ความคิดเห็นที่ 1 ถือหุ้นใหญ่โดย MORGAN STANLEY  จะเป็นอีกตัวหนึ่งที่จะโดนต่างชาติ ฮุบหลังจากที่เปิด FTA กับสหรัฐอเมริกา  ดูจาก web ของตลาด ตอนนี้ MORGAN ถือหุ้นอยู่ 20 %  ไล่ซื้อในกระดานอีกไม่เท่าไรก็จะได้เกิน 50 %  FNS มีดีอะไร มีดีตรงที่ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลชุดนี้ ได้เป็นที่ปรึกษากองทุนวายุภักษ์ และงานอื่นของรัฐบาลมากมาย ราคาตรงนี้เหมาะที่จะลงทุนระยะยาวมากๆๆ จากคุณ : sadam  - [ 21 ก.ย. 48 11:58:07 ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ทราบว่ารู้ได้อย่างไรว่าจะถูก Takeover เท่าที่ผมทราบมา บริษัทนี้มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 กลุ่ม และถือหุ้นผ่าน Morgan Stanley ดังนั้นการถูก Takeover คงไม่ง่าย สำหรับหุ้นตัวนี้ถ้าหากจะถือต้องถือยาวสักหน่อย เนื่องจากเป็นหุ้นที่อยู่ระหว่างการขยายกิจการ โดยปัจจุบันได้เน้นการทำธุรกิจ Merchant Banking กล่าวคือทำธุรกิจในด้านการบริหารเงินลงทุนทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน บริษัทนี้ได้บริหารเงินลงทุนจากต่างประเทศ 2 กองทุนที่มาลงทุนในเมืองไทย มูลค่ากว่า 5000 ล้านบาท เห็นว่าผลงานที่ผ่านมาไม่เลวทีเดียวมีกำไรจ่ายคืนผู้ถือหุ้นไปพอควร ใน Website ของเขาได้ให้ข้อมูลกองทุนไว้ นอกจากนี้กำลังอยู่ระหว่างการขยายเงินลงทุนผ่านกองทุนรวมของที่เขาบริหารไปยังภูมิภาคอื่น เช่น ประเทศเวียตนามซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งของเมืองไทยที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เส่นห์ของหุ้นนี้อยู่ที่ มูลค่าหุ้นปัจจุบันสูงถึงหุ้นละ 25 บาท และทำกำไรอย่างต่อเนื่อง รอบครึ่งปีนี้มีกำไรหุ้นละประมาณ 1 บาทเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันหุ้นละ 19 บาท ถือว่าค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับราคาของกลุ่ม Finance ด้วยกัน แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะซบเซาพอควรแต่บริษัทก็ยังทำกำไรได้แถมกำไรไตรมาส 2 ยังกำไรสูงกว่า ไตรมาส 1 อีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลมา 2 ปีติดต่อกันแล้ว หุ้นละประมาณ 0.5 บาทต่อหุ้น และมีจำนวนหุ้นไม่มากประมาณ125 ล้านหุ้น PAR 5 บาท ต้นปีที่ผ่านมาขยายธุรกิจครบวรจรมากขึ้น คือมีทั้ง Broker ประกันชีวิต ที่ปรึกษาการลงทุนและบริหารเงินกองทุนแล้ว ยังซื้อ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจาก Bfit มาบริหารได้อีกทำให้สามารถต่อยอดการบริหารกองทุนรวมตราสารหนี้และตราสารทุนได้เลย ในอดีตราคาก็สูงกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว แถมถ้าราคาต่ำมาก ๆ บริษัทก็มีโครงการรับซื้อหุ้นคืนอีกด้วย จากคุณ : เจาะลึก - [ 19 ก.ย. 48 23:43:43 A:203.156.25.163 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หุ้นตัวนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างมากคือ ปัจจุบันมีกำไรสะสมมากกว่า 1000 ล้านบาท และยังมีกำไรแฝงในหุ้น Bfit ที่ซื้อมาราคาถูกประมาณ 13 บาทเมื่อปีที่แล้ว เพราะคิดว่าจะควบรวมกับ Bfit เพื่อจัดตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 10% จำนวนหุ้นประมาณ 10 ล้านหุ้น ตอนนี้ราคา Bfit อยู่ที่ 30 บาทจึงมีกำไรแฝงจากหุ้นนี้หากขายหุ้น Bfit ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นเป็นบริษัทที่ปรึกษาให้กับ กสท. ซึ่งอยู่ระหว่างการแปรรูปอีก แถมเดือน ตุลาคมนี้ยังร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์อื่น ประกันการจำหน่ายพันธบัตรของกองทุนน้ำมันวงเงินกว่า 22,ooo ล้านและจะทะยอยออกอีก รวมเป็นวงเงินกว่า 80000 ล้านบาท(ข้อมูลจากกระแสหู้นวันที่ 20 กย.นี้) ดังนั้นอนาคตหุ้นตัวนี้น่าจะสดใส เพราะจะมีกระแสรายได้จากหลายทางที่ช่วยลดความเสี่ยง ซึ่งมาจากธุรกิจหลักทรัพย์ที่ดีขึ้นมากในช่วงนี้ จากธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน จากธุรกิจการบริหารเงินกองทุน ธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจเงินทุน แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ Fns สามารถบริหารผลงานในเรื่องต่าง ๆ ได้ดีพอควร รวมถึงเกือบจะไป Takeover Bfit แต่ถึงแม้จะ Takeover ไม่ได้ก็ยังมีส่วนในการไปช่วยไปปรับปรุงประสิทธิภาพจนราคาหุ้น Bfit สูงขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัว แต่ทำไมราคาหุ้นของบริษัทตัวเองกลับตกต่ำอย่างน่าใจหายจนทำให้มีผู้ถือหุ้นบางคนถึงกับตั้งคำถามสมควรที่น่าจะมีใครมา Takeover หุ้นนี้นั่นเอง จากคุณ : เจาะลึก - [ วันเยาวชนแห่งชาติ 22:13:22 A:203.156.25.169 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมขอแสดงตัวอย่างการบริหารเงินกองทุนของ FNS ชื่อกองทุน Siam investment Fund II ซึ่งอยู่ใน Annual Report 2004 ท่านเชื่อหรือไม่ว่า มีหุ้นบางตัวที่เขาลงทุนเริ่มแรกปี 2001 คือ หุ้นแพรนด้าจิวเวอรี่ มูลค่าเงินลงทุน 3.4 ล้านดอลลาห์สหรัฐ และขายไปบางส่วนปี 2504 เป็นเงิน 10.72 ล้านดอลลาห์สหรัฐ โดยยังถือบางส่วนอยู่จำนวน1.468 ล้านดอลลาห์สหรัฐ IRRต่อปีที่เขาคำนวณได้คือ 139.79% ต่อปีครับ และเมื่อมีกำไรดังกล่าวแล้วเขาก็เอาเงินกำไรไปลงต่อในหุ้นที่เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ คือหุ้นที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ได้แก่หุ้น Siam Paper คิดเป็นเงินลงทุนจำนวน 9.48 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ท่านเชื่อหรือไม่ว่าขนาดยังไม่เข้าตลาดคิดที่ราคาต้นทุน ตอนนี้มี IRR ของหุ้น Siam Paper ตัวนี้อยู่ที่ 38.16% ต่อปีแล้วครับ ผมตรวจดูต่อว่าเขาลงทุนในหุ้นอะไรอีก พบว่าเขาลงทุนในหุ้นแสนสิริ เมื่อปี 2002 จำนวน 5.08 ล้านเหรียญสหรัฐ เขาขายออกไปทั้งหมดแล้ว ได้เงินมาทั้งสิ้น 9.95 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็น IRR ต่อปี 108.57%ต่อปีครับ นี่คือวิธีการบริหารเงินกองทุนของต่างชาติคือใช้เงินกำไรไปต่อยอด โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม คูณเชื่อไหมว่าผมลองคำนวณดูว่า เขานำเงินมาลงทุนเท่าไหร่ คาดว่าลงทุนเบื้องต้นประมาณ 10 ล้านเหรียญเมื่อปี 2001 ปัจจุบัน มีมูลค่ากองทุนอยู่ที่ 27.07 ล้านเหรียญสหรัฐ (ณ มีนาคม 2505) นี่ขนาดลงทุนเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วมี Commitment ที่จะขยายการลงทุนไปถึง 57.