ความคิดเห็นที่ 1 ผมมีเรียน วิชาอสังหาริมทรัพย์ วิชาหนึ่งครับ แล้วก็ stat กะ account สำหรับวิชาอสังหา ตั้งแต่เรียนมา ฟังวิทยากร ในด้านอสังหาริมทรัพย์หลาย ท่าน พูด พอสรุปได้ว่า สิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญมากๆ คือการตลาดครับ ทุกท่านจะคิดตลอด ว่าจะขายใคร ลูกค้าอสังหา ต้องคำนึงถึงลูกค้าในอนาคตไม่ใช่ปัจจุบัน และจะขายเท่าไหร่ ผู้บริหารท่านหนี่งกล่าวว่า อย่าคิดราคาจากต้นทุน ให้คิด ต้นทุนจากราคา (ราคาต้องไปดูที่ demand แล้วมาปรับทางเรา) อสังหาริมทรัพย์ คำว่ามูลค่าไม่ได้อยู่ที่ตัวตึก ตัวอาคาร แต่ มันอยู่ในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ อาจารย์ท่านหนี่ง นำรูปอาคารมะลิมาให้เนื้อที่ประมาณ4ไร่(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ดูแล้วให้เดาว่า ราคาเท่าไหร่ จากรูปอาคารก็ดูโทรมพอควร ผมก็เดาว่าน่าจะ 4-500 ล้านบาท ซึ่ง อาจารย์ ก็เฉลยมาว่า มีแบงค์นึง เคยซื้อมาในราคา 400ล้านบาท เพราะคิดว่าถูก แต่ สุดท้าย ตอนนี้ขายไม่ได้ ทิ้งไว้เฉยๆ จะเอาไปเป็นอาคารสำนักงาน ก็ต้องตกแต่งใหม่เยอะ จะ ทำที่พัก ก็ต้องทุบ ก็มีต้นทุน อาจารย์ก็สรุปให้ฟังว่า เวลาดู อสังหา พอดูเสร็จให้หลับตา แล้วคิดซะว่าถ้าตรงนี้ เป็นที่เปล่าจะทำยังไง อย่าให้ตัวตึกตัวอาคารมาบังตา แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 17:02:37 จากคุณ : chinn - [ 13 มิ.ย. 48 17:01:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นึกถึงว่าถ้าเป็นที่เปล่าๆ เราจะทำอะไร อีกเรื่องที่ผมเพิ่งได้ยิน และชอบ คือพลังทวี ในอสังหา นอกจาก OPM แล้ว ก็มีเรื่องของ interdependent กับ agglomerate interdependent หมายความว่า การสอดคล้องของสิ่งที่เราทำ กับ สภาพแวดล้อมตรงนั้น อาจารย์ได้ พูดถึงอาคาร โรงแรม prince palace ตึกเดียวกันกับที่เรารู้จักกันในนาม โบ๊เบ๊ ซึ่งเป็น อาคาร ที่ใช้ประโยชน์แบบ multiple use คือ ศูนย์ค้าส่ง และโรงแรม4 ดาว ซึ่งหากไปดูจะพบว่าทางเข้าโรงแรม เป็นทางเข้าเดียวกับ ศูนย์การค้า และ สภาพแวดล้อมก็ดู แน่นไปด้วยผู้คน ที่ทำมาหากิน โรงแรมจึงทำไม่ขึ้น เพราะ เอาของเกรด บน ไปอยู่กับของระดับล่าง แล้วจะขายระดับบนก็ทำไม่ขึ้น เพราะ ระดับบนไม่ใช้ เทียบกับ ห้าง mbk ที่ติดกับ โรงแรม ปทุมวัน ปรินซ์ กับทำขึ้น เพราะ เจ้าของรู้จักทำ transition zone ทำให้ คนพักโรงแรมไม่รู้สึกว่า อยู่ติดกับศูนย์การค้า ทางเข้าก็คนละทาง จึงยังมีความเป็นส่วนตัว ดังนั้นการทำอะไรต้องนึกถึงตรงจุดนี้ให้ดี เรื่องการสอดคล้องกับสิ่งรอบข้าง ส่วนอีกคำคือ agglomerate คำนี้หมายความว่า การเกะกลุ่มกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้านึกถึง it เรามักจะนึกถึง pantip นึกถึงอาหารจีน ก็เยาวราช นึกถึงมือถือก็ mbk สาเหตุมาจากการรวมกลุ่มกัน แต่การรวมกลุ่มกันใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง เช่น ถ้าเอาร้าน ยามาเปิดรวมกันก็คงทำไม่ขึ้น เพราะเป็นสินค้าที่ไม่ต้อง เลือก ซื้อ ก็เล่าประมาณนี้นะครับคืออสังหาสำหรับผมยังใหม่มาก เลยรู้สึกว่าอะไรก็น่าสนใจไปหมดก็หยิบมาเล่าให้ฟัง ครับ พี่แก้ว หรือคนอื่นๆอยากจะเสริมตรงไหนก็รบกวนด้วยนะ ครับ จากคุณ : chinn - [ 13 มิ.