ความคิดเห็นที่ 1 แปลมาจากของคนอื่นอีกทีนะครับ ผมว่าไม่ผิดหรอกนะที่เบียร์ช้างจะเข้าตลาด แต่ผมเห็นว่า ยังมีอีกหลายๆ ความคิดเห็นที่ยังเข้าใจผิดอยู่มากๆ นะ ขอให้ความกระจ่างหน่อยเถอะ 1. มันไม่ง่ายเลย ที่ถ้าช้างเข้าตลาดหุ้นไทยไม่ได้ จะไปจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นต่างประเทศ เชื่อผมเถอะ ... ช้างจะทำทุกวิธีทางเพื่อเข้าตลาดหุ้นไทยให้ได้ ทำไม? ผมทำงานอยู่ในวงการไฟแนนซ์ในระดับนานาชาติเป็นระยะเวลาหนึ่ง และใครก็ตามที่ทำงานธนาคาร ก็ย่อมจะรู้เรื่องนี้ การจะไปจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นแห่งหนึ่ง ย่อมจะต้องมีเงื่อนไขบางประการ แต่ตลาดต่างประเทศ เช่น ในสิงคโปร์ และฮ่องกง มีเงื่อนไขมากกว่าตลาดหุ้นไทยมาก เงื่อนไขเหล่านี้รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลบริษัท และความโปร่งใสในหลายๆ เรื่อง บริษัทคุณเจริญมีชื่อเสียง(ในทางไม่ดี)ในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เราก็รู้กันดีอยู่ว่า คุณเจริญไม่ต้องการจะทำอะไรให้เตะตาชาวบ้านมากนักหรอก เขาต้องการจะอยู่เงียบๆ และไม่อยากจะให้ข้อมูลบริษัทเขา แก่สาธารณชน เท่าไหร่นัก กลุ่มบริษัทของเรา เร็วๆ นี้ ก็พยายามจะทำตัวเลขบัญชีให้สะอาดขึค้น และพยายามจัดการองค์กรภายในเสียใหม่ เพื่อให้โปร่งใส และดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ก็ด้วยเหตุผลที่อยากจะไปจดทะเบียนนั่นแหละ แต่ว่า มืออาชีพไม่ว่าจะใครก็ตาม ก็คงจะบอกได้ว่าบัญชีของบริษัทนี้ และการเปิดเผยข้อมูลในองค์กร นั้นยังอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่า "รับไม่ได้" ในระดับนานาชาติ ซึ่งมันก็คงจะยอมรับได้แหละ ในระดับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งอะไรมั่วๆ นิดหน่อยๆ ก็พอโอเค แต่คงจะไม่ใช่ในระดับนานาชาติอย่างแน่นอน ถ้าเบียร์ช้างพยายามจดทะเบียนในสิงคโปร์ หรือฮ่องกง แล้วละก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะทำได้ทันทันที ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกันกับบริษัทเชื้อสายจีนหลายๆ ที่ ที่ถูกปฏิเสธจากตลาดในอเมริกา เพราะมีระบบปัญชี ที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน และแม้ว่าเบียร์ช้าง จะสามารถปรับปรุงตรงนี้ได้ในอนาคต "แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณเจริญอยากจะทำ" แต่ถ้าเบียร์ช้างสามารถจดในประเทศไทยได้สำเร็จ คุณเจริญสามารถใช้อำนาจ และเส้นสายในประเทศไทย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเปิดเผยความลับ และกระทั่งการทำบัญชีปลอมขึ้นมาหลายๆ เล่ม คุณเจริญนั้นย่อมที่จะต้องการให้เบียร์ช้างจดในประเทศไทย เมื่อคุณจดทะเบียนในตลาดฯ ราคาของหุ้นที่คุณจะขายได้นั้นไม่ได้ถูกกำหนดในทันที แต่จะขึ้นอยู่กับความต้องการของนักลงทุนในตลาดแต่ละแห่ง และนี่จะทำให้เบียร์ช้าง ได้ราคาที่ดีกว่าในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพราะว่าจะเกิดปรากฏการณ์ "home-bias" ซึ่งนักลงทุนชาวไทยจะคุ้นเคยกับชื่อบริษัทมากกว่า นักลงทุนที่ตลาดในต่างประเทศ และ หลังจากจดทะเบียนแล้ว คุณเจริญ (และพวก) สามารถปั่นหุ้นของเขาได้ง่ายกว่าในประเทศไทย ด้วย ความร่ำรวยของตนเอง และบริษัทของเพื่อนฝูง และถ้าจดในประเทศไทยได้แล้ว ก็จะเป็นคุณเจริญ และบริษัทเท่านั้นที่จะรวยขึ้น และรวยขึ้น แต่ก็กลับกลายจะเป็นกับดักของแมลงเม่า เนื่องจากระบบบัญชีและการดำเนินการ (transaction) บางอย่างที่ที่ไม่โปร่งใส ในองค์กรที่แสนจะซับซ้อน เช่นกลุ่มบริษัทของเขา ดังนั้น นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมน้า คุณเจริญ จึงทำทุกวิถีทางที่จะเอาเข้าตลาดประเทศไทยให้ได้ แม้ว่าปากจะบอกปาวๆ ว่าไม่ง้อหรอก เข้าต่างประเทศก็ได้ แต่ทำอย่างนั้นก็จะอันตรายเกินไป และคุณเจริญก็คงไม่อยากที่จะทำอย่างนั้น 2. มันไม่จริงทั้งหมดว่า ถ้าจดทะเบียนแล้ว เบียร์ช้างจะก่อให้เกิดผลประโยชน์มหาศาลต่อตลาดหุ้นไทย และเพิ่ม Market Cap ให้กับตลาด ทำไม? อะไรคือ Market Cap? มันก็คือราคาหุ้น x จำนวนหุ้น ใช่ไหม ทางเดียวที่จะทำให้ Market Cap ของประเทศเพิ่มได้ นั้นก็ต่อเมื่อความมั่งคั่งของประชาชนในประเทศเพิ่มขึ้น หรือ มีความต้องการลงทุนในตลาดหุ้นจากทั้งนักลงทุนในประเทศ และนักลงทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้น ถ้าเบียร์ช้างจดได้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีความต้องการลงทุนเพิ่มขึ้น คนที่จะซื้อหุ้นช้าง นั้นก็ต้องขายหุ้นของบริษัทอื่นอยู่ดี เพื่อที่จะไปซื้อหุ้นช้าง ซึ่งนั่นก็จะเป็นหายนะของหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาด และนั่นก็ทำให้การจดทะเบียนของเบียร์ช้าง ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะว่าหุ้นช้างก็จะไปกระทบหุ้นตัวอื่นๆ อยู่ดี 3. มันคงจะยากสักนิด ที่จะพูดว่า กลุ่มคนที่สนับสนุนเบียร์ช้างเข้าตลาดนั้นมี 1) คนที่ทำงานกับช้าง 2) คนมีการศึกษา รุ่นใหม่ไฟแรง แต่ออกจะค่อนข้างไร้เดียงสาไปสักนิด (เอ บางที ไม่รู้จะรวมกลุ่ม กลต. ตลท. และนักการเมือง ที่น่าจะได้ผลประโยชน์จากคุณเจริญ ไปแล้วดีหรือเปล่าน้าา) ผมเข้าใจว่าคนกลุ่มที่ 2 คิดอะไรอยู่ คนกลุ่มนี้ก็ดูจะมีแนวคิดที่เป็นเหตุผลดี แล้วก็เป็นแนวคิดสมัยใหม่ด้วย จริงอยู่ มันดูจะไม่ผิดอะไรเลยที่จะเอาเบียร์ช้างมาจดทะเบียนในตลาดของประเทศแห่งนี้ แล้วพวกคนที่มาประท้วงก็ดูเหมือนจะเป็นพวกเต่าล้านปี ไร้สาระ มองไม่ตรงประเด็น และดูจะมีเบื้องหลังใช่ไหม แต่ผมขอถามหน่อยว่า ถ้าช้างจดทะเบียนแล้วอะไรจะเกิดขึ้น คิดหน่อยสิครับ สิ่งที่จะเกิดมีอย่างเดียวเท่านั้น คือ เงินเป็นพันๆ ล้าน ที่จะโบยบินเข้ากระเป๋าคุณเจริญ ย้ำ กระเป๋าคุณเจริญ คนเดียวเท่านั้น แล้วคุณเจริญจะใช้เงินเหล่านี้ทำอะไรล่ะ ผมก็ไม่อยากจะบอกหรอกว่าใช้ทำอะไร แต่ถ้าคุณเป็นคนกลุ่มที่ 2 จริงๆ ผมขอให้คุณไปศึกษาประวัติของคุณเจริญให้ดีๆ ก่อนเถอะ ก่อนที่จะสรุปอะไร ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเคยเป็นชายที่ย่างหอยนางรมขาย มากก่อนที่จะเป็นมหาเศรษฐี แต่มันสำคัญที่ว่า ชายคนนี้สร้างอาณาจักรของเขาจากการหว่านเงินเพื่อสร้างเส้นสาย พวกพ้อง และ บริวารต่างหาก แล้วเงินพันๆ ล้าน ที่เขาจะได้ชั่วข้ามคืนนั้นจะมาจากใครล่ะ โอย ก็คงจะมาจากแมงเม่าทั้งหลาย ที่จะต้องทุบกระปุกหมู เพื่อที่จะนำไปซื้อหุ้นช้างใช่หรือเปล่าเอ่ย? เพื่อนรัก คิดหน่อยเถอะ... เงินเหล่านี้ที่พวกคุณหามาได้ด้วยความยากลำบากมาชั่วชีวิต ไม่ควรจะนำไปใช้ประโยชน์ที่ดีกว่านี้หรือ ในวินาทีที่เบียร์ช้างจดทะเบียนได้ เงินเหล่านี้จะไหลไปเข้ากระเป๋าคุณเจริญ ซึ่งเขาคงจะใช้มันในทางต่อไปนี้ 1) จ่ายค่าปรับ ในกรณีที่เขาแพ้คดีกับ Carlsburg เงินมันโบยบินออกจากประเทศไทยไปเสียแล้ว 2) จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และเส้นสาย พวกพ้อง บริวารทั้งหลาย (สำหรับคนกลุ่มที่สองนะจ้ะ ถ้าคุณไร้เดียงสา ก็อยากจะบอกหน่อยว่า คุณเจริญมักจะแจกเบนซ์ S-Class ให้กับนักการเมืองหน้าใหม่ เสมอๆ) โอ ... ช่างน่าเสียดายอะไรอย่างนี้ ผมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งละกัน ว่า ไม่ผิดหรอกที่จะจดทะเบียนเบียร์ช้างเข้าตลาด ถ้าเราพูดกันในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่อย่าพึ่งใช้ความไร้เดียงสาของคุณสรุป แล้วก็โจมตี พวกที่คัดค้านเลย หยุดคิดสักนิดหนึ่ง แล้วคิดให้หนักๆ เลย จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าเบียร์ช้างเข้าตลาดได้ ถ้ามันมีประโยชน์ ย้ำนะครับ ว่ามันจะมีประโยชน์ ต่อสังคมส่วนรวมของเราจริงๆ หรือว่า มันจะมีประโยชน์แค่กระเป๋าสตางค์คุณเจริญกันแน่ นี่แค่ว่ากันแค่เรื่องเงินๆ นะ ยังไม่รวมปัญญาที่จะเกิดขึ้นด้านอื่นๆ ทั้งทางสังคม และ อาชญากรรม เลย (ซึ่งผมก็คงจะไม่ต้องไปกล่าวถึงเลย ลองอ่านๆ ที่คนอื่นเค้าเขียนกันมากมายดูสิ) จากคุณ : copy - [ 5 ส.ค. 48 10:12:03 A:67.43.242.34 X: TicketID:105605 ] จากคุณ : Jan-o - [ 5 ส.