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งกองทุนลักษณะนี้เขามีเป้าหมายการลงทุนประมาณ 2-3 ปี คาดหวังผลตอบแทน IRRประมาณ 30% ปรากฏว่าทะลุสุดโต่งเลยครับ ถามว่าการลงทุนของเขามีขาดทุนหรือกำไรตำกว่าเป้าหมายหรือไม่ ผมตรวจสอบต่อพบว่ามีบ้าง เช่น หุ้น EVASON ลงทุนปี 2001 ขาดทุนประมาณ 9.44%ต่อปี เหตุผลสำคัญที่ขาดทุนเพราะเป็นหุ้นที่ทำธุรกิจ Resort กับ สปา ที่จังหวัดภูเก็ต เกิดโชคร้ายเจอเหตุการณ์สึนามิทำให้การลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมายครับ หุ้นอื่นที่เขาลงอีก 2 ตัวได้แก่ Loxbit มีกำไรมี IRR อยู่ที่ 4.44%ต่อปี และอีกตัวหนึ่งคือ PEACE Canning มี IRR อยู่ที่28.21% แถมขายไปบางส่วนเพื่อเอาทุนคืนประมาณ 6.9 ล้านเหรียญ ส่วนที่เหลือจำนวน 2.68 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นกำไรล้วน ๆ ก็ลงทุนต่อยอดต่อไป เห็นการลงทุนของเขาไม่ถึง 5 ปี ขนาดเศรษฐกิจเมืองไทยลุ่ม ๆ ดอน ๆ ขนาดนี้ กองทุนยังทำกำไรขนาดนี้เห็นที่พวกเรารายย่อยรวมตัวกันจ้าง FNS ทำ กองทุนส่วนบุคคลให้เราดีกว่า ผมมีข้อสังเกตุของกองทุนนี้คือ ลงทุนไม่กี่ตัว และลงทุนเป็นจำนวนรายการละมาก ๆ คือประมาณ 3 - 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ใข้เวลาลงทุน 2 - 3 ปีก็คืนทุนแล้วครับ ใครสนใจลองติดต่อใช้บริการของเขาดูนะครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 21 ก.ย. 48 23:47:02 A:202.5.80.102 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนนี้ผมกำลังศึกษากองทุน Siam Investment Fund I อยู่เห็นว่าจะครบกำหนดประมาณปีหน้า เบื้องต้นผมดูประวัติการจ่ายปันผล คร่าว ๆ จ่ายไปแล้ว 7.5 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น จากเงินลงทุนเข้าใจว่าประมาณ 10 เหรียญต่อหุ้น ผมเห็นรายงานเบื้องต้นแล้วก็ชื่นใจ กล่าวคือคณะกรรมการของกองทุนนั้นได้พิจารณาการจ่ายปันผลเทียบกับการลงทุนใหม่แล้ว เมื่อเขาเห็นว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยงสูงเกินไป คณะกรรมการกองทุนก็ตัดสินใจจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นแทนที่จะลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่สูงเกินกว่าที่จะรับได้ ทำให้ผมนึกสะท้อนถึงคณะกรรมการของ FNS ว่าเท่าที่ผมดูงบการเงินก็เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินที่ดี ผลงานที่ดีต่อเนื่อง แต่ช่วงนี้ราคาหุ้นก็ตกต่ำ ผมดูสถิติเมื่อ 3 ปีที่แล้วเคยสูงถึงเกือบ 70 บาทต่อหุ้น ปีที่แล้วก็ประมาณ 40 กว่าบาท แต่ตอนนี้เหลือไม่ถึง 20 บาทต่อหุ้น ผมจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วเองทาง N-PARK ก็ตัดสินใจมาลงทุนกับ FNS จนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่ง มากกว่า 17% โดยลงทุนซื้อจาก Morgan Stanly และนักลงทุนรายอื่นด้วย ในราคาหุ้นสูงถึงหุ้นละ 40 บาทต่อหุ้น แถมตอนนี้ N-PARK ก็พยายามแก้ไขปัญหาเรื่องสภาพคล่องจนต้องกัดฟันขายหุ้น BMCL ออกไป แต่ยังรักษาหุ้น FNS ไว้เพื่อลงทุนระยะยาวเพราะเห็นอนาคตของหุ้นตัวนี้ นักลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนรายย่อยตอนนี้ก็ทำใจขาดทุนยับเยิน แต่บริษัทมีกำไรสะสมเป็นเงินเกือบ 10 บาทต่อหุ้น แถมบอกว่ามีสภาพคล่องเพียงพอที่จะซื้อหุ้นคืนอีกต่างหาก ทำไม FNS จึงไม่มีนโยบายที่จะช่วยผู้ถือหุ้นเพื่อลดผลกระทบการขาดทุนหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลกลางปีบ้าง เหมือนบริษัทที่ ดร.วีรพงษ์ รามางกูล ประธานกรรมการคนใหม่ของ FNS ที่ท่านยังมีนโยบายปันผลหุ้น BECL 2 ครั้งต่อปี ซึ่งส่งผลให้หุ้น BECL เป็นหุ้นลงทุนและทำให้มีบางบริษัทต้องการถือหุ้นเพิ่มขึ้นอีกคือ CK เป็นต้น ทำให้นึกถึงหุ้น MAKRO BEC หรือ SCC ที่เขาเข้าใจปัญหาของผู้ลงทุนและพยายามตอบแทนผู้ถือหุ้นให้สมกลับที่ตั้งใจลงทุนกับบริษัทมานาน จากคุณ : เจาะลึก - [ 22 ก.ย. 48 00:22:45 A:202.5.80.102 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมทราบข้อมูลมาว่า อาจมีการควบรวมกันระหว่าง บริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 2 แห่ง เหตุผลคือ ตอนนี้บริษัท ฟินันซ่า ได้ให้การช่วยเหลือวงเงินกู้แก่บริษัทหลักทรัพย์ BFITSEC โดยเป็นหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญประมาณ 300 ล้านบาท และหุ้นกู้ด้อยสิทธิซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยตามตลาด อีก 300 ล้านบาท การควบรวมกันจะเกิดประโยชน์เนื่องจาก บริษัทหลักทรัพย์ Bfitssec จะเน้นกลุ่มลูกค้าหลักทรัยพ์ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่และสถาบัน ขณะที่บริษัท ฟินันซ่าจะเน้นลูกค้ารายย่อย การรวมกันจะทำให้เกิดการประหยัดต้นทุน เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ทำให้มีอำนาจต่อรองด้านหลักทรัพย์มากขึ้น โดยเฉพาะ บริษัทฟินันซ่า ทำธุรกิจเป็นที่ปรึกษาการลงทุน มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเป็นของตนเองที่ดูแลลูกค้ากองทุนในประเทศ แถมยังทำหน้าที่ในการบริหารกองทุนที่ระดมจากต่างประเทศอีกตามที่กล่าวถึงข้างต้น ทำให้บริษัททำธุรกิจครบวงจรมากขึ้น ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันกับบริษัทหลักทรัพย์อื่น เพราะลูกค้าของ ฟินันซ่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็น _Global มากกว่า ทำให้กระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าบริษัทหลักทรัพย์อื่นครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 22 ก.ย. 48 16:05:35 A:203.155.105.41 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากที่แสดงความเห็นทั้งหมดมา ผมมานั่งนึก Story ต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์การทำธุรกิจของ FNS ผมขอสรุปเป็นความเห็นเป็น Model ไว้ดังนี้ 1. ในด้านเงินลงทุนที่ FNS จะระดมมาเพื่อสร้าง ASSET นั้นใช้เงินชาวบ้านและเงินลงทุน ตาม Style ของ Rich Dad มีกลยุทธ์ดังนี้ 1.1 กำไรจากการดำเนินงานและส่วนของทุน(25 * 125 ล้านหุ้น)คิดเป็นเงิน 3,125 ล้านบาท 1.2 Warrantเหลืออีกประมาณ 95 ล้านหุ้นแปลงสภาพในราคา 25 บาทต่อหุ้น จะระดมเงินได้ในอนาคต 2375 ล้านบาท 1.3 ระดมเงินจากกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แถมมีบริษัทหลักทรัยพ์จัดการกองทุนของตัวเองอีกด้วย มีมูลค่าการระดมทุนไม่น่าจะน้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ตรงนี้ FNS จะได้เปรียบบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบางแห่งที่ระดมเงินได้เฉพาะในประเทศ แต่ Fns มี Strategic Partner ซึ่งสามารถระดมเงินทุนทั้งจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงยังสามารถนำเงินกองทุนไปลงทุนต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศเช่นที่ เวียตนาม และผมเห็นตราสารหนี้ก็ไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านของเราด้วย ตรงนี้สอดคล้องกับนโยบายรัฐที่ต้องการผลักดันให้ตราสารหนี้ Asian Bond ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นต่อไป ทำให้ลดความเสี่ยงการลงทุนในเรื่อง Country Risk กล่าวคือหากประเทศใดมีความเสี่ยงสูง ก็ย้ายฐานการลงทุนได้ 1.4 เงินฝากระยะสั้นและปานกลางจากตั๋วเงินฝากของบริษัทเงินทุน 1.5 เงินรับฝากเบี้ยประกันภัยและประกันชีวิต ซึ่งค่อนข้างเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ขอจบด้านการระดมเงินทุน ก่อน ภาคต่อไปสนุกกว่านี้ครัย จากคุณ : เจาะลึก - [ 22 ก.