PANTIP.COM : I3781807 พันธบัตรกองทุนน้ำมัน []

ความคิดเห็นที่ 3

จากนสพ. POSTTODAY

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2548

‘ค่าโง่’พันธบัตร
พันธบัตรน้ำมัน มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท กำลังจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันจับจอง โดยถือเป็นพันธบัตรที่สร้างความสนใจอย่างมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดเอาไว้สูงลิ่ว พันธบัตรอายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 4.28% อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 5.26% และอายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 5.87%

ทั้งนี้ เมื่อเทียบแล้ว พันธบัตรน้ำมัน ให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า พันธบัตรอื่นๆ อย่างมาก และยิ่งไปเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจน เพราะจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าประมาณ 0.7-1.2% จึงเป็นเหตุสำคัญทำให้เกิดการจองพันธบัตรอย่างล้มหลาม

แต่เหรียญอีกด้านที่เราอยากให้มองก็คือ อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรดังกล่าว ประชาชนผู้ใช้น้ำมันจะต้องเป็นผู้จ่าย เพราะพันธบัตรน้ำมันที่ออกโดยสถาบันบริหารกองทุนพลังงานนั้น รายได้หลักจะมาจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมัน ทั้งน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน

ปัจจุบันผู้ใช้น้ำมันเบนซินถูกเรียกเก็บเงินเพื่อเข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 1.3-1.5 บาท ขณะที่ดีเซลเรียกเก็บ 0.5 บาท โดยสามารถเก็บได้เพิ่มถึง 1.5 บาท เงินที่เรียกเก็บทั้งหมดถูกกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนเพื่อจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากหนี้น้ำมัน

เท่ากับว่า ยิ่งพันธบัตรน้ำมันมีดอกเบี้ยแพงเท่าใด ผู้ใช้น้ำมันก็ต้องมีภาระถูกเก็บเงินเพิ่มเข้าไปมากเท่านั้น เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเรามีความเห็นว่า พันธบัตรน้ำมันที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงลิ่วนี้ ไม่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม

ลองพิจารณาให้รอบคอบ ด้านหนึ่งประชาชนผู้ใช้น้ำมันทุกคนจะต้องเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยให้กับพันธบัตรที่ออกมาจำหน่าย แต่อีกด้านประชาชนผู้ใช้น้ำมันจะไม่สามารถซื้อพันธบัตรอย่างถ้วนหน้า อันเป็นผลจากวงเงินขั้นต่ำที่จองซื้อกำหนดไว้ที่ 5 หมื่นบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่ค่อนข้างสูง รวมไปถึงพันธบัตรก็ใช้วิธีใครจองก่อนได้ก่อน ไม่ได้ใช้วิธีเฉลี่ยโอกาสให้กับ ทุกคน สิ่งเหล่านี้จึงไม่เป็นธรรมที่คนจ่ายเงินไม่ได้ซื้อพันธบัตร คนซื้อพันธบัตรก็ไม่ได้จ่ายหนี้สินทั้งหมด

ที่สำคัญสุด พันธบัตรน้ำมันยังเป็นภาพสะท้อนค่าโง่ครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนไม่ได้เรียกร้องหรือต้องการ แต่เกิดจากนโยบายตรึงราคาน้ำมันของรัฐ จนสร้างภาระหนี้สินกว่า 8 หมื่นล้านบาท ทั้งที่มีเสียงคัดค้านไม่ต้องการให้รัฐบาลตรึงราคา แต่ทว่าก็ ไม่รับฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้การเลือกตั้งใหญ่ ที่รัฐบาล ต้องการใช้มาตรการตรึงราคาน้ำมันไว้สำหรับการหาเสียง

มาตรการตรึงราคาน้ำมันจึงแลกมาด้วยหนี้ก้อนมหึมา และเป็นหนี้ ที่ต้องจ่ายแพงกว่าปกติ ทั้งการต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ซึ่งเห็นได้ ชัดจากดอกเบี้ยพันธบัตรน้ำมันนี้ ทั้งในแง่เศรษฐกิจมหภาค ที่การตรึงราคาน้ำมันทำให้เกิดการใช้จ่ายแบบไม่ประหยัด จนสุดท้ายนำไปสู่การขาดดุลการค้า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศประสบปัญหาตั้งแต่ต้นปี

เราจึงอยากให้ช่วยกันจดจำบทเรียน รอยแผลจากการตรึงราคาน้ำมันครั้งล่าสุดเอาไว้ อย่าให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงกลไกน้ำมันอีก เพราะสุดท้ายประชาชนจะต้องเป็นผู้ชดใช้รายจ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ด้วยต้นทุนที่แพง ขณะที่ซีกการเมืองกลับได้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว จากคะแนนเสียงและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของประชาชน

จากคุณ : taweesak19 - [ 4 ต.ค. 48 10:04:01 ]