ความคิดเห็นที่ 1 ต้องเลือก project ที่มี IRR สูงกว่าสิ จากคุณ : :) (JukJick) - [ 27 ก.ย. 48 09:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สูงครับ จากคุณ : เลขสาม - [ 27 ก.ย. 48 09:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดูอย่างอื่นประกอบด้วยซิ เช่น payback period จากคุณ : fc0ac - [ 27 ก.ย. 48 09:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 irr นี่คืออัตรา dc ที่ทำให้ npv เป็น 0 ใช่ไหมครับ แล้วสูงๆมันดียังไงอ่ะครับ?? จากคุณ : galadinner - [ 27 ก.ย. 48 10:30:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 irr เป็นผลตอบแทนเฉลี่ยของโครงการครับ เรามักจะตัดสินใจเลือกโครงการที่มีผลตอบแทนตลอดดายุโครงการสูงๆ  โดย discount กลับมาใก้เท่ากับเงินลงทุนเริ่มแรกคับ จากที่บอกว่าต้องการผลตอบแทนที่ 10% เราก็เลือก irr ที่สูงกว่าเพราะให้ผลตอบแทนที่สุงกว่า ไม่เชื่อลองเอา ทั้ง 3 ตัวมาคิดดูคับจะได้คำตอบว่า... จากคุณ : saint_zate - [ 27 ก.ย. 48 11:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 การประเมินโครงการมีวิธีใหญ่ ๆ 3 วิธี คือ 1. Pay Back Period เป็นการหาระยะเวลาคืนทุน 2. NPV การหา Cash Flow ของผลตอบแทนคิดกลับเป็น มูลค่าหักปัจจุบัน ลบด้วย Cash Flow ที่ลงทุนออกไป 3. IRR เป็นการคิดหาผลตอบแทนของโครงการเมื่อ NPV = 0 ปกติ โครงการทั่ว ๆ ไป ค่าทั้งสามตัวจะสอดคล้องกัน คือ โครงการที่ดีที่สุด ก็จะมี IRR มากที่สุด NPV สูงที่สุด (ส่วน Pay Back Period เขาไม่นิยม เพราะมันไม่ได้คิดกลับเป็นมูลค่าปัจจุบัน มันไม่แฟร์ แม้ว่าจะมีการเกิดขึ้นของวิธี Discounted Pay Back Period แต่ก็ไม่นิยม เพราะ มันไม่ได้คิดผลตอบแทนทั้งโครงการ) แต่ว่าจะเกิดกรณีขัดแย้งระหว่าง IRR และ NPV เมื่อเป็นโครงการที่เรียกว่า Mutually Exclusive Project คือ เป็นโครงการเช่น มีที่ดินแปลงหนึ่ง จะเลือกทำอะไรดี ระหว่างสร้างคอนโด กับสร้างบ้านจัดสรรขาย ถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะเลือกใช้ NPV เพราะการลงทุนทั้งสองโครงการไม่เท่ากัน ดังนั้น โครงการที่ลงทุนน้อย อาจจะมี IRR สูง แต่ NPV ต่ำ ในขณะที่อีกโครงการลงทุนสูง อาจจะมี IRR ต่ำ แต่ NPV สูง ถ้าเรามีเงินลงทุนได้ทั้งสองโครงการ เขาให้เลือกใช้ NPV เพราะสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ก็คือเงินที่ได้จากการลงทุน ไม่ใช่ เปอร์เซ็นต์จากเงินลงทุน.... จากคุณ : ttecond - [ 27 ก.ย. 48 11:29:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ครับเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ยิ้ม (galadinner) - [ 27 ก.ย. 48 11:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กรณีขัดแย้งระหว่าง IRR และ NPV การดูที่ NPV ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง ครับ ควรใช้การพิจารณา MIRR จะมีความผิดพลาดต่ำกว่าครับ จากคุณ : Supremo - [ 27 ก.