ค. 48 13:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นี่เป็นการแปลความเห็นของคุณ Sydnie ภาค 2 ขอบคุณคุณ Sydnie ที่กรุณาแสดงความคิดเห็นที่ดีๆและเป็นประโยชน์มากครับ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศไทยถ้าเบียร์ช้างได้จดทะเบียนได้ในตลาดต่างประเทศ มีความคิดเห็นหลายๆความเห็นที่ว่าถ้าเบียร์ช้างจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยไม่ได้เค้าก็จะไปจดทะเบียนในตลาดต่างประเทศ แล้วประเทศไทยจะเสียประโยชน์อย่างมหาศาล คำพูดข้างบนนี้เป็นคำพูดอวดดีทีมีเลห์เหลี่ยมเจือปนอยู่ และก็พยายามจะสร้างความรู้สึกให้คนกลัวว่าประเทศชาติจะเสียประโยชน์ตรงนี้ไป ประการแรกทีจะขอย้ำจากงานเขียนครั้งแรกของข้าพเจ้าว่า เบียร์ช้างไม่อยากจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศแน่นอน เพราะว่าถ้าเบียร์ช้างทำจริง มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศไทย ทำไมเหรอ ข้าพเจ้าเองได้รับปริญญาด้านเศรษฐศาสตร์ 2 ใบจาก HYP Ivy-league schools (เป็นมหาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงในอเมริกา คือ ฮาเวิร์ด เยล และ พรินส์ตัน (HYP)) และเคยทำงานกับนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของโลกมาแล้วคือ พอล คลุกแมน (Paul Krugman) และนักเศรษฐศาสตร์ทุกคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และไม่มีเอี่ยวกับเบียร์ช้างก็จะพูดอย่างเดียวกันอย่างข้าพเจ้านี่แหละ (ขออภัยที่พูดอวดตัวนิดหน่อยเพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือในข้อความของข้าพเจ้าในหัวข้อที่จะพูดนี้) อย่างแรกเลยเราต้องมาทำความเข้าใจคำว่า “การจดทะเบียนหุ้นของเบียร์ช้าง” โดยพื้นฐานแล้วการจะจดทะเบียนหุ้นช้าง (เป็นครั้งแรก) หรือ IPO (Initial Public Offering) เบียร์ช้างจะเห็นหุ้นของตัวเอง (ซึ่งก็อยู่ในรูปตัวเงินในกระดาษ) เปลี่ยนไปเป็นเงิน แต่ถ้าเบียร์ช้างจดทะเบียนได้ในประเทศไทย ผู้ซื้อหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนไทย ซึ่งในกรณีนี้ เงินคนไทย ---ไหลไปสู่ -- นายเจริญ คนเดียว เพราะตอนนี้แกเป็นเจ้าของอยู่คนเดียว ขอย้ำว่าคนเดียว ไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลงมากใช่มั้ยครับ ความร่ำรวยของประเทศไทยก็ยังอยู่คงเดิม เป็นเพียงการกระจายความรวยจากคนไทย ไปสู่นายเจริญคนเดียว ประชากรก็จะจนลงกว่านายเจริญมากยิ่งขึ้น นายเจริญก็จะรวยมากยิ่งขึ้น ทีนี้มาดูซิว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเบียร์ช้างได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ (ซื่งข้าพเจ้าคิดว่าเค้าคงจะไม่ทำเช่นนั้นหรอก) สมมติว่าเป็นที่ตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง ในกรณีนี้หุ้นจำนวนมากของเบียร์ช้างก็จะถูกซื้อโดยนักลงทุนต่างประเทศ ดังนั้นในกรณีนี้ เงินจากนักลงทุนต่างชาติ - ไหลไปสู่ - นายเจริญ คนเดียว สำหรับพวกท่านที่ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ นี่คือ ผลบวกได้ในระบบบัญชี (GAIN IN FINANCIAL ACCOUNTS) หรือสำหรับคนทั่วไปก็คือว่า ถ้าช้างได้จดทะเบียนในตลาดต่างประเทศ ความมั่งคั่งของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเพราะว่าเงินตราต่างประเทศจะไหลโดยตรงเข้าสู่ประเทศไทย (และก็ไหลเข้ากระเป๋านายเจริญ) เหมือนกับว่านายเจริญส่งสินค้าไปนอกประเทศ ซึ่งก็คือหุ้นของเบียร์ช้างนั้นเองและก็ได้เงินตราต่างประเทศ สำหรับพวกที่ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ การที่ได้บวกในระบบบัญชีจะมีประโยชน์ต่อประเทศมากนะครับ เพราะว่ามันจะไปการลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (ซึ่งตอนนี้เราขาดดุลอยู่มากพอสมควรเนื่องจากราคาน้ำมัน) ขออภัยที่ใช้ศัพท์เทคนิคมากไปหน่อย ขอพูดง่ายๆว่า จำได้มั้ยว่า คุณอาจจะได้พบข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับว่าเมืองไทยกำลังประสบปัญหาจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในเวลานี้ ปัญหานี้จะบันเทาลงไปได้ถ้าเราได้ผลบวกในระบบบัญชีคือได้เงินตราต่างประเทศเข้ามาเพื่อที่จะได้ลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด คุณก็จะเห็นได้ว่าการจดทะเบียนในตลาดต่างประเทศนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากทีเดียว มันก็เลยเป็นสิ่งที่ทำกันโดยทั่วไปของบริษัทใหญ่ๆชั้นนำในประเทศจีนที่จะพยายามจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาให้ได้ ซึ่งรัฐบาลจีนเค้าก็ให้การสนับสนุบอยู่เพราะเป็นการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศเค้า ถ้าเป็นในกรณีนี้นายเจริญก็จะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชาติได้  ถึงอย่างไรก็ดีก็รู้ๆกันอยู่ว่านายเจริญไม่อยากจะไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ เหมือนที่ผลสรุปไว้ในตอนที่ 1 1 ถ้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ นายเจริญจะต้องจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเค้ามากขึ้นเพื่อความโปร่งใส เพื่อความมีธรรมมาภิบาล ทุกๆคนในวงการธุรกิจก็รู้ดีว่านายเจริญเกลียดการให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเค้าต่อสาธารณะเป็นที่สุด 2 ถ้าเบียร์ช้างได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ เค้าก็จะปั่นหุ้นเค้าได้โดยง่าย 3 ราคาของหุ้นจดทะเบียนใหม่ๆจะถูกกำหนดโดยความต้องการเป็นหลัก ถ้าเค้าจดทะเบียนได้ในตลาดหลักทรัพย์ไทย เค้าก็จะขายหุ้นได้ในราคาแพง ได้เงินมาก แต่ก็ยังสามารถที่จะควบคุมบริษัทได้อย่างไม่ยากเย็น มันไม่ยุติธรรมที่จะถาม ดร ก้องเกียรติ ซื่งเป็นนายหน้าขายหุ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะ ดร ก้องเกียรติ ก็จะต้องสนับสนุนเรื่องเอาเบียร์ช้างเข้าตลาดอยู่ดีไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ทำไมเหรอ พวกคุณไม่รู้หรือว่า ดร ก้องเกียรติ เค้าทำงานให้บริษัทโปรกเกอร์ ถ้าช้างจะเข้าตลาดเค้าก็ต้องเรียกพวกโปรกเกอร์พวกนี้มาทำการจดทะเบียนให้ ถ้าช้างได้เข้าตลาดจริงๆ ดร ก้องเกียรติก็คงได้เงินค่านายหน้ามหาศาลจากการเข้าตลาดจากนายเจริญ อย่างแน่นอน แต่ถ้าช้างเข้าตลาดต่างประเทศ ดร ก้องเกียรติ ก็จะไม่ได้อะไรเลย ขอยืนยันอีกครั้งว่าการจดทะเบียนของช้างในตลาดหลักทรัพย์ไทยจะไม่มีผลอะไรต่อตลาดทุนของไทย เพราะว่ามีกรณีศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควรที่ใช้วิชาทางสถิติ และ ตัวอย่างง่ายๆ ทำไมเหรอครับ เว้นแต่ว่าความร่ำรวยของประเทศจะเพิ่มขึ้น (ซึ่งก็ต้องมาจาก Real Sector) ถ้าเบียร์ช้างเข้าตลาดนักลงทุนก็อยากได้เบียร์ช้างกันทั้งนั้น แต่ว่าเงินมีอยู่เท่าเดิน พวกนักลงทุนเหล่านี้ก็จะไปขายหุ้นบริษัทอื่นๆเพื่อมาซื้อหุ้นเบียร์ช้างกัน ดังนั้นหุ้นบริษัทอื่นๆก็จะตกลง Market cap ของเบียร์ช้างจะเพิ่มขึ้น แต่ Market cap ของตลาดโดยรวมไม่ขึ้น เว้นแต่ว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ---นักลงทุนที่เชี่ยวชาญของสหรัฐก็จะบอกอย่างนี้เช่นกัน มันเป็นเรื่องที่รู้กันดีทั่วไป แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดกันอยู่ สุดท้าย จงจำไว้ว่าถ้าเกิดเบียร์ช้างจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้จริงๆ สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะเกิดขึ้น ขอย้ำว่าสิ่งเดียวเท่านั้น เงินของคนไทย -- ไปหา - นายเจริญ คุณรู้รึเปล่าว่านิสัยการใช้เงินของนายเจริญเป็นอย่างไร 1 เป็นที่รู้ๆกันทั่วไปว่านายเจริญให้ทิปพนักงานที่สปอร์ตครับครั้งละ 1000 บาทเป็นอย่างน้อย (ขอย้ำว่าต่อครั้ง) 2 ลูกของนายเจริญสองคนที่เคยเรียนอยู่ที่บอสตัน (คนนึงที่ บอสตันยู อีกคืนที่ MIT/Harvard) ผมสามารถบอกได้ว่ารถของพวกเค้าหรูที่สุดในบอสตัน แม้แต่คนฝรั่งก็พูดเหมือนกับผม 3 เป็นที่รู้ๆกันว่านายเจริญแจกรถเบนซ์ให้กับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่ทุกคน เป็นเบนซ์ เอสคลาส รุ่นที่ดีที่สุด แล้วคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าเงินพวกนี้จะมาจากไหนถ้าไม่ใช่จากนักลงทุนคนไทยถ้าช้างได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ จากคุณ : copy - [ 5 ส.ค. 48 10:14:12 A:67.43.242.34 X: TicketID:105605 ] จากคุณ : Jan-o - [ 5 ส.ค. 48 13:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โหวตให้ครับ ผมก็ออกความเห็นไว้  แบบไม่เป็นวิชาการในกระทู้นี้ครับ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=11922&postdays=0&postorder=asc&&start=0 แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 48 14:22:06 แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 48 14:15:28 จากคุณ : endophine - [ 5 ส.ค. 48 14:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โหวตให้ด้วยครับ จากคุณ : อืมม์ - [ 5 ส.