ย. 48 17:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมขอแจมด้วยคน กำลังคิดที่จะเอาร้านถ่ายรูปร้านหนึ่ง ซึ่งมียอดขายที่ดีที่สุดในกลุ่ม เติมอีกธุรกิจหนึ่งเพิ่มเติมเข้าไปครับ คือ ธุรกิจวีซีดีให้เช่า โดยซื้อแฟรนไชส์หนึ่งของคนไทยหนึ่งเข้าไปครับ ตอนนี้กำลังดิวกันอยู่ จุดมุ่งหมายคือ ต้องการเพิ่มยอดขายต่อพื้นที่ซึ่งเป็นตึกแถวสองคูหา ที่เซ้งมาเป็นเวลาสิบห้าปี (ผ่านมาแล้วเก้าปี) ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ มีข้อเสนอแนะว่าอย่างไรไหมครับ ยินดีได้รับฟังคำชี้แนะครับ จากคุณ : กุ้งไร้สาร - [ 13 มิ.ย. 48 19:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขออนุญาตแจมด้วยนะคะ มาคิดกันเล่นๆ เรื่องการตลาด เอาเรื่องร้านถ่ายรูปของคุณกุ้งไร้สาร  ขอบอกว่านี่แค่คิดเล่นๆ เอาไก่มาด้วยเล้าหนึ่งค่ะ   โดยส่วนตัว ชอบมองวิวัฒนาการร้านถ่ายรูบมาตลอด เพราะอดีต อยู่กับร้านถ่ายรูบที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด สมัยพ่อแม่ทำ  แล้วธุรกิจนี้ก็หยุดแค่รุ่นพ่อแม่ แต่ชอบมองร้านถ่ายรูบมาตลอด ด้วยสายตาที่ตื่นเต้นตลอดมา   ร้านถ่ายรูบมีเอกลักษณ์ของตัวร้านโดยเฉพาะ  จึงไม่ค่อยเห็นด้วยนะคะ ถ้าจะเอาร้านเช่าซีดีมาอยู่รวมกัน เพราะกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มที่มีความต้องการแตกต่างกัน ระยะเวลาที่ใช้ในร้านก็ต่างกัน  เวลาที่ใช้ก็ต่างกัน ขอสมมติว่า ถ้าตัวเองมีตึกสองห้องกับสัญญาระยะยาวและเป็นร้านที่มียอดขายดีที่สุด  จะเน้นการสร้างแบรนด์ของร้าน  โดยเริ่มจากการถามตัวเองว่า ลูกค้าเรามากที่สุดมาจากจุดไหน  แสดงว่าร้านเรามีจุดแข็งที่เหนือกว่าคนอื่น  จากนั้นคงจะเสริมจุดแข็งให้มากยิ่งขึ้นเพื่อบล็อคคู่แข่งไม่ให้ตามทัน  จากนั้นก็จะดูว่าธุรกิจอะไรที่เสริมกันได้ทั้งยังได้อิมเมจที่ดีกับแบรนด์ ไม่ใช่ทำลายแบรนด์   ถ้าดิฉันมีร้านถ่ายรูบของตัวเอง ดิฉันจะมีการรับส่งไฟล์ทางเนตแล้ว Dilivery ให้ถึงบ้าน  หรือถ้ารอรับรูปเองที่ร้าน คงมีมุมกาแฟเก๋ๆ กรุ่นกลิ่นกาแฟกลบกลิ่นน้ำยาในเครื่อง อาจมีอินเตอร์เนตให้เล่นรอเวลา  หรือมีมุมที่ลูกค้าสามารถรีทัชรูปตัวเองได้โดยยอมจ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิดด้วยโปรแกรมง่ายๆที่เราสร้างขึ้นมาเฉพาะร้านเรา ดิฉันคงไม่เอาร้านเช่าซีดีมาอยู่ นอกจากแยกเป็นสัดส่วนออกไปเลยให้เป็นคนละธุรกิจ แต่นั่นไม่ช่วยส่งเสริมแบรนด์ที่ดีของร้านถ่ายรูปเรา อย่างที่คุณชินบอก ทุกธุรกิจตอนนี้เน้นการตลาด  เน้นจากผลไปหาต้นน้ำ  ถ้าดิฉันจะขายที่ดินสักแปลงอย่างที่คุณชินบอก คงหลับตาและจินตนาการว่า ถ้าเป็นเรา เท่าไหร่ที่เรายินดีจ่ายในทำเลนี้ ต้องมีอะไรบ้าง เพื่อทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น แฮะๆๆ  ขออนุญาตกลับทุ่งนาต้อนไก่กลับเล้าค่ะ   สุขสันต์วันจันทร์ที่เบิกบาน หรืออีกบางธุรกิจที่จะเพิ่ม จากคุณ : สาวช่างถาม - [ 13 มิ.