ย. 48 12:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 IRRใช้เทียบกับ ต้นทุนของเงินในแต่ละโครงการครับ IRRa มากกว่า b แต่อาจไม่น่าลงทุนได้ครับ เพราะ ต้นทุนของเงินแต่ละโครงการไม่เท่ากัน ส่วนการวัดว่าอันไหนน่าลงทุนกว่ากัน ผมว่าดู4อย่างครับ 1)PP (ดูความเสี่ยง อะไรที่ได้เงินช้าก็ไม่ดีใช่ไหมละ ไม่รู้ว่า เศรษฐกิจจะแย่เมื่อไหร่) 2)IRR (ดูผลตอบแทนแบบ ทบต้น โดยไปเทียบกับ WACCว่าคุ้มไหม) 3) NPV (กำไรในปีปัจจุบันเทียบยิ่งเยอะยิ่งดี) 4) PI (%กำไร โดยเทียบกับ เงินลงทุน) ก็แค่ให้อธิบายให้เข้าใจมากขึ้นอะครับ ว่า IRRสูงไม่ได้แปลว่าน่าลงทุน นอกจากนี้ลักษณะของธุรกิจ ก็มีส่วนด้วยครับ เช่น ทำธุรกิจขายคอนโด กับ service apartment ก็เทียบกันไม่ได้ครับ ดังนั้นสรุปได้ว่า ทำความเข้าใจแล้วดูว่าวิธีไหนจะเหมาะกว่ากันดีกว่าครับ จากคุณ : chinn - [ 27 ก.ย. 48 14:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเอาคู่ได้ เอาคู่ ถ้าต้องเลือก เอาอันที่ NPV มากกว่า เพราะ iRR จะมีปัญหาคือ assume lock in reinvestment CFs และก็ multiple solution หา MIRR โดย forward +Cfs @ rate ที่เป้นไปได้ดีกว่าครับ จากคุณ : -tai- - [ 27 ก.ย. 48 14:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กรณีขัดแย้งระหว่าง IRR และ NPV การดูที่ NPV ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง ครับ ควรใช้การพิจารณา MIRR จะมีความผิดพลาดต่ำกว่าครับ --------------------- จะเกิดกรณีขัดแย้ง เฉพาะ Mutually Exclusive Project เท่านั้น ถ้าเป็นโครงการทั่ว ๆ ไป NPV กับ IRR ไม่ขัดแย้งกันอยู่แล้ว เพราะมันมาจากสมการเดียวกัน ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ขัดแย้งกัน ซึ่งหากเป็น Mutually Exclusive Project จะให้ดู NPV เป็นวิธีที่ไม่รู้ถูกต้องหรือปล่าวน่ะ แต่ว่าในหนังสือ Finance บอกไว้อย่างนั้น อ้างอิงจาก Eugene F. Brigham, Michael C. Ehrhardt.  Financial Management P.355, 11th Edition "when evaluating mutually exclusive projects, especially those that differ in scale and/or timing, the NPV method should be used" จากคุณ : ttecond - [ 27 ก.ย. 48 15:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วน MIRR เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดของวิธี IRR ที่ไม่ได้นำ cash flow ที่เข้ามาระหว่างปีที่โครงการยังไม่จบไปลงทุนต่อ ก็คือ เค้าจะเอา cash flow ที่ได้รับในแต่ละปีไปคิดเป็น Terminal Value แล้วคิดกลับเป็น Present value อีกที ในทางปฏิบัติก็เห็นเค้าก็ใช่แค่ NPV กับ IRR แต่ MIRR ก็ไม่ค่อยมีคนใช้หรอก ส่วน PBP มีใช้บ้าง เวลาพูดให้คนไม่มีพื้นฐาน Finance ฟัง เพราะมันง่ายที่จะเข้าใจ แต่ในทางวิชาการ ไม่มีใครยอมรับฟังหรอก ว่าเลือกโครงการ A เพราะ Pay Back Period สั้นที่สุด..... จากคุณ : ttecond - [ 27 ก.ย. 48 15:16:59 ]