CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ประมาณการกำไรสุทธิของแบงก์ไทยไตรมาส 3/48

    กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า
    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้จัดทำประมาณการผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 12 แห่ง สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มธนาคารตามขนาดของสินทรัพย์ ได้แก่ กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนสินทรัพย์มากกว่า 10% ของระบบธนาคาร กลุ่มธนาคารขนาดกลางที่มีขนาดสินทรัพย์อยู่ระหว่าง 3-10% ของสินทรัพย์รวมของระบบธนาคาร และกลุ่มธนาคารขนาดเล็กที่มีขนาดสินทรัพย์ต่ำกว่า 3% ของระบบธนาคาร ซึ่งการประมาณการจะอ้างอิงจากข้อมูลตามงบการเงินรวม และข้อมูลรายธนาคารที่เกี่ยวข้อง

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยน่าจะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (ก่อนภาษีและหลังสำรอง) และกำไรสุทธิ (หลังภาษี) ที่ประมาณ 2.57 และ 2.38 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าประมาณ 2.04% และ 1.56% ตามลำดับ โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ

    รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าประมาณ 4.33% มาที่ประมาณ 4.83 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของสินเชื่อเงินฝากในช่วงสองเดือนแรกของไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 จะชี้ว่าเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของสินเชื่อ อีกทั้งในช่วงไตรมาสดังกล่าว เป็นจังหวะที่ธนาคารพาณิชย์ไทยแข่งขันกันขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่เพิ่มขึ้นมีขนาดมากกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แต่คาดว่าผลกระทบข้างต้น น่าจะสามารถชดเชยได้จากการที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำดังกล่าว จะทยอยส่งผลกระทบต่อต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในไตรมาสนี้เพียงบางส่วนเท่านั้น ตามรอบการครบกำหนดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์น่าจะรับรู้รายได้ดอกเบี้ยจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้มากกว่า ประกอบกับสภาพคล่องส่วนเกินของระบบธนาคารพาณิชย์ ที่เกือบทั้งหมดอยู่ในรูปของเงินลงทุนในตลาดเงินระยะสั้นนั้น น่าจะได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรประเภท 14 วันของธปท. นอกจากนี้ ในไตรมาสนี้ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และขนาดกลาง 4-5 แห่ง ยังจะได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 อีกด้วย
    รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิ คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าประมาณ 5.74% จากการปรับตัวสูงขึ้นของค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเป็นหลัก เช่น ค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน อาคารสถานที่และอุปกรณ์ ตลอดจน ค่าธรรมเนียมและบริการจ่าย เป็นต้น
    ค่าใช้จ่ายในการกันสำรอง น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 4.86 พันล้านบาท ในไตรมาสก่อนหน้า มาที่ประมาณ 5.41 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่บางแห่งมีการปรับนโยบายการกันสำรองให้เข้มงวดกว่าเดิม และมีการขยายสินเชื่อค่อนข้างมาก ทำให้อาจต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นตามนโยบายการตั้งสำรองที่จะคิดเป็นอัตราส่วนต่อสินเชื่อใหม่สุทธิ

    เมื่อพิจารณาเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะได้ว่า กำไรสุทธิ (หลังภาษี) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท (+0.47% จากไตรมาสก่อนหน้า) ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางประมาณ 3.1 พันล้านบาท (-4.28% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่ากลุ่มธนาคารอื่นๆ ผนวกกับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิคาดว่าจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า) และของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กประมาณ 1.55 พันล้านบาท (ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.13 พันล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า)

    หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จะได้ว่ากำไรสุทธิ (หลังภาษี) ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย อาจปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 19.94% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิเป็นสำคัญ ส่งผลตามมาให้ระบบธนาคารพาณิชย์ไทย คงจะมีกำไรสุทธิ (หลังภาษี) ประมาณ 7.25 หมื่นล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 12.68% โดยคงจะสามารถเห็นการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิดังกล่าวได้จากทุกกลุ่มธนาคารพาณิชย์

    จากคุณ : Jack Wealth - [ 13 ต.ค. 48 19:05:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป