่าเป็นผู้ที่เข้าใจแนวคิดนี้อย่างแท้จริงแล้ว บอกว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้น สามารถแก้ไขได้ ส่วนจะเร็วหรือช้านั้น ก็ขึ้นลักษณะของปัญหา (ส่วนหลังนี่ ผมต่อให้เอง) อ้อ...เดี๋ยวอ่านแล้วจะเข้าใจผิดกันไปว่า DSM เป็นยาวิเศษแก้ไขได้ครอบจักรวาล ผมคงบอกได้แค่ว่า มีทางเลือกมากมายที่สามารถจะทำให้แต่ละท่านสามารถ ไปสู่จุดหมาย หรือเป้าหมายของแต่ละท่านได้ DSM เป็นเพียงแค่แนวทางหนึ่งเท่านั้น ผู้ที่จะพิจารณาได้ว่า แนวทางนี้เหมาะสมกับท่านหรือไม่ ก็คือตัวของท่านเอง เพราะฉะนั้น ก่อนการตัดสินใจว่าเราจะเลือกเดินทางไหนนั้น ก็ขอให้ศึกษาให้ถ้วนถี่ซะก่อน แล้วก็ตัดสินใจเลือกมันเพราะว่า หนทางนั้นมันเหมาะกับเรา อย่าตัดสินใจเลือกเพราะว่า คนอื่นบอกว่าดี เค้าว่ากันว่าดี จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 20:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ความคิดเห็นที่ 45   ตอบคุณchaychay ผมเห็นเพียงคำว่า "น้ำครึ่งแก้ว" อย่างที่คุณเขียนครับ ถ้าคุณโพสต์รูปลงมาผมก็จะเห็น มากขึ้น เช่นเดียวกันกับการ trade ถ้าอธิบายให้สาธารณะชน เข้าใจอย่าง clear cut ก็จะไม่มีการเสียหาย แต่ถ้าอธิบายครึ่งๆกลางๆ ออกมาในแนวรูปปรัขญา จะเกิดความเสียหายได้มาก จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 19:33:42 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] ---------------------------------------- ... ตอบคุณ "ผมเองครับ" ก่อนอื่น ต้องขอบคุณสำหรับ แนวคิดในกระทู้นี้นะครับ เป็นมุมมองที่ดีทีเดียว แต่ว่า..ที่ผมต้องการสื่อ ไม่ใช่ต้องการให้เห็นภาพน้ำครึ่งแก้วนะครับ แต่ผมต้องการสื่อถึงขนาดของแก้วน้ำที่ต้องการมากกว่า คุณผมเองครับ ลองศึกษาแนวคิดให้ละเอียดจากคลังกระทู้เก่า ก่อนดีมั้ยครับ อาจจะได้เห็นขนาดแก้วน้ำเหมือนผมก็ได้ จากคุณ : chaychay - [ 29 พ.ค. 48 20:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 55 .........QTE คุณ Livestock บอกว่า............. วิธีการของป๋า Warren Buffett กับของคุณเด่นศรี โดยแนวทางคล้ายกัน แต่คุณเด่นศรีเสนอวิธีการที่ถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า....... อันนี้ไม่แน่ใจครับ เรื่องการ Trading แบบซื้อๆขายๆว่า Warren มีแนวทางคล้ายกับของคุณเด่นศรี และของคุณ เด่นศรี ถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า .....หมายความว่าคุณเด่นศรี จะรวยเร็วกว่า ป๋านะหรือครับ และอีกประโยคนึงที่ไม่ค่อยแน่ใจคือ......แต่จะเป็นไรไปล่ะในเมื่อคุณก็ได้ตัง มาร์ก็ได้ตัง ถามว่าเมื่อคุณเสียตังค์ มาร์ก็ได้ตังค์ ....จะเป็นไรไหมครับ ********นี่คือที่มาของกระทู้นี้ครับ ต้องขออภัยที่อาจทำให้หลายท่านไม่สบายใจ ผมเพียงแต่จะบอกว่า.............หนังสือรวยๆทั้งหลาย ที่ยกมากล่าวอ้างกัน และ ป๋า Warren ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการ trade แบบนี้นะครับ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 10:33:26 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] .......... UNQTE จากประโยคที่ว่า แต่จะเป็นไรไปล่ะในเมื่อคุณก็ได้ตัง มาร์ก็ได้ตัง ถามว่าเมื่อคุณเสียตังค์ มาร์ก็ได้ตังค์ ....จะเป็นไรไหมครับ ความจริงก็คือ 1. ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะโบรกเกอร์ได้ 0.21% 0.25% เป็นค่าดำเนินการให้ Transaction สำเร็จ และการลงทุนต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ บทวิจัย โบรกเกอร์ไม่ได้เป็นผู้ร่วมลงทุนนิ่ครับ ทำไมต้องมารับผลกำไร และขาดทุนด้วย ผู้ลงทุนเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะซื้อจะขายอย่างไร ถ้าคุณกำไรจาก Capital Gain คุณแบ่งกำไรให้โบรกเกอร์หรือมาร์รึเปล่า แต่ถ้าคุณขาดทุนคุณจะให้เขาร่วมขาดทุนด้วยหรือครับ ผมว่ามันคนละเรื่องคนละหน้าที่กันนะครับ 2. จากประโยคที่ว่า ผมเพียงแต่จะบอกว่า.............หนังสือรวยๆทั้งหลาย ที่ยกมากล่าวอ้างกัน และ ป๋า Warren ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการ trade แบบนี้นะครับ ความจริงก็คือ คุณเด่นศรี ได้อ่านหนังสือ Rich Dad Poor Dad และเกิดแนวคิดในการลงทุนแบบนี้ขึ้นมา ส่วน Warren Buffet คงเป็น Value Investor ครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 48 21:31:19 จากคุณ : Methee B. - [ 29 พ.ค. 48 20:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอตอบคุณ  Moonzonezturn อย่างนี้นะครับ ตัวเลข 5% ที่ผมบอกนั้นคือเงินที่ผมดึงออกมาจากกระแสเงินสดแฝงที่เกิดขึ้นครับ ส่วนกระแสเงินสดแฝงที่เกิดขึ้นนั้น ผมขอเก็บเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วกันนะครับ เพราะไม่อยากให้เกิดการเปรียบเทียบกันมากเกินไป สิ่งสำคัญที่ผมต้องการสื่อก็คือว่า ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องได้กระแสเงินสดแฝงทุกวัน ผมก็สามารถที่จะดึงเงินส่วนหนึ่ง ที่เกิดจากกระแสเงินสดแฝง ออกมาได้น่ะครับ ส่วนที่เหลือก็ยังคงให้มันทำงานต่อไป ต่อมาเรื่องจำนวนหุ้นนั้น ผมเรียนได้ว่าผมไม่ได้ใช้หุ้นตัวเดียวในการสร้าง กระแสเงินสดแฝงตรงนี้ครับ ต่อมาเรื่องการเพิ่มเงินลงทุน ก็เรียนได้ว่า นับแต่นำแนวทางนี้มาใช้บริหาร port ผมยังไม่เคยเพิ่มเงินเข้าไปอย่างถาวรเลยครับ ที่ตอบอย่างนี้เพราะมีบางช่วงที่ผมจำ ตัวเลขผิดพลาด ทำให้มีการสั่งซื้อเกินกว่า วงเงิน(ตามระบบบัญชี) ที่จะสามารถใช้ได้ ตรงนี้เป็นปัญหาของผมเอง ซึ่งผมแก้ไขโดยการใส่เงินเพิ่มลงไป และเมื่อขายออก ก็จะดึงเงินส่วนนี้กลับทันที (ไม่ว่าจะขายตัวไหน) แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดประจำครับ หลัง ๆ นี้ไม่เกิดแล้วครับ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 20:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตอนแรกว่ามีอะไรจะร่วมแสดงความเห็นเยอะแยะครับ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เขียน เพราะคิดได้ว่า 1. สิ่งที่ จขกท บอกว่า จริง หรือไม่จริง นั้นเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว ไม่อาจพิสูจน์ได้สิ่งที่สรุปนั้นว่า สรุปถูกหรือผิด 2. หลายๆเรื่องก็เป็นเรื่องที่เคยถกเถียงกันมาแล้ว เช่น คุณเด่นศรีทำรายได้ได้ทุกวันจริงหรือ? คุณเด่นศรีเทรดหุ้น 50 ตัวทุกวันจริงหรือ? ถ้าทั้งหมดที่คุณเด่นศรีพูดเป็นความจริง คุณเด่นศรีควร(ต้อง) เปิดเผยบัญชีให้ดู...เฮ้ออออ 3. แนวคิดแบบ DSM ก็ไม่ต่างจาก VI และ เทคนิคอล ที่เหมาะสมกับนิสัยของบุคคลนั้น รวมถึงความเชื่อในแนวคิดนั้นๆ ด้วย ความยากในการอธิบายให้ VI เข้าใจว่า นักเทคนิคกำลังทำอะไร ก็ย่อมยากเท่าๆกับการอธิบายให้นักเก็งกำไรเข้าใจว่า DSM กำลังทำอะไร (เรื่องความเป็นเจ้าของ 1. ในระยะสั้น หุ้นส่วนน้อยก็มีส่วนของความเป็นเจ้าของครับ เหมือนเช่นประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคน แม้จะแต่ 1 ใน 60 ล้านก็ตาม เราก็มีส่วนเป็นเจ้าของประเทศนี้ครับ 2. ในระยะยาวมากๆ ด้วยที่แนวทางนี้คือการสะสมหุ้นโดยไม่เพิ่มเงิน ดังนั้นใครจะกล้ารับประกันว่า ถ้าบริษัทที่คุณเด่นศรีถือหุ้นอยู่ มีอายุได้ซัก 100-200ปี แล้ว คุณเด่นศรีจะไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่) 4. "เคย" มีหลายคนบอกว่า DSM เหมาะกับตลาดขาลง อยากถามว่า ณ เวลาหนึ่งๆมีใครบอกได้แน่ๆหรือไม่ครับว่า เป็นขาอะไร เช่น เอาง่ายๆ ว่าตอนนี้ขาอะไรครับ? และถ้าเป็นขาลงจริงๆ ก็อย่าทำ DSM เลยครับได้ผลไม่เท่าไหร่ ล้างพอร์ตรอขาขึ้นเลยดีกว่า ได้เยอะกว่าเยอะครับ ^_^ จากคุณ : มือใหม่DSM - [ 29 พ.ค. 48 20:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 58 .........QTE ความไม่จริงอีกประการก็คือ ที่เขียนไว้ว่า............... สิ่งที่คุณจะได้จาก DSM และไปสู่อิสรภาพทางการเงิน 1. ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่คุณชอบ 2. สามารถหารายได้จากหุ้นคือกระแสเงินสดแฝงจากหุ้นได้ทุกวัน........... การมีหุ้นเพียง .01 หรือ 1% ไม่น่าเรียกว่าเป็นเจ้าของบริษัท การเป็นเจ้าของบริษัทน่าจะมีมากกว่า 50% นะครับ ดังนั้นการมีหุ้นนิดหน่อยน่าจะเรียก...... ผู้ถือหุ้น เท่านั้นเอง อยากจะถามท่าน DSM ที่เข้ามาตอบว่า คุณมีรายได้จากกระแสเงินสดแฝงทุกวัน.....จริงๆหรือครับ ( หรือเพียงเป็นคำกล ที่ เพียงหลอกเอาไว้ เฉยๆ ) อ้อ อีกประการหนึ่งที่ผมโพสต์ในนี้ ก็เนื่องจากมีผู้มาชวนเชิญให้อ่านเรื่อง DSM ในกระทู้ข้างล่าง ผมถึงตามไปจึงได้รู้ว่า มีเรื่องนี้ขึ้นมา จึงได้โพสต์ในที่นี้เผื่อว่าผู้ยังไม่ได้ เข้าไป Trade แบบ DSM จะได้เห็นแนวทางบ้าง ไม่หลงระเริงกับความสำเร็จ ของคนรวยๆทั้งหลายที่เขียนหนังสือ และป๋า Warren จนลืมประโยคทองที่ผู้รวบรวมได้เขียนไว้ว่า.... ............................................... การตัดสินใจลงทุนด้วยวิธี DSM ถ้าหากเลิกกลางคัน จะเกิดความเสียหายมาก ถ้าเลิกก่อนเวลาอย่างน้อย 2 ปี !!! จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 11:08:48 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] .......... UNQTE จากประโยคที่ว่า การมีหุ้นเพียง .01 หรือ 1% ไม่น่าเรียกว่าเป็นเจ้าของบริษัท การเป็นเจ้าของบริษัทน่าจะมีมากกว่า 50% นะครับ ดังนั้นการมีหุ้นนิดหน่อยน่าจะเรียก...... ผู้ถือหุ้น เท่านั้นเอง ผมคิดว่า การมีหุ้นเพียงร้อยเดียวก็ถือเป็น เจ้าของแล้วครับ (หนึ่งในเจ้าของ) แค่ระดับความเป็นเจ้าของจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้น คงต้องขออนุญาติเปรียบเทียบว่าคุณเป็นคนไทยคนหนึ่ง คุณเป็นหนึ่งในเจ้าของประเทศรึเปล่าครับ จากคุณ : Methee B. - [ 29 พ.ค. 48 21:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 59 .........QTE อยากจะถามท่าน DSM ที่เข้ามาตอบว่า คุณมีรายได้จากกระแสเงินสดแฝงทุกวัน.....จริงๆหรือครับ ( หรือเพียงเป็นคำกล ที่ เพียงหลอกเอาไว้ เฉยๆ ) อ้อ อีกประการหนึ่งที่ผมโพสต์ในนี้ ก็เนื่องจากมีผู้มาชวนเชิญให้อ่านเรื่อง DSM ในกระทู้ข้างล่าง ผมถึงตามไปจึงได้รู้ว่า มีเรื่องนี้ขึ้นมา จึงได้โพสต์ในที่นี้เผื่อว่าผู้ยังไม่ได้ เข้าไป Trade แบบ DSM จะได้เห็นแนวทางบ้าง ไม่หลงระเริงกับความสำเร็จ ของคนรวยๆทั้งหลายที่เขียนหนังสือ และป๋า Warren จนลืมประโยคทองที่ผู้รวบรวมได้เขียนไว้ว่า.... ............................................... การตัดสินใจลงทุนด้วยวิธี DSM ถ้าหากเลิกกลางคัน จะเกิดความเสียหายมาก ถ้าเลิกก่อนเวลาอย่างน้อย 2 ปี !!! จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 11:08:48 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] .......... UNQTE ตอบก็คือ ไม่เสมอไปหรอกครับ บางคนอาจได้ หรืออาจไม่ได้ทุกวัน อันนี้คงบอกยาก มันอยู่ที่ว่าถึงจุดซื้อคืนหรือยัง เมื่อราคาถึงจุดซื้อคืน ถึงจะได้ กสงสฝ ส่วนคนที่โพสต์ให้อ่านข้างล่างเขาหวังดีครับ อยากเผยแพร่ความรู้ ส่วนคนอ่านจะคิดเห็นอย่างไร จะปฏิบัติหรือไม่คงอยู่กับวิจารณญานของเขาเอง ก็โตๆ กันแล้วทุกคน จากคุณ : Methee B. - [ 29 พ.ค. 48 21:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อ่านดูแล้ว จขกท ยังไม่เข้าใจ dsm เลยครับ จากคุณ : e-man - [ 29 พ.