ค. 48 14:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โหวต ด้วยคนครับ ตั้งแต่ฟังความคิดเห็นเรื่องเบียร์ช้างมา ดูความคิดเห็นนี้เข้าท่ามากที่สุด จากคุณ : ดุลยภาพ - [ 5 ส.ค. 48 15:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่จบจากเมืองนอกและไม่มีปริญญาเมืองนอกมา แต่ผมมีข้อสงสัยสิ่งที่คุณ Jan-O เขียนดังนี้ครับ ถึงอย่างไรก็ดีก็รู้ๆกันอยู่ว่านายเจริญไม่อยากจะไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ เหมือนที่ผลสรุปไว้ในตอนที่ 1 1 ถ้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ นายเจริญจะต้องจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเค้ามากขึ้นเพื่อความโปร่งใส เพื่อความมีธรรมมาภิบาล ทุกๆคนในวงการธุรกิจก็รู้ดีว่านายเจริญเกลียดการให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเค้าต่อสาธารณะเป็นที่สุด ข้อสงสัย : การให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ ยิ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับเหล้า เบียร์ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องปกปิดนะครับ เพราะต้องแข่งขัน ชิงไหวชิงพริบกับบริษัทคู่แข่งตลอดเวลา เมื่อคุณเล่นไพ่ คุณจะหงายไพ่ให้เค้าดูมั้ย?  ถ้าคุณคุมธุรกิจพันล้าน หมื่นล้าน คุณต้องทำยังไง ผมว่าถ้ามีปริญญาทางด้านธุรกิจ คุณเจริญน่าจะจบศาตราจารย์นะครับ (เพราะผมเคยอ่านประวัติคุณเจริญมา ไม่ง่ายนะครับ สำหรับธุรกิจน้ำเมา) ดังนั้น ผมว่าไม่ผิดหรอก ที่เค้าจะต้องปกปิดเรื่องราวหรือข้อมูลบริษัท 2 ถ้าเบียร์ช้างได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ เค้าก็จะปั่นหุ้นเค้าได้โดยง่าย ข้อสงสัย : กลต. หรือตลาดหลักทรัพย์ คงเป็นอะไรที่มีเขานะครับ แต่ถึงแม้จะปั่นยังไง หุ้นก็ต้องมาสู่พื้นฐานของบริษัทอยู่ดี กำไรหรือผลประกอบการ (EPS) คือ King of  Kingdom ครับ ผมเห็นหลายตัวแล้ว ที่โดนปั่น ยังไงก็กลับมาสู่พื้นฐานอยู่ดี บ้างที คนที่ปั่นก็เจ็บตัวครับ 3 ราคาของหุ้นจดทะเบียนใหม่ๆจะถูกกำหนดโดยความต้องการเป็นหลัก ถ้าเค้าจดทะเบียนได้ในตลาดหลักทรัพย์ไทย เค้าก็จะขายหุ้นได้ในราคาแพง ได้เงินมาก แต่ก็ยังสามารถที่จะควบคุมบริษัทได้อย่างไม่ยากเย็น ข้อสงสัย : ราคาแพงคืออะไร ครับ ปกติแล้วเวลาจะตั้งราคา เค้าจะส่งให้ UNDERWRITER ส่งให้กองทุน โดยกองทุนต่างๆ จะคำนวณ PE หรือ EPS หรือ DCF และส่งราคา BID ไปให้ทาง UNDERWRITER และอีกอย่าง ก็เบียร์ช้าง คุณเจริญเป็นเจ้าของนี้ครับ เค้าก็มีสิทธิ์บริหารบริษัทเค้าสิครับ ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัท และต้องการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ คุณจะกระจายหุ้นและให้คนอื่นบริหารหรือครับ ผมว่าคุณมีอคติกับคุณเจริญเกินไปนะ บ้างอย่าง มันเป็นธุรกิจและเป็นสิ่งที่คุณเจริญ เค้าสร้างมันมา การปั่นหุ้น ซึ่งจะได้เงินมาง่ายก็จริง แต่เสี่ยงต่อการทำผิดนะครับ ผมคิดว่าคุณเจริญไม่ทำหรอกครับ มันเหมือนเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ไม่คุ้มหรอก เวลาที่เรามองคนอื่น เราอาจมองมุมของเรา แต่ถ้าเราเป็นเค้า คุณคิดสิครับ คุณจะทำยังไง จากคุณ : เสี่ยใหญ่ - [ 5 ส.ค. 48 15:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 - หึ ถ้าตลาดหลักทรัพย์ไทยพัฒนามาตรฐานการคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนก่อนเข้าตลาดให้ทัดเทียมต่างประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเปิดเผยข้อมูล  เราก็คงไม่ต้องมาถกเถียงกันหรอกว่าเบียร์ช้างควรเข้าหรือไม่ควรเข้า  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคุณเจริญก็ไม่อยากนำบริษัทไปจดทะเบียนที่ไหนแล้วจริงไหม จากคุณ : asmodeus - [ 5 ส.ค. 48 15:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทีนี้มาดูซิว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเบียร์ช้างได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ (ซื่งข้าพเจ้าคิดว่าเค้าคงจะไม่ทำเช่นนั้นหรอก) สมมติว่าเป็นที่ตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง ในกรณีนี้หุ้นจำนวนมากของเบียร์ช้างก็จะถูกซื้อโดยนักลงทุนต่างประเทศ ดังนั้นในกรณีนี้ เงินจากนักลงทุนต่างชาติ - ไหลไปสู่ - นายเจริญ คนเดียว จำนวนหุ้นในตลาด = สินทรัพย์ – หนี้สิน ถ้าบริษัทเบียร์ช้างมีหุ้น 100% และมีสัดส่วนดังนี้ คุณเจริญ 65% Free Float 35% เงินจะไหลเข้าคุณเจริญได้ไงครับ นอกจากเค้าขายหุ้นตัวเองออกมา และถ้าขายจริง มีคนเก็บจนสามารถมีสัดส่วนมากกว่าคุณเจริญ คุณเจริญก็แย่สิครับ เหมือนท่านนายก ผมก็ไม่เห็นท่านขายหุ้นตัวเองออกมา จากคุณ : เสี่ยใหญ่ - [ 5 ส.ค. 48 15:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรียนคุณเสี่ยใหญ่ครับ 1. ผมเห็นด้วยกับเรื่องที่ว่า การทำธุรกิจน้ำเมาที่ค่อนข้างยากและแข่งขันสูง จำเป็นต้องมีการปกปิดข้อมูลบางประการ ไม่เปิดเผยให้ใครรู้ เรื่องนี้ผมคิดว่าผู้วิจารณ์ท่านอื่นก็คงยอมรับได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ เมื่อคุณต้องการนำธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ว่าธุรกิจนั้นๆจะแข่งขันสูงยังไง จำเป็นต้องปกปิดแค่ไหน เขาก็ต้องเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ และต้องยอมรับได้ว่าตนเองต้องเปิดเผยด้วย เหมือนกันครับ ถ้าบุญรอดอยากเข้าตลาด เขาก็ต้องเปิดเผยให้หมด แม้จะเป็นธุรกิจน้ำเมาก็ตาม ไม่งั้นใครจะยอมให้ซื้อขายล่ะครับ ประเด็นที่ผู้วิจารณ์กล่าวถึง จึงไม่ได้ต้องการกล่าวว่า คุณเจริญผิดที่ไม่ค่อยเปิดเผยข้อมูล (ก่อนที่จะเข้าตลาด) แต่อยู่ที่ว่า หากคุณเจริญจดทะเบียนบริษัทของเขาในเมืองไทย ด้วยเส้นสายหลายทางที่เขามี จะทำให้เขาสามารถปิดบังข้อมูล (ที่เขาควรจะเปิดเผยตามกฎระเบียบของ ตลท.) ได้ง่ายดายกว่าการจดทะเบียนในต่างประเทศ นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณเจริญต้องการจดทะเบียนในเมืองไทยมากกว่าครับ 2. แน่นอนครับ ตามหลักแล้วราคาของหุ้นจะต้องกลับมาอยู่บนพื้นฐานการทำกำไรของหุ้นนั้นๆเสมอ อันนี้คงไม่มีใครเถียง คุณเสี่ยใหญ่ เช่นกัน แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ใครกันที่มีโอกาสเสียเงินเสียทอง จากการปั่นหุ้นดังกล่าว ระหว่างนักลงทุนรายย่อย (ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นนักลงทุน ที่ใช้วิธี เทรดหุ้นร้อนแรงรายวัน) กับนักปั่นหุ้นกระเป๋าหนักรายใหญ่อย่างคุณเจริญ สิ่งที่ผมพูดคือแนวโน้มนะครับ ดังนั้นถึงแม้คุณเสี่ยใหญ่จะกล่าวว่า บางทีเจ้ามือปั่นหุ้นก็เจ็บตัวได้ แต่โอกาสมันต่ำครับ เมื่อเทียบโอกาสที่นักลงทุนรายย่อยๆทั้งหลายจะขาดทุนเจ็บตัวเป็นแถบๆจากการปั่นหุ้นของเขา และสุดท้ายก็คือ คุณเจริญมีโอกาสที่จะรวยเอาๆๆๆ เรื่อยๆ ส่วนรายย่อยก็จะมีโอกาส จนลงๆๆๆมากขึ้น อย่าพูดถึง ตลท. เลยครับ เขาก็พยายามทำเต็มที่แหละครับในการตรวจสอบการปั่นหุ้น แต่เดี๋ยวนี้ การปั่นหุ้นมันแยบยลขึ้นทุกวัน จำเป็นต้องเข้าใจ (มั้ง) ครับ 3. แน่นอนครับ ไม่มีใครอยากยกเอาบริษัทตนเองให้คนอื่นบริหารหรอกครับ แต่ประเด็นที่จะวิจารณ์นั่นก็คือ คุณเจริญ ยังคงบริการบริษัทของเขาได้เหมือนเดิม ในขณะที่เงินในกระเป๋าเขาก็มีมากขึ้นมหาศาล เท่ากับว่า เขาไม่เสียอะไรเลยในการนำหุ้นเข้าตลาด มีแต่ได้กับได้อย่างเดียว รวมถึง แม้การนำหุ้นเข้าตลาดจะต้องมีบริษัทหลักทรัพย์ประเมินราคา IPO ของหุ้นบริษัทนั้นก่อนเข้าตลาด แต่การประเมินก็คือการประเมินครับวัดลำบากว่าที่ประเมินมานั้นมาจากสภาวะบริษัทตอนนั้นจริงๆ หรือเป็นการคาดการณ์ผลกำไรล่วงหน้า (ที่แน่นอนคงไม่มีบริษัทหลักทรัพย์ไหนคิดว่า ช้าง จะขาดทุนแหงๆ) กันแน่น่ะครับ ไม่งั้นจะมีการโจมตีหุ้นบางหุ้นที่ราคาเทรดวันแรกต่ำกว่าราคาจอง(IPO) ว่าบริษัทหลักทรัพย์ประเมินกิจการบริษัทนั้นๆแพงเกินไปเหรอครับ ต่อคำพูดที่ว่า ปั่นหุ้น เสี่ยงต่อการทำผิด คุณเจริญคงไม่ทำนั้น เขาไม่จำเป็นต้องทำเองหรอกครับ คุณเสี่ยใหญ่คงเข้าใจที่ผมพูดว่า ปั่นหุ้นเดี๋ยวนี้แยบยลมากขึ้นทุกทีนะครับ และอีกอย่างคุณเสี่ยใหญ่คิดว่า คนที่มีเงินล้นฟ้า มีอำนาจล้นมือเขาต้องการอะไรอีกครับ ก็เงินที่มากขึ้นกับอำนาจที่มากกว่าเดิมไงครับ และถ้าผมเป็นเค้า ผมก็ทำแบบเค้าเหมือนกันครับ มีช่อง มีโอกาส มีความสามารถที่จะทำ ทำไมจะไม่ทำครับ สิ่งที่ต้องทำคือ พยายามปิดช่องปิดโอกาสในการแสวงหาประโยชน์อันเกินสมควรมากกว่าครับ จากคุณ : Aristotle (Aristotle) - [ 5 ส.