ย. 48 21:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สนุกดี มาปั่นครับๆๆ จากคุณ : ยง (savia) - [ 15 มิ.ย. 48 01:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่งจะโพสต์ได้เนี่ย .. ขอบคุณมากๆค่ะ น้องชินและคุณสาวช่างถาม (ชื่อเท่จัง ..อิอิ) ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 15 มิ.ย. 48 10:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาเล่าให้ฟังอีกนะคะ ... รอ ร้อ รอ ขอบคุณค่ะ ... จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 15 มิ.ย. 48 10:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดี น้องชิน ขอโทษที่เข้ามาตอบช้านะ  ขอบคุณน้องชินมากเลยที่เล่าประสบการณ์ให้ฟัง พีก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องอสังหานะ คงต้องรอให้น้องชินมาเล่า สำหรับข้อคิดเห็นเรื่องร้านถ่ายรูปของพี่กุ้ง   ถ้าทำร้านถ่ายรูปกับโรงพิมพ์ พิมพ์การ์ด ใบปลิว ฯลฯ น่าจะไปด้วยกันได้หรือเปล่าค่ะ เพราะตอนนี้ที่เห็นๆบางที่การ์ดแต่งงานก็จะมีรูป คู่บ่าว สาว อยู่ด้วย  ก็น่าจะเป็นธุรกิจที่ไปด้วยกันได้นะค่ะ ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านธุรกิจเท่าไรนะค่ะ  เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว รอน้องชิน  และพี่ๆ ท่านอื่นมาเสนอความคิดเห็นอีกนะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : baikaew - [ 15 มิ.ย. 48 12:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ คุณสาวช่างถาม และ คุณใบแก้ว ครับ สำหรับความคิดเห็น สำหรับร้านถ่ายรูปของผมที่ตอนนี้ทำอยู่ตอนนี้ ก็มีกิจกรรมอย่างอื่นๆเสริมอยู่ครับ เช่น ทำการ์ดแต่งงาน นามบัตรด่วน ไม่ด่วน การ์ดในวาระต่างๆ ไปจนถึงถ่ายรูปนอกสถานที่ ถ่ายงานแต่งงานกันเลยทีเดียว กำลังคิดจะทำที่จะเอารูปจากพวกศิลปินที่เขาวาดภาพด้วยสีน้ำ สีน้ำมัน ดินสอ อะไรทั้งหลายมาตั้งโชว์เพื่อที่จะขายครับ มีหนึ่งรายตกลงใจที่จะนำผลงานมาโชว์แล้ว งานนี้ win-win ครับ ผมไม่ต้องลงเงิน ใช้สถานที่ เขาไม่ต้องลงเงิน ลงแรง ทุนเล็กน้อย ทีนี้ อยากเดินออกนอกกรอบบ้าง เห็นว่า เสี่ยงไม่เยอะ ลงทุนทำร้านถ่ายรูปที เจ็ดหลัก ทำร้านเช่าวีซีดี หกหลักกลางๆก็ได้แล้ว ลองดูจะเป็นไร มองดูทางหนีไว้บ้างแล้ว น้องกุงเคยบอกว่า จะทำอะไร ให้นึกว่าต้องเป็นอะไรที่เราชอบสุดๆ ขอบอกเลยว่าเป็นคนที่ไม่ได้ชอบดูหนังสุดๆ แต่เป็นคนที่ชอบเริ่มคิดทำโครงการสุดๆจริงๆ หยุดไม่อยู่เสียด้วย ทำแล้วจะไม่ทิ้งจนจะตายจากกันไปข้างหนึ่งเสียด้วย โชคดีงานนี้ มีน้องชายชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ พอได้ที่ปรึกษาบ้าง กับลูกชาย ที่เชี่ยวเรื่องการ์ตูนเป็นพิเศษ วันศุกร์จะไปดิวครับ แล้วจะมาเล่าความคืบหน้าครับ บ๊าย บาย จากคุณ : กุ้งไร้สาร - [ 15 มิ.ย. 48 20:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมตอบไว้ในกระทู้นี้แล้วคhttp://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3545843/I3545843.html#26รับ จากคุณ : กุ้งไร้สาร - [ 19 มิ.ย. 48 07:30:55 ]