ย. 48 18:51:00 A:203.155.105.41 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับเรื่องของการลงทุนเพื่อสร้าง Asset นั้นมีเรื่องมัน ๆ และมหัศจรรย์กว่าการทำธุรกิจ Finance ธรรมดา หรือธุรกิจหลักทรัพย์ธรรมดาดังนี้ 2.1 FNS มีรายได้หลักจากการเป็นบริษัทที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ล่าสุดคือ กสท. ถ้ากระจายได้เมื่อไหร่รายได้โตเป็นกอบเป็นกำแน่นอน นอกจากนี้ในส่วนของการเป็นที่ปรึกษาและรับประกันการจำหน่ายพันธบัตรกองทุนน้ำมัน 22,000 ล้านบาทจากวงเงินที่ ครม.อนุมัติ 85,000 ล้านบาท ตรงนี้ก็คงได้รายได้เป็นกอบเป็นกำมากขึ้น แต่วงเงินที่ครม.อนุมัตินั้นให้ใช้ได้ทั้งการออกพันธบัตรหรือการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน สำหรับ Strory นี้ในอนาคต หาก BMCL จะเข้าตลาดเมื่อไหร่ FNS ก็น่าจะมีโอกาสเข้าไปเป็นที่ปรึกษาด้วยเนื่องจากมีสายสัมพันธ์ที่ดีผ่านผู้ถือหุ้นใหญ่ของเราคือ N-PARK นั่นเอง และผมคาดว่าเนื่องจากประธานกรรมการของ FNS เคยเป็นอดีตรมต.คลังเก่าและมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานของรัฐคาดว่า FNS น่าจะมีโอกาสได้งานเป็นที่ปรึกษาของภาครัฐเพิ่มขึ้น 2.2 รายได้อีกส่วนหนึ่งคือรายได้จากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ยิ่งตอนนี้จะมีการเอาหุ้นใหญ่ ๆ เข้าตลาดก็คาดว่าตลาดจะกลับมาคึกคักใหม่ในช่วงปลายปี แบบนี้รายได้ส่วนนี้ก็คงดีขึ้น และหากมีการควบรวมกับ Bfitsec ได้จริง ก็จะทำให้มีโอกาสเพิ่มรายได้และผลตอบแทนในอนาคตให้ดียิ่งขึ้นต่อไป 2.3 รายได้จากการให้สินเชื่อของธุรกิจเงินทุน 2.4 รายได้จากการบริหารเงินกองทุนทั้งในและต่างประเทศ กองทุนต่างประเทศผมให้รายละเอียดไว้มากแล้วแต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ หากใครเข้าไปอ่าน 56-1 ของหุ้น FNS แล้วจะเห็นได้ว่ารายได้บริหารเงินกองทุนตราสารทุนของต่างประเทศนอกจากจะกำหนดรายได้ขั้นต่ำไว้ หากบริหารจัดการดี ก็จะมีรายได้ส่วนเพิ่ม Profit Sharing ให้อีกด้วย ตอนนี้ราคาหลักทรัยพ์มีแนวโน้มสูงขึ้น ก็ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามไปด้วย และเหตุผลสำคัญอีกประการคือรายได้นี้มั่นคงเสียด้วย เพราะ NAV จะขาดทุนหรือกำไร ก็มีค่าบริหารจัดการที่แน่นอน แบบนี้ Rich Dad หรือ Buffet ชอบจริง ๆ รายย่อยก็ชอบด้วย 2.5 รายได้อีกส่วนหนึ่งที่ผมพบในข่าวก็คือรายได้จากการไปลงทุน ( Joint venture) เห็นว่าไปลงทุนกับ JP-ONE ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำสายส่งน้ำมันท่าอาศยานถ้าผมจำไม่ผิด คาดว่าเมื่อบริษัทเข้าตลาดก็คงมีกำไรจาก Capital Gain 2.6 รายได้จากการนำเงินค่าเบี้ยประกันไปลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนหรือหลักทรัพย์อื่น ๆ ตรงนี้คงเป็นรายได้ซึมบ่อทราย แต่ Buffet ชอบนักรายได้ประเภทที่ค่อยๆ โตขึ้นอย่างสมำเสมอ และผมอ่านข่าวว่าได้มือเก๋าด้านประกันมาบริหารด้วย เมื่อไม่กี่วันก็เห็นไปได้งานของธกส. ประกันกลุ่มของลูกค้าอิสลาม 2.7 รายได้จากการเป็นที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้างหนี้ ตรงนี้สิมันส์สุด ๆ เพราะแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ป้องกันความเสี่ยงไว้ทุกทาง (มืออาชีพการเงินจริง ๆ) เพราะหากเศรษฐกิจเป็นขาลง Fns มีStrategic Partner จากต่างประเทศที่พร้อมเข้ามาให้กู้และร่วมลงทุน โดยเฉพาะบริษัทที่เมื่อปรับโครงสร้างหนี้แล้วมีโอกาสเข้าตลาดหลักทรัพย์ ตรงนี้ FNS ชอบมาก ๆ ที่ผมเล่าเรื่องมาทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นนะครับอย่าเชื่อทั้งหมด เล่ามาจากการอ่านและทำการบ้านหลาย ๆ วัน สืบค้นหลายแหล่งข้อมูลทั้งอดีตและปัจจุบัน หวังว่ารายย่อยอย่างพวกเราจะเป็นนักเรียนรู้ที่ดี ที่ลงทุนอย่างมีเหตุผล เพื่อสนับสนุนให้การลงทุนในตลาดหลักทรัยพ์มีเสถียรภาพที่ดีขึ้นกว่านี้ครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 22 ก.ย. 48 19:21:24 A:203.155.105.41 X: จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หากผมเป็นกรรมการของ Fns เพื่อรับผิดชอบตามที่ได้รับเลือกจากผู้ถือหุ้นมาเพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นตามหลักการบรรษัทภิบาลที่ดี ผมอยากตั้งคำถามผู้บริหารของบริษัท FNS ดังต่อไปนี้ครับ 1. อนาคตของการดูแลทรัพย์สินของบริษัทในเรื่องการลงทุนใน BFit และการให้การสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทหลักทรัพย์ Bfit จะเป็นอย่างไร เพราะบริษัทใช้เงินกำไรจากการดำเนินงานไปลงทุนสูงมากดังนี้ 1.1 ลงทุนในบริษัท BFIT ร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนจนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หากคิดที่ราคาที่ซื้อมาโดยประมาณ 12.78 บาทต่อหุ้น ก็ลงทุนไปเกือบ 130 ล้านบาทแล้ว จึงต้องมีความชัดเจนด้วย 1.2 ลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์ BFIT เป็นเงินเกือบ 600 ล้านบาท ในรูปของหุ้นกู้แปลงสภาพ 300 ล้านบาท และหุ้นกู้ด้อยสิทธิอีก 300 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่ออะไร ต้องการผลตอบแทนอย่างไร คุ้มหรือไม่อย่างไร 1.3 ลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม BFIT เป็นเงินประมาณ 110 ล้านบาท ประโยชน์ที่ได้จากการต่อยอดการบริหารจัดการกองทุนรวมแล้ว มีแผนงานกลยทธ์ในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง 1.4 เฉพาะรายการลงทุนในBfit อย่างเดียวคิดเป็นเงินกว่า 840 ล้านบาท โดยนำกำไรจากการดำเนินงานของผู้ถือหุ้นที่สะสมมาเป็นเงิน 1305 ล้านบาทก็คิดเป็นสัดส่วน64.36% มันคุ้มค่าอย่างไร และจะสร้าง Wealth ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างไรบ้างครับ 1.5 อนาคตเมื่อไม่สามารถจัดตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์แล้วจะทำอย่างไรกับธุรกิจเงินทุนที่มีอยู่ มีกลยุทธ์อย่างไร และการเพิ่มทุนจดทะเบียนไว้ 4,000 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการเป็นธนาคารพาณิชย์ แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นจะทำอย่างไรกับทุนจดทะเบียนดังกล่าว และที่มีข่าวว่า กลุ่มคอมลิงค์จะมาร่วมทุนประมาณ 80 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 42 บาท มีความคืบหน้าอย่างไร หรือเลิกเป็นพันธมิตรไปแล้วเนื่องจากไม่ได้เป็น Bank 1.6 การบริหารจัดการกองทุน Siam Investment Fund ทั้งกอง 1 และ กอง 2 จะเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะการ Fund 1 กำลังครบกำหนด ส่วนFund 2 ลงทุนอยังไม่เป็นไปตาม Commitment หรือ Utilization Asset ยังไม่เต็มที่ ทำให้ ค่าFee ได้รับต่ำกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ 1.7 การลงทุนใน Vitnam Equity Fund ผ่านบริษัทย่อย FTM ที่ FNS ถือหุ้น 100% คาดหวังผลตอบแทน IRR เท่าไร โดยขนาดกองทุนนี้ 15.107 ล้านเหรียญยูโร โดย FNS ได้ลงทุนไปเป็นจำนวน 4 ล้านเหรียญยูโร หรือ 202 ล้านบาท 1.8 การลงทุนในบริษัท J-One โดยซื้อจากกองทุนที่ตัวเองบริหารคือ Siam Investment Fund1 จำนวน 1.25 ล้านหุ้น สัดส่วน 20.83% ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นเงินกว่า 106.25 ล้านบาท คาดหวังผลตอบแทนอย่างไร และจะลงทุนกี่ปี คุ้มหรือไม่อย่างไร 1.9 การเข้าไปร่วมถือหุ้นใน Asian Debt fund (TADF) ทุน 180$ Million มีกลยุทธ์และแนวทางการบริหารงานอย่างไร จะเกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นอย่างไรบ้าง 1.10 การกระจายรายได้เพื่อลดความเสียงของกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานหลายทางนั้น ในอนาคตจะเป็นสัดส่วนโครงสร้างอย่างไร เพราะอะไร และจะมีวิธีการบริหารจัดการกับบริษัทในเครือต่าง ๆ อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าบริษัทร่วมบริหารงานได้ดี เป็นไปตามเป้าหมาย และประโยชน์กับผู้ถือหุ้นสูงสุด จากคุณ : เจาะลึก - [ 23 ก.ย. 48 08:40:41 A:203.155.105.41 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หากผมเป็นกรรมการของ Fns เพื่อรับผิดชอบตามที่ได้รับเลือกจากผู้ถือหุ้นมาเพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นตามหลักการบรรษัทภิบาลที่ดี ผมอยากตั้งคำถามผู้บริหารของบริษัท FNS ดังต่อไปนี้ครับ 1. อนาคตของการดูแลทรัพย์สินของบริษัทในเรื่องการลงทุนใน BFit และการให้การสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทหลักทรัพย์ Bfit จะเป็นอย่างไร เพราะบริษัทใช้เงินกำไรจากการดำเนินงานไปลงทุนสูงมากดังนี้ 1.1 ลงทุนในบริษัท BFIT ร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนจนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หากคิดที่ราคาที่ซื้อมาโดยประมาณ 12.78 บาทต่อหุ้น ก็ลงทุนไปเกือบ 130 ล้านบาทแล้ว จึงต้องมีความชัดเจนด้วย 1.2 ลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์ BFIT เป็นเงินเกือบ 600 ล้านบาท ในรูปของหุ้นกู้แปลงสภาพ 300 ล้านบาท และหุ้นกู้ด้อยสิทธิอีก 300 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่ออะไร ต้องการผลตอบแทนอย่างไร คุ้มหรือไม่อย่างไร 1.3 ลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม BFIT เป็นเงินประมาณ 110 ล้านบาท ประโยชน์ที่ได้จากการต่อยอดการบริหารจัดการกองทุนรวมแล้ว มีแผนงานกลยทธ์ในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง 1.4 เฉพาะรายการลงทุนในBfit อย่างเดียวคิดเป็นเงินกว่า 840 ล้านบาท โดยนำกำไรจากการดำเนินงานของผู้ถือหุ้นที่สะสมมาเป็นเงิน 1305 ล้านบาทก็คิดเป็นสัดส่วน64.36% มันคุ้มค่าอย่างไร และจะสร้าง Wealth ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างไรบ้างครับ 1.5 อนาคตเมื่อไม่สามารถจัดตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์แล้วจะทำอย่างไรกับธุรกิจเงินทุนที่มีอยู่ มีกลยุทธ์อย่างไร และการเพิ่มทุนจดทะเบียนไว้ 4,000 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการเป็นธนาคารพาณิชย์ แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นจะทำอย่างไรกับทุนจดทะเบียนดังกล่าว และที่มีข่าวว่า กลุ่มคอมลิงค์จะมาร่วมทุนประมาณ 80 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 42 บาท มีความคืบหน้าอย่างไร หรือเลิกเป็นพันธมิตรไปแล้วเนื่องจากไม่ได้เป็น Bank 1.6 การบริหารจัดการกองทุน Siam Investment Fund ทั้งกอง 1 และ กอง 2 จะเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะการ Fund 1 กำลังครบกำหนด ส่วนFund 2 ลงทุนอยังไม่เป็นไปตาม Commitment หรือ Utilization Asset ยังไม่เต็มที่ ทำให้ ค่าFee ได้รับต่ำกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ 1.7 การลงทุนใน Vitnam Equity Fund ผ่านบริษัทย่อย FTM ที่ FNS ถือหุ้น 100% คาดหวังผลตอบแทน IRR เท่าไร โดยขนาดกองทุนนี้ 15.107 ล้านเหรียญยูโร โดย FNS ได้ลงทุนไปเป็นจำนวน 4 ล้านเหรียญยูโร หรือ 202 ล้านบาท 1.8 การลงทุนในบริษัท J-One โดยซื้อจากกองทุนที่ตัวเองบริหารคือ Siam Investment Fund1 จำนวน 1.25 ล้านหุ้น สัดส่วน 20.83% ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นเงินกว่า 106.25 ล้านบาท คาดหวังผลตอบแทนอย่างไร และจะลงทุนกี่ปี คุ้มหรือไม่อย่างไร 1.9 การเข้าไปร่วมถือหุ้นใน Asian Debt fund (TADF) ทุน 180$ Million มีกลยุทธ์และแนวทางการบริหารงานอย่างไร จะเกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นอย่างไรบ้าง 1.10 การกระจายรายได้เพื่อลดความเสียงของกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานหลายทางนั้น ในอนาคตจะเป็นสัดส่วนโครงสร้างอย่างไร เพราะอะไร และจะมีวิธีการบริหารจัดการกับบริษัทในเครือต่าง ๆ อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าบริษัทร่วมบริหารงานได้ดี เป็นไปตามเป้าหมาย และประโยชน์กับผู้ถือหุ้นสูงสุด จากคุณ : เจาะลึก - [ 23 ก.ย. 48 08:40:41 A:203.155.105.41 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หากผมเป็นผู้ถือหุ้นของ Fns และอยากลงทุนกับ Fns ในระยะยาว ผมอยากตั้งคำถามดังนี้ 1. ในการสร้าง Wealth ให้กับผู้ถือหุ้น หากกรรมการเห็นว่าควรนำกำไรของผู้ถือหุ้นไปลงทุนต่อเพื่อสร้างการเติบโตของผลตอบแทนที่ดีคืนกับผู้ถือหุ้น ซึ่งจะสะท้อนที่ราคาหุ้นที่สูงขึ้นในอนาคต แต่ข้อเท็จจริงกลับกัน คือผมจำได้ว่าราคาร IPO ที่Fns ขายอยู่ที่ 32 บาทต่อหุ้น แต่ราคาปัจจุบันไม่ถึง 20 บาทต่อหุ้น แถมรับปันผลมา 2 ครั้งเป็นเงิน 1 บาท ตอนนี้ก็ขาดทุนไปแล้ว 34.37% ดังนั้นคณะกรรมการควรมีการทบทวนนโยบายการลงทุนกับการจ่ายปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้นหรือไม่ เพราะปัจจุบันกำไรสะสมสูงถึง 1305.84 ล้านบาท คิดเป็น 10.44 บาทต่อหุ้น แถมบริษัทยังมีสภาพคล่องเหลืออยู่ด้วยดูจากที่มีโครงการรับซื้อคืนหุ้นประมาณ 10% (มติคณะกรรมการ ให้ซื้อคืนหุ้น 12.501 ล้านหุ้น ราคารับซื้อหุ้นใช้ราคาเปรียบเทียบกับราคาสูงสุดเฉลี่ย 30 วันเท่ากับ 21.21 บาทต่อหุ้น โดยมีระยะเวลารับซื้อคืน(30 พ.ค. - 30 พ.