ค. 48 16:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มีแต่คน รู้มากๆ ทั้งนั้น ..เฮ้อ!! จากคุณ : คนรู้น้อย - [ 5 ส.ค. 48 16:16:52 A:203.188.59.186 X: TicketID:086597 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณเสี่ยใหญ่อย่าทำเป็นไร้เดียงสาชิครับ ก่อนเข้าตลาดไม่ตกแต่งให้ได้กำไรจะเอาเข้าตลาดเพราะใจบุญหรือไงครับ จากคุณ : kuit (KUAD) - [ 5 ส.ค. 48 16:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อ 1. ผมเห็นด้วยครับ บางทีคุณเจริญอาจจะใช้เส้นสายปิดบังงบการเงินที่แท้จริงของบริษัท หรือปั่นราคาขึ้นไปได้ ข้อ 2. จำเป็นต้องปั่นหุ้นด้วยหรือครับ สำหรับคนที่รวยที่สุดในประเทศไทย ผมคิดนะ ถ้าผมเป็นคนเจริญ ผมไม่ทำหรอก 2.1 คุณเจริญ ไม่สันทัดในตลาดหุ้น ถ้าจะปั่นหุ้น จำเป็นต้องมีพรรคพวก และทำกันเป็นแก็ง และเงินที่ได้ เป็นหลักพันล้าน คุ้มหรือครับ เพราะสินทรัพย์ที่เค้ามี เค้ามีประมาณแสนล้านบาท ถ้าถูกจับได้ โดนยึดทรัพย์ (กรณีที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งอาจขึ้นได้) คุ้มหรือครับ กับสิ่งที่ตัวเองสร้างมาทั้งชีวิต คุ้มหรือครับกับเงินรายย่อย คุ้มหรือครับ กับชื่อเสียงที่เค้าสร้างสมมา คุ้มหรือครับกับทรัพย์สินแสนล้านของเค้า 3. “การปั่นหุ้นมันแยบยลขึ้นทุกวัน”  ถ้าจับได้ ก็โดนยึดทรัพย์นะครับ ผมว่าไม่คุ้มที่จะทำแน่นอน 4. “ก็เงินที่มากขึ้นกับอำนาจที่มากกว่าเดิมไงครับ และถ้าผมเป็นเค้า ผมก็ทำแบบเค้าเหมือนกันครับ มีช่อง มีโอกาส มีความสามารถที่จะทำ ทำไมจะไม่ทำครับ” มีโอกาส มีความสามารถ ที่จะทำ ต้องเปรียบเทียบกับผลลัพธ์และความเสี่ยงที่ได้ด้วยครับ ดังที่กล่าวดังข้อ 2 จำเป็นหรือครับ สมมุติคุณมีเงินสินทรัพย์แสนล้านบาท คุณจำเป็นต้องเสี่ยงเอาเงินหลักพันล้านด้วยหรือครับ โดยคุณต้องปกปิดข้อมูล รวมพรรคพวก คิดแผนการอันแยบยล ผมถามจริงนะครับ เป็นคุณจะทำมั้ย ถ้าเป็นผม ผมเอาเวลาไปขยายธุรกิจดีกว่า ไม่เสี่ยงด้วยครับ จากคุณ : เสี่ยใหญ่ - [ 5 ส.ค. 48 16:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 “แต่การประเมินก็คือการประเมินครับวัดลำบากว่าที่ประเมินมานั้นมาจากสภาวะบริษัทตอนนั้นจริงๆ หรือเป็นการคาดการณ์ผลกำไรล่วงหน้า” ปกติการประเมินฐานะการเงินของบริษัท จะมาจากสินทรัพย์และหนี้สินนำมาหักลบกันเหลือเท่าไรจะเป็นส่วนของผู้ถือหุ้น ดังนี้ สินทรัพย์ – หนี้สิน = ส่วนผู้ถือหุ้น ราคา IPO จะคำนวณจาก ค่า PE ของหุ้นเทียบกับ PE ของหมวดอุตสาหกรรม ซึ่งบางทีหุ้นบางตัวอาจจะลดลงต่ำกว่า IPO ได้ แต่ในที่สุด ถ้าผลประกอบการดี หรือมีค่า %Glowth EPS ดี ยังไงหุ้นก็กลับมาราคาพื้นฐานอยู่ดี ซึ่งวอร์เรน บัฟเฟต หรือปีเตอร์ ลินซ์ ก็กล่าวไว้เช่นนี้ ครับ สำหรับ Values Investor ถ้าราคาไม่ต่ำกว่าพื้นฐาน ก็ไม่มีงานทำซิครับ ไม่นับ Day Trader นะครับ ส่วนใหญ่ เค้าประเมินราคาขณะนั้นครับ ไม่คาดการณ์ล่วงหน้าอยู่แล้ว ถ้าบริษัทมีโครงการที่จะทำในอนาคต ก็ถือว่าเป็นค่าการประมาณล่วงหน้า ไม่นับรวมใน EPS ปัจจุบัน แต่จะเป็น Glowth มากกว่า และทำไมต้องมีคนบอกว่าต้องตกแต่กำไร ก่อน Trade จริง ด้วย บริษัทผม ก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่ได้ตกแต่งงบ ก็เข้าตลาดและราคาก็ดีด้วย เป็นแค่บางบริษัทเท่านั้นแหละครับ ที่เค้าไม่กำไร แต่ต้องการเงินรายย่อย อย่ามองทุกบริษัทเป็นอย่างงั้น ซิครับ จากคุณ : เสี่ยใหญ่ - [ 5 ส.ค. 48 17:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตกลงที่เค้าคัดค้านกัน เพราะว่า ไม่อยากให้นายเจริญรวยขึ้นหรอครับ นึกว่าคัดค้านไม่ให้ธุรกิจเหล้าเบียร์เข้าตลาด จากคุณ : เป้ (accura) - [ 5 ส.ค. 48 17:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เพราะว่าไม่อยากให้เหล้าเบียร์มอมเมาประชาชน พิมพ์ตกไปนิดหน่อย ขอโทษครับ จากคุณ : เป้ (accura) - [ 5 ส.ค. 48 17:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณเสี่ยใหญ่ครับ   ประเด็นที่ว่ารวยแล้วไม่ปั่น   เงินจะไหลเข้ากระเป๋าได้ยังไง  ตลาดไทยเป็นยังไงนี่ผมคิดว่า  เจ้าน๊อกซ์นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ อันนึงอยู่แล้วนะครับว่าเงินไหลไปไหนเข้ากระเป๋าใคร ส่วนประเด็นว่าเคสนี้จะเป็นไม่เป็นนี้คงไม่มีใครฟันธงได้    ผมรู้แต่ว่าโรงเหล้าไม่เคยคิดเข้าตลาด    จนกระทั่งมีการเปิดเสรี   แถมมีเหล้าจีนราคาถูก ๆ เข้าตลาดมาแข่ง    มันคงบอกอะไรได้บ้างล่ะครับ และแนะนำให้ไปอ่านที่เฮียคลายเครียดโพสต์ไว้ตาม link ข้างบนครับ จากคุณ : อืมม์ - [ 5 ส.ค. 48 17:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชัดเจน ตรงประเด็น ผมเห็นด้วยกับ จขกท และคุณ copy โดยไม่มีข้อสงสัย นี่เป็นเหตุเป็นผลที่ถูกต้องที่สุด ถ้าช้างเข้าตลาด เงินย่อมไหลจากรายย่อยเข้ากระเป๋าคุณเจริญแน่นอน โดยแลกมาเป็นหุ้น หลังจากนั้นก็ขึ้นกับคุณเจริญ หรือแมงเม่าจะวางแผนตัวเองกันอย่างไร เพราะถ้าหุ้นดีมีกำไร ทั้งคุณเจริญและแมงเม่าก็รวยตามกันไปตามราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น ถ้าหุ้นเน่า คุณเจริญหมกเม็ด คุณเจริญก็คงรวยเหมือนเดิม เพราะออกตัวได้ก่อน แต่แมงเม่าเจ๊งตามระเบียบ อ่านแล้วเป็นเหตุเป็ผล ที่สุดของฝ่ายคัดค้านเท่าที่ผมเห็นมา อย่ามาอ้อมค้อมกันอยู่เลยครับ คุณ copy ก็บอกชัดอยู่แล้ว ว่าไม่อยากให้หุ้นช้างเข้า เพราะกลัวคุณเจริญจะรวย ไม่ใช่มาอ้างถึงเรื่องคนกินเหล้าแล้วไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งมันไม่ตรงประเด็น แต่คุณ copy พยายามชี้ให้เห็นว่าคุณเจริญเติบโตมาได้อย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร อันนี้เราคงรู้ๆกันอยู่แล้ว ลำพังเรื่องการประมูลโรงงานเหล้าช่วงเปิดเสรี ก็เป็นเรื่องเป็นราวกันอยู่พักหนึ่ง แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปให้ดีๆ นอกจากกลุ่มน้ำเมา ธุรกิจบ้านจัดสรร(รายใหญ่ๆ ไม่เกี่ยวกับพี่ก้อนหินนะ) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจเหล็ก หรือแม้แต่ธุรกิจโทรศัพท์ มือถือ ท่านเจ้าของธุรกิจเหล่านี้ เติบโตขึ้นมาอย่างขาวสะอาดกระนั้นหรือ พูดไปพูดมาก็กลับมาที่จุดเดิม ยอมรับความจริงกันเถอะครับว่าบ้านเราเป็นไง แต่ไม่ใช่ยอมรับ ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยอมรับความจริงว่ามันมีอยู่ และควรช่วยกันกำจัดสิ่งเหล่านี้ให้หมดไป ซึ่งคงไม่ใช่แค่การห้ามเบียร์ช้างเข้าตลาด จากคุณ : Livestock - [ 5 ส.ค. 48 17:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ได้ว่าคุณcopy นะ ข้อความพวกนี้คล้ายๆนักการเงินฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเลยค่ะ เพราะเขาเคยอยู่ในแวดวงการเงินมาเหมือนกันเขี้ยวนี้ลากดิน แล้วแต่มุมมองนะคะ  ดิฉันก็ทำงานในวงการไฟแนนซ์นานกว่า25 ปี จนถุกเลิกจ้างมาอยู่กับบ้านค่ะ เพื่อนฝูงอยู่ในวงการนี้ทั้งนั้น เพียงแต่ฟังหูไว้หูค่ะ จากคุณ : ย่าทวด (ย่าทวด) - [ 5 ส.ค. 48 17:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วทำไมบริษัทอื่น ที่เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ถึงไม่โดนประท้วงบ้างละ เห็นหลาย ๆ บริษัทที่เอาเข้าตลาด ก็ทำคล้าย ๆ แบบนี้ เลือกปฏิบัติทำไม สงสัยจัง จากคุณ : ?? - [ 5 ส.ค. 48 17:47:35 A:58.10.8.50 X: TicketID:027045 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ทราบว่าที่เ้ค้าประท้วงกันหน้า กลต กับประท้วงใน internet (เห็นมี website) คือกลุ่มเดียวกันหรือเปล่าครับ เพราะผมเห็นจากข่าวว่าที่ประท้วงหน้ากลต. เค้าประท้วง เพราะ "ธุรกิจเหล้าเบียร์เข้าตลาดแล้วจะมอมเมาประชาชน" หรือเปล่าครับ? แล้วกลุ่มใน internet เค้าประท้วง "ไม่ให้เบียร์ช้างเ้ข้าตลาดเพราะว่าเป็นหุ้นไม่ดี นักลงทุนจะเจ็บตัว" จากคุณ : เป้ (accura) - [ 5 ส.ค. 48 17:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่าธุรกิจที่พูดถึงนะว่า มันขาวสะอาด ทุกบริษัทแหละครับ ต้องมีด้านมืดและสว่าง แต่ยังไง หุ้นก็ตอบสนองต่อความเป็นจริงเสมอครับ ตัวอย่างไทยน๊อค, ปิคนิค ในที่สุดก็สะท้อนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือความจริงของพื้นฐานบริษัท เรามีสิทธิ์เลือกที่จะลงทุนนี้ครับ ไม่ได้โดนบังคับ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องลงทุนหุ้นตัวนั้นก็ได้ ทำไม เราต้องกีดกันไม่ต้องเข้าตลาดด้วยละครับ ผมคิดนะ เหตุผลที่เบียร์ช้าง อยากเข้าตลาดหลักทรัพย์เมืองไทย ก็เพราะเจ้าของเป็นคนไทยครับ เติบโตที่ไทย แต่ผมคิดเล่นๆนะครับ ถ้าอีตาชูวิทย์ ยังไม่ขายกิจการ และแปรรูปกิจการและเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะมีใครประท้วงมั้ยน่อ จากคุณ : เสี่ยใหญ่ - [ 5 ส.