ค. 48 21:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เอาเรื่องความจริงก่อนละกันครับ....... ...........DSM = DenSri Method มาจากชื่อนักลงทุนที่ชื่อเด่นศรี (ชื่อลูกสุนัขที่ตายไป).... อันนี้เป็นความจริงค่อนข้างมาก เพราะว่า เมื่อใช้วิธีการนี้ใหม่ๆเปรียบได้กับว่าเป็นลูกสุนัขที่เพิ่งเกิดมา ของคุณเด่นศรี จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 08:49:38 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] --------------------------------------------- เจ้าของกระทู้ต้องการจะสื่ออะไรครับเนี่ย จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 29 พ.ค. 48 21:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 62 มันเป็นแนวคิดครับ ซื้อให้ถูกกว่าขาย ง่ายๆ แค่นั้น ช่วงเวลาในการทำจริงอยู่มี่ สองสามเดือนแรกครับ ที่ยากที่สุด  ตามความคิดผมนะ ผมยังรอคำตอบประสบการณ์ จขกท ในยี่สิบปีี่ผ่านมานะครับ ปล. ผมไม่ได้แก้ต่าง ให้ dsm  เพราะถือว่าใครเข้าใจก็ดีไป เพราะมี่้เพื่อนหลายคนเข้าใจ หลายคนไม่เข้าใจ หลายคนไม่สนใจอ่าน และหลายคนที่แย้งเสมอ ผมรอรับฟังความคิดอื่นๆอยู่ และผมยังอยู่ในช่วงทดลอง (แปดเดือน) จากคุณ : เลขสาม - [ 29 พ.ค. 48 21:52:36 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ป่าวครับคุณแมงเม่าทนไฟ ผมคิดในแบบที่คุณผมเองครับคิดว่า กระแสเงินสดแฝงเป็นแค่คำ กล หรือไม่ ความจริงแล้วหากลองคิดถึงมุมที่ผมอนุมาน(สมมุติ)คิดแปลงกับไปโดยพูดถึง5%ของคุณแมงเม่านั้น หากว่าเราพูดกันในอีกแบบ คำนี้จะเป็นแค่คำกลจริงๆครับ แต่ถ้าพูดในแบบ DSM คำนี้มันจะไม่จริง ก็แค่นั้นเอง ^^ ก็เลยอยากจะเปรียบเปรยตรงนี้ให้ดูกัน อาจจะเหมือนคำที่ว่า จริงก็คือเท็จ เท็จก็คือจริงครับหุๆ ผมก็เข้าใจครับว่าเป้าหมายไม่ใช่แค่ตัวเดียวอย่างที่ผมขอลองอนุมาน ไม่ทราบคุณแมงเม่าอ่านความคิดที่ 31 ของผมแล้ว คิดว่าผมคิดผิดตรงไหน บอกได้เลยนะครับ ยินดีรับคำตำหนิเพื่อก่อครับ ^^ แล้วหากว่าพอร์ทที่ทำDSM มีหุ้นเพิ่มขึ้นจากการเอากระแสเงินสดแฝงที่ได้คืนมาไปซื้อสินค้าชิ้นใหม่ มาเก็บไว้ หากเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โอกาสที่จะได้กระแสเงินสดแฝงเพิ่มก็จะมีมากขึ้นใช่ไหมครับ? แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 48 21:59:48 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 48 21:57:02 จากคุณ : Moonzonezturn - [ 29 พ.ค. 48 21:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สินค้าชิ้นใหม่นั้นจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือป่าวครับ ?? แล้วนี้เป็นที่มาของคำว่าพลังทวีใช่หรือไม่?? ^_____^สนุกมากๆเลยวันนี้ได้ใช้ความคิด จากคุณ : Moonzonezturn - [ 29 พ.ค. 48 22:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 65 รู้จักคิดนอกกรอบน่ะดีแล้ว ไม่ใช่นกแก้วนกขุนทองทำตามแบบไม่คิด ผิดหรือไม่ตัวเองที่รู้ แต่ ล ล เยอะจริงๆๆเลย ของดีไม่กลัวถูกว่าหรอก ไม่ดีต้องร้อนตัว จากคุณ : saint - [ 29 พ.ค. 48 22:14:35 A:10.10.5.190 X:203.156.45.98 TicketID:099253 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตอบคุณ Moonzonezturn อีกทีครับ ผมได้อ่าน คห.31 ของคุณแล้วครับ ถึงตอนนี้ก็อ่านเป็นรอบที่สามแล้วครับ แต่คงต้องขออภัยด้วยครับ ผมไม่สามารถจะ comment อะไรเพิ่มเติมได้ครับ เพราะผมเองยังจับประเด็นสิ่งที่คุณ Moonzonezturn พยายามสื่อใน คห.นั้น ไม่ได้น่ะครับ ก็เลยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรครับ ยังไง ถ้าต้องการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ผมก็ขอเชิญในคลับดีกว่านะครับ ผมยืนยันได้ว่า ถ้าเป็นการโต้แย้ง หรือถกเถียงกัน อย่างสุภาพสร้างสรรค์ ไม่มีใครไปแจ้งลบกระทู้หรอกครับ แล้วก็อยากจะบอกว่า ถ้ามีความจริงใจ ตั้งใจจริง เพื่อการสร้างสรรค์แล้ว ก็อย่าเพิ่งท้อ หรือน้อยใจเลยครับ หลายท่านที่เข้ามาที่คลับครั้งแรก แล้วตั้งคำถามแบบที่ผมคิดว่า ไม่น่าจะใช่คำถามที่ดี แล้วมีเพื่อน ๆ หรือแม้แต่ผม ตอบกลับไป ด้วยข้อความที่ดูเหมือนตำหนิ หรือกล่าวว่านั้นหากท่านผู้นั้น เป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริง ท่านก็ยังคงตั้งกระทู้ถามใหม่นะครับ แล้วคำถามที่ ถามใหม่นี้ ผมก็รู้สึกว่า เป็นคำถามที่ดีขึ้น และก็ได้รับคำตอบที่ดีขึ้นจากเพื่อน ๆ ด้วยนะครับ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 29 พ.ค. 48 22:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 67 สรุปด้วยคน 1.ซื้อหุ้นบริษัทและราคาที่ บัฟเฟตซื้อ 2.ทำDSM = รวยกว่าบัฟเฟต แต่ถ้าทำข้อ1 ไม่ได้ ขอเดาว่าโอกาสเจ๊งกับรวยเท่ากันขึ้นกับว่า ทำข้อ1ได้ดีแค่ไหนทำดีก็รวยเร็วทำห่วยก็เจ๊งเร็ว 555555555555555 ไปดีกว่าม่ะเกี่ยวกะเราเลย จากคุณ : optimum - [ 30 พ.ค. 48 02:25:03 A:58.9.253.41 X: TicketID:044917 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หุๆ คนมองกันบางทีมุมมองยังไม่เหมือนกันเลยครับคุณแมงเม่าครับ แต่หากการโต้ตอบหาความจริง จบลงด้วยดี แถมมีความรู้หรือความชัดเจนเพิ่มขึ้นได้อีก ผมยิ่งดีใจใหญ่เลยครับคุณแมงเม่า  ^ ^ เรื่องโดนลบกระทู้ผมไม่เคยโดนลบหรอกครับ แต่ผมโดยลบรายข้อความน่ะครับ (เกี่ยวกับความรู้นี้แร่ะครับ) นานแร่ะ เมื่อ5เดือนที่แล้วมังครับ ผมก็ไม่ติดใจแล้วล่ะเรื่องนั้น เพราะ webmaster เขามีวิธีที่ดีจัดการด้านนี้ให้แล้ว ยินดีที่ได้คุยกันนะครับ จากคุณ : Moonzonezturn - [ 30 พ.ค. 48 07:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 70 รอฟังประสบการณ์ broker 20ปี ของท่าน เจ้าของกระทู้เช่นเดียวกับคุณเลขสามครับ ผมสนใจตลาด future มานานแล้ว จากคุณ : Moonzonezturn - [ 30 พ.ค. 48 07:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอตอบเฉพาะที่ถูกพาดพิง ๑.  คำว่า  dsm  ผมเป็นคนเรียกขึ้นมาเองครับ ด้วยความที่ เป็นคนชอบคิดคำแปลกๆให้คนจดจำ ตอนนั้นวิธีการของคุณเด่นศรีกำลังฮิตมาก ก็เลยถือโอกาสเข้าไปร่วมแจม แบบอย่างดัง  ฮาๆๆๆ ไม่เกี่ยวกับคนที่ชอบแนวทางนี้แต่อย่างไร เห็นด้วยที่ คนที่นิยมแนวทางนี้จะ จะให้ความจำกัดความขึ้นมาใหม่ว่า dsm  ย่อมาจาก  descending sell method ครับ ผมเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ   มารู้ทีหลังว่า  มันเป็นชื่อลูกหมา ๒ ผมขอฟันธงว่า คุณเด่นศรี สามารถสร้าง "ส่วนต่างของราคาหุ้นสะสม"  ได้ทุกวันทำการ แต่สำหรับคนอื่น  ผมไม่แน่ใจ ๓. มีความเห็นที่แตกต่างก็เป็นเรื่องดีครับ ไม่ใช่ว่าเห็นคล้อยตามไปทุกเรื่อง อย่างนั้น  จะกลายเป็นคนยึดติดกับแนวคิดเดียว จนไม่สามารถหลุดกรอบไปยังแนวคิดอื่นได้ "ผมไม่ได้ทำ ดีเอสเอ็ม ไม่ใช่เพราะว่า  มันไม่ดี แต่รู้ตัวเองว่า  ทำไม่ได้ ก็เลยไม่ได้ตามครับ" แต่บางคนทำได้  ก็เป็นเรื่องดีมากๆ  สำหรับคนๆนั้น ผมเชื่อว่า  คนที่จะทำดีเอสเอ็มจนประสพความสำเร็จคือ "คนเจ้าระเบียบ  ระดับคุณละเอียด" บังเอิญเป็นคุณสมบัติที่ผมไม่มีโดยสิ้นเชิง มีนิสัยทางการเงินที่แย่มากๆ   (อย่างแน่นอน ในสายตาของคนที่นิยมอิสระภาพทางการเงิน) ซึ่งผมไม่เคยพูดในเวปบอร์ดหุ้น และคงจะเก็บไว้  รู้กันแค่สองคนกับภรรยา เพราะดันมีนิสัยแย่ๆ นี้เหมือนกันเลย จากคุณ : คลาย เครียด - [ 30 พ.ค. 48 08:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 72 สวัสดีเจ้าของกระทู้,เฮียคลายเครียดและทุกท่านในกระทู้นี้ ผมมองช่วงเวลาการเกิดขึ้นของDSMพบว่าเกิดขึ้นหลังจากดัชนีทำpeakที่800+ไปแล้วดังนั้นการทำตามวิธีDSMก็เหมือนกับการยอมคืนหุ้นไปให้กับผู้ที่shortไปก่อนหน้าโดยมีกสงสฝ มาเป็นแรงจูงใจให้รายย่อยทำตาม....คนที่shortไปก่อนหน้าย่อมได้กำไรมากที่สุด....แน่นอนว่าถ้าเราshortหุ้นไปแล้วไม่มีใครshortตามเราก็จะขาดทุน...เหมือนเล่นแชร์ลูกโซ่,อย่าเป็นมือสุดท้ายนะครับ จากคุณ : think_pos - [ 30 พ.ค. 48 08:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอตอบมั่ง ในฐานะคนไม่ได้ถูกพาดพิง แต่เคยศึกษา คนที่ "อ่าน" เรื่อง DSM แต่ไม่เคยลงมือทำจริงๆ หรืออย่างน้อยก็ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง พูดเหมือนคุณ "ผมเองครับ" ทุกคนเลย แต่คนที่ลงมือทำไปแล้วระยะหนึ่ง ไม่มีใครพูดแบบนี้ จากคุณ : ซีเค - [ 30 พ.ค. 48 11:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ได้ความรู้เยอะทีเดียว และเห็นด้วยกับแนวการคิดของเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : สมชาย บางพลี - [ 30 พ.ค. 48 11:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอแสดงความนับถือ พี่แมงเม่าทนไฟ "ยิ่งให้ยิ่งได้รับ" จากคุณ : KoKoMan - [ 30 พ.ค. 48 11:42:10 ]

ความคิดเห็นที่ 76 DSM เป็นแนวคิดที่ดี แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ที่จะนำไปใช้ ต้องเข้าใจ เงื่อนไขและข้อจำกัดของมันด้วย แต่อย่าเอาวิธีนี้ไปเปรียบเทียบกับ Warren Buffet เลยครับ เพราะเขาคือปรมาจารย์ด้านการลงทุน แต่ DSM คือ การหาเงินสดจากส่วนต่างของราคา ซึ่งจะเหมือนกับ trading system แบบหนึ่งเท่านั้น ซึ่งถ้าถามหาผลการพิสูจน์และการยอมรับแล้ว ทุกคนคงทราบคำตอบดี จากคุณ : . - [ 30 พ.ค. 48 12:00:33 A:10.100.98.62 X:203.155.94.129 TicketID:066940 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ผมคิดว่ากระทู้นี้ดูดีกว่ากระทู้ของคุณ"ผมเองครับ" http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/I3349033/I3349033.html จากคุณ : Stocks Are Forever - [ 30 พ.ค. 48 12:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอสรุปละกันนะครับจากกระทู้แนะนำ DSM concept แนวความคิดของ DSM นั้นดีมาก ในแง่ต้องการสะสะมหุ้นให้มากๆขึ้น และ เมื่อมีมากๆแล้วก็กินแต่เงินปันผล ( ที่มากพอสำหรับใช้ชีวิตประจำวัน และไปเที่ยวรอบโลก blah blah ) โดยยกตัวอย่างหนังสือรวยๆ ทั้งหลายรวม ทั้ง Warren Buffet ผู้โด่งดัง ทีนี้ก็มีแนะนำการ Trade เป็นระบบที่มีการ Short Against Port เป็นแบบ step แบบ 10% ซึ่งอ้างว่าสามารถประกันความเสี่ยงของหุ้นได้ดี ซึ่งทำได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งในหลายกระทู้ที่อ่านเจอ คุณเด่นศรีอ้างว่า เทื่อ trade ระบบนี้ สองสามปี จะได้หุ้นทั้งหมดที่ซื้อมาแต่แรกฟรีๆ แล้วก็เอากำไรนั้นไปซื้อหุ้นตัวอื่นได้มากมาย มีกระแสเงินสดทุกวันไม่มีที่สิ้นสุด ........ช่างง่ายดีจัง พอมีคนเชื่อทำเข้าก็ปรากฎว่าไม่ work อย่างที่คุณเด่นศรีอ้างเอาไว้ บางคนไม่ถึงปีหรือบางคนปีกว่าก็ร่อแร่ ยังไม่เห็นทางที่จะได้หุ้นมาฟรีๆ ง่ายจริง ง่ายจังอย่างที่ว่าเลย ผมถึงเข้ามา โพสต์บอกว่าระบบนี้น่ะมีมานานหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ผมเป็น broker ในตลาดต่างประเทศซื้อขาย ทองคำล่วงหน้า ฝรั่งเอามาสอนให้ลูกค้าเล่น สมัยก่อนนู๊น เมืองนอกยังสามารถส่งออเดอร์ไว้ล่วงหน้าได้เลย ว่าถ้าหุ้นตกมาเท่านี้ให้ขายไปเท่าไหร่ ตกมาอีก 2 step ให้ขายไปเท่าไหร่ หรือขึ้นไปอีกกี่ช่อง ให้ขายไปเท่าไหร่ ไม่ต้องมาเฝ้าดูอย่างเมืองไทย แล้วค่อย order ขอโทษ ยังเจ๊งเป็นแถวเลย ขนาดเร็วกว่าบ้านเรา ถ้าเล่นกันตลอดชีวิต ที่ว่าคือ ซื้อๆขายๆ แล้ว คนกลางกินค่าคอมไปหมด คงมีคนแย้งว่า ก็คุณเด่นศรียังทำได้เลย เพียงสองสามปีเท่านั้น ขอโทษ อย่าลืมซิครับ ว่าระบบนี้ หรือระบบไหนๆ ก็ทำได้ เมื่อซื้อถูก ขายแพง ในช่วงที่ SET ขึ้นมาจาก 300 กว่าๆ เป็น 700 กว่าๆ พอถึงตอนนี้ทำไม่ได้กัน ก็อ้างว่าค้องทำอย่างต่ำสามปีมั่งล่ะ ต้องซื้อขายตลอดชีวิตบ้างล่ะ ต้องมีการดัดแปลงไป ตามความเหมาะสมของแต่ละคนบ้างล่ะ จากเดิมออกสูตรกันไว้ว่าต้องไม่หวั่นไหว ทำทุกอย่างเคร่งครัด มีวินัย ไม่สนใจตลาด ไม่สนใจ ข่าวสาร ซื้อขายให้ตรงเวลา ไม่ต้องเฝ้าตลาด อะไรต่อ มิอะไร ตอนนี้ไม่เฉลียวใจกันบ้างหรือครับ ที่ DSM ออกconcept การ trade อย่างหนี่ง ให้กับประชาชน แต่เจ้าสำนัก trade แบบนี้.....