ย48) เป็นระยะเวลา 6 เดือน แต่ตอนนี้ก็เพิ่มซื้อคืนไปเพียง673,600 หุ้น มูลค่าจิ๊บจ้อย 11.064 ล้านบาทครับ) 2. ผมอยากให้ FNS ให้ข้อมูลกับนักลงทุนมากกว่านี้ เพราะถ้าหากกรรมการจะเหลียวไปดู้ข้อมูลกลางที่ให้กับผู้ลงทุน คือ Settrade.com ท่านจะตกใจว่าเป็นไปได้อย่างไรที่นักวิเคราะห์หุ้นของค่ายต่าง ๆ ตีราคาหุ้นของท่านที่เหมาะสมอยู่ที่ 17-22 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่า BV ของบริษัทเสียอีก ดังนั้นกรรมการจะหาวิธีการอย่างไรในการให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์หุ้น เพื่อเป็นตัวแทนที่จะให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนต่อไปครับ ฝากไว้นะครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 23 ก.ย. 48 09:12:29 A:203.155.105.41 X: ]       ความคิดเห็นที่ 12   สำหรับในด้านพนักงานและผู้บริหาร ผมเห็นว่า FNS มีทรัพยากรที่มีค่าที่สำคัญคือเรื่องของคน ถือเป็นทุนการทำงานที่สำคัญที่สุดและไม่ได้สร้างกันได้ง่าย ๆ โจทย์ของ Fns ถ้าหากคณะกรรมการจะพิจารณาผมของตั้งเป็นโจทย์ดังนี้ 1. ทำอย่างไรที่จะทำให้พนักงานที่อยู่กับ FNS ทั้งผู้บริหารและพนักงานผู้เชี่ยวชาญที่ให้ได้ยากอยู่กับบริษัทนาน ๆ เพื่อสร้างการเจริญเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน ในส่วนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ลงทุนในหุ้นและเป็นผู้บริหารด้วยคือกรรมการผู้จัดการ และ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เป็นชาวต่างประเทศและมีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านงาน IB จากธนาคารชั้นนำระดับโลก ผมไม่ค่อยห่วงมากเพราะท่านมีส่วนได้เสียกับการที่ทำให้ Wealth ผู้ถือหุ้นสูงขึ้นท่านก็ได้รับผลตอบแทนจากเงินเดือน โบนัส เงินปันผลจากหุ้นที่ถืออยู่เป็นต้น แต่สำหรับพนักงานนั้น เพื่อจูงใจให้อยู่กับบริษัทนาน ๆ ควรมี ESOP หรือไม่เพื่อให้ทุ่มเทการทำงาน โดยการจ่าย ESOP ขอให้อิงกับผลการดำเนินงานและการสร้าง Weath ให้กับผู้ถือหุ้น ผมว่าส่วนนี้จะทำให้คนในองค์กร Concern การสร้าง Weath ให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่านี้ครับ 2. เนื่องจากวงการด้านหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารบ่อยครั้ง โจทย์สำคัญคือจะต้องบริหารองค์ความรู้เหล่านี้ให้อยู่ในองค์กรอย่างไร และมีระบบในการสร้างคนเพื่อต่อยอดองค์ความรู้นั้น ๆ ผมเชื่อว่าเงินตัวเดียวไม่สามารถดึงให้พนักงานอยู่ในองค์กรได้นาน แต่การทำงานที่ท้าทาย การทำงานเรื่องใหม่ ๆ และการทำให้เขามีความสุขกับการทำงานนั้น จะทำให้พนักงานสามารถคิดค้นการให้บริการที่ดีกับลูกค้า ต่างประเทศพิสูจน์แล้วว่าต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีของพนักงานก่อนที่จะส่งเขาต่อไปให้บริการกับลูกค้าครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 23 ก.ย. 48 11:09:59 A:203.155.105.41 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตามกระทู้นี้ตั้งโจทย์ว่าจะมีการTakeover Fns ได้หรือไม่ ต้องตอบว่าทางทฤษฎีตามกลไกตลาดเป็นไปได้ ถ้าหากเจ้าของถือหุ้นต่ำกว่า 50% และผมลองตรวจสอบดูก็พบว่าบริษัทมี Free Float อยู่ 50%ขึ้นไป แถมมี Warrant ที่แปลงสภาพได้อีก 95 ล้านหุ้น ดังนั้นถ้าหากจะไม่ถูก Takeover ต้องทำให้ราคาหุ้นสะท้อนตามราคาที่ควรจะเป็น เพื่อทำให้การ Takeover ไม่คู้มกับที่จะทำครับ ซึ่งถ้าหากเจ้าของ FNS ไม่อยากให้ถูก Takeover ก็ต้องพยายามรวบรวมหุ้นของพันธมิตรให้เกิน 50% ไว้ และต้องระวังเรื่อง Warrant ด้วย อย่างไรก็ตามการซื้อ Warrant เพื่อแปลงเป็นหุ้นสามัญก็ต้องใช้เงินมากกว่าซื้อหุ้นสามัญในตลาดสูงถึงหุ้นละ เกือบ 10 บาท (ราคาแปลง 25 บาทต่อหุ้น ราคาตลาดของ Warrant 5.20 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นของ Fns ประมาณ 20.20 บาท ณ ขณะนี้) ทำให้การ Takeover ค่อนข้างยากครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 23 ก.ย. 48 12:16:01 A:203.155.105.41 X: ]       ความคิดเห็นที่ 14   สุดท้ายนี้ ผมขอบันทึกการซื้อขายของหุ้น FNS ไว้เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ถือหุ้น FNS ทุกท่านที่สละเวลาอ่านความคิดเห็นของผมซึ่งยังเป็นผู้ที่ยังรู้น้อยในหุ้นตัวนี้ และพยายามค้นคว้าข้อมูลมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมอยากจะให้ผู้รู้ทั้งหลายในห้องพันธ์ทิพย์แห่งนี้โปรดกรุณาสละเวลาเสนอความเห็นที่เป็นประโยชน์และให้ข้อมูลที่เป็นสาระกับผู้ลงทุน โดยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเชิงลึกให้กับเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วยเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ไม่เข้าใจในหุ้นที่จะลงทุนจะได้ใช้ข้อมูลพื้นฐานของหุ้นมาตัดสินใจลงทุนในหุ้นของ FNS หากประโยชน์อันใดที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ลงทุนในหุ้น FNS และรักในหุ้นตัวนี้ หรือผู้สนใจหุ้น FNS ผมขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณของท่านให้เกิดประโยชน์กับการลงทุนของท่านต่อไปครับ ราคาหุ้น FNS ณ 23 กันยายน 2548 วันที่ Lo HI CLose Volumn(ล้านหุ้น) 23 19.80 20.40 20.10 1.89 22 19.40 20.20 19.70 1.41 21 19.40 19.80 19.40 0.264 20 19.10 19.60 19.60 0.524 19 19 19.60 19 0.133 ราคาเฉลี่ย 5 วัน 19.56 ราคาเฉลี่ย 10 วัน 19.62 ราคาเฉลี่ย 20 วัน 19.57 จากคุณ : เจาะลึก - จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สุดยอดค่ะคุณเจาะลึกคะ ดีใจมากที่ได้เห็นกระทู้นี้ ข้อมูลที่ว่ามานี่ไม่เรียกว่ารุ้น้อยหรอกค่ะ จริงๆ แล้วหุ้นที่ morgan ถืออยู่เป็นการถือแทนนอมินีของคนไทยบางคน (เจ้าของเขาฉลาดเป็นกรด ในหลายๆ เรื่อง กล้าตัดสินใจ เป็นคนหนุ่มไฟแรง ทำให้เหมือนฝรั่งถืออยู่ )ส่วนเรื่องการบริหารฟันด์ยอมรับว่าเก่งมาก วิสัยทัศน์ดีมาก แต่หลายกรณีก็รู้กัน บางคนว่านี่เป็นเงาของเอกธนกิจ (fin 1 ) ก็ไม่รุ้นะคะว่ากันไป ถ้าติดตามดีๆ จะรู้ว่าทำเป็นเครือข่าย (ดูn-park ซื้อหุ้นก็น่าจะรู้) ความเห็นส่วนตัวจากสมองอันน้อยนิดคิดว่า ตราบใดที่ระบบเศรษฐกิจยังดี ไม่มีปัญหาตัวนี้จะให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าตัวหนึ่ง แต่ถ้ามีอะไรพลิกล็อค ตัวนี้เป็นหุ้นที่ต้องทิ้งตัวแรก (กลัวเป็นแบบ เอก ธน กิจ อีกน่ะเจ้าค่ะ) การย้ายมาร์นั้นย้ายเฉพาะที่รับมาใหม่เพื่อโยกไปบีฟิทโดยเฉพาะ มาร์เดิมที่เป็นรุ่นดั้งเดิมยังอยุ่ที่เดิม ลองดูสิคะว่าใครเป็นผู้บริหารเงาของบีฟิทอยู่ ฝีมือสุดยอดดดดดด (รู้แล้วจะหนาว) เพียงแต่เขาออกหน้าไม่ได้เพราะยังโดนแบลคลิสอยู่ ที่เห็นออกความเห็นมาเยอะขนาดนี้นี่ ตัวเองก็ลงทุนหุ้นตัวนี้อยุ่เหมือนกัน นะคะ เขียนเท่าที่ทราบมาน่ะค่ะ จากคุณ : mynameisopportunity - [ 24 ก.