ค. 48 17:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่เกี่ยวกับช้างหรอกแต่อยากพูดถึง มีหลายสิ่งหลายอย่างในสังคมไทย ที่ไม่ค่อยกล้ายอมรับความจริงกัน อย่างเรื่องน้ำหนักบรรทุก 21 ,26 ,28 ,30 ตัน ถึงวันนี้ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ใช้น้ำหนักไหน คุณเสนาะเสนอว่าให้ใช้ 28 ตัน นักวิชาการทั้งหลายก็ออกมาดาหน้าด่าเสียยับ เป็นไดโนเสาร์ เต่าล้านปี ความคิดไม่พัฒนา เพียงเพราะคุณเสนาะโผงผาง อายุมาก มาจากต่างจังหวัด สรุปแล้วทุกสำนักวิจัยเห็นตรงกัน ต้อง 21 ตันเท่านั้น แต่ถึงเวลาจริงมันทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ ในเมื่อบรรทุกเกิน 21 ตันผิดกฎหมาย 22 ตันหรือ 40 ตัน ถ้าถูกจับ ก็ปรับ 6,000 เหมือนกัน จ่ายส่วย 3,000 เหมือนกัน แล้วคุณคิดว่าคนที่คิดจะบรรทุกน้ำหนักเกิน จะบรรทุก 22 หรือ 40 ตัน ก็ยังดีที่รัฐบาลยอมรับความจริง ผ่อนผันให้ใช้ 26 ตัน มาสองปีแล้ว ช่วยรักษาถนนไปได้มากเชียว เพราะคนบรรทุกเกินลดลงพอสมควร แต่ขนาดรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากล้นเหลือยังไม่สามารถแก้เป็นกฎหมายได้เลย จากคุณ : Livestock - [ 5 ส.ค. 48 18:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่เลยครับ พี่ไก่โต้ง ผมก็คัดค้านเข้าตลาด เพราะระยะยาว จะส่งผลร้ายกับสังคมไทย มากกว่าที่เราจะคาดคิดได้ เนื่องจาก ช้างจะสามารถหาตังค์ (ที่ปกติหาได้ง่ายอยู่แล้ว) ได้ง่ายขึ้น มากขึ้น และนำตังค์นั้นมาใช้มอมเมาคน โดยเฉพาะเยาวชนมากขึ้น ด้วยลูกเล่นสารพัดวิธีในอนาคต โดยโยนความเสี่ยงด้านสังคมให้ผู้ถือหุ้นไป (พี่แกไม่ต้องรับความเสี่ยงนั้นเอง) ส่วนใครจะรวย จะเจ๊งหุ้นช้าง ผมไม่สนหรอก ที่แน่ๆ เสี่ยเจริญรวยแน่ๆ หุหุ อนาคตของชาติน่าห่วงกว่าครับ มากกว่าเรื่องใครจะได้จะเสียในตลาดหุ้น แน่นอน แกไม่เข้าตลาด ก็หาตังค์ได้ แต่ก็เหนื่อยหน่อย แถมความเสี่ยงจากบริษัทต่างชาติก็จะสูงขึ้น แกต้องรับไปเอง แต่เอามาขายตลาดไทย ให้คนถือรับช่วงไป สบายแฮ เด็กๆ วันข้างหน้าสิครับ น่าห่วงกว่า ===== ต้องกลับมาแก้นิดหน่อย เพราะข้อความพี่ไก่โต้งตรงนี้ครับ เดี๋ยวจะสับสน อ่านแล้วเป็นเหตุเป็ผล ที่สุดของฝ่ายคัดค้านเท่าที่ผมเห็นมา อย่ามาอ้อมค้อมกันอยู่เลยครับ คุณ copy ก็บอกชัดอยู่แล้ว ว่าไม่อยากให้หุ้นช้างเข้า เพราะกลัวคุณเจริญจะรวย ไม่เลยครับ พี่ไก่โต้ง ผมก็คัดค้านเข้าตลาด เพราะ.... แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 48 01:16:46 จากคุณ : ขอบฟ้า จันทรา ดาบ - [ 5 ส.ค. 48 18:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่า เค้าก็พยายามจะเปิดตลาดต่างประเทศนะครับ อย่างไปสนับสนุนสโมสรฟุตบอลต่างประเทศเพื่อที่จะไปบุกเบิกขายของให้มากขึ้นนี่ครับ ทำไมไม่สนับสนุนให้บริษัทคนไทยมีต้นทุนต่ำละครับ ถึงแม้เค้าโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มยอดขายในไทย มันก็แค่กิน แชร์ จากยี่ห้ออื่น ๆ หรือของนอก(ซึ่งช่วยลดการนำเข้านะครับ) เพราะคนไทยก็แค่ 60 กว่าล้านคนเท่านี้และครับ คงไม่ซื้อไปอาบหรอกครับ ไม่ใช่ไอติมนะครับกินแล้วเมาครับ เพราะอย่างไรคนไทยก็ยังบริโภคเหล้า เบียร์อยู่ ทั้งเหล้า เบียร์ นอก  เราก็มารณรงค์ให้ ลด ละ เลิก เอาซิครับ ใช้มาตรการภาษี กฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้น มันก็ต้องเริ่มจากตำหนวด ต้องดี ซึ่งมันก็ย้อนไปยังปัญหา คอรัปชั่น มันวนเป็นงูกินหางไปหมด เพราะคุณไม่สามารถบังคับให้ทั้งโลกเลิกผลิตเหล้าเบียร์ได้ ในกระแสโลกานุวัตรและเสรีทางการค้า ทุกประเทศก็ต้องพยายามยัดเยียดให้ประเทศเรากินกันอยู่ดีและครับ ตราบใดที่เราเป็นประเทศเปิด  ต้องการเงินตราต่างประเทศจากการท่องเที่ยวซึ่งนักท่องเที่ยวบางชาติเค้าก็กินกันเหมือนอาบอยู่แล้ว และแนวโน้มเราส่งเสริมการท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวก็จะเข้ามาเยอะ เข้าใจว่าน่าจะเป็นเค๊กที่เพิ่มขึ้นมาหรือเป็นตลาดอีกส่วนนะครับ เราจะปล่อยให้เหล้านอกมาแย่งแชร์ไปเหรอครับ ในเมื่อยังต้องมี เราควรสนับสนุนให้ของเราแข่งขันได้ในตลาดโลกนะครับ ไม่ถูกใจใครก็ขออภัยนะครับ เพียงแค่เสนออีกมุมมองนะครับ อาจจะมองไม่สมบูรณ์รอบด้านครับ จากคุณ : WealthySoon - [ 5 ส.ค. 48 20:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หยุดเถอะครับ ธุรกิจบาปทั้งหลาย เป็นมิจฉาอาชีวะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ บาปครับไม่ว่าจะทำเป็นบริษัทเฉยๆไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์หรือจะเอาเข้าก็บาปทั้งนั้นครับ ถามว่ารู้ไหมว่าเป็นธุรกิจบาปทุกคนคงตอบว่ารู้ซิ แต่ทำไมถึงทำ ขอบอกว่าเป็นเพราะกิเลสครับ ลด ละ เลิก กิเลสกันเถอะครับ ผมว่าทุกคนคงรู้คำตอบในใจตัวเองดี แต่จะทำอย่างไรอีกเรื่องนึง บาปครับบาป จากคุณ : หยุดบาป (Nuatja) - [ 5 ส.ค. 48 23:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 วันนี้ได้มาดูกระทู้นี้ ก็ดีใจที่มีคนกล้า มันท้าทายดี ผมสนับสนุน จกท ส่วน คห ของคุณ เสี่ยใหญ่ ก็เป้นความเห็นแบบวงนอก(หรือเป็นวงในแต่แกล้งไม่รู้) พวกเราลอง จดชื่อ หุ้นใหญ่ ๆ ที่มีมาร์เก็ตแค็ปใหญ่ ๆ มาสัก 10 รายชื่อ แล้วเติมอีกชื่อว่าเบียร์ช้างลงไปเป็นชื่อ 11 แล้วลองนึกเอาเอง(ไม่ต้องไปเปิดรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นึกตามสามัญสติที่พวกเรารู้ๆมา) คุณจะมองเห็นว่า มีหลายบริษัทที่เราไม่สามารถฟันธงว่า ชื่อคนคนเดียวเป็นเจ้าของ หรือตระกูลเดียวเป็นเจ้าของ และแน่นอนจะมีหุ้นใหญ่ ๆ หลายบริษัทที่เราจำหน้าจำชื่อเจ้าของกิจการนั้นๆได้ทันที(มันเป็นบริษัทของตระกูล ไม่ใช่มหาชน คำว่ามหาชนจึงดูหลอก ๆ ลวง ๆ ชอบกล) ถ้าบริษัทไหนที่เราไม่สามารถระบุชัดว่าใครเป็นเจ้าของ แล้วลองดูความธรรมาภิบาลดู จากนั้นลองดูบริษัทที่ยังมีตระกูลครองอยู่ ดูความธรรมาภิบาล ลองคิดเอง คิดไม่ออกผมก็ไม่เฉลย 55 55 55 ในฐานะคนเล่นหุ้น ผมไม่อยากให้บริษัทใหญ่ๆ เข้ามาละลายเงินพวกเล่นหุ้นในสภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้ ไม่ว่า ช้าง กฟฝ กสท และ.....แต่หากในเง่ของประชาชนก็อยากให้เข้า เหตุผลอย่างหนึ่งคือ (ผมมีเพื่อนมากที่ กฟฝ กฟน และรู้จักคุณเจริญดี) องค์กรที่เป็นรัฐวิสาหกิจเก่าเหล่านี้ ผลาญเงินภาษีประชาชนมากที่สุด คนทำงานตั้งแต่ล่างถึงบน(ส่วนมาก) ทำแบบเช้าชามเย็นชาม เมื่อเทียบเงินเดือนกับผลงานที่เขาทั้งหลายทำต่อระบบเอกชน คนเหล่านี้ต้องถูกลดเงินเดือนเกินครึ่ง ค่าไฟเอย ค่าโทรศัทพ์พื้นฐานเอย มันต้องถูกกว่าที่พวกเราเคยเสียมาตั้งแต่เมื่อนับ สิบปีก่อนโน้นด้วยซ้ำ (ต้นทุนการบริหารสูงมาก ๆๆๆ) ส่วนกิจการเหล้าเบียร น่าจะยึดเป็นของรัฐเมื่อ 40 ปีก่อนด้วยซ้ำ ผู้ปกครองของเราเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่ฉลาดเลย และถึงตอนนี้นายกคนนี้ก็ไม่กล้ายึดกิจการเบียรเหล้าเป็นของรัฐ เหมือนเช่นบุหรี่ และหวย 55 55 55 ช่างเถิด เรื่องมันผ่านไปแล้ว เอากลับไม่ได้ สุดท้ายเบียร์ก็เข้าตลาดจนได้ แล้วทุกอย่างก็จะเดินแบบที่ จกท กล่าวไว้ เพื่อนผมคนนี้มาจากเด็กล้างขวดเหล้าของ แม่โขง (ไปถามเจ้าของแม่โขงเก่าที่ชื่อคุณ เถลิงดูว่าเขาเจ็บขนาดไหนที่เสียโรงเหล้าให้คุณ เจริญ ธนาคารมหานครเป็นของน้องคุณ อุเทน ก็น่าจะไปถามว่าเขาเจ็บหรือดีใจที่เสียธนาคารให้คุณเจริญ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ) คนที่รู้ว่า คนร่ำรวยจากเด็กจบ ป4 (ไม่ได้ดูถูกนะ เพราะมีคนจบ ป 4แล้วรวยก็มี ..แต่น้อย หรือมิเช่นนั้นต้องถอยเวลาไปอีก 60 ปีเริ่มต้น) การรวยอย่างรวดเร็วและมหาศาล(สำหรับประเทศเรา) ต้องมีช่องทางพิเศษแน่นอน (ไม่อยากเล่า 55 55 55) และที่สำคัญ การคงความร่ำรวยและยังโกยเงินมหาศาลได้ต่อเนื่องถึงปัจจุบันโดยไม่มีอุปสรรค์ ยิ่งเป็นเรื่องน่าฉงน(ก็สำหรับบ้านเราอีก เมืองที่เขาโปร่งใส ประชาชนเขานับถือคนเหล่านี้จริง แต่บ้านเราไม่โปร่งใส ใครจะนับถือก็ตามใจ แต่ผมขอคิดดูก่อน) ถ้าคุณมีธุรกิจที่ต้องดำเนินต่อเนื่องและกำไรมหาศาลต่อเนื่องคุณต้องทำไง 1 รีบเข้าซบผู้ใหญ่ให้ปกป้อง 2 รีบซื้อตัวคนมีอำนาจ 3 รีบทดแทนบุญคุณคนมีประโยชน์ต่อความร่ำรวย ประเภทเขาทำให้เราได้สิบ ต้องทดแทนให้เป็นแสน ไม่ขาดทุนหรอก เพราะเขานั้นต้องทำงานสนองเกินค่าแสนอีก (เช่นให้รถราคา 10 ล้าน แต่จะมีผลตอบสนองภายหน้า 500 ล้าน เป็นต้น) นิทานเรื่องนี้ถ้าเล่าแล้วมันยาว ผมไม่อยากหัวแตก ต้องขอหยุดเท่านี้พอ แต่..