วิธีการที่ผมทำ จะยืดหยุ่นได้ตลอด ไม่มีวิธีตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการทำเกมส์ของเจ้ามือ..... ทำไมผู้สร้างกฎให้พวกคุณ ไม่ trade แบบที่เขาอ้างว่าประสบผลสำเร็จมาแล้ว จากคุณ : ผมเองครับ - [ 30 พ.ค. 48 14:13:00 A:58.10.95.254 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ... !?! แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 14:36:02 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 14:33:57 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 14:31:59 จากคุณ : chaychay - [ 30 พ.ค. 48 14:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ผมเข้าใจว่าคุณ"ผมเองครับ"ปรารถนาดีต่อตลาดหุ้นและคนลงทุนแบบVIแต่ตอนนี้คนที่short against port และคนที่ยืมหุ้นมาshortยังไม่สามารถเก็บหุ้นที่shortออกไปคืนมาได้ครบ การโปรโมทให้คนจำนวนมากตามกระแสshortจึงเป็นสิ่งจำเป็นแต่อย่าลืมว่าระหว่างที่มีDSMก็มีคนกลุ่มหนึ่งยินดีใส่เงินเพิ่มมาเก็บหุ้นดีๆไป(DSMไม่มีการเพิ่มเงิน)และเจ้าของบริษัทที่ขายหุ้นไปตอน800+ก็พร้อมที่จะดัดหลังพวกshort คนเล่นเน็ทเซ็ทเทิลเมนท์ขาดทุนได้คนเล่นชอร์ทก็ขาดทุนได้...ก็ว่ากันไปตามเกมครับ จากคุณ : think_pos - [ 30 พ.ค. 48 14:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ถ้ายังมีคำว่า กำไร ขาดทุน ก็คุยกันไม่รู้เรื่องหรอกครับ เฮ้ออออออออ จากคุณ : มือใหม่DSM - [ 30 พ.ค. 48 17:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกแล้วล่ะครับ ขอบคุณครับที่ตั้งกระทู้ ที่ช่วยทำให้ผมได้มีโอกาสทบทวนหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 30 พ.ค. 48 18:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ทำไมDSMต้องเลี่ยงคำว่ากำไรขาดทุนล่ะครับ บางครั้งการใช้คำที่เข้าใจยากก็ทำให้สับสนได้...ไม่ว่าจะใช้คำว่า"กระแสเงินสดแฝง"หรือ"ลดต้นทุนของหุ้น"แล้วเป้าหมายสุดท้ายคืออะไรครับ "อิสรภาพทางการเงิน"?แล้วมันคืออะไรครับถ้าไม่ใช่ทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้เงินกลับมามากขึ้นกว่าที่เคยมี....แบบนี้เขาไม่เรียกว่ากำไรหรือครับ ปัญหาของDSMคือมุ่งที่กสงสฝที่จะได้จากหุ้นทีละ10%ที่เอามาหมุนเวียนโดยละเลยที่จะพูดถึงพอร์ทที่ค้างอยู่ว่าแดงหรือเขียว....จึงต้องเน้นย้ำเสมอกับผู้สนใจแนวทางนี้ว่าต้องอย่างน้อย2ปีและให้สนใจกสงสฝแทนคำว่ากำไรหรือขาดทุนในระยะ2ปีนี้เพราะแน่นอนว่าถ้าใครเผลอไปดูพอร์ทอาจทำใจไม่ได้ว่ามูลค่าพอร์ทมันลดลง...หลายคนดีใจว่าได้กสงสฝมาซึ่งก็ดีครับแต่ระวังว่าขณะที่เราทำDSMพร้อมกันถ้าใครกวาดหุ้นกลับแล้วจะพลาดโอกาสหุ้นดีราคาถูกตามแนวVIเด้อ.....ยิ่งถ้าใครDSMตอนที่เขากำลังจะเลิกDSMถือว่าซวย2ต่อเพราะนอกจากพลาดโอกาสซื้อยังเผลอขายไปด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 18:52:17 จากคุณ : think_pos - [ 30 พ.ค. 48 18:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 84 กลับมาอ่านอีกที ยาวเหยียดเลยแฮะกระทู้นี้ ต้องขอขอบคุณคุณ ผมเองครับ ที่เข้ามาทักท้วง ให้มีการออกความเห็นโต้แย้งกัน เพื่อให้คนที่เข้ามาใหม่ๆได้เข้าใจ เพราะบางครั้งคนที่เข้ามาใหม่ๆ มีคนแนะนำให้ใช้ DSM ก็ไปอ่านแล้วนำมาใช้ โดยที่ตัวเองอาจไม่เข้าใจดีพอ หรือใช้แบบครึ่งๆกลางๆจนอาจเกิดผลเสียหายตามมาได้ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้ใช้ DSM เต็มตัว เพราะรู้ตัวเองว่าทำไม่ได้ ผมชอบตัวเลข 30% มากกว่า และผมก็ยังสนใจคำว่ากำไรกับขาดทุน ในขณะที่ผมก็สนใจที่จะสะสมหุ้นเหมือนกัน แต่ก็ยังยืนยันว่า DSM เป็นแนวทางที่ดีทางหนึ่ง แต่สำหรับคนที่เล่นหุ้นหรือจะเรียกว่าลงทุนในหุ้น สิ่งสำคัญผมคิดว่าควรรู้จักตัวเราเองให้ดีก่อนดีกว่า ว่าเราเป็นคนอย่างไร มีนิสัยพฤติกรรมอย่างไร มีเวลาแค่ไหน จากนั้นค่อยหาโมเดลที่เหมาะสมกับตัวเองมาใช้ ทุกคนควรมีโมเดลของตัวเอง จึงจะสามารถเอาชนะตลาดได้ ตราบใดที่เล่นหุ้นตามข่าว ตามความรู้สึก ตามคำบอกเล่าของคนอื่น โอกาสเจ๊งมาเยือนอยู่แค่เอื้อม สรุปแล้วจะใช้วิธีไหนก็แล้วแต่ ขอให้เหมาะกับตัวเราก็แล้วกัน ขอบคุณ ผมเองครับ อีกครั้ง จากคุณ : Livestock - [ 30 พ.ค. 48 19:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 85 มาให้กำลังใจ น้องแมลงเม่าทนไฟ ที่ได้พยายาม อธิบายแนวคิด DSM รวมทั้งเพื่อนร่วมกระทู้ ทุกคนที่โต้แย้งและแสดงความคิดอย่างสุภาพ เห็นความพยายามของ น้องแมลงเม่าทนไฟ แล้ว ยิ่ง คิดถึง การให้แนวคิดนี้ของคุณเด่นศรี ในช่วงแรก ๆ คงเป็นการให้ด้วยใจ จริง ๆ  เป็นดิฉันคงท้อไปนานแล้ว โดยส่วนตัวแล้ว มิได้มีความสามารถเพียงพอในการ อธิบายแนวคิดนี้ เท่าน้องแมลงเม่า ฯ แต่ขอเล่าให้ฟัง ว่า ตลอดเวลา 7-8 เดือนที่ได้ทำตามแนวคิด DSM แต่การปฎิบัตินั้น ยึดหลักแนวทางของตนเองมาตลอด ผลงาน ก็เป็นที่พอใจมากทีเดียว สำหรับคนมีวัยใกล้ เกษียณ มีเงินน้อย และ หวังที่จะ" สะสมหุ้น " เพื่อ อาศัยเงินปันผล ในการดำรงบั้นปลายของชีวิตแบบ เศรษฐกิจพอเพียง จากคุณ : ชราร่า - [ 30 พ.ค. 48 19:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ดีครับ  ขอบคุณทั้งสองฝ่าย  ได้ข้อคิดดี ๆ และเห็นโอกาสบางอย่างด้วย   กรอบแนวคิด เนี้ยสำคัญจริง ๆ   => ความเชื่อ,พฤติกรรม ที่แสดงออกมาเป็นความเห็นในเรื่องนั้น ๆ แนวคิดใหม่ new channel ที่ผ่านเข้ามา  ถ้าเป็นคนที่เปิด จะรับและทดลองดูก่อนอย่างจริงจัง ใช้ตรรกะ จนแน่ใจว่าดี  ไม่ใช่ฟังคนอื่นเอาว่าดีหรือไม่ดี แล้วก็ทำตาม  ต้องเกิดจากการทดสอบของตนเอง   ถ้าเป็นอย่างนั้นการเรียนรู้จะไม่มีวันสิ้นสุด   แต่หากกรอบแนวคิดเดิมยังครอบงำอยู่  ซึ่งแนวคิดเดิมก็ไม่รู้ว่าได้พิสูจน์หรือยัง  อาจดำรงฐานะแค่ความเชื่อส่วนบุคคล หรือทำตามแล้วยังไม่ครบขั้นตอน  พอมีข้อมูลหรือกรอบแนวคิดอะไรที่ไม่คุ้นกับช่องทางเดิม ของการวิเคราะห์ของกระบวนการทางความคิด   ก็อาจไม่รับหรือต่อต้าน        นั่นคือ ทำให้เราคิด หรือ กระทำไม่เหมือนกัน  จงเป็นตัวของตัวเอง  => ทางใครทางมัน       ความเห็นของผม คือ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อน ตามวิธีทางวิทยาศาสตร์ (ตรรกะ)  อย่าใช้เชิงสังคม หรือแค่จินตนาการ จากคุณ : morefunthai - [ 30 พ.ค. 48 20:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ดีใจครับที่DSMช่วยลดต้นทุนโดยสร้างกระแสเงินสดแฝงให้เพื่อนๆในระยะ7-8เดือนที่ผ่านมาได้ แต่อย่างที่บอกครับว่าเราไม่รู้ว่าแชร์ลูกโช่ของการชอร์ทหุ้นจะหยุดเมื่อใด...หวังว่าเพื่อนๆคงไม่เป็นมือสุดท้ายกันนะครับ จากคุณ : think_pos - [ 30 พ.ค. 48 20:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ฮือๆๆๆ เอากระทู้คุณอยากเชือกคืนมา หลุดไปแย้วเนี่ย จากคุณ : Moonzonezturn - [ 30 พ.ค. 48 20:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ต้องบอกว่านี่เป็นกระทู้ที่ชาวสินธรไม่ควรพลาดเป็นเด็ดขาด ผมเห็นด้วยกับผู้ตอบกระทู้ที่83 ของคุณthink-pro ในเรื่อง กำไร-ขาดทุน ..ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องลงทุนในหุ้นด้วย วิธีแปลกๆสารพัด ..เมื่อยังไม่มั่นใจและข้อมูลไม่เพียงพอ ทำไม๊? ไม่สะสมเงินสดไว้ รอจังหวะลงทุนในหุ้นที่เฝ้ารอคอย เพียงแค่ครั้งสองครั้งในรอบปีหรือสองปี คุณก้อรวยไม่รู้เรื่องแล้ว!!! จากคุณ : เหาฉลาม - [ 30 พ.ค. 48 20:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 90 มันก็ต้องมีบางล่ะครับคุณพี่ think_pos หากทุกคนคิดเหมือนกันหมด ความเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ คุณ livestock ขยายความเพิ่มเติมได้ดีจังครับ เราควรจะต้องรู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน  ค่อยใช้แนวทางนั้นๆที่เหมาะสม หากเราชอบไปทาง ทำไปทาง มันก็อาจจะเหมือนคน 2 คนกำลังเล่นชักเยอกันอยู่ก็ได้ ในขณะเดียวกันคนที่รู้ตัวเองว่าชอบอะไร และใช้วิธีที่เหมาะสมกับความต้องการ ความรู้ และ(((+ความคิดอันใหม่ผมเลยคือเวลาที่มีอยู่ของคนนั้น ซึ่งแต่ล่ะคนแตกต่างกันไป)))ก็อาจจะเหมือนกับคนเล่นกีฬาวิ่งคู่ที่ขานึงถูกมัดรวมกัน แต่ก็สามารถวิ่งไปด้วยกันก้าวไปด้วยกันอย่างถูกจังหวะ และถึงเส้นชัยได้เร็วกว่าอีกด้วย ^^ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 21:01:32 จากคุณ : Moonzonezturn - [ 30 พ.ค. 48 20:53:58 ]

ความคิดเห็นที่ 91 คือพี่เหาฉลามครับ ปัญหาเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือ (ไม่มีใครรู้อนาคตที่แน่นอน) เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เราได้แต่คาดการแนวโน้มเท่านั้น คุณเด่นศรีเลยสร้างแนวความคิดนี้ขึ้นมา(จำความเก่าได้น่ะครับ) แต่เห็นด้วยเหมือนกันว่า มีบางคนที่เก่งจริง สามารถคาดการแนวโน้มที่ใกล้เคียงถูกต้องได้ก็มีอยู่ แต่เป็นส่วนน้อยของตลาด ซึ่งผมก็ค้นพบความต้องการของตัวเองมานานแล้วก็คือ ชอบเก็งกำไร ก็เลยไม่ได้ใช้แนวทาง DSM แต่ไปเน้นวิจัยคิดModel TA ขึ้นเองแทนน่ะครับ....มันอาจจะเป็นตัวเลือกสำหรับคนๆหนึ่งอย่างผม แต่คนอื่นอาจจะเหมาะกับ FA หรือ วิธีdsm หรือวิธีอื่นๆนอกจากนี้ก็ได้  (แต่ความจริงก็แอบเอาแนวคิดdsmไปแปลงด้วยเหมือนกันถ้าต้องการหุ้นเพื่อกินปันผลเป็นกำไรให้พอร์ท) มากกว่าต้องการกำไร(เป็นตัวเงิน) ^___^ วิจัยเล่นๆนุกดี แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 21:15:28 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 21:10:36 จากคุณ : Moonzonezturn - [ 30 พ.ค. 48 20:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 92 อ่านทุกกระทู้แล้วต้องขอแจมซะหน่อยครับ 1. การยึดติดแนวทางใดแนวทางหนึ่งจนมากเกินไปจะทำให้ การศึกษาแนวทาง เทรดใหม่ๆจะถึงทางตัน เพราะคำว่าอคติ จะทำให้ความละเอียดในการอ่านและตีความน้อยลง อย่าง warrent เป็นตัวอย่างที่ยกประกอบ ของการถือหุ้นแบบ infinite ไม่ใช่ indefinite คือ ถือไปแบบยาวนาน ไม่ใช่เจ้าของบทความบอกว่า warrent ใช้ dsm 2. เรื่องเวลาเป็นปัญหาโลกแตกของทุกระบบ ไม่ว่าจะ vi technical dsm Mn etc. มันจริงๆ ประมาณทฤษฎีสัมพันทภาพเลย เรื่องตำแหน่งกับเวลาเนี่ย ทุกคนต่างมีจุดยืนของตำแหน่งและเวลา ยิ่ง dsm ยิ่งมีทั้งตำแหน่งและเวลามากๆ ถ้าจะเปรียบเทียสาขาของ trading technique ที่ใกล้เคียงกับ dsm มากที่สุดคงเป็น money management technique เช่น pyramid trading programe etc. 3. ผมเคยคิดคำนวนดู 10% port ต่อตัว ต่อวัน ดูเหมือนเยอะ แต่ไม่เยอะ สมมุต มีหุ้น 3 ตัวใน port ลงทุนตัวละ 100,000 ถึงจุดขายจุดซื้อ ครบ 3 ตัว ก็แค่ 30,000 บาท ค่าคอม ตก 75 บาท แล้วมาร์ชอบ นี่ถ้าบางวัน active ตัวเดียวคงคิดหนัก ว่าจะซื้อจะขายดีไหม อิอิ ยกตัวอย่างอีกด้านให้คุณๆเห็นว่า จริงๆแล้ว ทุกอย่างถ้าคำนวนได้ ต้องคำนวน อย่าไปนึกเอาเอง อย่างนั้น อย่างโน้น คุณจะถูกภาพลวงตาเอาได้ สรุป ผมสรุปเอาจากประสบการณ์คนชอบลองของ ของผมโดยซื้อหุ้น หลายประเภทโดยใช้หลายวิธี (คิดแล้วว่าไม่เสี่ยง) เห็นเหมือนกับ คุณ CK กระทู้ที่ 72 ว่า มันต้องลองเอง โดยเฉพาะเจ้าของกระทู้ เพิ่มอีกหน่อยว่า คนที่คิดเอาเอง กับคนลงมีปฎิบัติต่างกันมากๆ ยิ่งมีเดิมพันแบบนี้ จะต้องกลับไป อ่านอีกหลายรอบเชียวละ เพราะพลาดเจ๊งลูกเดียว (ตามDSMว่านะกับ) อ่านดูแล้วเจ้าของกระทู้เข้าใจไปคนละทางทีเดียว แต่จะกล้าหรือเปล่าที่จะลอง ไม่ต้องตอบกระทู้ผมกะได้ครับ ศึกษาดีๆแล้วลองเลย ดีกว่าครับ คิดเอากับลองทำดู มันต่างกันมากๆ (เน้น) 4. dsm ไม่ได้เป็นหนังสือ How to คือ แนวคิด เหมือน reflexivity ของ soros เหมือน มาก์คซิส ของ คาร์ล มาร์ค 9ล9 ส่วนวิธีการและระบบจะตามมา เจ้าของแนวคิด ไม่ได้บอกให้ทุกคนทำตามเป็นหุ่นยนต์ ให้วิธีการเป็นguide line ไว้ และแน่นอนว่าย่อมมีผู้เข้าถึงและเข้าไม่ถึงเช่นกัน เน้นแนวคิดมิใช่วิธีการ อะไรคือแนวคิด? อะไรคือวิธีการ? แล้วคุณจะเห็นความแตกต่าง ปล. ผมมิใช่ dsmers แต่ผมศึกษาแล้วผมจัดให้ dsmอยู่ในสาขาหนึ่งของ technical analysis มากกว่า fundamental และ แปลกมากๆ ถ้าคุณสนใจ dsm ในเชิง technique คุณจะมองตลาดอีกแนว ในเชิง fundamental คุณจะได้แนวคิดอีกแนว มันประยุกต์และเสริมกับทั้งสองแนวคิดหลัก ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ มีคนคนหนึ่ง สามารถที่จะเป็นเจ้าของคลับ ในสินธร จากแนวคิด DSM ในขณะที่วิธีการแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็น technique fundamental หรือ อื่นๆ กลับปนกันอยู่ ส่วนตัวที่ผมสัมผัส คลับนี้มิใช่ธรรมดา ลองแล้วได้ผลอย่างไรบอกเพื่อนพ้อง น้องพี่ บ้างก็จะมีประโยชน์มากๆครับ จากคุณ : utto - [ 30 พ.