ย. 48 17:46:52 A:61.91.208.246 X: TicketID:071269 ]       ความคิดเห็นที่ 16   ขอขอบคุณคุณความคิดที่ 15 ที่ได้ให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์ครับ ความเห็นผมคิดว่าจากข้อมูลที่ผมศึกษามาทั้งหมดนั้น ผมคิดว่ามีประเเด็นข้อสงสัยที่พวกเราน่าจะช่วยกันค้นหาเพื่อความกระจ่างดังนี้ 1. ประเด็นเรื่องการลงทุนใน BFIT จำนวนมาก โดยเอาเงินกำไรของบริษัทไปลงทุนนั้น ได้แสดงให้เห็นอย่างไรว่าผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ และFNSมีระบบในการป้องกันไม่ให้ผลประโยชน์ไปตกกับใครคนในคนหนึ่งได้อย่างไร 2. ความเป็นธรรมในเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นได้ตอบแทนกับผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งผมได้ชี้ไว้ในหลายประเด็นข้างต้น 3. ในประเด็นของผู้บริหารบางท่านที่มีความสัมพันธ์กับ Fin - ONE โดยเป็นอดีตผู้บริหารมาก่อนนั้น ในประวัติของผู้บริหารที่ FNS แจ้งไว้มีอยู่ 1 ท่าน แต่การที่จะคาดเดาว่าเขาจะนำแนวทางของ FIN-ONE ที่ประสบความล้มเหลวมาใช้กับ FNS นั้นผมคงไม่สามารถแสดงความเห็นในเรื่องนี้ได้ เนื่องจากต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนครับ ผมมีความเห็นว่าผู้ลงทุนทุกท่านโดยเฉพาะรายย่อยควรร่วมกันทำความกระจ่างในเรื่องนี้ โดยใช้เวทีของการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อสอบถามข้อมูลจากคณะกรรมการซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นต่อไป ผมยังเชื่อมั่นว่า ประธานคณะกรรมการของ FNS คือ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ท่านเป็นคนที่พวกเราน่าจะไว้วางใจได้ในเรื่องความรู้ความสามารถ รวมถึงความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งท่านเป็นผู้หนึ่งที่กล้าแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ และยังบริหารงานเพื่อบ้านเมืองมาแล้ว ดังนั้นประเด็นข้อสงสัยดังกล่าวอยากให้พวกเราได้กล้าที่จะสอบถาม เพื่อให้ผู้ลงทุนทุกท่านมั่นใจได้ว่าเราจะได้ผลตอบแทนที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการประกอบการของบริษัทจริงครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 26 ก.ย. 48 00:14:53 A:202.57.173.216 X: ]       ความคิดเห็นที่ 17   โดยส่วนตัวผมอยากให้ทุกท่านผู้ลงทุนมีส่วนร่วม่ในการทำการบ้านก่อนการลงทุนเพื่อเป็นการช่วยพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ของเราให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนที่สำคัญที่สุดคือนักลงทุนโดยเฉพาะโครงสร้างการซื้อขายของเรา ผู้ลงทุนรายย่อยยังมีปริมาณมีสัดส่วนสูงสุดมากกว่า 80% ดังนั้นความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นจากความรู้ที่ไม่เท่าทันกับกลุ่มผู้ลงทุนกลุ่มอื่น ได้แก่ กลุ่มสถาบันและกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ พวกเราจึงต้องร่วมกันสร้างอำนาจต่อรองตลาด โดยหากเราช่วยกันให้ข้อมูล ช่วยการรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้นที่ดี ใฃ้กลไกที่ตลาดหลักทรัพย์และกลต.พยายามส่งเสริมเรื่องธรรมภิบาลให้กับบริษัทจดทะเบียนเป็นต้น จะทำให้เกิดกลไกการถ่วงดุลที่เหมาะสม และไม่ตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ จนทำให้เราซึ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยเสียหายจากการลงทุนในส่วนที่ไม่ควรจะเสียครับ กรณีของ FNS ในเมื่อเรามอบหมายให้คณะกรรมการซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นในการเข้าไปรักษาผลประโยชน์ของเรา นักลงทุนรายย่อยจึงมีหน้าที่ในการติดตามผลงานของบริษัท และใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการเป็นกลไกที่มีส่วนร่วมในการตรวจสอบผลงานของผู้บริหาร เพื่อให้พวกเราซึ่งเป็นผู้ลงทุนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการลงทุนที่ไม่เหมาะสมครับ ผมอยาก Update ข้อมูลการวิเคราะห์ซึ่งไม่ได้มาจากข้อมูล iNSIDER ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มาจากการทำการบ้านที่ได้จากข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะครับ ผมเชื่อว่านับวันข้อมูลต่างๆ จะมีการเปิดเผยอย่างรวดเร็ว และโปร่งใสมากขึ้น จนกระทั่งจะเป็นกลไกในการถ่วงดุลให้ผู้บริหารที่ขาดจรรยาบรรณอยู่ไม่ได้ เพราะกระแสโลกาภิวัฒน์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ลงทุนอย่างเราได้รับข้อมูลเพิ่มมากขึ้น และพวกเราจะมีส่วนร่วมในการเรียกร้องสิทธิมากขึ้นตามลำดับครับ ข้อมูลที่ผมเคยวิเคราะห์ไว้ ขอ UPDATE ดังนี้ 1. วันนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม FNS ได้เปิดขายหน่วยลงทุนชื่อ ฟินันซ่า โกลบอล อโลเคชั่น โดยเป็นกองทุนที่ลงทุนตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุนในต่างประเทศและในประเทศ ผ่านกองทุน ยูบีเอส โกลบอล อโลเคชั่น มีมูลค่ากองทุนที่ขออนุญาตจาก กลต. 410 ล้านบาท เปิดขาย 3 ต.ค. 48 นี้ นี่คือตัวอย่างที่ได้จากการวิเคราะห์โดยไม่ต้องมี Insider ครับ ผมเคยชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการลงทุนจะเป็น GLobal มากขึ้น ซึ่ง FNS ได้ใช้ความได้เปรียบในเรื่องนี้มาทำธุรกิจโดยอาศัย Networking ที่เป็น Strategic Partner 2. เมื่อไม่กี่วันนี้ บริษัทประกันชีวิต FNS ได้นำเงินไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบ้านแสนสิริ ซึ่งผมเคยวิเคราะห์ไว้ว่าจะเป็นการลงทุนแบบน้ำซึมบ่อทรายไปเรื่อย ๆ ครับ ขออนุญาต UPDATE เพียงแค่นี้ครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 26 ก.ย. 48 09:01:03 A:203.155.105.41 X: ] จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบคุณเจาะลึกครับ การ copy ก็ง่ายๆเพียงเองเมาท์ลาก ลงมาแล้ว click ขวา เลือก copy แล้วนำมา paste ในหน้าที่เราต้องการทำนะครับ จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 11:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนสภาวะตลาดจากนี้ไป ผมอยากให้พวกเพื่อนๆ ติดตามหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารและเงินทุนหลักทรัพย์ให้ดี เพราะผมเชื่อว่าจากนี้ไปจนถึงปีหน้ากลุ่มนี้จะโดดเด่นแทนกลุ่มพลังงาน และจากการติดตามข่าวต่างประเทศ พบว่ากองทุนทั่วโลกเริ่มขายหุ้นกลุ่มพลังงานมาตลอด 1-2 เดือนที่ผ่านมา และเริ่มลงทุนในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินแทน โดยเฉพาะช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน และพวกเราไม่ต้องกลัวหรือกังวลในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยนะครับ เพราะถ้ายังไม่ถึง 2  digit  และความสามารถในการทำธุรกิจยังสามารถ support ให้กิจการมีกำไรอยู่ก็ยังไม่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยที่ขึ้นเป็นตัวบ่งบอกของสภาวะธุรกิจและอุตสาห์กรรม ว่ากำลังกระเตื้องขึ้น โดยจับตาไปที่การส่งออกของเรา ถ้ามีแนวโน้มดีขึ้น ดุลการค้าเป็นบวก นั่นแหล่ะคือ สัญญาณที่ชัดเจนว่า ฌศรษฐกิจของไทยกำลังกระเตื้องขึ้น เมื่อนั้น เงินทุนจะเริ่มไหลเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง จากคุณ : sadam - [ 26 ก.