ถ้าใครสะกดชื่อหรือนามสกุลภาษาอังกฤษไม่ตรงกับพจนานุกรมราชบัณฑิต
เจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนให้ตรงกับราชบัณฑิต แล้วให้เช็นยินยอมแก้ใข
ซึ่งไม่บังคับก็จริงแต่ใครที่มีพ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ
อาจเผลอเซ็นยินยอมให้เจ้าหน้าที่แก้ได้ ซึ่งรู้กันอยู่ว่าการที่สะกดชื่อไม่ตรงกับหนังสือเดินทางเล่มเก่า
หรือการที่คนในครอบครัวสะกดนามสกุลไม่เหมือนกัน ในการเดินทางหรือการทำวีซ่าจะมีปัญหาพอสมควร
เรื่องเกิดกับครอบครัวผมเอง พ่อผมเป็นคนไม่รู้ภาษาอังกฤษ
วันไปทำผมไม่ได้ไปด้วย แต่ให้พ่อเอาหนังสือเดินทางเล่มเก่าไป
(ซึ่งผมเคยเจอปัญหาที่นามสกุลคนในครอบครัวสะกดไม่ตรงกันมาก่อน
หนังสือเดินทางเล่มเก่านี้ พี่สาวผมอุตส่าห์ นัดทำหนังสือเดินทางโดยให้ทุกคนในครอบครัวมาทำพร้อมกัน
ซึ่งการนัดทุกคนมาพร้อมกันครั้งนั้นก็ยากมากเพราะตอนนั้นผมก็ยังเรียนอยู่ ส่วนพี่สาวกับพ่อแม่ก็ทำงาน
แต่เราก็หาเวลามาพร้อมกันและได้หนังสือเดินทางที่นามสกุลสะกดเหมือนกันซะที
แต่ตอนนี้หนังสือเดินทางของแต่ละคนหมดอายุแล้ว และคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
เพราะเวลาไปทำใหม่ก็จะยึดแบบเล่มเก่า)
สุดท้ายพ่อผมก็ถูกเปลี่ยนนามสกุล โดยที่ท่านไม่รู้ตัว รู้ตัวก็ตอนกลับมาบ้านแล้ว
พ่อเสียใจมาก ผมพยายามโทรไปเพื่อแก้ไขทันทีแต่โทรยากมาก จึงต้องรีบไปด้วยตัวเองในวันรุ่งขึ้น
และก็ได้คำตอบว่า แก้ไขไม่ได้แล้ว ต้องรอให้หนังสือเดินทางออกมาก่อน แล้วจึงให้พ่อผมมาแก้เอง
ซึ่งผมเองก็รู้ว่าคงแก้ยากมาก อาจจะต้องทำใหม่เลย และพ่อผมคงไม่มาเพราะอยู่ต่างจังหวัด
ยอมใช้แบบที่ผิดไปจะดีกว่า
ซึ่งในวันนั้นเจ้าหน้าที่บอกกับผมว่า ได้ถามคุณลุง (พ่อผม) แล้วว่า นามสกุลสะกดผิด จะแก้ให้ถูกมั้ย
คุณลุงบอกว่าให้แก้ แล้วยังเซ็นยินยอมให้ด้วย
ผมถามกลับไปว่า สะกดผิดยังไง
เค้าบอกว่า สะกดออกเสียงไม่ตรงกับภาษาไทย
ผมแทบจะบ้าตาย ไอ้คำนี้มันมีภาษาอังกฤษ ที่สะกดได้ตรงที่ไหน
เจ้าหน้าที่บอกว่า เรายึดตาม ราชบัณฑิต
ผมทำอะไรไม่ถูกจริงๆเมื่อได้คำตอบแบบนี้ มันประหลาดเหมือนกับ
มีคนมาบอกว่านามสกุลผมสะกดผิดทั้งๆที่ ผมเป็นเจ้าของนามสกุลเอง
ผมออกมาด้วยความโกรธมาก จนทำอะไรไม่ถูก
และวันต่อมาเป็นวันรับหนังสือเดินทาง พ่อผมเซ็นมอบอำนาจ ให้ผมไปรับ
วันนั้นผมก็ต้องอึ่งอีกครั้ง
ผมรับเสร็จก็ถามกับคนจ่ายหนังสือ ว่าถ้าจะแก้กลับต้องทำยังไง และบ่นในทำนองว่าไม่น่ามาแก้ของเราเลย
เจ้าหน้าที่จ่ายหนังสือก็ไปเรียกเจ้าหน้าที่ชายคนนึงมาท่าทางนักเลงมาก