ค. 48 21:15:34 A:203.146.58.129 X: TicketID:054446 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ไม่มีความสำเร็จใดๆที่ได้มาด้วยความไม่พยายามอย่างหนัก ..นี่เป็นความเชื่อส่วนตัวของผม  และผมยิ่งไม่เชื่อไปใหญ่ ที่รูปแบบความสำเร็จของคนหนึ่งจะเป็นต้นแบบของอีกผู้หนึ่ง วิธีนึงก้อมักจะเหมาะกับผู้นึง เป็นปัจเจกบุคคลอย่าได้ลุ่มหลง ผมชอบหลายอย่างของปีเตอร์ ลินซ์ แต่ผมก้อไม่ชอบวิธีลงทุน ในหุ้นหลายตัวของเค้า ผมชอบแนวVI ของวอเรนต์ แต่ผมก้อ ไม่ศรัทธาการกอดหุ้นที่ชอบไปตลอดชีวิตแบบเค้า และแม้กระทั่ง วิธีของดร.นิเวศน์ที่ผมเคารพ ก้อมีหลายอย่างที่ผมว่ายังเชยๆอยู่ จากคุณ : เหาฉลาม - [ 30 พ.ค. 48 21:57:02 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอแจมบ้างครับ     เท่าที่ลองอ่านดูในกระทู้นี้ คุณ "ผมเองครับ" ได้ลองอ่านกระทู้แรกใน dsm หรือยังครับ ถ้าอ่านแล้ว อ่านจนจบหรือเปล่า     การใช้ dsm มีอันตรายแน่นอนครับ สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจ concept ของวิธีนี้ คุณเด่นศรี ก็ได้บอกไว้แล้ว ว่าคนที่ใช้วิธีนี้ส่วนใหญ่จะล้มเหลว ประมาณ 90 กว่าเปอร์เซนต์     dsm ไม่ได้ต่างกับ fa หรือ ta เลย ทุกวิธีมีเนื้อหา มีความซับซ้อน มากกว่าแค่อ่าน แล้วจะเข้าใจ     ทุกครั้งที่เรา short ตามแบบ dsm มูลค่าพอร์ตลดลงแน่นอนครับ ยิ่งshort ยิ่งลดลง แต่ทุกครั้งที่ซื้อ ต้นทุนหุ้นก็ลดลงเหมือนกันนะครับ ถ้าเรามองว่า short 10 - 20 ครั้งอาจจะยังไม่เห็นอะไร แต่ถ้าเราคิดว่าเราสามารถ short แล้วซื้อได้ เรื่อยๆ เป็น ร้อยๆ ครั้ง (โดยไม่ต้องเพิ่มเงินใหม่ลงไป) ตอนนั้นถึงจะเห็นผลของมัน เราอาจจะคิดว่าtrade เป็นร้อยครั้ง มาร์ ก็กิน com บานเลย แต่เท่าที่ลองดูแล้วนะครับ ค่า com ที่มาร์ได้ไป เทียบกับ เงินสดที่เราได้กลับมา มันต่างกันมากครับ     หุ้นเพียงตัวเดียว หรือ 2 - 3 ตัวไม่สามารถทำ กสงสฝ ได้ทุกวันหรอกครับ คุณเด่นศรีก็ได้บอกแล้วเหมือนกันว่า ที่ต้องมีหุ้นมากถึง 50 ตัว ก็เพื่อจะได้มี กสงสฝ ทุกวัน ถ้ามีน้อยตัว บางวันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แล้ว 50 ตัว ก็เป็นมากกว่า แค่หา กสงสฝ ให้ได้ทุกวันด้วยครับ ( ถ้าผมเข้าใจถูกนะครับ เพราะยังทำไม่ถึงตรงนั้น )     แต่ยอมรับครับว่าวิธีนี้อันตรายมาก สำหรับคนที่ไม่เข้าใจแล้วลองทำดู เพราะถ้ามันคิดว่าแย่แล้ว ของจริงแย่กว่าที่คิดอีกครับ จากคุณ : Littlebigman - [ 30 พ.ค. 48 22:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 95 คห. 92 คุณ utto ครับ ที่ผมเขียนข้างบนคุณอาจไม่ได้อ่านนะครับ การ trade ขาลง แบบ short ลงมาเนี่ย ผมไม่เพียงแต่เป็นผู้ปฎิบัติเท่านั้นแต่ยังได้ train ลูกน้องมาเป็นร้อยแล้ว ให้ไปแนะนำวิธีนี้กับลูกค้าในอดีตหลายสิบปี ผมเป็น brokerมาจึงเห็นมาเยอะและรู้ว่านี่เป็นการ trade ธรรมดาวิธีหนึ่งเท่านั้นเองที่พวกเรานิยมแนะนำให้ลูกค้าใช้ และก็เห็นว่าการ shortหรือ long ไม่ได้ต่างกันเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อคุณขายแล้วตลาด ไม่ลง เนี่ย เจ๊งอีกแล้ว เช่นเดียวกับการซื้อทุกครั้ง แล้วตลาดลง ไปอีก ก็เจ๊งอีก ดังนั้นการ trade แต่ละครั้งสำคัญมากกว่า ไม่ว่าจะ long หรือ short ไปแล้วตลาดเป็นไปในทิศทางกับคุณไหม ขายไปแล้วหุ้นตกไหม ถ้าไม่ตกกลับดีดขึ้นมา ตัวนั้นคุณเสียแล้ว ยิ่งปล่อยทิ้งไว้ gap ห่างกันเท่าไหร่ คุณก็เสียมากขึ้น หรือก็ไปดึงกำไรในตัวอื่นของคุณลงมา ถ้าไม่ทำ stop loss สำหรับตัวอื่น ดังนั้น การรู้ position ของหุ้นทุกตัวจึงสำคัญมาก แล้ว DSM บอกว่าทิ้งเอาไว้เป็นกองหลัง แท้จริงแล้ว ก็เป็นประเภทเดียวกับ คนที่ซื้อแล้วหุ้นตก ...บอกว่าไม่ขายไม่ขาดทุนนั่นเอง ส่วนเรื่อง กำไร ขาดทุน บอกว่า ไม่ต้องคิด แล้วมาทำเสียงเยาะเย้ย หรือเบื่อหน่ายคนอื่นว่าไม่เข้าใจ เนี่ย ขอโทษครับ คนที่ตั้งคำแนะนำขึ้นมาว่า เราต้องการถือหุ้นไม่ได้เอากำไร ใช้ประโยคนี้เพื่อปลอบใจพวกคุณเท่านั้นเอง หรือจะเรียกว่าไม่ยอมรับความจริงก็ได้ ผมเห็นว่าการแนะนำอะไรใหม่ๆให้สาธารณะชนนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องอธิบายให้ละเอียด และบอกความจริงให้หมด อย่าบอกแต่สิ่งดีๆ แล้วสิ่งที่เหลือ ก็ให้ไปเจอกันเอาเอง หรือไปตั้งสมมุติฐานว่าคนอื่นน่าจะรู้แล้ว เช่น ....ที่ซื้อขายเพียงสองสามปีก็ได้ทุนคืนมานั้นเป็นช่วงขาขึ้นจาก 300 เป็น 700 ด้วยนะจ๊ะ อีกประการหนึ่ง จะเห็นได้ว่า เจ้าของสำนักและผู้เกี่ยวข้องก็ได้แนะนำวิธีนี้ แก่ ญาติ หรือเพื่อนฝูง และก็เห็นว่า เสียหายไปหลายคน เช่นเดียวกับผมที่เคยเสียเพื่อน และคนรู้จักไปจากการ tradeแบบนี้ และอีกหลายๆแบบ จากการไม่สอนให้หมด จึงอยากจะบอกอีกทีว่า แนวทางอยากรวยของDSM นั้น ( ผมใช้ภาษาชาวบ้านละกัน ) เป็นสิ่งที่ดี มีการทำบันน้ำ บัญชีเป็นระบบ ให้แนวคิดที่ดี เรื่องการ trade นั้นจะซื้อหรือขาย ณ เวลาหนึ่งเวลาใดไม่สำคัญ สำคัญแต่ว่าคุณตัดสินใจถูก ทุกครั้ง เท่านั้นเอง คุณก็รวยภายใน ปี เดียวได้ ( อ้อ ตลาดก็ควรเป็นขาขึ้นแบบเดียวกับของคุณเด่นศรีนะครับ ถ้าตอนนี้ 650 ปีหน้าเป็น 1,300 แต่ถ้าย่ำต๊อก อยุ่ที่ 600 หรือ ไหลลงไป 500 กว่าๆ ในปีหน้า ก็รอไปละกัน ) ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จทุกครั้งนะครับ พร้อมกับได้รับอิสระภาพทางการเงิน ได้อย่างรวดเร็ว เทอญ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 30 พ.ค. 48 23:05:26 A:58.10.96.164 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เข้ามาแจมหน่อยหนึ่งครับ อิอิ มีหลายความเห็นมากแล้ว อืมม์ เท่าที่อ่านบ้าง(ข้ามบ้าง) ก็เข้าใจเองว่า ทุกความเห็น ก็เป็นแค่ "ความเห็น" เท่านั้น จริงๆ(รวมถึงความเห็นของผมนี้ด้วย หุหุ) ความเห็น ก็เป็น เพียงแค่ ความเห็น และอาจแปลสภาพเป็นความจริง ณ เวลาใด เวลาหนึ่ง สถานที่ใดที่หนึ่ง ขึ้นอยู่กับ จุดอ้างอิงใดๆ ที่ถูกกำหนดขึ้นมาในสภาวะนั้น และมันอาจจะคงอยู่เช่นเดิม หรือเปลี่ยนแปลงได้อีก เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ณ สถานที่ใหม่ จุดอ้างอิงใหม่ ซึ่งอาจขัดแย้ง โดยสิ้นเชิงกับจุดเดิมหรือไม่ก็ได้ และ อาจจะวนเวียนกลับมาสู่จุดเดิมได้อีกครั้ง จนกว่า เราจะไม่มีความเห็นอีกต่อไปครับ ดังนั้น ผมขออ้างอิง ความเห็นที่ เก้าสิบห้าอันเดียวนะครับ(ต่อยอดกันหน่อยนะครับ หนุกๆ) เอา คำเดียว ครับ คำว่า เจ๊ง เจ๊ง เนี่ย ผมแปลง่ายๆ นะครับ ว่า คือ ขาดทุน แบบกำปั้นทุบดิน หมายถึง จากจุดเริ่มต้น เงินของเรามีน้อยลงถูกไหมครับ ในตลาดหุ้น การกำไร หรือ ขาดทุน จากจุดเริ่มต้น มีได้ตลอดเวลา และสามารถเกิดขึ้น และดำรงสภาวะอยู่ต่อไปจนกว่า จะเกิดการเทรดครั้งใหม่ และมันไม่ควรจะคงอยู่อย่างถาวร เพราะการตัดสินใจซื้อขายใดๆ จะเกิดการหมุนเวียนของสภาพกำไร-ขาดทุนนี้เอง หมุนวนกันไปไม่ได้ขาด(ถ้าเรากังวลกับการกำไรขาดทุนอยู่ตลอด สภาวะจิตใจของเราคงจะว้าวุ่นน่าดูเลยนะครับ เพราะเงินของเรา เพิ่มขึ้นและลดลงทุกวันเลย เมื่อถือหุ้น อิอิ) เพราะเรายังไม่ใช่ เซียนหุ้น และเราก็ปั่นหุ้นเองไม่เป็น ดังนั้น การกำไรขาดทุน ในแต่ละวัน ก็จะเกิดขึ้นกลับไปกลับมา เช่นเดียวกับจิตใจของเราด้วยเช่นกัน ไม่ว่า เราจะเทรดรายวัน รายเดือน รายไตรมาส รายปี หรือ ถือยาวไม่เคยขาย เราก็จะมีจุดอ้างอิง กำไร ขาดทุนอยู่ด้วยเสมอ สมมติว่า คนที่สามารถอยู่ในตลาดหุ้นมาเป็นสิบปี ยี่สิบปี จะต้องผ่านภาวะกำไรขาดทุนมาหลายหมื่นครั้ง คนที่ผ่านมาได้จริง ต้องมีวิธีบริหารความเสี่ยง คือ ตอนเจ๊ง ก็ไม่มากพอที่จะทำให้ออกจากตลาดได้ หรือถ้าออกไป ก็กลับเข้ามาได้เช่นกัน แต่จะมีจุดอ้างอิง หนึ่ง ที่จะทำให้เกิดผล-กำไร ขาดทุนจริง คือ จุดที่เราออกจากตลาดและไม่กลับเข้ามาอีกครับ ซึ่งจุดนั้น มักจะเป็นจุดที่คนส่วนใหญ่ขาดทุนมโหฬารแล้วสาบส่งตลาดลักทรัพย์ นี่ก็คือ เจ๊ง นั่นเอง แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ เพราะภายใต้สภาวะเจ๊งดังกล่าว มันไม่ได้มี แค่คำว่า เงินน้อยลง แต่มันมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ เรามักจะเกลียดกลัว อารมณ์ของเราตอนนั้น มากกว่า การขาดทุนจริงที่เกิดขึ้นเสียอีก ตอนที่ เจ๊ง อะไรมันก็ไม่สดใสเลย ไม่อยากทำอะไรแล้ว ลากันทีตลาดหุ้น ไรแบบเนี้ยครับ เรากลัว อารมณ์เสียใจ ของเรา ตอนที่รู้ว่า หุ้นตก มากกว่า ตัวหุ้นที่ตกเองเสียอีก เราตัดขายขาดทุน มหาศาล ตอนที่ หุ้นกำลังโดนทุบด้วยข่าวร้ายลงมา ก็เพราะอารมณ์เกลียดกลัวการขาดทุนนี้เอง(หลายครั้ง ปรากฏว่าสองวันถัดมา มันเด้งโลด ให้เจ็บใจอีก? เฮ้อ) แล้วเราก็สาบส่งหุ้นตัวนั้น แล้วเราก็จดจำฝังใจหุ้นตัวนั้นว่า หุ้นมันเน่านี่ฝ่า ไม่เอาแล้ว ฉานเปลี่ยนตัวใหม่ แล้วก็เจอตัวใหม่ อนาคต น่าสดใสไฉไล แล้วหุ้นก็กระดืบขึ้นไปทีละน้อยอีก แล้ววันดีคืนดี ก็มีข่าวร้ายอีก แล้วก็โดนทุบฮวบลงมาอีก แล้วฉานก็ขายขาดทุนเยอะๆ อีก เหอๆ แล้วก็วนเวียนวงจรเดิมใหม่อีกครั้ง... สุดท้าย ท้ายสุด ก็เป็นได้แค่คนดู ออกไปจากตลาด เพราะเจ๊งจริงๆ คอยเตือนคนอื่นว่า อย่าเข้ามาตลาดลักทรัพย์.... เห็นภาพเป็นลบ คนเก่าไป คนใหม่ มา วนไปอย่างนี้ตลอด คราวนี้มาดู ดีเอสเอ็ม กันบ้าง ตัดอารมณ์ทิ้งไปก่อน ขายตามเสต็ป(อันนี้ ไม่จำเป็นต้องเป๊ะนักหรอก แต่ที่สำคัญต้องลงบัญชีให้ดี ระดับ "คุณละเอียด" ขอยืมสำนวนพี่คลายเครียดนะครับ) สุดท้าย ทางกำไรขาดทุน จะเกิดมูลค่าเฉลี่ย ที่ต่ำกว่า จุดสูงสุด หุ้นจะขึ้นจะลง ก็ไม่สน เพราะมีส่วนต่าง(กินเงินตัวเองนี่แหละ ดีกว่าไม่มีให้กินล่ะนะ) เพราะเป็น เทรดดิ้งซิสเต็มที่ไม่ตายตัว ผู้ที่เข้าใจแนวคิดแล้ว จะรู้ว่า การลดลงหรือ เพิ่มขึ้นของมูลค่าพอร์ตเป็นเพียงสิ่งลวงตาล่อใจ เท่านั้นแล ดีเอสเอ็ม คือ เทรดดิ้งซิสเต็ม ที่มี ไทม์โซน เป็น อินฟินิตี้(ถ้าหุ้นที่เลือกไม่เจ็งออกไปจากตลาดนะครับ อันนี้เป็นข้อที่สำคัญอันดับต้นๆ) หุ้นไม่เจ๊ง มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงของราคาตลอด ดังนั้นจะมีเวลาอยู่ในตลาดหุ้นตลอดไป จนกว่า ตลาดหุ้นมันจะเลิกครับ ในตลาดหุ้น สภาวะต่างๆ คล้ายสิ่งสมมติ ไอ้หุ้นต่างๆ ที่เราเทรดอยู่เนี่ย เราเคยเห็นหน้าค่าตามันไหมครับ สภาวะขาดทุน กำไร ต่างๆ มันก็ไม่เคยคงอยู่ตลอดไป ขึ้นอยู่กับจุดอ้างอิง เท่านั้น หุ้นมันมีขึ้น ก็ย่อมมีลง เป็นสภาวะธรรมชาติของมันอยู่เอง เช่นเดียวกับกำไรขาดทุน มันเปลี่ยนแปลงตลอด ขึ้นอยู่กับจุดอ้างอิงเช่นกัน ดีเอสเอ็ม เน้น การนำเงินต้นออกมาให้ครบ(จุดอ้างอิงสำคัญ) ที่เหลือก็ได้เป็นหุ้นฟรี ให้เราลงทุนหุ้นต่อ และไม่เติมเงินใหม่ลงไป ดังนั้น ไทม์โซนของการลงทุนนี้ เป็น อินฟีนีตี้ เมื่อถึงจุดคุ้มทุนแล้ว ที่สำคัญ น้อยคนที่ใช้ ดีเอสเอ็มแล้ว รู้สึกยุ่งเหยิงในจิตใจ ไปกับสภาวะตลาดแต่ละวัน เพราะดีเอสเอ็มโตไปพร้อมตลาด เล็กลงพร้อมตลาด แตเงินต้นมันทะยอยกลับมาทีละน้อย กินได้ นอนหลับดี เวลาหุ้นตก ก็ขำๆ ถ้าเทรดดิ้งซิสเต็มนี้ ทำให้กินอิ่มนอนหลับเวลาหุ้นตก ทำให้เวลาขาดทุน ขาดทุนทีละน้อยๆ ทำให้อยู่ในตลาดได้นานๆ จนในที่สุดก็เป็นตลอดไป เทรดดิ้งซิสเต็มนี้ ควรจะเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีหรือเปล่าครับ? คุณเจ้าของกระทู้ช่วยบอกหน่อยสิครับ ว่า ดีเอสเอ็มเนี่ย มันจะเจ๊งได้อย่างไร แล้วมันเจ๊งที่ตรงไหน เมื่อไร ในจิตใจหรือเปล่าครับ? จากคุณ : ทรงกฤษฎิ์ - [ 31 พ.ค. 48 02:48:23 A:203.170.136.247 X: TicketID:080268 ]