ย. 48 12:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อมูลไม่ธรรมดา จากคุณ : Muffin - [ 26 ก.ย. 48 12:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 FNS น่า takeover หรือเปล่า ผมว่ามันต่างจาก MATI ตรงที่ FNS มีหนี้สินสูงมาก ในขณะที่ MATI นั้น หนี้มีนิดเดียว ถ้าจะถูก take ก็คงโดยเจ้าหนี้นะละครับ แต่ FNS ถือว่าเป็นบริษัทที่น่าจะอยู่รอด จากผลประกอบการที่ดีอยู่ ตัดสินใจกันดีๆแล้วกันครับ จากคุณ : seigwai - [ 26 ก.ย. 48 12:59:53 A:202.149.117.66 X: TicketID:007767 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใช้ข่าวเล่นหุ้น  คงจะรวยยากสสสส จากคุณ : pawong - [ 26 ก.ย. 48 16:56:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เชื่อถือได้ป่าว จากคุณ : เด็กน้อยกลิ่นวนิลา - [ 26 ก.ย. 48 17:40:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ในการลงทุนผมคิดว่า นักลงทุนควรศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อราคาหุ้น เท่าที่ผมดูความเห็นจากหลายแหล่ง ผมคิดว่า FNS น่าจะมีความเสี่ยงอย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้ 1. ความเสี่ยงจากการมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ N-PARK ที่ถือหุ้นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน และหากจำเป็นต้องขยายงานแต่ขาดสภาพคล่องก็อาจต้องขายหุ้นในตลาดบางตัวออกไปดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วกับการขายหุ้น BMCL 2. การบริหารงานที่ทุกคนกังวลใจว่าจะเป็นเหมือน Fin-One หรือไม่ ดังนั้น หากราคาของ FNS จะสะท้อนตามราคาที่ควรจะเป็น บริษัทจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องบรรษัทภิบาลที่ดี เพื่อให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากกว่านี้ครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 26 ก.ย. 48 22:27:11 A:203.156.25.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 วันนี้ผมได้มีโอกาสอ่านข่าว โพสต์ทูเดย์ ทำให้ผมตีโจทย์แตกในเรื่องของการป้องกันการถูก Takeover แนวทางหนึ่งที่มีการเสนอในงานสัมมนาที่หนังสือพิมพ์เอามาลงคือ การเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นมาจำนวนมากเพื่อทำให้ผู้ที่จะมา Takeover ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล และเป็นการลดสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ลงทุนที่ต้องการมาTakeover ลงได้ ซึ่งตอนนี้ FNS ก็ได้เตรียมเพิ่มทุนจดทะเบียนไว้แล้วกว่า 4000 ล้านบาทมารองรับครับ ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่จริง ๆ แล้วบริษัทเตรียมเพิ่มทุนเพื่อเป็นBANK แต่ไม่ได้เป็นBank อย่างไรก็ตามก็ทำให้วิธีนี้เป็นเกาะกำบังในการป้องกันการถูกTakeover ได้ในตัวครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 27 ก.ย. 48 23:46:44 A:203.156.25.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 จากความคิดเห็น 8 ที่แสดงไว้เริ่มปรากฏผลงานตามที่วิเคราะห์ไว้ Update เพิ่มเติมคือ วันนี้ กรุงเทพธุรกิจลงข่าวเรื่อง การออกพันธบัตรน้ำมันวงเงินแรก 22,000 ล้านบาทโดยออกเป็น 3 ช่วงเวลาคือ อายุ 1 ปี จำนวน 8800 ล้านบาทดอกเบี้ย4.28% มียอดจองบุคบิวดิ้งกว่า 1 เท่าตัว อายุ 2 ปี วงเงิน 8800 ล้านบาทดอกเบี้ย 5.26% มียอดจองบุคบิวดิ้งกว่า 2 เท่า และอายุ 3 ปี จำนวน 4400 ล้านบาท ดอกเบี้ย5,87% มียอดจองบุคบิวดิ้งกว่า 5 เท่า โดยพันธบัตรจะเปิดให้ประชาชนจองช่วง 10 - 12 ต.ค. นี้ ยอดจองขนาดนี้ที่ปรึกษาและรับประกันจำหน่ายรายหนึ่งคือ FNS คงสบายใจขึ้น (น่าจะหักปากกาเซียนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์แห่งหนึ่งที่บอกว่ารายการนี้จะเป็นรายการที่มีความเสี่ยงครับ) และคาดว่า Q4 รายได้คงเข้ามาเป็นกอบเป็นกำจากรายการ Due นี้ และในอนาคตอาจมีการออกเพิ่มเติมตามที่ ครม.ให้ความเห็นชอบไว้เป็นวงเงินรวม 85,ooo ล้านบาท ครับ สิ่งที่ให้ความเห็นไว้ในขณะนี้ก็ทะยอยเป็นจริงมาตามลำดับ ตอนนี้ก็คงต้องรอดูผลงานที่ออกมาในรูปงบการเงินต่อไป แต่น่าเสียดายรายการนี้จะไปสะท้อนในงบไตรมาสที่ 4 รวมถึงที่เคยพูดถึงการออกกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศก็ไปแสดงผลงานในไตรมาส 4 เช่นกัน และที่อยาก UPDATE เพิ่มเติมคือ หลังจากที่ FNS Takeover กองทุนรวมของ BFIT และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมฟินันซ่าแล้ว ทำให้สามารถขยายต่อยอดการบริหารกองทุนรวมในขณะนี้เป็น 15,ooo ล้านบาท ส่วนรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ฟินันซ่าในไตรมาสที่ 3 มีส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 1,72% ตำกว่าผลงานใน 2 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่บริษัทที่ร่วมลงทุนผ่าน BFIT นั้นคือ BFITSEC มีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้นโดยมีส่วนแบ่งตลาดไตรมาสนี้ 3.59% แบบนี้ FNS ยังไม่คิดจะควบกิจการกับ BFITSEC หรือครับ ในส่วนของการบริหารเงินกองทุน SIAM investment Fund ผมคาดว่า NAV น่าจะสูงขึ้น ทำให้ FNS น่าจะได้รายได้ส่วนนี้ที่มากขึ้น ทั้งจากการเป็นที่ปรึกษา การเข้าร่วมลงทุน และ Profit Sharing ถ้าหากบริหารเงินกองทุนได้กำไรเกินกว่าอัตราผลตอบแทนขึ้นต่ำถ้าจำไม่ผิดประมาณ 20% ของกำไรส่วนต่างครับ ลงทุนกับ FNS ตามStory ที่กล่าวถึงนี้น่าจะมีลุ้นผลงานการเงินที่จะดีขึ้นแบบก้าวกระโดดตั้งแต่ Q4 ( Q3 อาจต้องทำใจกับผลงานที่อาจจะยังไม่ดีมากนัก) เป็นต้นไปจนถึงปีหน้า ผมคาดว่าผลงานต่าง ๆ ตาม Leading Indicator ทั้งหลายที่กล่าวถึงไว้น่าจะส่งผลบวกต่อหุ้น FNS ไม่มากก็น้อยครับ ลงทุน FNS แม้จะวิเคราะห์ข้อมูลจากข่าวไม่รวยก็จริง แต่ก็ทำให้ผู้ลงทุนมีลุ้นผลงานและติดตามผลงานได้ครับ ตอนนี้ผมก็พยายามลุ้นและ Update ข้อมูลให้เป็นระยะ ผิดบ้างถูกบ้างก็ถือว่าการแสดงความเห็นตรงนี้จะได้เป็นบทเรียนหรือ CASE Study จากของจริงในเรื่องการลงทุนที่ทุกท่านมีโอกาสติดตามความสนุกต่อไปครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 2 ต.ค. 48 00:03:14 A:203.156.27.163 X:203.130.159.3 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบันทึกราคาซื้อขายเพือ่เป็นข้อมูลในการติดตามผลต่อไปครับ ราคาปิด 19.60 สูงสุดปี 48 32.25 ต่ำสุด 15.90 มูลค่าตลาด(ล้านบาท) 2450 มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น 25.48 ผมมีข้อน่าสังเกตคือ มุลค่าตลาดในขณะนี้ใกล้เคียงกับมูลค่าตลาดของปี 45 ซึ่งมีมุลค่าตลาด 2290 ล้านบาท จากที่เคยสูงสุดในปี 46เท่ากับ 5720 ล้านบาท Weath ผู้ถือหุ้นลดไปพอสมควรครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 2 ต.