จะมาบอกเล่าเพื่อนๆที่เล่นหุ้นว่า เราอย่าสักแต่ก้มหน้าก้มตาซื้อ ๆ ขาย ๆ บางครั้งก็ควรต้องเอาหูเข้าไปรู้เรื่องลึก ๆ เขาบ้าง เขาปั่นหุ้นไม่ถูกยึดทรัพย์หรอก เพราะจับไม่ได้ทั้งชาตินี้ชาติหน้า 55 55 55 เพื่อนผมคนหนึ่งเขารวยมาจากการฉ้อฉล ทรยศเพื่อน หักหลังเจ้านาย แล้วเขาอาศัยสมองจากใครรู้ม๊ะ ก็คนในสาขาอาชีพนั้น ๆ แหละสอนเขารวย (ตัวเขาเองเริ่มต้นไม่รู้อะไร แต่พอรู้ก็เริ่มคิด(โกงเป็น) พอรวยเร็วขึ้น ใจก็ใหญ่ ลืมเพื่อนลืมตัว คุณ เสี่ยใหญ่เป็นคนตรง ก็รู้แบบตรง ๆ น่ารักไปอีกแบบ แต่บนโลกใบนี้ มีเรื่องที่ไม่ตรง ๆเยอะจนคุณคาดไม่ถึงจริงๆ บางเรื่องรู้แล้วก็พูดไม่ได้ บางเรื่องพูดไปก็อยู่ไม่ได้ เพราะบ้านเรายังไม่ตรง ๆ 100 % หมายเหตุ วันที่เรารู้ความจริง บางครั้งก็ช้าเกินไปซะแล้ว 55 55 55 (ไม่รู้เพื่อนๆห้องนี้อ่านแล้วจะงง งง รึป่าว 55 55 55) ขอให้โชคดี จากคุณ : อยากเชือก - [ 5 ส.ค. 48 23:55:11 A:202.5.82.12 X: TicketID:104470 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การทำธุรกิจในบ้านเราไม่ว่าจะเข็นรถขายขนม หรือกิจการใหญ่มากแค่ไหน ควรยอมรับความจริงว่ามันต้องมีการจ่ายเงินพิเศษให้กับผู้มีหน้าที่และมีอำนาจในการควบคุมกำกับดูแลทั้งนั้น การทำธุรกิจทุกประเภทต้องแสวงหากำไรเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครเสียสติทำการค้าโดยไม่หวังกำไร สำหรับธุรกิจของนายเจริญนั้น มีมากมายมหาศาลซึ่งเป็นวิสัยของคนที่ไม่รู้จักพอ เป็นพฤติกรรมเช่นเดียวกับนายแขกสุระ ที่ซ้อทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ในที่สุดบาปกรรมก็ลงโทษตัวเอง ผมไม่เคยเห็นคนประเภทนี้เจริญบี่งยืนจีรัง ไม่รุ่นตัวเอง รุ่นลูกรุ่นหลานก็ต้องพบกับความวิบัติทั้งนั้น สำหรับการนำเบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลว่าสมควรหรือไม่สมควร ซึ่งเป็นเรื่องของคณะกรรมการฯที่จะต้องพิจารณา คนเราผิดศีลกันทุกคนและทุกวันมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป อย่าไปเอาเรื่องศีลมาเป็นข้อโต้แย้งกันดีกว่า โกหกตัวเองไปทำไม ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ขัดข้องจะให้เข้าหรือไม่ให้เข้า ไม่ทำให้สถานะของผมดีขึ้นหรือเลวลง แต่ขบวนการของผู้ต่อต้านที่แสดงออกโดยการชุมนุม หลอกเด็กที่ไม่รู้เดียงสาออกมาคัดค้านโต้แย้งแม้กระทั่งพระสงฆ์ก็มาร่วมชุมนุมคัดค้สนกับเขาด้วย ผมว่าผู้นำการชุมนุมไร้ความคิดสิ้นดี คงได้ใจตั้งแต่ครั้งที่ใส่เสื้อม่อฮ่อมออกมาเป็นผู้นำชุมนุมคัดค้านรัฐบาลในขณะนั้น เหมือนกับชวนคนให้มาตายกันเพื่อให้ตัวเองเป็นฮีโร่ ทำไปทำไมถ้าไม่หวังอำนาจเบ็ดเสร็จโดยไม่คำนึงถึงความเสียหาย ไม่มีวิธีอื่นที่ดีไปกว่านี้หรืออย่างไร การแสดงความคิดเห็นต่อต้านทำได้โดยการสร้างม๊อบมาข่มขู่เท่านั้นเองหรือ ผมขับรถไปส่งลูกไปรับลูกต้องได้รับความเดือดร้อนทุกครั้งที่ผ่านไป ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งด่ามันไปในใจ เป็นนายพลมาได้คงเพราะโชคดีที่จับสลากได้มา ความสามารถเฉพาะตัวอยู่ตรงไหน ความดีที่พอจะมีอวดชาวบ้านอย่างผมอยู่ที่ไหนแสดงออกมาบ้างครับ หน้ากากที่ใส่ไว้คงไม่หนักเกินกำลังที่จะถอดออกนะครับสำหรับคนที่ได้รับยศเป็นถึงพลตรีแห่งกองทัพบกไทย จากคุณ : ไม่ได้เกลียดแต่ไม่ชอบคนเสียสติ (tamakah) - [ 6 ส.ค. 48 00:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยกับพี่อยากเชือกนะ เสียดายจริงๆ เลย เรื่องโรงเหล้า ที่รัฐไม่สามารถยึดคืนกลับมาได้ แต่ตรงนี้ผมว่าด้วยกันนะ ทั้งรัฐบาลนี้ และรัฐบาลก่อนหน้านี้ เห็นพ้องต้องกันว่าควรจะยกให้.................... สังเกตดูซิครับ การประท้วงต่อต้านครั้งนี้ มีแต่มหาจำลองและกลุ่มเด็กเท่านั้น ที่เอาจริงเอาจัง ไม่เห็นมีนักการเมืองฝ่ายไหนออกมาต่อต้านอย่างจริงๆ จังๆ เลย ก็คงรู้ๆกันอยู่ว่าอะไรมันบังตา เสียดายแต่ว่า ถ้ามหาแกไม่หลงประเด็น น่าจะมีคนสนับสนุนมากกว่านี้ จากคุณ : Livestock - [ 6 ส.ค. 48 08:04:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อืมส์   เรื่องยึดเหล้าคืนมาเป็ของรัฐคงยาก   เพราะเค้าค้าขายแบบปรกติบนดินเสียภาษีถูกต้อง  ไม่ใช่แบบหวยเเมื่อก่อนที่มีแบบใต้ดิน ไม่เสียภาษีครับ จากคุณ : aeaw - [ 6 ส.ค. 48 08:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ..........ผมว่าท่านมหาไม่ได้หลงประเด็นตรงไหนนะครับ   แต่มัน"ตรงประเด็น"มากกว่า                                     แต่ต้องขอบคุณจขกท.ที่เปิดประเด็นเรื่อง เหตุผลว่าช้างไม่ควรเข้าตลาดเพราะเรื่องนี้มันชัดว่า  จริงๆ แล้วหลังหุ้นช้างเข้าตลาด"เงินที่เราคิดว่าน่าจะได้ น่าจะ เกิดมันไม่เกิดกับส่วนรวม  แต่มันเกิดกับคนที่ดิ้นรนอยาก จะเอาหุ้นตัวนี้เข้าตลาดที่สุด".......กระเป๋าตุงแน่นอน ..........แต่ประเด็นที่ท่านมหาจำลองพูดถึง  หายนะหรือ ความวิบัติที่จะเกิดขึ้นแก่สังคมไทย   ผมเชื่อว่าถ้าเข้าตลาด ได้  อันดับ5ของคนไทยที่รักการดื่มที่สุดจะต้องดีขึ้นแน่ นอน(เลวขึ้นสิ)........         ธุรกิจนี้ใครก็รู้ว่ามาจิ้น มันสูงแค่ไหน   ถ้าช้างเข้าได้ มีอีกหลายยี่ห้อเหลือเกินที่อยากเข้ามาแบ่งเค้กชินนี้     จากธุรกิจผูกขาด กึ่งผูกขาด ก็ต้องมีคนดิ้นรนอยากได้ใบ อนุญาตเพิ่ม  เมื่อมีการระดมทุนให้มหาชนเป็นเจ้าของได้ ต่อไปการแข่งขันแบบสมบูรณ์ก็จะเิกิดขึ้น   ราคาเหล้า เบียร์ก็คงถูกกว่าน้ำดื่มธรรมดาแน่ๆ........(ลองดูธุรกิจมือ ถือเดี่ยวนี้ก็ได้ ในแง่ราคาและการแข่งขัน)        ถ้าผมเป็นคุณเจริญนะถ้าคิดว่าธุรกิจตัวเองดีจริง   พิสูจน์เลย  "ผมจะแสดงให้ประชาชนคนไทยเห็น  ผมจะนำ หุ้่นของผมจดทะเบียนในต่างประเทศให้ดู.......แล้วคนไทย จะเสียดาย"   ผมว่าไม่ใครเสียดายหรอกครับ  เพราะมันดี กับทุกฝ่าย 1.  คนที่คัดค้านก็ไม่มีสิทธิจะค้าน เพราะเป็นสิทธิของคุณ เจริญ 2. คุณเจริญก็มีเงินลงทุนมาขยายธุรกิจเพิ่ม 3.มาเก็ตแคปที่บอกอยากให้โตขึ้นถึงไม่โต แต่ก็ไม่เล็กลง มากหรอกครับ  เพราะคนชั้นกลางๆล่างๆอย่างพวกเราจะได้ ไม่ต้องขายหุ้นที่มีถูกๆ  ไปซื้อหุ้นช้างในมือเจ้าของที่เขา ขายได้ราคาดีแพงๆ 4.ประเทศชาติมีตัวเลขทางบัญชีเดินสะพัดดีขึ้น  เพราะคุณ เจริญเป็นฮีโร่ช่วยแก้ปัญหาให้..........   วันที่10นี้  ผมไปแน่นอน เพราะว่าได้แต่คัดค้านอยู่ในใจ มานาน  ขอออกไปแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งดีกว่า   ส่วนประเด็นที่ท่านมหาคัดค้าน  ผมคิดว่ามันตรงประเด็นที่ สุด เพราะมันเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมโดยส่วนรวม   เราคัดค้านเพราะไม่อยากเห็นเหล้าเบียร์จะมาทำลาย อนาคตของสังคมที่เราอยู่  และลูกหลานของเราที่เติบโต ขึ้นมาครับ......... จากคุณ : ton4fm - [ 6 ส.ค. 48 10:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สรุปก็คือหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นนักการเมืองไม่ต่างอะไรกันกับ TNX เมื่อเข้าตลาดฯ แล้วจะมีการถ่ายเทโอนเปลี่ยนมือกันระเบิดเถิดเทิง ตามการทำบัญชีซึ่งทำได้แบบไม่ผิดกฏหมาย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานที่ตรวจสอบจะแข็งขนาดไหน (แต่เมื่อความจริงเปิดเผย รายย่อยก็ต้องเจ็บตัวไปก่อน) คนที่คัดค้านเรื่องการดื่มเบียร์นั้น ผมอยากจะบอกว่าตอนนี้ไม่ได้มีแต่เบียร์ช้างเท่านั้น ที่ขายในราคาถกๆ คุณเห็นหรือไม่ว่ามีเบียร์ยี่ห้อ RED HORSE ลิขสิทธิ์จากประเทศฟิลิปปินส์เข้ามาทำตลาดด้วย ราคาขาย 5 ขวดเล็กเป็นเงิน 100 บาท ไม่จำเป็นเลยที่คนไทยจะต้องกินแต่เบียร์ช้าง จากคุณ : เบียร์เยอรมันนำเข้า - [ 6 ส.ค. 48 15:07:36 A:61.47.100.249 X: TicketID:105404 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ... ขอบคุณครับ จากคุณ : GABLIEL - [ 6 ส.ค. 48 15:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ความจริงที่ทุกคนลืมไปก็คือ พลตรี จำลอง กับ ดร.ทักษิณ มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันขนาดไหน การกระทำของคนๆหนึ่งอาจทำเพื่อคนอีกคนหนึ่ง ถ้าเจ้าของดันหุ้นเบียร์...เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ จำนวนเงินส่วนต่างจากราคาหุ้นกับราคาพาร์จะเข้ากระเป๋าของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แล้วลองคิดต่อไปว่า ถ้าผู้ถือหุ้นรายใกญ่เกิดจะพิสมัยการเมืองขึ้นมาละก็ กระสุนดินดำล้นกระเป๋าขนาดนั้น พรรคช้างรักช้าง(ทรทภาค2)ก็อาจเกิดขึ้นได้ นกม.