ความคิดเห็นที่ 97 กระทู้แนวนี้มีมาเรื่อยๆเลยนะครับ.... ที่จริงคุณก็ไม่รู้ ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่า ลงทุนแนวไหน แล้วทุกคนจะประสบความสำเร็จ รวยกันทุกคน... คุณ จขกท ลองไปตั้งคำถามตามคลับต่างๆที่ต่างก็มีแนวการลงทุนในแบบของเค้า แล้วถามเค้าว่า เป็นไงคุณลงทุน แนวนี้ แนวนั้น แล้วประสบผลสำเร็จมั้ย? คุณคิดว่าเค้าเหล่านั้นจะให้คำตอบคุณว่าไงหละ คำตอบก็ต้องมีทั้งไม่ประสบความสำเร็จ และที่ประสบความสำเร็จ DSM ก็ไม่เว้น! คนที่มาใช้แนวคิดนี้ก็ต้องมีทั้งได้ผลและยังไม่ได้ผล ซึ่งก็คงอยู่ที่ตัวบุคคลเองที่จะนำไปใช้ได้ถูกต้องแค่ไหน เข้าใจดีรึยังถ้าจะนำไปใช้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับ DSM ดีหรือไม่ดี ผิดหรือถูก และผมเชื่อว่าคนที่เข้ามาในวงการหุ้นทุกคนก็ต้องมีความรู้ความสามารถพอ ที่จะบริหารเงินของตนเองให้ดีที่สุดอยู่แล้วหละครับ ถึงเข้ามาใหม่ๆยังไม่รู้ แต่ประสบการณ์จริง คงทำให้ได้เรียนรู้เองว่าเค้าเหมาะสมกับการลงทุนแบบไหน DSM ก็มีทั้งคนชอบ และ ไม่ชอบ เหมือนกับ VI และ TA นั่นหละครับ ส่วนใครจะใช้ได้ผลไม่ได้ผลยังไงก็สุดแล้วแต่ คุณ จขกท รบกวนอีกสักปีสองปี มาตั้งกระทู้แนวนี้ถามอีกครั้งดีมั้ยครับ ถึงตอนนั้นใครหลายๆคนคงจะให้คำตอบได้ดีกว่าวันนี้ ถึงวันนั้น ผมคงให้คำตอบคุณได้เหมือนกันครับ... จากคุณ : กระต่ายกะเต่า - [ 31 พ.ค. 48 04:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผมเห็นด้วยกบจขกท นะครับ และขอเสริมต่อจากเดิมที่ คห76 โดยแจมต่อ 96 กสงฝ ที่ได้มาจากการขายหุ้นขาดทุน ไม่ต่างอะไรกับการเล่นมาร์จิ้นแล้วโดนฟอร์ซเซล หรือ automatic cutloss นั่นก็เป็นการจำกัดความเสี่ยงอย่างหนึ่ง โดยข้อบังคับของการเล่นมาร์จิ้น ผลของมันน่ะหรือ ก็คือ ขาดทุน แน่นอน ใน transaction นั้น แต่นักลงทุนคนนั้น จะอยู่ในตลาดได้อีกนานแค่ไหน มันก็อยู่ที่ การเทรดครั้งต่อไปต่างหาก การทำ DSM จะทำให้อยู่ในตลาดได้นานหรือไม่ ก็เหตุผลเดียวกัน และที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง คือ คำกล่างที่ว่า ให้ลืมการซื้อครั้งแรก จริงๆ แล้ว การซื้อครั้งแรกนี่ละครับ สำคัญที่สุด แล้วก็เป็นสิ่งทีผมกล่าวไว้ในกระทู้ข้างบนว่า อย่าริไปเทียบกับ Warren Buffet อย่าไปบอกว่า แนวทางนี้เป็นแนวทางเดียวกับเขา อย่าเอาสังกะสีไปวางใกล้ทอง แล้วบอกว่ามันเหมือนกัน (อย่าศึกษาแต่ DSM แล้วทำให้เส้นผม DSM ไปบังภูเขาแห่งความรู้ อื่นๆ) ข้อแตกต่างประการแรก ก็ฟ้ากับเหวแล้ว DSM บอกว่า ซื้อหุ้นครั้งแรกแล้วให้ลืมราคานี้ไปเลย แต่ Warren จะซื้อก็ต่อเมื่อ ราคานั้นต่ำกว่า intrinsic value หรือมี margin of safety อีกด้วย ด้วยความไม่มีประสิทธิภาพของตลาด หรือ อารมณ์ของตลาดนั่นเอง นั่นคือ เขาให้ความสำคัญกับ ราคาที่จะซื้ออย่างยิ่งยวด แล้วเขาสนใจกระแสเงินสดและผลกำไรจากการดำเนินงาน ไม่เคยขายหุ้นเพราะเพียงเพราะราคาหุ้นตก เพื่อเอากสงฝ มีแต่จะซื้อเพิ่มหากมันต่ำกว่า intrinsic value ยิ่งตก ยิ่งซื้อ ยิ่งขึ้น ยิ่งกอด (ถ้าเขาเห็นว่าเป็นธุรกิจที่ดี) แต่ DSM ยิ่งตก ยิ่งขาย กระโจนเข้าซื้อเมื่อเริ่มขึ้น(ตรงนี้นี่แหละที่ผมว่าเป็นกับดัก DSMers) เพราะ มันเป็น transaction ใหม่ ด้วยกสงฝ ที่มาจาก transaction เดิมที่ cutloss หรือตัดขาดทุนมา ถ้าเข้าซื้อแล้ว หุ้นลงอีก ก็คือขาดทุนอีก มูลค่าพอร์ทก็ลดลง แม้ว่าจะได้กสงฝ มาก็ตาม แต่ transaction นี้ก็ต้องถือว่าขาดทุนสะสมอีก เหมือนกัน ดังนั้น หากตลาดหุ้นเป็นขาลง กระแสเงินสดแฝง ที่ได้มา จะต่ำกว่ามูลค่าของพอร์ทที่ลดลง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ ซื้อเบนซ์มาทำแท๊กซี่ นั่นเอง เงินค่าโดยสารก็คือ กสงฝ ค่าเสื่อมราคา ก็คือ มูลค่าของพอร์ทที่ลดลง ขับแท๊กซี่คันนี้ไปสามปี นึกว่าได้เงินสดมาเยอะแยะ พอปิดบัญชีปั๊บ อาจเป็นลมนะครับ ย้ำ DSM เป็นแนวคิดที่ดี แต่เป็นแค่ trading system อย่างหนึ่งเท่านั้น มันมีข้อจำกัด และข้อแม้อยู่ เยอะมาก เช่นเดียวกับ trading system อื่นๆ จากคุณ : . - [ 31 พ.ค. 48 05:03:09 A:61.90.5.110 X: TicketID:066940 ]

ความคิดเห็นที่ 99 อืม...นานาจิตตัง...... ....พลังจงอยู่กับท่าน.....แต่เงินนั้นจงอยู่กับผม... จากคุณ : hs9jls - [ 31 พ.ค. 48 08:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เมื่อหลายวันก่อนผมได้เห็นกระทู้หนึ่ง และได้ลิงค์เข้าไปดูแล้วก็พิพม์ออกมาอ่านดู ความจริงคำว่า dsm ก็เห็นมาเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนั้นตลาดหุ้นเป็นเวลากระทิงมากกว่าเวลาหมี ก็เลยไม่ได้สนใจวิธีการแบบ dsm เพราะวิธีการของตนเองก็สามารถทำกำไรได้ดีมากและสม่ำเสมอ ประจวบกับขณะนั้น วิธีการปฎิบัติก็เขียนมาเสียยาว มีบทมีตอน เลยไม่ได้ติดตาม เมื่ออ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็พบจุดบกพร่อง และจุดที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ รวมทั้งแนวทางคิดไม่ตรงกับหลักคิดของตนเอง ก็เลยทิ้งไว้ก่อนไม่ได้อ่านต่อ เมื่อวานนี้ตลาดซบเซามากเลยหยิบมาอ่านต่อ พอสรุปว่า 1...เป็นวิธีการเล่นหุ้นที่ดีสำหรับคนอายุน้อย เพราะนโยบายเล่นถือยาว ( ประเทศที่เจริญแล้ว ได้ แต่บ้านเราไม่น่า) 2...หลักคิดมีทั้งถูกและผิดความจริง คือในทางปฎิบัติ ตลาดไม่ได้เดินทางตามที่เราคิดเสมอ ดังนั้นความผิดพลาดของวิธีการนี้จึงต้องอาศัยเวลามาทำละลายความเสี่ยงและรอหยุดการขาดทุน ส่วนตัวอย่างที่ยกเอาบุคคลมีชื่อเสียงทั้งหลายมา ถือเป็นการโรยชูรสทั้งสิ้น คนที่จะรู้ความลับในการทำกำไรและพูดความจริงได้คือ บรรดาเลขาประจำตัวของบุคคลดังๆ เหล่านี้ (ซึ่งคงซื้อความลับแห่งความรู้นี้ได้ยากหรือแพงมากๆ) 3...อย่างไรเสียก็ต้องขอบใจเจ้าของกลยุทธที่มาเผยแพร่ความรู้นี้ เป้นทางเลือกของคนบางคนที่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมา 4... คติดคิดและหลักการบางอย่างไม่ตรงกัน อย่างผมถือว่า หุ้นลงกำไรหุ้น หุ้นขึ้นกำไรเงิน แต่วิธีการ dsm บอกตรงกันข้ามและมีหลักคิดทางการค้ามาเป็นข้อสนับสนุน แต่ผมเคยทำงานกับบริษัทใหญ่มาหลายแห่ง ไม่ได้คิดแบบที่วิธี dsm อธิบาย 5... วิธีของ dsmบอกว่าวันๆหนึ่งใช้เวลาน้อยนิดกับระบบ dsm เพราะกลไกทำงานเองได้ แต่ผมพิจารณาตามวิธีการแล้วเห็นว่า ใช้เวลามากและเหนื่อยมากๆ มากกว่า 6....สุดท้ายก็ต้องยกเครดิตให้กับเจ้าของความคิด และผู้เผยแพร่ทั้งหลาย อย่างน้อยเป็นทางเลือกให้หลายๆคน ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอคำตอบจากคนที่ลงมือปฎิบัติ แล้วมาเล่าให้ฟัง (แต่คงนานมาก เพราะหลักคิดคือถือหุ้นตลอดชีวิต จึงไม่มีโอกาสปิดบัญชีในชีวิตนี้) ขอให้ทุกคนโชคดี จากคุณ : อยากเชือก - [ 31 พ.ค. 48 08:08:32 A:202.57.170.135 X: TicketID:000385 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ผมขอแจมกับเจ้าของกระทู้ จาก คหที่ 95 ด้วยความเตารพดังนี้ครับ ผมพยายามบอกว่า DSM มิใช่ pure short against port ตามที่ เจ้าของกระทู้เข้าใจไปเอง ที่ให้คุณลองไปทำ ไม่ใช่ไปทำ short against แบบเดิมๆ dsm ไม่ใช่ short sell อย่างเดียว ขาขึ้นก็ใช้ได้ ถ้ายังมีเดาตลาด (เดา position) ก็ยังไม่เรียกdsm หรอกครับ สรุปว่า ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนไปไกล เหตุผลที่ไม่นับต้นทุนแรก ก็เพราะจะทำให้ไขว่เขวแค่นั้นเอง จะคิดหรือไม่คิดก็ได้ เป็นแค่กลวิธีเท่านั้น เพราะถ้าคิดทุกวันก็จะกลัว จากประสบการณ์แบบของผมนะ ผมอยากให้ไปศึกษาให้ดี เพราะยิ่งคุณอยู่ในตลาดนาน ประสบการณ์มาก คุณจะเห็นทั้งข้อดีข้อเสีย ของระบบเอง มิใช่อ่านผ่านๆ แล้วคิดไปเองว่ามันใช่ ผมว่าเข้าใจนะว่า ที่คุณพยายามจะบอก entry exit position cover short ..etc ผมถึงบอกว่า ถ้าเรายังยึดมั่นแต่แนวทางเดิมๆที่เราเคยสำเร็จ หรือ ศึกษา trading system ใหม่ๆ ด้วยใจ อคติ ก็คือยึดติดกับ TA นั้นเอง (ไม่ใช่ว่า dsm จะดีกว่า TA หรือแย่กว่านะ คนละประเด็นกัน) มันไม่ได้เลวร้ายขนาด run loss ครับ อคติไม่ได้เป็นเฉพาะ TA นะ fundamental ก็เป็น เอาเป็นว่า ถ้าคุณยังมีอคติอยู่ ผมว่ามันอันตรายกับคนอื่น คนรู้ไม่จริงพูด อันตรายกว่า คนไม่ รู้เลยพูดมากนัก เพราะ มันยากจะตัดสินว่าอะไรกันแน่ ที่คือความจริง หรือ ความไม่จริง ของ DSM และของโลก เพราะพระพุทธองค์ ท่านก็บอกในกาลามาสูตร 10 ด้วยความเคารพ ปล. จากคุณ : utto - [ 31 พ.ค. 48 08:20:48 A:203.146.58.129 X: TicketID:054446 ]

ความคิดเห็นที่ 102 คห.96 คุณทรงกฤษฎ์ ถามผมว่า DSM จะเจ๊งได้อย่างไร ก็ต้องนิยามคำว่าเจ๊งในทัศนะคุณและผมกันก่อนครับ คำว่าเจ๊ง มีตั้งแต่มินิเจ๊ง คือเป็นแต่ละtransaction อย่างที่ผมพูดเอาไว้ ไปถึง แมคโครเจ๊ง คือไม่เข้ามาในตลาดอีกเลย สำหรับ DSM ก็มีมินิเจ๊งเหมือนกัน คือหุ้นที่คุณถือ ไม่เคลื่อนไหว หรือ เคลื่อนไหวน้อยมาก ในแต่ละวัน อารมณ์ของคุณจะหงุดหงิด หรือเมื่อใช้ไปแล้วยังไม่ถึงปีสองปี ดี ยังไม่มีวี่แววที่จะถึง จุดอ้างอิง ที่DSM ใฝ่ฝันกันกันคือ จุดคุมทุนได้หุ้นมาฟรี ไปถึงตลาด Bear market อย่างในช่วงที่ลงมา จาก 1,700 กว่า ไปถึง 250 กว่าจุด หลายบริษัทจะต้องล้มหายตายจากไป นอกเหนือจากบริษัทเงินทุนที่พวกคุณที่ไม่เล่นกัน จนไปถึง หุ้นที่คุณถือไว้หมดสภาพคล่อง ออกไปจากตลาด ไปถึงวันที่คุณเจ็บป่วยไม่สามารถ ทำการซื้อขายได้ หรือตายไป ลูกเมียคุณซื้อขายแบบคุณไม่เป็นก็จบ ถ้าหุ้นอยู่ในขาลง short เอาไว้เกือบหมด เป็นต้น ดังนั้น DSM จะกำหนด time frame เป็น indefinite ก็ขัดกับความจริงที่ว่า ขีวิตหรือความสามารถในตัดสินใจซื้อขายของคุณไม่ได้เป็น indefinte ไปด้วย การเจ็บป่วย และการตาย ก็เกิดขึ้นกับได้กับทุกคนรวมถึง บริษัทที่คุณเข้าไปลงทุน จากคุณ : ผมเองครับ - [ 31 พ.ค. 48 08:26:16 A:58.10.96.15 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 103 จขกท ยังพูดเรื่อง กำไร-ขาดทุน อยู่เลยครับ เห่อ เหมือนคนละโลก จากคุณ : กระเจี๊ยบน้อย - [ 31 พ.