ค. 48 00:28:47 A:203.156.27.163 X:203.130.159.3 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่11 ผมมีโอกาสตรวจสอบ IPO ของ FNS ใน setsmartแล้ว เห็นว่าที่แสดงความเห็น IPO ไว้ว่าราคาที่ 32 บาทนั้น ข้อเท็จจริงคือราคา 25 ยาทครับ ซึ่งเมื่อหักปันผลไป 1 บาทแล้ว ถ้าหากนับจนถึงวันนี้ ผู้ถือหุ้นที่ซื้อหุ้น IPO และจงรักภักดีกับหุ้น FNS ไม่ยอมขายหุ้นแม้จะเคยสุงถึงหุ้นละ 71 บาทในปี 2547 (ราคาในระหว่างปี 47)จะขาดทุนไปหุ้นละ 4.4 ยาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 17.60 ครับ ไม่รวม Opportunity Cost ถ้าหากนำเงินนี้ไปลงทุนหลักทรัพย์หรือนำไปฝากเงินที่ธนาคารนะครับ ถ้ารวมก็น่าจะขาดทุนต่อหุ้นสูงถึงเกือบร้อยละ 20 ขึ้นไปครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 2 ต.ค. 48 00:51:42 A:203.156.27.163 X:203.130.159.3 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมได้ลองศึกษาข้อมูลใน Setsmart พบว่าจากการวิเคราะห์งบการเงินเบิ้องต้น(ที่ผานมาจะวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ ซึ่งผมคิดว่าเป็น Leading Indicator) เมื่อกำหนดตัวกลยุทธ์ไปแล้ว สิ่งที่นักวิเคราะห์ควรจับตามองก็คือ ผลของงบการเงินจากออกมาตามที่คาดคะเนหรือไม่ครับ) ผมขอบันทึกไว้ดังนี้ 1. การเติบโตของ FNS ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนจากสินทรัพย์ที่โตขึ้นมาก จากปี 45 ที่อยู่ที่ 2404 ล้านบาท และปัจจุบันสูงถึงเกือบ 10000 ล้านบาท หรือโตเกือบ 4 เท่าตัว โดยการเติบโตของสินทรัพย์มาจากการลงทุนในบริษัทร่วมกว่า 2400 ล้านบาท ที่ดินอาคารสถานที่ 366 ล้านบาท และเงินลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว 2. ด้านหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น มาจากการออกหุ้นกู้และเงินกู้ยืมเป็นส่วนใหญ่เกือบ 70% โดยเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณ 3000 ล้านบาทประมาณ 30% ที่ผ่านมาแม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานจะสูงมาก 3 ปีย้อนหลังกำไรสะสมต่อหุ้นสูงถึงหุ้นละเกือบ 10 บาท แต่ก็มีอัตราการกู้ยืมที่สูงเช่นกันครับ 3. ความสามารถในการทำกำไร ROA ในช่วง 3 ปี(45-47)อยู่ในช่วง 6 - 6.8 และ ROE สุงถึง 14.62 - 24.39 โดยกำไรสทธิต่อหุ้นย้อนหลัง 3 ปี อยู่ในช่วง 3.92 บาทต่อหุ้น ถึง 5.54 บาทต่อหุ้น 4. PE ค่อนข้างต่ำมีเพียงปีเดียวคือปี 45 สูงถึง 40.51 แต่หลังจากนั้น PE ก็ลดลงเหลือ 5.7 จนถึง 12.36 5. ที่น่าสนใจคือการสร้าง Asset ของ FNS จะใช้วิธีการขยายเงินลงทุนผ่าน FFM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในการลงทุนในรูปตราสารหนี้และตราสารทุน เช่นผ่าน กองทุน Siam investment fund เป็นต้น และช่วงหลัง ๆ จะใช้วิธีการ Takeover กิจการต่าง ๆ ไม่ว่า จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์ในต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และล่าสุดยังใช้วิธีการร่วมลงทุนกับบางบริษัทคือ JP-ONE และขยายการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียตนาม เป็นต้น ผมว่า บริษัทนี้แหละที่เป็นเจ้าพ่อเรื่องการ Takeover ที่แท้จริงครับ อย่างนี้ใครจะ Takeover บริษัทนี้คงไม่ง่ายนะครับ เว้นแต่จะยอมใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อไล่ซื้อหุ้นสามัญในตลาด ในขณะนี้ที่ราคาถูกมาก และผสมโรงเจรจากับผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ N-PARK และผู้ถือหุ้นรายใหญ่อื่น ๆ จึงจะพอมีโอกาสอยู่บ้าง เพราะข้อมูลใน Setsmart บอกว่าสัดส่วนของผู้ถือหุ้น 2 กลุ่มในขณะนี้เหลือประมาณ 30 กว่า% เท่านั้น ครับ ใครอยากลงทุนในบริษัทนี้ที่มีธุรกิจ Merchant Banking ครบวงจรในราคาประมาณ 2450 ล้าน(ราคาตลาดณขณะนี้ ราคาหุ้น19.6 บาทต่อหุ้น) ซึ่งเป็นราคาที่มีส่วนลดด้วย น่าสนใจนะครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 2 ต.ค. 48 11:32:15 A:203.156.27.164 X:203.130.159.2 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอUpdate ข้อมูลเพิ่มเติมครับ ฟิทซ์ ได้จัดอันดับตั๋วแลกเงินซึ่งค้ำประกันบางส่วนโดย FMO ที่ F2(tha) สะท้อนถึงโครงสร้างของบริษัทที่เป็นบริษัท โฮลดิ้ง การจายความเสี่ยงของรายได้ และเงินกองทนุที่มีสภาพคล่องที่เพียงพอ ประเด็นที่ผมว่าน่าสนใจที่บริษัท ฟิทซ์วิเคราะห์ไว้มีดังนี้ 1. ความเสี่ยงของบริษัทที่ไม่มีสถาบันการเงินที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสุดท้าย ทำให้มีความเสี่ยงทางด้านเครดิตและด้านการตลาด (market risk) ที่อาจเกิดขึ้นได้ ประเด็นนี้จึงเป็นจุดอ่อนที่ FNS ต้องแก้ไขครับ 2. กำไรที่พึ่งพิงกับรายได้ค่านายหน้าหลักทรัพย์ และรายได้จากการลงทุนและค้าหลักหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเอง ที่ค่อนข้างผันผวน ประเด็นนี้จึงเป็นประเด็นที่ทำอย่างไร ที่ FNS ควรปรับโครงสร้างของรายได้เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งผมมองว่าตอนนี้จุดอ่อนด้านนี้ทำได้ดีขึ้นตามลำดับตามที่ผมวิเคราะห์ไว้ เพียงต่อต้องรอผลงานในปีถัด ๆ ไปครับ และสำหรับรายได้ด้านหลักทรัพย์นั้น ช่วง Q4 ในขณะนี้ก็ดีใจหายครับ Market Shareเกือบ 3% อันดันของ Broker ขึ้นไปติด TOP 5 ในสัปดาห์แรก และ Volumnซื้อขายก็ เพิ่มขึ้นตามลำดับด้วยครับ 3. ธุรกิจเงินทุนของ FNS ค่อนข้างจะมีปัญหา มี NPL สูงถึง 15.30% และมีระดับการตั้งสำรองเพียง 30.10% เท่านั้น ทำให้มีความเสี่ยงต่อการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่เนื่องจากขนาด Size ของสินเชื่อไม่ใหญ่มากนัก จึงต้องรอโอกาสในการปรับปรุงฐานะการเงินของบริษัทเงินทุนนี้ต่อไป 4. แต่ประเด็นที่ฟิทซ์มองซึ่งตรงกับที่ผมเคยวิเคราะห์ไว้ คือ สัดส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่บริหารงานในปัจจุบัน มีสัดส่วนเพียง 34% โดยมีสัดส่วนของ N-PARK อยู่ที่ 18% โดยฟิทซ์มองว่ามีโอกาสที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ N-PARK ซึ่งมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอ และได้ประกาศว่ามีความประสงค์ที่จะจำหน่ายหุ้น FNS แล้ว ตรงนี้เป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง กล่าวคือ หาก FNS สามารถหาผู้ถือหุ้นที่เป็นธนาคารพาณิชย์มาเป็น Strategic Partner ที่เข็มแข็งมาถือหุ้นในส่วนของ N-PARK ได้ ก็จะแก้ไขปัญหาหลายเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของ FNS ตามที่ ฟิทซ์ ได้วิเคราะห์ไว้ แต่ถ้าหากไม่สามารถหาได้ และปล่อยให้ N-PARK ไปเดินเกมหาผู้ถือหุ้นใหม่มาซื้อหุ้นเอง ผมว่าตรงนี้แหละครับที่เป็นความเสี่ยงต่อการ Takeover ได้ง่ายครับ จากคุณ : เจาะลึก - [ 10 ต.ค. 48 12:14:21 A:203.155.105.41 X: ]