จากทุกสารทิศจะหลั่งไหลไปอยู่ด้วย แบบเดียวกับการเกิดขึ้นมาของทรท.ในตอนแรก แล้วทรท.ในตอนนี้จะเป็นอย่างไร ในเมื่อเกิอมีคู่แข่งที่น้ำหนักอยู่ในรุ่นเดียวกัน บวกกับความสดใหม่ของคู่แข่ง ที่มาในสไตล์แบบเดียวกัน อำนาจรัฐก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมสำหรับควาญช้าง เมื่อคิดถึงบรรทัดนี้ คุณก็คงตระหนักถึงความจริงที่ว่า ทำไมพลตรีจำลองถึงเป็นตัวตั้งตัวตี ไม่ยอมให้หุ้นเบียร์...เข้าซื้อขายในตลาด เอวังก็ด้วยประการละฉะนี้ หมากเกมนี้ย่อมมีผู้ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนจะเป็นใครระหว่างคนหน้าเหลี่ยมกะควาญช้าง เราคงจะรู้กันไม่เกิน1-2เดือนนี้ละครับ จากคุณ : Joey - [ 6 ส.ค. 48 15:35:37 A:61.91.172.39 X: TicketID:037917 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผมกลัวแต่ว่าสุดท้าย ผลออกมาเสมอ 0-0 ไม่มีใครทำประตูได้ กอดคอกันเข้ารอบ คนดู กับกองเชียร์เซ็งไปตามๆกัน เพราะมันเป็นแค่เกมส์ ขู่ให้ยอม เหมือนกับหลายๆเหตุการณที่ผ่านมา ที่ท่านผู้นำใช้สยบคู่แข่ง ผู้มีอิทธิพล หรือดึงใครเข้ามาร่วม จากคุณ : Livestock - [ 6 ส.ค. 48 15:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ธุรกิจน้ำเมาขาดคุณสมบัติที่จะเข้าตลาดหุ้น จากประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่กจ.12/2543 ข้อ4 (ก) ได้กำหนดคุณสมบัติของธุรกิจที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯไว้ว่า จะต้องมี “ธุรกิจหลักเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” โปรดสังเกตว่า ข้อกำหนด 4 (ก) ใช้คำว่า “และ” หมายถึงว่าธุรกิจนั้นจะต้องเป็นประโยชน์ทั้งเศรษฐกิจและสังคมจึงจะเข้าตลาดหุ้นได้ แต่น้ำเมาเป็นสาเหตุของความเสียหายต่อสังคมมหาศาลดังนี้ - ๑๐.๕% ของผู้ทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา - ๑๖.๑% ของผู้ก่อคดีบุกรุก - ๒๐.๘% ของผู้กระทำความผิดต่อร่างกาย - ๓๔.๘% ของความผิดเกี่ยวกับเพศ - ๕๙.๑% ของผู้ก่อคดีทำลายทรัพย์สิน - ๗๒.๗% ของอุบัติเหตุบนท้องถนน - ผู้บริโภคเป็นประจำ ๕๑.๒% มีความเครียดรุนแรง และ ๔๘.๖% ซึมเศร้าในระดับที่ควรพบแพทย์ - ถ้าบริโภคจนติด ๑๑.๙% มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย และ ๑๑.๓% อยากฆ่าผู้อื่น - เป็นสาเหตุของโรคร้ายกว่า ๕๐ ชนิด เช่น ตับแข็ง มะเร็งทางเดินอาหาร และสมองเสื่อม - ผู้หญิงและเด็กวันละนับล้านคนถูกทุบตีจากพ่อบ้านที่เมามาย ดังนั้น เมื่อธุรกิจน้ำเมาส่งผลเสียต่อสังคมอย่างมากมายตามสถิติข้างต้น จึงขาดคุณสมบัติที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ แม้ในทางเศรษฐกิจภาษีที่เก็บได้จากเหล้าเบียร์ ก็ไม่คุ้มกับความสูญเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งค่ารักษาพยาบาล ความเสียหายจากอุบัติเหตุ คดีต่าง ๆ ที่ต้องใช้ทรัพยากร ตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งสูญเสียไปมากกว่าคุณค่าเศรษฐกิจที่เกิดจากน้ำเมา ศาสนิกชน ๖๗ องค์กร และ ๑๗๒ องค์กรเครือข่ายงดเหล้า ๕ สิงหาคม ๒๕๔๘ ข้อมูลจาก : ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.), “ธุรกิจสุรากับตลาดหลักทรัพย์” นำเสนอเวทีวิชาการนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ, ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๘ ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ : ๕-๖ social จากคุณ : zxcv - [ 6 ส.ค. 48 23:26:55 A:58.9.195.165 X: TicketID:105625 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อย่าแก้ที่ปลายเหตุ ควรแก้ที่ต้นเหตุ สั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิดครับ ในประเทศไทย จากคุณ : ปากว่าตาขยิบ - [ 7 ส.ค. 48 02:50:15 A:221.128.96.209 X: TicketID:105404 ]

ความคิดเห็นที่ 37 หนึ่งปัญหาคิดได้หลายอย่าง แต่ผมชอบไอเดียเฮียคลายเครียด  กว่าคนอื่นๆ ถ้าแกชวนไปประท้วงผมจา ไป จากคุณ : pomsamart - [ 7 ส.ค. 48 15:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เหตุผลที่คุณเจริญจะนำหุ้นเข้าตลาดไทย ก็เหมือนที่ จขกท. บอกนั่นแหละ...ผมว่าทุกคนก็รู้กันอยู่ว่า คนไทยด้วยกัน มีปัญหาอะไร ก็เคลียร์กันกว่าต่างชาติ แต่ผมขอถาม จขกท. สัก 1 คำถาม "ถ้าคุณเจริญเข้าตลาดหุ้นไทยไม่ได้ คุณเจริญจะไม่เข้าตลาดต่างประเทศอย่างแน่นอน เพราะเงื่อนไขในการเข้าตลาดต่างประเทศ(อย่างที่คุณเขียน) มันยุ่งยากมาก จนคุณเจริญน่าจะตัดสินใจไม่นำหุ้นเข้าตลาดต่างประเทศ" ช่วยตอบคำถามให้ชัดๆแล้วนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็ขอร่วมคัดค้านกับคุณด้วย (เพราะที่ผมอยากให้คุณเจริญจดทะเบียนนั้น เพราะรู้ว่า ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้ สู้มาจดในไทยดีกว่า คนไทยจะได้โวยวายได้ เหมือนกับตอนนี้ที่คุณกำลังโวยวายเหล้าเบียร์ไทยอยู่ แต่ของฝรั่งไม่พูดสักแอะ)...รอฟังอยู่ครับ จากคุณ : Jaffa - [ 7 ส.ค. 48 15:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านความคิดเห็นข้างบนแล้วอดไม่ได้ที่จะขอแจมหน่อย ผมขอคิดต่างไปจาก จขกท นะครับ การต่อต้านเบียร์ ช้าง ควรจะมีสาเหตุมาจาก ความไม่เหมาะสมในด้านที่ทำให้เกิด negative externalityต่อสังคมที่มันจะเกิดถ้าเฉพาะ บริษัทช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์ นะครับ ดังนั้น จากเหตุผลที่ท่าน จขกท กล่าวมา ผมว่าไม่เหมาะสมนะครับ เพราะว่า บริษัทต่างๆที่ ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็สามารถทำอย่างนี้ ได้ครับ เพราะเกิดจากการดูแลที่ยังไม่ดีของตลาด (ขายราคาแพง,ปั่นราคา,อยากได้เงินก็เพิ่มทุน,ไซฟอน, แต่งงบ) ซึ่งการคัดค้านหุ้นช้าง เข้าตลาด จึงเป็นการแก้ที่ไม่ตรงจุด เราควรไปประท้วงที่ตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยเรื่องการดูแล บริษัทที่เข้ามาจดทะเบียน และที่มีอยู่แล้ว ซึ่งผมเห็นด้วย ถ้าท่าน จขกท จะประท้วงกรณีนี้ เพราะ หุ้นที่เข้าใหม่ ทุกตัวหลุดจองหมดเลย และหุ้นหลายตัวปั่นจนขนาดหลับ ตายังเห็นเลย(นอนอยู่ได้ยินพวกมาร์ด้วยกัน เฮกันก็รู้และ) สำหรับผม ผมไม่เห็นด้วยกับกิจการเหล้าเบียร์ครับ แต่ไม่คัดค้านการนำ CHANG เข้าตลาดหุ้นในด้านที่ จขกท พูดถถึงนะครับ เพราะมันไม่ได้ทำให้สังคมดีขึ้นหรือแย่ลง โดยเฉพาะในส่วนการที่คุณเจริญจะมีเงินมากขึ้น จากการขายหุ้น หรือปั่นหุ้น จากเหตุผลข้างต้น แต่หากกลุ่มผู้ประท้วงกังวลในประเด็นเรื่องมอมเมา ประชาชน เพราะจะทำให้ต้นทุนต่ำลง โฆษณามากขึ้น ผมเห็นว่า เราควรจะแก้ไขปัญหานี้ทั้ง2ด้านจะดีกว่า คือด้าน Demand เราควรที่จะกระตุ้นจิตสำนึกของ ผู้คน ให้รังเกียจสุราพอๆกับการสูบบุหรี่ ชี้ให้เห็นโทษ และเป็นสิ่งที่ล้าสมัย สำหรับคนรุ่นเก่า ทำให้ครอบครัวแตกแยก และที่สำคัญคือไม่อร่อย และ นำเสนอหนทางอื่นๆสำหรับผู้ที่เลิกงาน จะได้ทำได้ หรือมีสังคมได้ เช่นเข้าร้านกาแฟ ไปนั่งคุยสบายๆก็ได้ ^^ ให้การช่วยผู้ติดสุรา ให้เลิกดื่มสุรา และห้ามโฆษณา หรือ ออกอากาศอะไรก็ตาม ที่มีผลทำให้ วัยรุ่นรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่โก้เก๋ (ผมเคยเที่ยวกลางคืนบ่อยครั้ง แต่ไม่ดื่มเหล้าเลย ก็ยังสนุกได้) ด้านSupply ผมคิดว่า เราควรจะทำให้ ผู้ผลิต มีแนวโน้มที่จะไปทำธุรกิจ อย่างอื่นดีกว่า เช่น ขายน้ำนมถั่วเหลือง หรือ ขายน้ำผลไม้ หรือถ้าไม่งั้นก็ต้องไปขายในประเทศอื่น เช่น การกำหนดภาษีที่สูงมากๆ และกฎเกณท์ต่างๆ ที่จะทำให้เหล้า ต้นทุนสูงมากๆ ผมว่าถ้าประท้วงอย่างนี้ผมอยากไปร่วมด้วย แต่ถ้าประท้วง 1บริษัท เอาเข้าตลาด ผมคิดว่า ไม่ได้ช่วยให้สังคมดีขึ้นครับ เข้า หรือ ไม่เข้า ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม บริษัทก็ยังมีเม็ดเงินมากพอที่จะทำสิ่งต่างได้เหมือนเดิม และผมก็ไม่เชื่อว่าการเอาเข้านี้ทำไปเพื่อต้องการเม็ดเงิน ดังเช่น จขกทกล่าว อยากให้ขึ้นไปอ่านบน link ข้างบน คคห. ของเฮียคลายเครียด เพื่อนผมที่ขาย เหล้าก็บอกมาเช่นนี้ สุดท้ายนี้ ผมเห็นด้วยมากที่สุดกับคุณ zxcv มากๆครับ ซึ่งจากกฎเกณฑ์ ข้างต้นน่าจะเพียงพอที่ไม่นำ หุ้นช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยที่ไม่ต้องให้ใครไปยืน ประท้วง และคิดว่า ตลาดทุจริตที่จะลักลอบเอาหุ้นช้างเข้าตลาด และซึ่ง จากข้อมูลเดียวกันนี้ ผมอยากให้ คุณจำลอง ประท้วงในเรื่องการจำหน่ายสุราในเมืองไทยจะมีประโยชน์ มากกว่า