ค. 48 08:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คนที่ศึกษาdsm บางทีไม่เข้าใจหลักปรัชญา การลงทุนจริงฯ บางคนคิดว่าทำเพื่อแก้ปัญหาความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง แต่จริงฯแล้วถ้าจะทำdsmให้ประสบความสำเร็จจะต้อง ใช้ทั้งขาขึ้นและขาลงให้มีความสอดคล้องกันจึงจะจบขบวนการที่สมบูรณ์ ส่วนระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของตลาดตามสภาวะตลาด ถ้ายังคิดเรื่องกำไรขาดทุนอยู่ก็มักจะถอดใจกลางทางและเกิดความเสียหาเพราะเขาเลิกเพราะเขาคิดว่าเขาขาดทุนและไม่คุ้มกับวิธีการนี้ ผมชอบมุมมองที่แตกต่างชอบกระทู้นี้ทำให้เห็นมุมมองและวิธีคิดการลุงทุนของแต่ละคนดีครับ ที่คุณ ผมเองครับ พูดถึงทองคำ ถ้าเปรียบแนวทางdsmยังไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง มันเป็นการยึดติด โดยแนวทางนี้ต้องไม่ยึดติด พวกเราเรียกมันเป็นยานพาหนะอย่างหนึ่งเท่านั้นครับ ผมก็อยากรู้จุดอ่อน dsm คืออะไร อยากฟังคนที่ค้านมากกว่าเห็นด้วยครับ ชอบมากกระทู้นี้ผมเชื่อว่า dsmer ใจกว้างพอที่จะรับคำติ ทุกคนเป็นนักคิดในที่นี้ ไม่มีใครจูงใครหรือบังคับใครได้ครับให้ปฎิบัติตามคำพูดของตน ใครสนใจก็ถามเอาถ้าอยากรู้จริงฯ อยู่ที่การตั้งคำถามของแต่ละคนว่าตั้งคำถามได้ดีแค่ไหนทำให้เขาบอกความจริงและจริงใจจะบอกได้แค่ไหน ส่วนที่คุณชินจัง ทำขึ้นมาเพื่อง่ายในการทำความเข้าใจแนวทางนี้ ที่อยากจะศึกษา เพราะคนที่ไม่ได้ศึกษาตั้งแต่ต้นจะหากระทู้ไม่เจอและกระจัดกระจายเกินไป ทำเพื่อคนสนใจเท่านั้นที่พร้อมจะศึกษา  สำหรับคนรุ่นใหม่ แต่เราไม่บังคับให้ใครทำ ให้ไปทดลองทำที่กระดาษก่อน ก่อนที่จะทำแนวทางนี้ครับ และสอนให้รู้จักคิดก่อนลงมือทำจริง คุณชินจังทำขึ้นมา เพื่อคนรุ่นหลัง เพราะพวกเราถือว่าโชคดีมาเจอในจังหวะที่เหมาะสมพอดีก่อน dsmไม่ใช่สูตรสำเร็จแต่สามารถปรับให้เหมาะสมตามนิสัยของผู้ลงทุน แต่ที่ยกตัวอย่างแค่เป็นแนวทางให้เข้าใจง่ายขึ้น ทำจนเข้าใจแล้วก็ไปปรับเปลี่ยนตามแนวทางของตนเอง จากคุณ : ยิ้ม (ลำชี) - [ 31 พ.ค. 48 08:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 105 แหมคุณ utto ด้วยความเคารพ เนี่ย ยังกะพูดในสภา ผมเข้าใจ DSM ดีครับ ผมแย้งเรื่องการtrading แบบเป็น step ของ DSM concept ที่เอามาเสนอต่อบอร์ดนี้เมื่อสองสามวันต่างหาก ว่าไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จ ที่จะได้ทุน มาภายในสองสามปี อีกประการหนึ่งที่คุณว่า.....ถ้ายังมีเดาตลาด (เดา position) ก็ยังไม่เรียกdsm หรอกครับ คุณกำลังกล่าวหาคุณเด่นศรีว่า... กำลังนอกใจหรือครับ เพราะคุณเด่นศรีเขียนไว้ว่า..........วิธีการที่ผมทำ จะยืดหยุ่นได้ตลอด ไม่มีวิธีตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการทำเกมส์ของเจ้ามือ..... จากคุณ : ผมเองครับ - [ 31 พ.ค. 48 09:00:56 A:58.10.96.15 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เข้ามาให้กำลังใจคุณแมงเม่าทนไฟครับ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเถียงกับทุกๆคน เพราะ DSM สำคัญที่แนวคิด เมื่อคิดไม่เหมือนกัน จึงไม่จำเป็นต้องถกเถียงกันให้เสียเวลา อย่างไรเสีย ก็ไม่มีความคิดไหนถูกหรือผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ป.ล. ถึงแม้จะคิดไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นคำท้วงติงที่มีคุณค่า ต่อพวกเรา DSMers ... ขอบคุณครับ ทุกๆท่าน จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 31 พ.ค. 48 09:05:34 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ตลาดฟิวเจอร์ = zero sum game ตลาดหุ้น ไม่ใช่zeroนี่นา???? ตรงนี้ DSM ก็เลยสามารถใช้ timezone เป็น indefiniteได้อ่ะ แต่คุณผมเองก็รู้ว่าฟิวเจอร์ 3 6 9 เดือนก็ชำระราคารู้กำไรขาดทุนเป็นตัวเงินกันแล้ว ยกเว้นจะใช้ option กับตัวหุ้น หรือสัญญาซื้อขายเกษตร ณ วันส่งมอบ ที่ต้องชำระด้วยของกันจริง ในวันที่สัญญาระบุ ระบบตลาดfutureมันเชื่องโยงกับตลาดทุนก็จริง แต่มันก็เป็นแค่สัญญา ได้กำไรจากสัญญาเพื่อสะสมความมั่งคั่ง กับได้กำไรจากการมีหุ้นและได้ปันผลเพื่อสะสมความมั่งคั่ง พูดไปอาจจะเหมือนกับการที่เราจะเทียบความสามารถรถเบซน์กับรถกระบะไป ซึ่งเป็นคนล่ะรุ่น และคนล่ะประเภทไปเลย แต่ต้องยอมรับว่ามันก็มีทางไปถึงอิสรภาพได้เหมือนกัน แต่อย่างที่คุณผมเองพูดก็ถูกถ้าย้อนกับมาดูในกรณีของตลาดหุ้น หากหุ้นตัวนั้นมิสามารถสร้างผลตอบแทนกำไรได้อีก ไปอยู่ rehabco แล้ว เทนเดอร์ออกไป???....ก็คงต้องขายทิ้งแปลงร่างยอมเจ็บกระมัง คุณผมเองพูดมาก็ดีครับ คนใหม่ๆจะได้เข้าใจ และตระหนักถึงข้อกำจัดวิธีนี้ได้มากขึ้นมาอีกทาง (สมมุติเล่นๆอีก) ตึกบริษัทที่ถือไว้มันถล่ม ตึกที่ทำงานสร้างเงินให้กับบริษัทด้วย มูลค่าหุ้นลดแน่ๆสินทรัพย์เสียหาย(เช่นกลุ่มโรงแรม) ความสามารถในการทำกำไรลดลง ซึ่งหากรู้ล่วงหน้า เขาก็คงไม่ถือหุ้นตัวนี้มาตั้งแต่แรกหรอกผมว่า ตรงกันข้ามอย่างจองหุ้น ปตท ที่ 25 บาท ทุกวันนี้ก็ไปเป็นร้อย2ร้อย ถ้าผมรู้ผมคงยุให้พ่อแม่ขายบ้านขายที่ทั้งหมดไปซื้อปตทถือรอมันมาถึงร้อย2ร้อยแน่ๆ ^^" แต่คนเรามนุษย์ธรรมดาไม่ใช้ผู้หยั่งรู้ นี่นา เห็นด้วยกับข้อ 5 คุณพี่อยากเชือกด้วยครับ ผมเลยรักวิธีเก็งกำไรมากกว่า ไม่งั้นผมคงจะไม่เป็นอันเรียนหนังสือแน่ๆ กระทู้นี้สาระสุดๆเลย >_< แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 48 09:27:05 จากคุณ : Moonzonezturn - [ 31 พ.ค. 48 09:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 108 กระทู้นี้แสนดีนัก ที่เหล่าจอมยุทธ DSM มาให้กำลังใจ มากขึ้นๆมากขึ้น ตามลำดับ ( ผมไม่ได้เขียนผิดนะครับ ) คุณลำชีครับ เรื่อง ทอง นี่ลองคิดและศึกษาดูให้ดีๆซิครับ เป็นบริษัท ที่อยู่ยืนยาวที่สุดในโลก ถ้าคุณอ้างทฤษฎี DSM ว่า เวลา ไม่มีขีดจำกัด ก็ต้อง trade กับทอง ด้วย จริงไหมครับ ยิ้ม จากคุณ : ผมเองครับ - [ 31 พ.ค. 48 09:23:31 A:58.10.96.15 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ขอบคุณ ทุก ๆ ท่าน ที่ช่วยแสดงความคิดเห็นครับ :) อยู่ที่แนวคิดจริง ๆ ครับ เรื่องเดียวกัน คน 2 คนอาจมองเห็นคนละด้านก็ได้ :) จากคุณ : BeSmile - [ 31 พ.ค. 48 09:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ตอบ คุณผมเองครับ ทอง น้ำมัน ทรัพย์สิน ฯลฯ เป็นเป้าหมายต่อไปครับ เรากำลังศึกษาต่อยอดกันอยู่ครับ จากคุณ : ยิ้ม (ลำชี) - [ 31 พ.ค. 48 09:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ตอบความเห็นที่ 108 ครับ ไม่ใช่แค่ทองนะครับ ค่าเงิน กองทุนรวม และอีกหลายๆอย่างก็สามารถทำ DSM ได้ครับ เพียงแต่ตลาด commodities ในบ้านเรา ยังไม่มีสภาพคล่องแบบหุ้น จึงยังไม่เหมาะนัก ถ้าทองซื้อขายเหมือนหุ้นได้เมื่อไหร่ล่ะก็ ผมจะทำ dsmกับทองทันทีครับ จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 31 พ.ค. 48 10:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ตอบ คห. 28 2.สิ่งที่มีคุณอนันต์ ย่อมมีโทษมหันต์ อยู่ที่ผู้ใช้รู้จักวิธีควบคุมแค่ไหน ...... อันนี้ผมไม่แน่ใจนักนะครับ เพราะว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้มีคุณอนันต์ สำหรับผม และไม่มีโทษ อะไรเลยครับ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 29 พ.ค. 48 13:06:17 A:58.10.95.232 X: TicketID:037628 ] ----------------- ผมอ่านไม่หมด แถมขี้เกี่ยจอ่านแล้ว เอาเป็นว่าผมไม่สนเรื่อง DSM แล้วกัน ถึงแม้ผมจะใช้ก็เถอะ ผมเชื่อว่าคนส่วนมากหาสูตรสำเร็จ ทำไม่ได้ ก็บอกไม่ดี แต่สำหรับผม ดี ไม่ดีผมตัดสินของผมเองละกัน คงไม่ต้องยืมมือใครมาบอกครับ สำหรับผมสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน มีประโยชน์สำหรับคนคิดได้ และมีโทษเท่าที่ผมทราบก็คนอย่างน้อย สองพวก 1. พวกงมงาย ทำให้มีความเชื่อและการประพฤติแบบผิดๆ 2. พวกลากข้าง ชอบนำบางส่วนบางตอนมาตีความ ทำให้ตัวเองเข้าใจว่าเข้าใจ และทำให้ผู้อื่นไม่เข้าใจ คนเราประสบการณ์ต่างกัน เรียนรู้ต่างกัน บางคนไม่ชอบเสือ บอกว่าวิธีการกินและล่าโหดร้าย แต่ถ้ามันเอามาต้ม ปิ้ง ย่างก่อน มีน้ำจิ้ม ใส่เครื่องปรุงซักหน่อย เราจะบอกว่ามันมีอารยธรรม งั้นหรือ???? เอาเป็นว่าอคติอยู่ที่ใจครับ บางคน ถ้าใจไม่ชอบ แค่หายใจก็ผิดแล้ว เพราะดันเอาออกซิเจนของโลกไปใช้ แล้วคายคาร์บอนฯออกมา เลว....เลวจริงๆเลยคนพวกนี้ เห็นด้วยกับผมไหมครับ.... ผมเสนอเป็นมุมคิดนะครับ คงไม่เกี่ยวกับการสนับสนุนหรือค้านวิธี DSM นะครับ เพราะทุกวิธีมีการบริหารความโลภและความกลัวต่างกัน (ยืมวลีพี่ 2ค. หน่อยนะครับ) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่จำเป็นต้องบอกว่ามันไม่ดี จากคุณ : (คู่หู) (แมลงเม่าทนไฟ) - [ 31 พ.ค. 48 10:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 113 โจทย์  ที่ตั้ง  ต่างกัน   แล้วคำตอบที่ได้   จะเหมือนกัน หรือ (โจย์ที่ตั้ง  ต่างกัน    การแก้โจทย์ ต่างกัน   วิธีการคิดและใช้ ก็ต่างกัน  ผลที่ได้ก็ต่างกัน    ต่างวาระ ต่างความเหมาะสม)     ( เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ   เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด ) กล.    ถึง  dsm  ทุกท่าน             ท่านได้ทำหน้าที่ของท่านได้ดีแล้ว         วันหนึ่ง   กองหลังที่ท่านทิ้ง  ไว้  ก็จะซื้อคืนได้  สักวันนึง จากคุณ : Vprawat - [ 31 พ.ค. 48 10:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 114 "ถ้าราคายังขึ้นๆ ลงๆ ตลอดไป ไม่ว่าราคาสุดท้ายจะเป็นเท่าไร DSM ไม่มีวันเจ๊งครับ" (ถ้าไม่ถอดใจซะก่อน) ถ้าไม่เข้าใจประโยคข้างบน จะอ่านวิธีหรือรายละเอียดที่เหลือก็ไม่ได้ทำให้เข้าใจมากขึ้น (จบข่าว) แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 13:05:39 จากคุณ : KoKoMan - [ 31 พ.ค. 48 11:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ... เข้ามาชม จากคุณ : chaychay - [ 31 พ.ค. 48 14:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 31 พ.ค. 48 16:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 117 และแล้ววันนี้ผมซื้อหุ้นเพิ่มได้อีกแล้วโดยไม่ต้องเพิ่มเงินลงทุนใหม่เลย....มาศึกษาDSMนะครับแล้วจะได้ประโยชน์ดีครับ....เทรดไปยิ้มไปสบายดี...---->กลุ่มเป้าหมาย 1. ผู้ที่ติดหุ้นแล้วทำอะไรไม่ถูก  โดยเฉพาะจิตใจห่อเหี่ยวเวลาเห็นหุ้นลง คุณจะมีกำลังใจมากขึ้นถ้า มาศึกษา DSM(แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้วสำหรับวิทยาทานที่มีค่าสูงไม่ต้องซื้อหา) 2.  .....ยังนึกไม่ออก.... คลิกมาที่"คลับเพื่ออิสระภาพทางการเงิน"ที่นี่มีน้ำใจรอท่านเสมอ  (ถือโอกาศประชาสัมพันธ์ซะ......) จากคุณ : ขวัญชัย - [ 31 พ.ค. 48 16:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ถึงคุณ ผมเองครับ ช่วยมาตอบ และแสดงความคิดในกระทู้นี้ด้วยครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3513480/I3513480.html ...จูล่งจอมยุทธ์DSM ไร้รัก ไร้ใจ ไร้พ่าย... จากคุณ : จูล่ง - สุภาพบุรุษจากเสียงสาน - [ 31 พ.ค. 48 17:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ตลาดหุ้นวุ่นวายหนอ  วิธีการเข้าใจยากหนอ  ขอไปซื้อกองทุนเพื่อเอาเครดิตภาษีดีกว่าหนอ จากคุณ : think_pos - [ 31 พ.ค. 48 19:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 120 สวัสดีครับ คุณ ผมเองครับ ................................. ผมรบกวนคุณ ผมเองครับ    ไปที่ลิงค์   ที่คห. 118   ด้วยจะได้ไหมครับ     เนื่องจากผมสนใจเกี่ยวกับตลาดทองคำในต่างประเทศครับ   ( และคิดว่าน่าจะมีเพื่อน ๆ หลาย ท่านสนใจเช่นกันครับ ) รบกวนด้วยนะครับ ............................................ ขอบคุณครับ ................................... เด่นศรี    ครับ จากคุณ : เด่นศรี - [ 31 พ.ค. 48 20:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 121 แปลกไหม? บอร์ดสินธรน่าจะเป็นบอร์ดที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะที่สุดในเกือบทุกๆบอร์ดในพันทิพย์ แถมยังต้องมาสู้กันเอง ล่าส่วนเกินทุนในตลาดหุ้นกันอีก แต่ไม่ค่อยยักกะทะเลาะกันเลย แปลกดี รึว่าสาระมันกัดกินไปซะหมดก็ไม่รู้อิอิ.......