ความคิดเห็นที่ 1 แล้วถามเพิ่มหน่อยครับคือพวกกองทุนนี้เราไม่ได้ปันผลหรือดอกเบี้ยในแต่ละปีเลยเหรอครับ ต้องรอตอน55ปีแล้วจะได้เงินต้นบวกดอกเีบี้ยอย่างนี้หรือเปล่าครับ จากคุณ : Gemic - [ 22 ต.ค. 48 16:17:07 A:203.113.45.4 X:203.151.140.117 TicketID:079409 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ใช่รอ55ปี แต่เอาออกได้ตอนอายุ 55 ไปแล้ว คนที่ต้องรอ55ปี มีแบบเดียวคือ ลงRMF ไว้ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งคงไม่มีหล่ะมั้ง แล้วก็ต้องถือไว้ไม่ต่ำกว่า5ปีด้วยถึงจะได้ลดภาษี เช่น อายุ 53 ซื้อ RMF พอ 55 ก็ยังถอนไม่ได้ เพราะพึ่งถือมา 2ปีเอง ส่วนปันผลแล้วแต่กอง ว่ามีรึป่าว จบข่าว จากคุณ : แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยอมยิ้ม - [ 22 ต.ค. 48 16:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีข้อกำหนด2ข้อคือ 1...อายุผู้ฝากต้องถึง55แล้ว 2..ฝากไว้ไม่น้อยกว่า5ปีปฎิทิน ต้องครบทั้ง2ข้อ ถึงจะถอนออกมาได้ ถ้าไม่ครบที้ง2ข้อแล้วถอน มีเรื่องค่าปรับวุ่นวาย  รวมทั้งต้องคืนภาษีที่เคยขอลดหย่อนไว้ด้วย " แล้วระหว่างนี้เราจะได้กำไรจากอะไรบ้างครับ " ^ ^ แล้วแต่นโยบายของแต่ละกองทุนครับ สังเกตุดูจะเห็นว่า แต่ละที่จะมีRMF หลายกอง หลายแบบให้เราเลือกลงทุน ซึ่งแต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันที่นโยบายการลงทุน ว่าจะเอาไปทำอะไร รวมทั้งเรื่องการจ่ายปันผล ฯลฯ จากคุณ : NV pooh - [ 22 ต.ค. 48 18:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 RMF มีสองเงื่อนไข 1.ต้องฝากจนอายุครบ 55 2.ต้องฝากต่อเนื่องกันทุกปี LTF มีเงื่อนไขเดียว ฝากให้ครบ 5 ปี ปฏิทิน (ความจริงแค่ 3 ปี กับ 3 วัน ก็โอคแล้ว โดยซื้อวันที่ 30/12/48 นับเป็นปีที่ 1 พอปี 52 ถอนวันที่ 2/1/52 รวม 3 ปี 3 วัน จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 22 ต.ค. 48 19:58:34 A:221.128.113.202 X: TicketID:011349 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 22 ต.ค. 48 20:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ครับขอโทษครับพิมพ์ผิดไปไม่ใช่รอ55ปี คือรอจนอายุ55ปีน่ะครับ แหมต้องขอโทษด้วยครับที่ทำให้ทุกๆคนเข้าใจผิดครับ แต่อยากจะถามแบบว่ามีกองทุนไหนที่แนะนำไหมครับ ยังตัดสินใจไม่ได้น่ะครับคือ อยากได้แบบมีปันผลทุกปีน่ะครับไม่เยอะก็ได้แต่ขอปลอดภัยไว้ก่อน(ไม่เอากองทุนหุ้นน่ะครับ) แล้วถามเพิ่มดังนี้น่ะครับ คือเราซื้อหลายกองทุนได้แต่ต้องซื้อทั้งหมดให้เกิน 5000 บาทใช่ไหมครับ เช่น ซื้อกองทุน A 4000 บาท ซื้อกองทุน B 4000 บาท ซื้อกองทุน C 4000 บาท ในปีแรกรวม 12000 บาท แต่ปีต่อไปถ้าเราซื้อแค่กองทุน A กับ B กองทุนละ 4000 บาท รวมทั้งหมด 8000 บาท(ซึ่งก็เกิน 5000 บาทต่อปี) แต่เราไม่ได้ซื้อกองทุน C อย่างนี้จะเป็นไรไหมครับหรือว่าจะถือว่าผิดเงื่อนไข แล้วกองทุน C ที่เราไม่ซื้อทุกปีจะได้ไหม แล้วจะกลายเป็นว่า เราผิดสัญญาไหม ต้องถือว่าต้องจ่ายภาษีย้อนหลัง 12000 บาท(3กองทุนที่ผิดสีญญา)หรือว่าจ่ายภาษีย้อนหลังแค่ 8000 บาท(1กองทุนที่ผิดสัญญา) อะไรอย่างนี้น่ะครับ งงอยู่น่ะครับ หรือปีต่อไปไม่ซื้อทั้ง A B C เลยแต่ไปซื้อกองทุน D E F แทนอะไรอย่างนี้ได้ไหมครับ รบกวนหน่อยน่ะครับ คือไม่รู้เรื่องการเงินอะไรเล้ย เพิ่งหันมาศึกษาเองแหละครับ อยากเรียนเหมือนกันเรื่องพวกนี้จะเรียนได้ที่ไหนบ้าง แบบเรียนเอาความรู้ไม่ได้กะจะไปสอบอะไรประมาณนี้น่ะครับ จากคุณ : Gemic - [ 22 ต.ค. 48 21:54:30 A:203.113.45.4 X:203.151.140.115 TicketID:079409 ]

