ความคิดเห็นที่ 1 ปรกติเวลาเอาเงินไปฝากธนาคารหรือเอาเงินไปให้คนอื่นกู้คุณย่อมหวังว่าเงินนั้นจะงอกเงยคุ้มค่ากับที่คุณต้องชะลอการใช้จ่ายในปัจจุบัน  สมมติว่าวันนี้เสื้อราคาตัวละ 100 บาท  เงินเฟ้อ 3% ต่อปี  ฉะนั้นปีหน้าราคาเสื้อก็จะเป็น 103 บาท  ถ้าคุณไม่ซื้อเสื้อตอนนี้แล้วคุณเอาเงินที่จะซื้อเสื้อตัวนั้นไปให้คนอื่นกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี แน่นอนว่าคุณย่อมต้องการอัตราดอกเบี้ยมากกว่าหรือเท่ากับ 3% ต่อปีไม่งั้นเงินที่คุณได้รับชำระคืนหนี้จะเอาไปซื้อเสื้อที่คุณต้องการในปีหน้าไม่ได้  นั่นคือทำไมเงินเฟ้อถึงเกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยในทิศทางเดียวกัน จากคุณ : asmodeus - [ 12 ก.ย. 48 14:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เงินเฟ้อ เกิดจากสาเหตุ 2 อย่าง คือ 1. Demand Pull คือ มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นมาก แต่ Supply เพิ่มขึ้นมาน้อยกว่า ทำให้ราคาสินค้าโดยเฉลี่ยทั่วไปจะเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าน้อย ๆ ก็ดี เพราะจะกระตุ้นให้ผู้ผลิตขยายการผลิตไปได้เรื่อย ๆ แต่ถ้ามาก ๆ จะกระทบกับ Purchasing Power ของผู้คนโดยรวม เพราะราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้น และทำให้ Demand ลดต่ำลงได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องชะลอเงินเฟ้อ ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจลดลง เงินเฟ้อจะลดลง 2. เกิดจาก Cost Push คือ ต้นทุนของการผลิตเพิ่มขึ้น อาทิ ค่าแรงขั้นต่ำ หรือราคาน้ำมัน ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากเกิดเงินเฟ้อด้วยวิธีนี้ การใช้นโยบายการเงินจะไม่ได้ผล ต้องใช้มาตรการควบคุม เช่น รัฐบาลรณรงค์ให้ประหยัดพลังงาน อย่างที่ทำอยู่นี่ไง จากคุณ : ttecond - [ 12 ก.ย. 48 15:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดอกเบี้ยที่แท้จริง = ดอกเบี้ย -  เงินเฟ้อ      ทีมาจาก ฟิชเชอร์ อีเควชั่น เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยที่แท้จริงก็ต่ำ เช่น ดอกเบี้ยฝาก 2.5 % เงินเฟ้อ 4% ดอกเบี้ยที่แท้จริง -1.5% คือ ค่าของเงินด้อยค่าลง โตไม่ทันเงินเฟ้อ  อำนาจซื้อลดลง รัฐ ก็ต้องพยายามแก้ไขให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงมากว่าหรือเท่ากับ 0 จากสมการข้างต้นก็คือ ดันให้ดอกเบี้ยในระบบสูงขึ้น เช่นปัจจุบัน ธปท. ขึ้นดอกเบี้ยรับซื้อคืนพันธบัตร ซึ่งเปรียบเหมือนตัวอ้างอิงดอกเบี้ย ในระบบ  ดังนั้น  แนวโน้มคือดอกเบี้ยจะสูงขึ้น แต่ที่ผ่ามมากลไกตลาดเงินไทยตกอยู่ใน กับดักสภาพคล่อง(ไม่แน่ใจ) คือ เงินล้นระบบ  ดังนั้น ดอกเบี้ยจึงต่ำเตี้ยเป็นเวลานาน เพิ่งเริ่มขยับ ประมาณนี้มั้งครับ  จากความทรงจำ ผิดถูกไม่ว่ากันเอาเป็นแนวๆ จากคุณ : เลขสาม - [ 12 ก.ย. 48 15:12:00 ]