การประท้วงเรื่องนำช้างเข้าตลาดหุ้นครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 23:25:52 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 23:15:38 จากคุณ : chinn (chinn) - [ วันรพี 23:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมว่านะครับ ช้างจะเข้าตลาดหุ้น ผิดหรือถูกนั้น หาข้อสรุปได้ยากครับเพราะมันหาเหตุผลได้ทั้ง 2 ฝ่ายละครับ ไม่จบหลอกครับ เพราะถ้าใครที่คัดค้านลองเอาตัวเองไปตั้งว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของช้างคุณจะบริษัทคุณเข้าไปจดทะเบียนไหม ผมว่าคุณก็ทำครับ ในความเห็นผมนะครับ ว่าถ้าช้างเข้าตลาดแล้วมีผลเสียไหม ผมก็ตอบว่ามีครับ มีผลดีไหมผมตอบว่ามีครับ แต่อย่าลืมนะครับมันเป็นสิทธิของคุณเจริญนะครับที่จะทำมันเพราะเค้าก็เป็นคนไทยครับมีสิทธิครับ เพราะกฎหมายไม่ได้ระบุนะครับว่าเหล้า เบียร์ผิดกฎหมาย ดังนั้นคุณเจริญมีสิทธิเต็มที่ในการทำนะครับ (ผมถึงได้บอกว่าถ้าใครเป็นเจ้าของช้างก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นครับ) อีกอย่างเพราะกฎของตลาดไม่ได้มีไว้ลำเอียงให้ทำกับสิ่งนั้นไม่ทำกับสิ่งนี้นะครับ ถ้ากฏที่ตลาดกำหนดไว้แล้วช้างผ่านหมด ตลาดจะมีเหตุผลอะไรครับไปบอกว่าไม่รับจดทะเบียนครับ เหมือนกับว่ารัฐธรรมนูนกับหนดให้บุคคลแบบนี้เข้ากฏเกณฑ์ข้อนี้เป็นคนที่ลงสมัคร ส.ส. ได้ แต่คุณกลับบอกว่า คนที่ขายเหล้ามีอาชีพนี้ห้ามลง ส.ส. มันไม่ถูก ถ้าจะทำแบบนี้คุณต้องว่ามาตราฐานให้ก่อนนะครับ ดังนั้นแล้วทำไมเราไม่แก้ที่จุดเสียล่ะครับ เราจะแก้ปัญ หากันที่ปลายเหตุไปไหมครับ (ผมว่าการห้ามไม่ใช้ทางแก้ไขปัญหาเลยนะครับ เพราะมันไม่ถูกครับ)ถ้าคุณจะต่อต้านนะครับหาข้อที่เป็นกฎเกณฑ์ของตลาดมาแล้วบอก ตลาดว่าคุณจดทะเบียน บ. นี้ไม่ได้เพราะผิดกฎดีกว่าครับ หรือเอาข้อมูลของ ช้างมาตี ว่าบ. นี้เป็นแบบนี้ๆๆ มีสิ่งไม่ชอบมาพากล ทุกคนจะได้รู้แบบที่ Picniกำลังโดนอยู่ดีที่สุดครับ (แต่ถ้าใครเมื่อรู้ว่ามันได้ดีแล้วยังไปซื้อผมว่าเค้าต้องรับผิดชอบเงินตัวเองนะครับ) จากคุณ : MyPath (MYpath) - [ 8 ส.ค. 48 01:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอสนับสนุนความคิดเห็นของคุณ chinn ครับ จากคุณ : เป้ (accura) - [ 8 ส.ค. 48 01:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านความเห็นของคุณ Copy แล้วได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : เกียรติ - [ 8 ส.ค. 48 09:00:54 A:203.156.170.245 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 ""น่าสนใจทั้งสองฝ่าย"" จากคุณ : แวะมาอ่าน - [ 8 ส.ค. 48 12:48:55 A:202.44.7.68 X: TicketID:100544 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ความเห็นที่ 39 ถูกใจมากๆครับ จากคุณ : พิเศษใส่ไข่ - [ 8 ส.ค. 48 16:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เปลือยชีวิต 4 เด็กพินิจ ก่อเรื่องเพราะเหล้า! โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 สิงหาคม 2548 12:29 น.       สสส.–กรมพินิจฯ เผยข้อมูลชวนตะลึง เปลือยชีวิตเด็กต้องโทษเพราะน้ำเมา ระบุผลวิจัยเด็กที่ก่อเหตุจนต้องติดสถานพินิจฯ ดื่มเหล้าถึง 85% และสูบบุหรี่ถึง 96% เกือบครึ่งกระดกเหล้าก่อนก่ออาชญากรรมไม่ถึง 5 ชั่วโมง ทั้งแทงแท็กซี่–ขยี้กามแฟนเพื่อน–ฆ่าคนตาย ด้านอธิบดีกรมพินิจฯ เผยเป็นเพราะชินตาเห็นคนในครอบครัวดื่ม             วันนี้ (8 สิงหาคม) เวลาประมาณ 10.30 น. ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ชั้น 34 อาคาร SM Tower นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก เป็นประธานในการแถลงข่าวและเผยผลวิจัยพฤติกรรมการบริโภคสุรา เบียร์ และการใช้สารเสพติดของเยาวชนที่กระทำผิดกฏหมายและถูกควบคุมตัวให้มาฝึกอบรมจำนวน 121 ราย อายุระหว่าง 9-23 ปี เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือน ส.ค.2547 จนถึง พ.ค.2548       โดยพบข้อมูลที่น่าตกใจว่าเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดมีพฤติกรรมสูบบุหรี่มากถึงร้อยละ 95.9 ดื่มเหล้าสูงถึง 85.1 และเสพยาบ้า ร้อยละ 69.4 เหตุผลหลักที่เยาวชนดื่มเหล้าสูบบุหรี่ เสพสารเสพติด คืออยากลอง และเพื่อนชักชวน ตั้งแต่ร้อยละ 75.0-92.6 ที่สำคัญพบว่าการดื่มสุราของเยาวชนมีผลกระตุ้นให้พวกเขากระทำผิด ทั้งการข่มขืน โทรมหญิง ทำร้ายร่างกาย และก่อคดีฆาตกรรม ซึ่งเด็กที่ต้องโทษร้อยละ 38 ดื่มสุราก่อนจะทำผิดไม่เกิน 5 ชั่วโมง หนำซ้ำขณะที่ทำผิดยังอยู่ในสภาพมึนเมา และแม้เด็กจะไม่ได้ดื่มเหล้าก่อนก่อเหตุแต่เหล้าก็เป็นสิ่งจูงใจให้ลักทรัพย์ จี้ ปล้น เพราะต้องการหาเงินไปซื้อ รวมถึงไปเที่ยวสถานบันเทิงจะได้ดื่มเหล้าด้วย             “ยกตัวอย่างเช่น เด็กคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อนอีก 11 คนแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงให้เพื่อนพาแฟนมาที่ห้องแล้วซ่อนตัว จากนั้นเมื่อเพื่อนมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแล้ว ทั้ง 11 คนก็ออกมารุมโทรมแฟนของเพื่อน หรือจะเป็นกรณีที่นั่งกินเหล้าอยู่ที่บ้านเพื่อนจนเกิดอารมณ์เลยให้เพื่อนโทร.ไปชวนเด็กผู้หญิงมาหา เมื่อพยายามจะนอนด้วยแล้วผู้หญิงขัดขืนจึงล็อกคอ แต่กลัวผู้หญิงไปแจ้งความเลยบีบคอจนตกไปในคูน้ำ สุดท้ายเด็กผู้หญิงคนนั้นจมน้ำตาย *******************   ข้างบนนี้จากข่าวผู้จัดการรายวันครับ ข่าวแบบนี้มีให้เห็นเป็นประจำ ในความคิดของผม  สังคมของเราต้องช่วยกันรณรงค์ต่อต้าน ถ้าต่อต้านไม่ได้ ก็ช่วยกันดูแล อย่าให้การยอมรับขยายวงกว้างกว่าที่เป็นอยู่ คนที่นั่งอยู่กับโต๊ะ  ยังไม่เคยสัมผัสชีวิตจริง ๆ ของชนชั้นกลางลงไป  ไม่รู้หรอกว่าสิ่งพวกนี้ มันทำลายสังคมแค่ไหน ถ้าเบียร์ช้างเข้าได้  ต่อไปจะมีสิ่งอื่น ๆ ตามเข้าไปอีกเยอะ ช้างแค่เป็นการเปิดทางเท่านั้นเอง จากคุณ : Jan-o - [ 8 ส.ค. 48 20:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมเองก็คัดค้านการนำธุรกิจนี้เข้าตลาดด้วยคนครับ เพราะปัญหาตอนนี้มันก็มากอยู่แล้ว แต่ถ้าไปเพิ่มเงินให้ขยายกิจการ ยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหาให้บานปลายไปสู่วงกว้างขึ้นไปอีกจนยากจะแก้ไขแล้ว ดังนั้นที่คุณจำลองทำนั้นผมสนับสนุนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านี้ครับ ทั้งที่ฝ่ายรณรงค์ก็รณรงค์เพิ่มขึ้นแทบตาย แต่ตัวเลขคนดื่มและเกิดปัญหาสังคมกลับสูงขึ้น มันน่าตกใจจริง ๆ ดังรายการผู้หญิงเช้านี้ที่เพิ่งออกอากาศไปวันสองวันที่ผ่านมานี้แหละครับ จากคุณ : โชค (รักบุญ) - [ 9 ส.ค. 48 11:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่า คณะกรรมการจะไม่เห็นด้วย หรือไม่ เพราะ เมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ง่ายดาย ด้วยอำนาจเงิน จากคุณ : aerozer - [ 10 ส.ค. 48 16:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เอ้อ ไม่รู้ว่าผมตอบช้าไปหรือเปล่า แต่ขอแสดงความคิดเห็นอันเล็กๆของผมให้ฟังหน่อยละกันนะครับ ถ้าเบียร์ช้าง เข้าตลาดหุ้น ถามว่ามีข้อเสียไหม ไม่มีแต่ก็ไม่ได้ คนอย่างคุณเจริญ เป็นแบบหลายๆคน  ที่ทำธุรกิจ คือมีข้อมูล insider เยอะแต่คุณเจริญมีเยอะเกินไปหน่อย เกินกว่าที่จะเปิดเผยให้ประชาชนหรือถ้าใครรู้ ก็จะพูดไม่ออก และต้องบอกว่า โอ้แม่เจ้า ทำไมมันรวยขึ้นมาได้ ถ้าอยากรู้ผมลองให้เข้าไปหา ฐานข้อมูลเก่าจากเว็บหนังสือพิมพ์ผู้จัดการแล้ว จะรู้ว่าทำไม เจริญถึงรวย จากคุณ : ซูเปอร์คนเหล็ก (Tarnold) - [ 11 ส.ค. 48 09:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ... เงินมากคงไม่มีใครเกี่ยงหรอก แต่อย่าได้หาเงินนั้นมาจากธุรกิจที่เป็นอบายมุขเลย จากคุณ : ID73078 - [ 11 ส.ค. 48 12:04:37 A:203.208.250.164 X: TicketID:073078 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ... คุณ ลูกหลานของคุณ อยู่ในสังคมนี้ ถ้าสังคมลงต่ำเพราะอบายแล้ว มันคงย้อนกลับมายังตัวคุณและคนที่คุณรัก จากคุณ : ID73078 - [ 11 ส.ค. 48 12:06:43 A:203.208.250.164 X: TicketID:073078 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ข้อเสีย ดูเยอะมากๆ ไม่ ว่าจะคิดในแง่ไหน .....  เอาคนดีๆ ของๆ เข้าตลาดน่าจะเข้าท่ากว่า นะ ....       สนับสนุนคนดี ของดีให้เป็นใหญ่ มีอำนาจ ย่อมดีกว่า ปล่อย ของไม่ดี สิ่งไม่ดี มีอำนาจ (โดยเฉพาะอำนาจเงิน) อันนี้ คิดเป็น ใช้สามัญสำนึกธรรมดา ก็ให้คำตอบที่ดีได้ นะ ครับ  โหวตให้กระทู้นี้ ครับ จากคุณ : kugkai - [ 13 ส.ค. 48 22:45:25 ]