ความคิดเห็นที่ 7 1ซื้อกี่กองก็ได้คะ รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 5000บาท ในปีแรก 2ปีถัดไปอย่างน้อย 2000บาท กี่กองก็ได้ ข้อนี้ไม่ชัวร์คะ 3จะได้รับการยกเว้นภาษีเมื่อฝากเกิน 5ปีเท่านั้น 4จะถอนเงินออกได้เมื่อพ้นสมาชิกกองทุนคือ ลาออก ทุพพลภาพ ตาย ในกรณีที่อายุไม่ถึง 55ปี 5การเสียภาษีจะนำมาคำนวนเฉพาะที่ลาออกเท่านั้น -เงินที่ซื้อน้อยกว่า5ปี ที่ได้รับการยกเว้นจะต้องนำมาคำนวนภาษี พร้อมทั้งผลประโยชน์ที่ได้รับด้วยคะ จากคุณ : yuranee - [ 22 ต.ค. 48 22:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณyuranee ข้อแย้งนิดหน่อย 1.LTF มันบอกว่า 15%ของรายได้ทั้งปี หรือไม่เกิน 3แสนบาท ส่วนRTF มันบอกว่า 15%ของรายได้ทั้งปี หรือไม่เกิน 3แสนบาท แต่ต้องไปคิดกับ โพวิเด่น ฟันส์ของบริษัทด้วย ว่ายอดไม่เกิน ซึ่งไม่ได้บอกว่าลงทุนอย่างน้อย 5พันบาท ซึ่งคุณเอาจุดเงื่อนของกองทุนมาบอกหรือเปล่าเพราะเห็นบางกองทุนลงทุนต่ำสุด 5พันบาท 1หมื่นบาทในการซื้อนี้น่า จากคุณ : Myth&Miracle - [ 22 ต.ค. 48 23:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดูได้ที่นี้ครับ http://www.thaimutualfund.com/brokerpage/096/StaticPage/Document/Q_RMF.pdf จากคุณ : haxi - [ วันปิยมหาราช 07:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ok i see 3%of income per year or 5000 bath เข้าเงื่อนไขอยา่งใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเอาตัวที่น้อยกว่ามคิดนั้นเอง แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 48 08:23:39 จากคุณ : Myth&Miracle - [ วันปิยมหาราช 08:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ครม. มีมติหนุนมาตรการภาษีกระตุ้นตลาดกองทุนรวม          คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ออกมาตรการด้านภาษี เพื่อกระตุ้นการลงทุนใน ตลาดหุ้นในระยะยาว โดยเฉพาะจากนักลงทุนสถาบัน   หวังสร้างดุลยภาพของตลาดทุนให้ ได้มาตรฐานสากล            มาตรการภาษีดังกล่าว ประกอบไปด้วย การให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อน ภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเปิดใหม่ ในช่วง 3 ปี , การยกเลิก กำหนดเรื่องอายุการลงทุนในกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF)         " กระทรวงการคลังให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น เนื่อง จากต้องการสนับสนุนและพัฒนาตลาดทุน และเน้นเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการพัฒนาตลาดทุนระยะยาว ไม่ใช่เป็นมาตรการอุ้มตลาดหุ้น" นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง กล่าว     นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติเห็นชอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบุคคล ธรรมดาที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ที่จะจัดตั้งและจำหน่ายหน่วยภายในวันที่ 30 มิ.ย. 50 สามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 3 แสนบาท/ปี        หากผู้ลงทุนถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนดังกล่าวด้วย        ปัจจุบัน บุคคลธรรมดาที่ลงทุนกองทุนหุ้น ซึ่งมีการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วย จะต้องเสียภาษีเงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย 10%        นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อธิบดีกรมสรรพากร เห็นว่า มาตรการดังกล่าว จะเป็น การสร้างการลงทุนระยะยาว ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธินี้จะต้องเป็นกองทุนเปิดใหม่ใน 3 ปีข้าง หน้า ตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้จนถึงเดือนมิ.