ทั้งนอกคลับหรือหน้าห้องบอร์ดนี้รักกันดีแท้ ชวนสงสัยจัง พวก ต ล ก  กรรมการของตลาดเคยเข้ามาอ่านกันมั่งไหมหว่า....บอร์ดสินธรเข้าข่ายชวนปั่นหุ้นตรงไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย - -a แต่เรื่องซาลงไปแร่ะ โรดโชว์กันที โรยผักกันทีป่าวนี่ จากคุณ : Moonzonezturn - [ 31 พ.ค. 48 21:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ตลกดีครับ คุณผมเองนี่ ท่าทางความรู้สึกช้า เขาเถียงเรื่องนี้กันไป จะปี แล้วมั้ง ก็ได้คลับออกมา แยกตัวไปคุยแล้วยังอุสาห์เอามา post นอกห้องอีก บางทีคนเรามีอคติ ก็จ้องจะไปจับผิด ไปหยิบเอาเปลือกไม้มา ก็ไม่ได้ดูดีๆเลย เห็นเป็นไม้มาจากต้นเดียวกันก็ เหมาไปทั้งต้น ดอกผล อะไรก็ไม่เห็น จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 12:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 124 คุณ Chinn ท่าทางจะตลกมากว่านะครับ DSM concept เพิ่งจะเข้ามาโพสต์ในห้องนี้เมื่อสองสาม วันนี้ แล้วหัดอ่านดูมั่งว่าผมเขียนอะไรไป เพื่อใคร ผมมีอคติกับใคร ทีหลังหัดอ่านให้ดีๆ ก่อนนะครับ ก่อนจะว่าคนอื่น จากคุณ : ผมเองครับ - [ 1 มิ.ย. 48 13:41:36 A:58.10.96.250 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 125 กระทู้คุณ Chinn อยู่ในคลับครับ ผมเข้าใจว่า คุณ จขกท ไม่ได้เข้าไปที่คลับ แต่เปิดกระทู้จาก กระทู้แนะนำ เลยเข้าใจผิดว่ากระทู้อยู่ในห้อง เหอๆ จากคุณ : มือใหม่DSM - [ 1 มิ.ย. 48 14:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ตลกดีหมายถึง เห็น คน2แบบเถียงกันอ่านก็ตลกดีครับ(ไม่เกี่ยวกับ DSM CONCEPT) แค่ขำๆ ก็ผิดแย้ว แล้ว คุณผมเองนี่ ท่าทางความรู้สึกช้า เขาเถียงเรื่องนี้กันไป จะปี แล้วมั้ง ก็ได้คลับออกมา แยกตัวไปคุยแล้วยังอุสาห์เอามา post นอกห้องอีก สงสัยคุณพึ่งเข้ามามั้ง ก็แค่คิดว่า เขาแยกออกไปแล้ว และคนในห้องก็ไม่ได้มาชวนให้ใครเล่นวิธีนี้สักหน่อย แค่เขาสรุปวิธีการนี้ ให้คนในห้องของเขาฟัง ซึ่งผมก็ได้ความคิดเพิ่มอีก คุณผมเองครับ ตีความไม่ค่อยแตกอะครับ ตั้งแต่ ช่วงแรกๆ เลย มันเลยผิดไปหมด บอกแล้วว่าอย่าพึ่งมีอคติ เพราะ มันจะไม่ได้อะไร คนในห้องเขาก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรหรอก เขาออกมาตอบเพราะเขาหวังดีก็แค่นั้น เขาไม่ได้มาเถียง เป็นฟืนเป็นไฟเเบบคุณหรอก ดังนั้นใจเย็นๆค่อยๆฟัง ผมอ่านคคห ของคุณ จขกท จนถึงสุดท้ายก็ยังพบว่า คุณไม่ได้เข้าใจ concept dsm สักกะนิดเดียว ผมว่า คนที่ออกมาให้ความเห็นนี่ อธิบายอย่างละเอียดแล้วนะ ถ้าคุณไม่มุ่งแต่จะแย้งเขา คุณอาจจะเข้าใจมันมากขึ้นก็ได้ เด๋วผมจะค่อยช่วยอธิบายในส่วนที่ไม่เข้าใจ dsm ในแต่ละความคิดเห็นของคุณให้นะ จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 15:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 127 QUOTE ความคิดเห็นที่ 4 จะใช้ DSM ให้ประสบความสำเร็จ ต้องลืมเรื่องเวลา คนที่มีหุ้นติดดอย(ติดหุ้นราคาสูง ไม่ใช่ไปนั่งเทรดหุ้นบนดอยสุเทพ)อยู่ ลองถามตัวเองสักนิดว่า กังวลใจเพราะอะไร เพราะราคาหรือเวลา ถ้าซื้อหุ้นแล้วรีบร้อนอยากขาย ขายถูกขายแพงก็เป็นทุกข์ ดังนั้นถ้าตั้งใจจะลงทุนตามแนวทาง DSM แล้วห้ามเลิกกลางคันเป็นอันขาด และต้องลงทุนตลอดชีวิตหรือว่าลงทุนระยะยาว ๆ มาก ต้องเลือกหุ้นที่อยู่กับเราไปจนวันตายเมื่อดังที่ Warren Buffett ทำได้ทำการเลือกหุ้นเป็นต้น UNQUOTE Warren Buffett  ลงทุนในหุ้นที่อยู่กับเขาไปจนตาย DSMER ลงทุนใน dsm ผ่านหุ้น หรืออะไรก็ได้ ที่มีตลาด และมีการtradeไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเลือกหุ้นที่อยู่กับเราได้จนตาย แต่ต้องเลือกวิธีที่อยู่กับเราได้ไปจนตาย ถ้าคุณผมเองtradeแบบเดิมแล้วมีความสุขก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ แต่อย่างพึ่งคิดว่า trade แบบคนอื่นจะทุกข์สิ ก็ไม่ได้ลองไม่ใช่หรือ แต่ DSMER ผมไม่เห็นมีใครจะมีทุกข์อย่างที่คุณผมเองพูดสักกะคน เห็นแต่บอกว่าข้อดีที่ดีที่สุดคือสบายใจ QUOTE Warren Buffet สะสมหุ้นจริง แต่ไม่ได้ตัดขายแบบ 10% ของคุณเด่นศรี การขายหุ้นออก10 % .....ไม่ได้เป็นการประกันความเสี่ยงของหุ้นอีก 90% ที่ถือไว้แต่ประการใด แต่อาจจะ.....เน้น....อาจจะ ช่วย ประกันความเสี่ยงหุ้น 10% ที่คุณ short ลงมา แต่ถ้าคุณคิดผิด หุ้นไม่ลงกลับ ตีขึ้นไปอีก คุณก็เสียอีกแล้ว.....เรียกว่าซวยไป 20 %แล้ว UNQUOTE อันนี้ยิ่งเข้าใจผิดเข้าไปใหญ่เลย ประเด็นWARREN BUFFET พูดถึงแค่การลงทุนไปตลอดช๊วิตในหุ้นนั้นๆ “My favorite time frame for holding a stock is forever” เขาก็ไม่ได้บอกว่า WARREN BUFFET เป็นDSMER สักหน่อย แล้วก็ลงทุนในหุ้น กับ ในระบบ นะที่ต่างจึงอาจทำให้คุณผมเองครับ เข้าใจผิด เพราะเป็นมือนกัน ถ้าเปรียบใหม่โดยอยู่ในห้องที่ trade ทอง อาจจะเข้าใจ หัวข้อนี้มากขึ้น ว่า DSMER “My favorite time frame for trading on DSM is forever” แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 15:19:23 จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 15:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 128 อย่าเสียเวลาเลยครับ ผมรู้มากกว่าคุณเยอะ ถึงกล้ามาโพสต์งัย จากคุณ : ผมเองครับ - [ 1 มิ.ย. 48 15:19:13 A:58.10.96.250 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ผมกำลังจะตอบเรื่องสิ่งที่หลาบๆคนถาม พอมาเจอคนพล่ามเข้า ก็รู้สึกจะเข้ารกเข้าพงไปอีกแล้ว กลับขึ้นไปอ่านใหม่นะครับ จากคุณ : ผมเองครับ - [ 1 มิ.ย. 48 15:25:28 A:58.10.96.250 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 130 QUOTE ความคิดเห็นที่ 128   อย่าเสียเวลาเลยครับ ผมรู้มากกว่าคุณเยอะ ถึงกล้ามาโพสต์งัย จากคุณ : ผมเองครับ UNQUOTE อันนี้ยิ่งเข้าใจผิดเข้าไปใหญ่เลย ขำๆ ผมไม่ได้รู้มากกว่าจึงมาแก้ให้ แต่ผมมีเมตตามากกว่า ^^ อยากช่วยผู้อื่นที่เข้ามาอ่าน (คนเดียวกะที่คุณหวังดีว่าเขาจะเข้าใจผิด)ว่าจะเข้าใจผิด ดังนั้นผมไม่ได้ post เพื่อ จขกท นะครับ แค่ quote ให้ ทุกคนดูว่า ที่บอกว่าไม่เข้าใจมันตรงไหนบ้าง เพราะการเข้าใจผิดของคนหวังดี ที่ไม่เข้าใจแล้วออกมาพูด มองแค่เปลือกไม่ได้ทดสอบอะไรก็ออกมาพูดซะและ คนเรามีสิทธิและเสรีที่จะพูดในสิ่งที่อยากพูด แต่บางที คนไม่รู้เรื่องพูดดังกว่าคนรู้เรื่องเสียอีก ^ O^ (พี่เด่นศรีเลยพูดน้อยที่สุด ^_^) แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 15:40:07 จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 15:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ความคิดเห็นที่ 5   การขายแบบ Short Against Port นี้ก็เป็น Trading model แบบหนึ่งในหลายๆแบบที่คุณ Guyver เรียก ข้อสำคัญก็คือ Broker ชอบวิธีการนี้ เพราะว่าจะทำให้ลูกค้าทำการซื้อๆขายๆ บ่อย จึงนำมาให้...หมูสยามเล่น broker จะได้ค่าคอมตลอดเวลา ลูกค้ายิ่งเล่น ยิ่งติดหุ้นตัวนั้นตัวนี้ จากน้อยตัวเป็น หลายสิบตัว ยิ่งเล่น ยิ่งถอนตัวลำบาก จากคุณ : ผมเองครับ UNQUOTE ผมเป็น Broker ครับ แล้วก็ไม่ชวนลูกค้าสักคน trade วิธีนี้เพราะ เป้าหมายลูกค้าไม่เหมือนกัน(ไปดูชื่อคลับก่อน) และน้องอีกคนที่เป็น brokerเหมือนกันก็ไม่เห็นเขาจะมา ชวนใครในคลับไป trade กับเขาเลย วิธีนี้ลูกค้าต้องเข้าใจ เองไม่ trade เอง ไม่งั้น MKT ผิด กติกา ตลาด คือตัดสิน ใจแทนลูกค้า และยิ่ง trade เยอะขนาดนี้ รับรองตลาด ตรวจ MKT อยู่แล้วว่าส่งคำสั่งยังไง จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 15:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ความคิดเห็นที่ 7   ผู้ตั้งทฤษฎีนี้ ใช้เวลา เป็น.....Indefinite นั่นก็คือ ไม่มีสิ้นสุด โดยให้ความหวังว่าเมื่อหุ้นลง แล้วก็จะขึ้น อาจมีช่วงนึงที่คุณตัดสินใจถูก ก็ได้เงิน ใน time frame อันนี้ ถ้าใช้หลักสถิติแล้ว การตัดสินใจของคนๆหนึ่งในตลาดหุ้น อาจจะถูกก็ได้ ผิดก็ได้ แบบเล่นปั่นแปะ 50-50 แต่อย่าลืมว่า การซื้อๆขายๆ แต่ละครั้ง ผู้เล่นเสีบเปรียบเสมอ เพราะว่าถูกชักค่า commission ไปแล้ว ยิ่งเล่นมาก ก็เสียค่า คอมมาก กระทู้นี้ อาจเป็นที่ไม่พอใจ กับ Broker ทั้งหลาย แต่เป็นความจริง ที่ผมอยากจะบอกให้สังคมชาวหุ้นรู้ เพราะว่าเป็นความจริง ที่ broker ในตลาด Forex และใน Commodities ทั่วโลกใช้มานานแล้ว จากคุณ : ผมเองครับ - DSM ทิ้งกองหลังไว้ตลอด ไม่สนใจจะขายหมู ไม่กลัวซื้อ ดอยเพราะมันมีวิธี trade ที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าทำไปเพื่อ อะไร ดังนั้นทำยังไงก็ถูก หุ้นมันมีลง ก็มีขึ้น มีลงก็มีขึ้น เป็นธรรมชาติ ในตลาดหุ้นมาหลายปีแล้ว อยู่แล้วไม่เห็นต้องไปหวังอะไรเลย เราก็แค่ทำตามเท่านั้นเอง ดังนั้นจึงเป็นปั่นแปะ 100-0 เพราะเราพนันว่า หุ้นมีขึ้นก็ต้องมีลง มีลงก็ต้องมีขึ้น จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 15:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 133 คุณ"ผมเองครับ"   ช่วยเล่าเรื่อง trade ทองคำต่างประเทศ trade  forex    dowjone   fste   ว่า เราจะเทรดได้ไหมทาง internet  กับ broker ตปท.   มีวิธีเปิด บัญชีไหมครับ ผมเคย trade  forex  กับบริษัทในไทย มันผิดกฎหมาย เเล้วก็ปิดไปเเล้วซะส่วนมาก  เลยอยากเทรดกับบริษัทถูกกฎหมายใน ตปท.  จะได้ไม่ต้องนั่งพะวงว่ามันจะโดนปิดเมื่อไหร่   ไปlink ที่ที่คูณเด่นศรีบอกก็ได้ครับ   นืกว่าเป็นวิทยาทานความรู้dHเเล้วกัน  จะรอครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : เศษธุลี - [ 1 มิ.ย. 48 16:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ความคิดเห็นที่ 14   ความไม่จริงอีกประการก็คือ ที่เขียนไว้ว่า............... สิ่งที่คุณจะได้จาก DSM และไปสู่อิสรภาพทางการเงิน 1. ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่คุณชอบ 2. สามารถหารายได้จากหุ้นคือกระแสเงินสดแฝงจากหุ้นได้ทุกวัน........... การมีหุ้นเพียง .01 หรือ 1% ไม่น่าเรียกว่าเป็นเจ้าของบริษัท การเป็นเจ้าของบริษัทน่าจะมีมากกว่า 50% นะครับ ดังนั้นการมีหุ้นนิดหน่อยน่าจะเรียก...... ผู้ถือหุ้น เท่านั้นเอง UNQUOTE ที่ผมบอกว่ามีอคติก็พวกนี้ครับ เป็นผู้ถือหุ้น มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเท่ากับ สัดส่วนการถือหุ้น แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ DSM สักหน่อย และคำว่าน่าจะมีมากกว่า 50%นะครับ เป็นเพียงความคิดเห็นไม่ใช่ข้อเท็จจริง ดังนั้น พอจะบอกได้ ว่าคุณยังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกเยอะนะครับ ดังนั้น ควรคิดว่าโง่ไว้ก่อนดีกว่า คนโง่ที่สุดคือคนที่มักพูดว่ารู้แล้ว QUOTE อยากจะถามท่าน DSM ที่เข้ามาตอบว่า คุณมีรายได้จากกระแสเงินสดแฝงทุกวัน.....จริงๆหรือครับ ( หรือเพียงเป็นคำกล ที่ เพียงหลอกเอาไว้ เฉยๆ ) UNQUOTE ถ้าจริงจะมาใช้หรือครับ หรือไม่เชื่อ(เพราะเชื่อว่าตนรู้ทุกอย่างแล้ว และคิดว่าตนทำไม่ได้)เลยถามเฉยๆ ไม่เห็นยากเลย กระแสเงินสด ได้ทุกวัน ก็ลองขายไปก่อนดิ แล้วซื้อคืนให้ต่ำกว่าก็ได้และ ถ้าซื้อคืนไม่ได้ก็ มีแผน 2 ไม่ซวย2เด้งอย่างที่คุณจขกท คิดหรอก QUOTE เผื่อว่าผู้ยังไม่ได้ เข้าไป Trade แบบ DSM จะได้เห็นแนวทางบ้าง ไม่หลงระเริงกับความสำเร็จ ของคนรวยๆทั้งหลายที่เขียนหนังสือ และป๋า Warren จนลืมประโยคทองที่ผู้รวบรวมได้เขียนไว้ว่า.... ............................................... การตัดสินใจลงทุนด้วยวิธี DSM ถ้าหากเลิกกลางคัน จะเกิดความเสียหายมาก ถ้าเลิกก่อนเวลาอย่างน้อย 2 ปี !!! UNQUOTE เขาบอกวิธี บอกคำเตือนครบ ก็ดีแล้วนิ ไม่เห็นมีใครไปหลงระเริงสักหน่อย (มีอคติ ดูถูกเขาไปเรื่อยเลยน้า) ไม่มีใครโง่กว่าใครหรอกน่า จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 16:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ความคิดเห็นที่ 21   เมื่อพูดถึงความจริงและไม่จริง...ของ DSM ไปแล้ว มาพูดถึง......ความดีบางประการของการ trade แบบ DSM บ้าง DSM พูดถึงการ tradeที่เมื่อคุณเข้าไปซื้อแล้ว หุ้นตกลงมา การ Short Against Port เป็น ยุทธวิธีที่ดีอันหนึ่ง ถ้านำมาใช้ ได้เหมาะสมกับเวลา หมายความว่า ถ้าหุ้นกำลังตกลง และมีแนวโน้มที่จะลงจริงๆ การ ขายไปก่อนและ มาซื้อทีหลัง จะช่วยให้ลดการขาดทุน จากหุ้นเดิมของเราที่มีราคาสูงได้ และเผลอๆ อาจทำกำไรก็ได้ ถ้าทิ้งหมด 100 % และมาซื้อคืน ที่ราคาต่ำมาก ด้วยจำนวนมากกว่า 100% จากคุณ : ผมเองครับ UNQUOTE อันนี้เขาเรียกว่า SHORT ไม่ใช่ DSM เพราะว่าเดาแนวโน้ม ^_^ DSM trade ตามแนวโน้ม ไม่ต้องไปเดา ลงก็ขาย ขึ้นก็ซื้อ ทำตามแผน แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 16:32:36 จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 16:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ความคิดเห็นที่ 23   คห.17 ของคุณแมงเม่าทนไฟ ....... 4. ทีนี้ถ้าเจ้าหุ้นนั้น มันดันเลือกแค่ถอยมารับคนที่ตกรถแล้วขึ้นต่อนี่ ผมก็จะมีหุ้นอีก 90% ไว้ขายต่อไปใช่มั๊ยครับ....... มันลงรับที่คนตกรถ แต่ก็ไม่ถึง ราคาที่90% ที่คุณถืออยู่ หรืออาจขึ้นไป สองสาม step ซึ่งตำราของคุณยังไม่ให้ขาย แล้วอีกวันก็ลงอีก 90 % ที่มีอยู่ ช่วยประกันอะไรไม่ได้เลย อันที่จริงไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยครับ ไม่กล้ายิ้ม จากคุณ : ผมเองครับ UNQUOTE มันเกี่ยวกันสิอยู่ที่ว่าดูแยก หรือดูทั้งหมด กองหลังวันนี้อาจเป็นกองกลางพรุ่งนี้ กองกลางเป็นตัวทำเงิน กองหลัง เป็นตัวประกัน ว่าไม่ต่ำกว่า เพราะถ้าต่ำกว่า ตัวนั้นจะไม่ใช่กองหลัง จะเป็นกองกลาง และกองกลางไว้ทำเงิน งงไหม ??? แต่กองหลัง ยังไงก็ได้คืน เพราะหุ้น = หุ้น นี่แหละที่คนอื่นเขาอุสาห์ออกมาบอกว่า มาแยกส่วนพูดก็ไม่เข้าใจ พูดก็ต้องเห็นการทำงานทั้งระบบ กองหลังไม่ได้ประกันว่าจะไม่ลง แต่ถ้ามันเป็นกองหลังจริง มันจะเป็นตัวประกัน ^ O^ ย้ำคำเดิมลงทุนในระบบ DSM ผ่านหุ้น ไม่ใช่ลงทุนในหุ้น จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 16:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ความคิดเห็นที่ 24   ตอบคำถามคห.20 คุณชาติ ผมมีประสบการณ์ในการเทรดแบบนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้วในฐานะ Broker ซื้อขายตลาดหุ้นทองคำในต่างประเทศ ซึ่ง ผมรู้ว่า ลูกค้าไม่ได้อยู่ในฐานะได้เปรียบ แต่ Broker ได้เปรียบกว่าครับ จึงมาเล่าสู่กันฟัง ผมทำรายได้มหาศาล ค่าคอมหลายแสนต่อเดือน จากคุณ : ผมเองครับ UNQUOTE ไม่ได้เป็นตัวยืนยันว่าคุณเข้าใจ DSM จริง และไม่ได้ยืนยันว่า สิ่งที่คุณทำมันจะถูกต้องในทุกอย่าง แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 00:33:00 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 16:50:13 จากคุณ : chinn - [ 1 มิ.ย. 48 16:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 138 หมดจอมยุทธ DSM ก็ยังมี เด็กน้อยหัดขับ ไม่ได้ดูตาม้า ตาเรือ ว่า อารมณ์เขาไปถึงไหน หนูเอ๊ย ไปกล่าวหาคุณเด่นศรีอีกคนละ.......... DSM trade ตามแนวโน้ม ไม่ต้องไปเดา ลงก็ขาย ขึ้นก็ซื้อ ทำตามแผน .......... จากคุณ : ผมเองครับ - [ 1 มิ.ย. 48 17:20:23 A:58.10.96.250 X: TicketID:037628 ]

ความคิดเห็นที่ 139 55555+ ขออภัย อยากขอคำแนะนำครับ ทำยังไงจะอ่านได้ทั้งหมดเนี่ย ตาลายจังเลย 55555+ แวะมาแซว จากคุณ : ปิงป่องแชะ - [ 1 มิ.ย. 48 21:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ไม่ได้อยู่ฝ่ายไหน แต่ศึกษาครับ 1.เท่าที่อ่านดูเจ้าของกระทู้ยังไม่ได้ลองทำ DSM จึงมีความเข้าใจที่ยังไม่ถึงแก่นหลายข้อ ข้อเสียของ DSM ที่เจ้าของกระทู้หยิบยกขึ้นมา แสดงให้เห็นถึง Logic และเหตุผล ที่ไม่เชื่อมโยง(ไม่เกี่ยว) กันหลายจุดเลยครับ ตรงที่ทำให้สาวก DSM แย้งได้อย่างหนักแน่น ตรงนี้ผมเห็นด้วย 2. แต่ข้อเสียของ DSM บางข้อที่เจ้าของกระทู้ยกขึ้นมาก็แทงจุดเสียของ DSM กันเห็นๆ ซึ่งสาวก DSM บางท่านก็พยายามตอบแบบว่าเจ้าของกระทู้ไม่เข้าใจแล้วมาพูด หรือ ตอบแบบปรัชญาซึ่งไม่เ็ป็นรูปธรรม ซึ่งก็ดูไม่มีน้ำหนักเช่นกัน อย่างน้อย ความ Suffer ของผู้ใช้ระบบ DSM นั้นมีอยู่จริงและคุณเด่นศรีรวมถึงคุณ Coyote ก็ได้อธิบายไว้แล้วในกระทู้เก่าๆ DSM เป็นรูปแบบที่ดีมากๆ (อย่างน้อยคนใช้ก็ไม่ติดหุ้น แล้วมาถามว่าติดตัวนั้นตัวนี้อยู่เท่านั้นเท่านี้ละครับ) แต่ DSM ก็ไม่ใช่ระบบที่ไม่มีข้อเสียเลยจนกระทั่งโต้แย้งไม่ได้ ผมไม่รู้อะไรเลย จากคุณ : ไฟล์ท B ทีน้ำเงิน - [ 1 มิ.ย. 48 23:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 141 Oh im so sorry K POMENGKUB I just see this reply ความคิดเห็นที่ 108   กระทู้นี้แสนดีนัก ที่เหล่าจอมยุทธ DSM มาให้กำลังใจ มากขึ้นๆมากขึ้น ตามลำดับ ( ผมไม่ได้เขียนผิดนะครับ ) คุณลำชีครับ เรื่อง ทอง นี่ลองคิดและศึกษาดูให้ดีๆซิครับ เป็นบริษัท ที่อยู่ยืนยาวที่สุดในโลก ถ้าคุณอ้างทฤษฎี DSM ว่า เวลา ไม่มีขีดจำกัด ก็ต้อง trade กับทอง ด้วย จริงไหมครับ ยิ้ม จากคุณ : ผมเองครับ your last reply that I read is ความคิดเห็นที่ 95 I just want to tell you that if you dont understand you can ask anyone in club. DONT HURRY TO JUDGE IT. People in DSM CLUB is really nice. They help everyone who  want to understand DSM And it will be better if you really know about DSM then you talk about weak of DSM. By the way I was so excited for today.thank you. PS. I didnt blame P' Densri na. K.POMENGKUB have problem for reading and understanding la. ^ O^ PS2. well come to DSM CLUB แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 00:40:06 จากคุณ : chinn - [ 2 มิ.ย. 48 00:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 142 QUOTE DSM trade ตามแนวโน้ม ไม่ต้องไปเดา ลงก็ขาย ขึ้นก็ซื้อ ทำตามแผน .......... UNQUOTE and this is DSM ^_^ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 10:00:41 จากคุณ : chinn - [ 2 มิ.ย. 48 00:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ผมว่าคุณผมเองครับกำลังบอกความจริงครึ่งเดียวคับ ตลาดมีขึ้นและลง คุณรู้ว่าลงคุณจะซื้อไหมคงไม่ซื้อใช่ไหมครับ ทีนี้เนี่ยลองบอกความจริงเวลาหุ้นมันขึ้นแล้วใช้วิธีนี้บ้างซิครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอาแต่ความจริงด้านเดียวมาพูดไม่ได้ประโยชน์ทั้งหมดครับ ถ้าผมบอกว่าผมมีpttที่ราคาต้นทุนหลักสิบบาท แล้วมาใช้วิธีนี้ในตอนนี้ที่ราคาหลักร้อยบาท ถามว่าผมจะขาดทุนได้ยังไงครับ บอกผมที หุ้นก็คือหุ้นครับหรือทองก็คือทองคับ ไม่ว่าคุณจะ"ซื้อถูกขายแพง"ในขาขึ้น หรือจะ"ขายแพงซื้อถูก"ในขาลง มันก็เกิดกำไรทั้งนั้นครับเพราะมันมีส่วนต่างของราคา ความต่างมันอยู่ที่หลักอันเดียวครับคือคุณต้องการถือเงิน หรือคุณต้องการถือหุ้น เท่านั้นเอง คุณเคยเป็น brokerคุณน่าจะรู้ว่าทุกครั้งที่มีการซื้อขาย คุณจะได้ค่าคอม เหมือนกันครับทุกครั้งที่ซื้อDSMจะได้ส่วนต่างของราคาที่ขายไป ดังนั้นDSMไม่ได้สนใจราคาหรอกครับสนใจแต่ว่าจะมี"หุ้น"ให้ซื้อและขาย ให้เกิดส่วนต่างของราคาหรือกสงฝเท่านั้นเองและสะสมหุ้นเพิ่มขึ้น ส่วนนักลงทุนทั่วไปสนใจแต่ว่าจะมี"เงิน"ให้มาซื้อหุ้น ให้ถูกและขายให้แพงให้เกิดส่วนต่างของราคาเหมือนกันและสะสมเงินให้เพิ่มขึ้น ทุกคนทำแบบเดียวกันครับ เพียงแต่วัตถุประสงค์ที่ต่างกันทำให้มองไม่เหมือนกันเท่านั้นเองครับ จากคุณ : S40 - [ 2 มิ.ย. 48 13:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ท่านผู้รู้ทั้งหลายครับ คือ ภรรยาผมเขาเล่นหุ้น และสอนวิธีเล่น ให้ผม แต่ผมไม่รู้ว่ามันเรียกวิธีอะไร พี่ ๆ ช่วยแนะด้วยครับ คือ 1. ภรรยาผมเขาจะไปดูกราฟเทคนิค ดูว่าหุ้นตัวไหนตกมาต่ำ ๆ ในรอบ 1-3 เดือน และมีปัจจัยพื้นฐานดี ก็ไปจับจองเอาไว้ โดยดูว่า วันที่ซื้อเนี่ย เป็นวันที่มันลงติดกันสามวัน ก็ซื้อ 2. ถ้าหุ้นขึ้นแกก็ไม่สนใจ พอมันเริ่มหยุด และเริ่มลง แกก็เริ่มขาย ทีละ 20%  พอมันหยุดตกก็หยุดขาย พอมันเริ่มขึ้นก็ซื้อกลับ ทีละ 20% ให้มันจับคู่กับไอ้ที่ขายไป แต่ถ้าแน่ใจจริง ๆ ว่าจะกระโดดเร็ว ก็อาจซื้อมากว่า 20 3. ถ้าสถานการณืไม่ดี แบบว่า สึนามิ หรือมีสงคราม ก็ขายทีละ 30 หรือบางทีทิ้งหมด  และกลับไปทำข้อ 1 ใหม่ 4.  ถ้าตลาด side way ก็ไม่ต้องทำไร อยากเรียนถามผู้รู้ว่า ภรรยาผมเขาเล่นแบบ dsm หรือเปล่าครับ ผมเองไม่เล่นหุ้นครับ ไม่มีเวลามานั่งเฝ้าจอ ขอความเห็นจากผู้รู้ ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 14:45:47 จากคุณ : นักเลงขี้รำคาญ - [ 2 มิ.ย. 48 14:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ตอบ คคหท. 144 น่าจะเรียก Short Against Port นะครับ (ต้องถามผู้รู้ จริงฯ) อย่างคุณ rockriverarms ใช้อยู่ และเปิดเผยต่อ ผู้สนใจอยู่ครับ และเป็นขั้นตอนหนึ่งที่ dsm .ใช้อยู่ครับ แต่ไม่ใช่ dsm ครับ dsm มีแนวคิด มากกว่านี้ครับ คุณ ผมเองครับ ยังไงถ้าเป็นไปได้ช่วยแบ่งปันความรู้เรื่องทอง ได้ก็จะขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ น่าสนใจมากครับ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 18:05:28 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 17:58:44 จากคุณ : ยิ้ม (ลำชี) - [ 2 มิ.ย. 48 17:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ตอบ คห 144 อย่างภรรยาคุณ เรียกว่า แม่ค้าหุ้น (stock trader)   เป็นการมองหุ้นเหมือนกับสินค้าตัวหนึ่ง   (trading tool) การใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นการคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ ซื้อต่ำแล้วขายสูง (buy low sell high) แล้วซื้อกลับ มาขายใหม่  วนไปเรื่อยๆ เหมือนกับการค้าแบบซื้อมา ขายไป  เรียกว่า Trading ฝรั่งเรียกให้เท่ว่า short against  port   ถ้าซื้อแล้วขาย  แล้วไปซื้อตัวอื่นแล้วขาย ไปเรื่อยๆ เรียกว่า เก็งกำไร (speculate)  ถ้าซื้อแล้วกอดไว้ (buy แล้ว hold) เรียกว่า ลงทุน (investment) วิธีการไหนไม่สำคัญ   แมวสีอะไร ถ้าจับหนูไม่ได้ก็ไม่ได้ เรื่องแล้ว   555555 จากคุณ : niran (นิแรน) - [ 3 มิ.ย. 48 09:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 147 One of biggest obstacles to learning is................ ..................................................EGO! จากคุณ : กาเย - [ 3 มิ.ย. 48 11:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ต้องขอบคุณข้อมูลต่างๆที่ทุกๆคนpostเข้ามาค่ะ อ่านแล้วได้เห็นหลายๆมุมมอง ที่ผ่านมาจะshortประจำ ดีกว่ารอราคาวิ่งลงแล้วติด เสียกำลังใจน่ะค่ะ ลงเมื่อไหร่ไม่ว่าดีแค่ไหน ส่วนตัวแล้วทิ้งก่อนเสมอ ข้อดีคือไม่เคยติดหุ้น ข้อเสียคือซื้อคืนไม่ได้หากราคาไม่ลงอีก แต่ที่ผ่านมามักไม่ค่อยมีเพราะสุดท้ายถ้าภาวะตลาดไม่ดี ราคามักลงมาให้เห็นจนได้สิน๊ะ  มีอยู่ตัวนึงTPIอยาก ไม่ลงมาที่8บาทซักทีเนี่ย! จากคุณ : nannyj - [ 6 มิ.ย. 48 06:27:50 ]