วันนี้ผมไม่ได้มาลงบทความครับ แต่ต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ พี่ๆ นิดนึง
ตอนนี้ผมกำลังปวดหัวกับการหาคำตอบให้กับแบงค์แห่งหนึ่งที่มีแนวโน้มว่าจะว่าจ้างผมครับ
เรื่องก็คือ ตอนนี้ผมกำลังเลือกสายงานออกเป็น 2 ทาง คือตลาดเงิน ไปเป็น FX Trader กับธนาคารแห่งหนึ่ง อีกทางคือ เป็น Analyst ให้กับกองทุนแห่งหนึ่ง (บางที่เรียกตำแหน่งนี้ว่า Assistant Fund Manager)
FX Trader ผมไปสัมภาษณ์มาแล้ว และดูท่าทางนายจ้าง สนใจพอสมควร เพราะมีการต่อรองค่าจ้างที่ผมเรียกไป เนื่องจากผมเรียกไปสูงพอสมควร เกินกว่าที่ Rate ธรรมดาของแบงค์ทั่วไปจะให้
ส่วน Analyst ผมสัมภาษณ์อาทิตย์หน้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะได้เหมือนกัน เพราะนายเก่าของผม จะช่วยพูดให้นิดนึง (พูดง่ายๆ คือ ฝากนั่นแหละครับ)
ใจจริงคือผมอยากอยู่ตลาดหุ้นมากกว่าตลาดเงิน เพราะชอบและถนัดมากกว่า ดังนั้นคำตอบในใจผมคือ ผมเลือก Analyst กับกองทุนแน่นอนแล้วล่ะ
ปัญหาคือ ผมไม่มั่นใจน่ะสิครับว่า จะได้เข้ากองทุนแน่ๆ หรือเปล่า
ถ้าหากธนาคารแห่งนั้นเรียกผมเข้าทำงานในตำแหน่ง FX Trader ผมจึงไม่กล้าที่จะตอบปฎิเสธเขา
วิธีที่ผมคิดไว้คือ ผมจะไม่ยอมต่อรองเงินเดือนลงมา แต่ถ้าธนาคารแห่งนั้นยอมอีก ผมก็จะอิดออดนิดนึงประมาณว่า ขอเริ่มงานช้าหน่อย อาจจะบอกเหตุผลไปว่าผมติดแพคเกจไปต่างประเทศพอดี ขอเริ่มงานต้นเดือนหน้า เพื่อที่จะพยายามถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด เพื่อรอผลสัมภาษณ์งานของกองทุนว่าผมได้ชัวร์ๆ แล้วจึงค่อยตอบปฎิเสธธนาคารแห่งนั้นไป
วิธีการนี้ เป็นทางออกที่ดีหรือไม่ เพราะผมคิดว่า เป็นสิทธิของเราเหมือนกันที่ควรจะต้องหางานที่ดีที่สุด เงินที่ดีที่สุดกับตัวเรา
แต่ผมหาวิธีพูดให้รักษาน้ำใจธนาคารแห่งนั้นไม่ถูกน่ะครับ เท่าที่ผมยกตัวอย่างมา พอจะใช้ได้ไหม ผมกลัวว่าถ้าให้เหตุผลไปแบบนั้น เขาจะไปเลือกคนที่พร้อมทำงานมากว่าผม ทีนี้พอกองทุนที่ผมรออยู่พลาดไป เข้าไม่ได้ จะกลับไปธนาคารแห่งนั้นก็อดเสียแล้ว
ใครเคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง รบกวนทีนะครับ หรือผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการ หากเจอลูกจ้างแบบนี้ ผมควรจะมีวิธีพูดอย่างไรดี ให้เจ้าของกิจการ หรือนายจ้างรู้สึกดี และรอผมได้ (สงสัยถ้านายจ้างมาตอบ ผมคงจะโดนด่าแหงๆ 555)
รบกวนด้วยครับ ปวดหัวจริงๆ
จากคุณ :
หมากเขียว 
- [
8 ก.ค. 48 16:24:15
]
=====รบกวนถามผู้มีประสบการณ์ หรือเจ้าของกิจการทีครับ=====