ย. 50          นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) คาดว่า ภายใน 3 เดือนจากนี้ จะมีการจัดตั้งกอง ทุนรวมเปิดใหม่ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้ หลังจากก.ล.ต.จะพิจารณาระเบียบ เกี่ยวกับการตั้งกองทุนในวันที่ 13 พ.ค.เพื่อออกประกาศต่อไป            ครม.ยังมีมติยกเลิกกำหนดเรื่องอายุ ของผู้ลงทุนใน RMF ที่เดิมกำหนดว่า ต้องถือหน่วยลงทุนจนถึงอายุ 55 ปี โดยจะกำหนดเพียงให้ลงทุนต่อเนื่องเป็นเวลาอย่าง น้อย 5 ปี         โดยผู้ที่ลงทุนใน RMF จะได้รับการลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือ ไม่เกิน 3 แสนบาท/ปี เมื่อรวมกับเงินที่ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการด้วย        รวมทั้งผู้ที่ลงทุนในกองทุน RMF จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากผลประโยชน์ที่ ได้รับ ในกรณีที่ลงทุนเกิน 5 ปีขึ้นไปด้วย จากคุณ : Blue Lighthouse - [ 25 ต.ค. 48 16:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากครับสำหรับความเห็น อยากจะถามเพิ่มดังนี้ครับ ข้อแรก.เท่าที่อ่านนั้นกติกาของLTFนั้นเหมือนเดิม คือ 1.ซื้อตามที่กำหนด(คือไม่เกิน15%ของรายได้หรือไม่เกิน300000 บาทซึ่งขั้นต่ำนั้นก็แล้วแต่ละกองทุนกำหนดถูกไหมครับ) 2.ห้ามขายเป็นจำนวนปี 5 ปี 3.พอครบ 5 ปีก็ขายได้ แล้วก็ได้เงินทั้งต้นทั้งดอกคืนจากการขายและรายได้จากการขายทั้งหมดก็ไม่ต้องเสียภาษี และก็ไม่ต้องนำไปคิดคำนวนภาษีเงินได้ในปีที่ขายนั้นด้วย ข้อดีคือ 1.ปีที่ซื้อเอาไปหักภาษีได้ถือว่ากำไรตามอัตราภาษีที่ต้องจ่ายในปีที่ซื้อนั้น 2.เมื่อขายก็ไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย และเงินที่ขายได้ทั้งตนและดอกก็ไม่ต้องนำไปคิดภาษีในปีที่เราขาย ข้อเสีย 1.ระหว่าง 5 ปีนี้ห้ามขายหน่วยลงทุนที่เราไปซื้อมา ถ้าขายรายได้จากการขาย(เฉพาะกำไร ส่วนเงินต้นหรือขาดทุนไม่เกี่ยวไม่ต้องเอามาคิด) ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% และต้องกับไปจ่ายภาษีย้อนหลังปีที่ลดหย่อนภาษีไว้(ที่ได้การลดหย่อนมาจากการซื้อ LTF) รวมทั้งโดนคิดดอกเบี้ยที่จ่ายย้อนหลังด้วย ดังนั้นจึงต้องรีบไปจ่าย 2.มีความเสี่ยงขึ้นอยู่กับกองทุน การเลือกกองทุน 1.ไม่ควรมีปันผลเนื่องจากปันผลแต่ละปีจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10 %(อันนี้แล้วแต่ความชอบว่าอยากได้ปันผลแต่ละปีไหม) จากคุณ : Gemic - [ 28 ต.ค. 48 23:31:48 A:203.113.45.4 X:203.151.140.111 TicketID:079409 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โอขอโทษทีลืมถาม คือข้อแรกถามว่าที่ผมเข้าใจนี้ถูกต้องไหมครับ "เงินที่ขายได้ทั้งตนและดอกก็ไม่ต้องนำไปคิดภาษีในปีที่เราขาย" อย่างนี้ถูกต้องไหมครับ เช่นซื้อ LTF 100000 บาทเก็บไว้นาน 5 ปีพอครบกำหนดระยะเวลาก็ขายได้120000 บาท ดังนั้นเงินทั้งหมด 120000 บาทนั้นไม่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย และไม่ต้องนำไปคิดรวมเป็นเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่เราขายเช่นนี้ถูกไหมครับ จากคุณ : Gemic - [ 29 ต.ค. 48 00:04:31 A:203.113.45.4 X:203.151.140.116 TicketID:079409 ]