เจ้าหน้าที่ชายคนนั้นก็มาว่าผมอีกว่านามสกุลผมน่ะสะกดผิด เค้าต้องแก้ให้ถูก
ผมบอกว่า แล้วของผมล่ะสะกดแบบนี้ก็ใช้มาตั้งนานแล้ว
เจ้าหน้าที่บอกว่า ก็เล่มของคุณน่ะมันสะกดผิด แต่ถ้าคุณไม่อยากเปลี่ยนเราก็อนุโรม ให้ใช้ได้
เจ้าหน้าที่คนนั้น สะกดคำที่ผมใช้อยู่ แล้วบอกว่า คำนี้สะกดว่าอะไร
ผมไม่ตอบ
เจ้าหน้าที่คนนั้น ผมรู้ว่าคุณรู้ว่ามันสะกดยังไง
เจ้าหน้าที่พูดทำนองว่ารู้อยู่ว่าสะกดผิดยังใช้อยู่ได้
ผมคิดในใจว่า ผมก็รู้ว่าเค้ารู้ว่าสะกดยังไง แต่นามสกุลที่เค้าตั้งให้ใหม่ ผมรู้ว่าเค้าสะกดออกเสียงไม่ถูกหลอก
เพียงแต่รู้ว่าสระภาชนะตัวนี้อยู่ในราชบัณฑิตมันใช้อย่างนี้ แต่ออกเสียงจริงๆ
คนธรรมดาสามัญอาจจะออกเสียงไม่ได้ หรือ มีโอกาสที่จะออกเสียงผิดสูงมาก
และถ้าฝรั่งออกเสียงมันก็เพี้ยนเหมือนๆกันเพราะคำนี้มันไม่มีในภาษาอังกฤษ
คราวนี้มี คนสูงอายุหน่อยเดินมา เข้าใจว่า คงเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าของสำนักงานที่นั้น
เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดว่า คุณเมื่อวานมาทีนึงแล้วนี่ ยังไม่รู้เรื่องหรือ
ผมเหมือนกับโดนรุม
แต่ก็บอกกับเค้าในเชิงเสนอแนะว่า อย่าให้เจ้าหน้าที่พูดในทำนองว่า ชี้นำให้คนแก้ไขตัวสะกดเลย
เค้าไม่ฟังผมเลย ได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่สูงอายุคนนั้นว่า
เราอยากให้สิ่งที่ถูกต้อง เราต้องการให้ชื่อนามสกุลสะกดถูกต้อง
ผมเดือดมาก แล้วหนังสือเดินทางเล่มเก่าล่ะ เป็นเอกสารราชการที่ออกโดยกระทรวงต่างประเทศ
ถ้าไม่ถูกต้องแล้วจะเอาอะไรมาวัดความถูกต้อง ของนามสกุล
เค้าตอบว่า ราชบัณฑิต
ผมอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปหลายวัน
ตั้งแต่รู้ภาษาก็ใช้นามสกุลที่สะกดแบบนี้มาตลอด
ตั้งแต่เกิดมาก็รู้มาว่านามสกุลของแต่ละตระกูล ก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่แสดงถึงตระกูลนั้นๆ
นามสกุลของวงศ์ตระกูล เป็นที่ภูมิใจของผู้ใช้ ตัวสะกดจะถูกหรือผิด คนอื่นต้องมาถามเรา
แต่ยุคสมัยนี้ มันเปลี่ยนไปแล้วหรือ ทำไมถึงมีคนที่มาว่านามสกุลเราสะกดผิด
เล่าไว้เป็นอุทาหรณ์ ใครอยู่แถวนี้ถ้าจะทำหนังสือเดินทาง ยอมเสียเวลาไปที่สำนักงานอื่นดีกว่า
เพราะที่นี่สติปัญญาความคิดของเจ้าหน้าที่เหมือนกันตั้งแต่หัวหน้ายันลูกน้อง
มีเรื่องเสียอารมณ์สำหรับสำนักงานปิ่นเกล้าที่เค้าเล่ากันอีกเยอะ
สำหรับผมคงไม่ไปเยียบที่ชั้น 8 นั่นอีกแล้ว
จากคุณ :
มดเขียว
- [
20 ส.ค. 48 04:21:34
]