ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่รู้กฎ กลต. เรื่อง FM, IB หรอกนะครับ แต่ผมรู้ว่าบางอาชีพก่อนได้ใบประกอบวิชาชีพ ก็ต้องจบปริญญาในสาขานั้นๆ หมอต้องจบแพทยศาสตร์บัณฑิต ใบ กว. ของวิดวะก็เช่นกัน ข้อนี้คุณคงรู้ดี เขียนไว้ชัดเจนว่าต้องจบปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต และได้รายวิชาเกิน C ตามวิชาที่กำหนด สส.ก็ต้องจบ ป.ตรีก่อน ถึงสมัครได้ เพราะถือว่าการสอบวัดผลstandardizeตัวเดียว ไม่สามารถวัดได้ครบทุกด้าน อีกอย่าง คุณก็เป็นคนบอกในกระทู้เดิมเองไม่ใช่หรอครับว่า อาชีพบางอย่างสงวนไว้ให้คนไทย แบบนี้ไทยไม่โดนศาลโลกฟ้องหรอครับ ที่สงวนไว้ให้เฉพาะคนไทย คนคงรู้เหตุผลอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าอาชีพบางอย่างจะสงวนไว้สำหรับคนของเขา(คนในสายนั้นๆ)มันจะแปลกอะไรครับ ถ้า กลต. กำหนดเรื่องการศึกษาไว้จริง ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไรนะครับผมว่า ศาลรัฐธรรมนูญก็คงตัดสินว่า กลต. ไม่ผิด แน่นอน ...แต่เท่าที่ทราบนะครับ FM นี่ แค่ผ่าน cisa1 หรือ cfa1 + ป.ตรี นะครับ เรื่องแบบนี้ลองหาข้อมูลใน เวบของ กลต. เองจะดีกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 48 22:41:24 จากคุณ : nyb (nyb) - [ 22 ต.ค. 48 22:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะจ้างมากกว่ามั้ง ตรี + cfa cisa เนี่ย ถ้าไม่เส้นเข้าไปได้ก่อนแล้วค่อยสอบก็ไม่เห็นจะได้เป็นกันนะ จากคุณ : Mr.Ball ณ ไฮบิวรี่ - [ วันปิยมหาราช 00:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 1.ไม่เกี่ยวว่าจบโทการเงินหรือเศรษฐศาสตร์ ถึงทำอาชีพนี้ได้ เพียงแต่ว่าคุณต้องมี Certificate เพิ่มเท่านั้นเอง เช่น ถ้าจะเป็น ผู้จัดการกองทุน หรือนักวิเคราะห์ อย่างน้อยต้องมี Certificate ระดับ CISA Level 1 หรือ CFA Level 1ขึ้นไป เพราะสิ่งที่คุณทำไม่ว่าจะเป็นการบริหารเงินชาวบ้านเขา ออกบทวิเคราะห์เพื่อลูกค้าตัดสินใจ มันเรียกร้องคุณภาพการคิด การวิเคราะห์ ที่ได้มาตรฐาน และมาตรฐานที่พอวัดได้คือ Certificate ทั้งหลายที่ว่ามา แต่แน่นอนการจบการเงิน เศรษฐศาสตร์ แม้แต่บัญชี ยังคงได้เปรียบอยู่แต่ไม่มาก เพราะความรู้เศรษฐศาสตร์ การเงิน การบริหารความเสี่ยง การเก็งกำไร ใช้skills คณิตศาสตร์สูงมาก ในต่างประเทศ คนจบสาขาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ วิศวะ จะได้เปรียบคนจบสาขาอื่นในการทำงานการเงินชั้นสูงๆ ประเทศไทยต่อไปต้องเป็นไปในทิศทางดังกล่าว 2.ก่อนที่คุณจะเขียนอะไรอย่างนั้น ลองตั้งสติและถามกลับไปยังอาชีพวิศวกรอันเป็นสาขาที่คุณจบมาก่อนดีไหม ทำไมการก่อสร้างอาคาร ยังสงวนให้วิศวกรเท่านั้นที่เซ็นรับรองได้ คนที่จบปวช. ปวส. มีประสบการณ์ก่อสร้างมาหลายสิบปี ยังไม่สามารถเซ็นได้ เลย อย่างนี้ถือเป็นการ ริดรอนสิทธิเสรีภาพของการประกอบอาชีพหรือเปล่า การให้แต่คนจบเฉพาะวิศวกรรมขอใบ กว. ได้ อย่างนี้เรียก ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพไหม อาชีพแพทย์เช่นกันมีแพทย์สภารับรอง คนที่ไม่เรียนแพทย์สามารถประกอบอาชีพแพทย์ไม่ได้ คุณจะไปฟ้องศาลปกครองให้เขาไหม อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งใช้สติและปัญญาให้มากจะเห็นความจำเป็นของการตรากฏบางอย่างขึ้นมา กฎบางอย่างมีไว้เพื่อรับรองและยืนยันมาตรฐานในการประกอบอาชีพที่มีผลกระทบต่อประชากรและคนส่วนใหญ่สูง ดังอาชีพแพทย์และวิศวะ ที่ยกมา และแน่นอนยอ่มมีบทลงโทษตามมาด้วยเช่นกันสำหรับแพทย์และวิศวะที่มีพฤติกรรมหรือความประมาทในการประกอบอาชีพ การตรากฏบางอย่างเพื่อสงวนอาชีพให้คนในประเทศไทย เช่นการตัดผมเป็นต้น แบบนี้คุณจะไปฟ้องศาลปกครองบ้างไหมในข้อหากีดกันแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้มาทำงานเป็นช่างตัดผม แต่อย่างข้อ1 อาชีพสายการเงินมันไม่ได้เคร่งครัดขนาดแพทย์และวิศวะ ไม่อย่างงั้นจะมีวิศวะกรทำงานในตลาดการเงินไทยเต็มไปหมดหรือ แต่ว่าการมีCertificateไม่ว่าจะเป็นCISAและโดยเฉพาะ CFA Level สูงๆช่วยให้คุณได้เปรียบในการทำงานการเงินมากขึ้นเพราะถือว่าเป็นการการันตีว่าคุณผ่านมาตรฐานมาระดับหนึ่งและการสอบCertificate ไม่ว่าจะเป็นCISA หรือ CFA ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์หรือการเงินใดๆเลย เพียงแต่จบปริญญาตรีขึ้นไปในสาขาใดก็ได้และถ้าสอบผ่านCFA Level 3 ต้องการประกาศตนว่าเป็นสมาชิก CFA ต้องทำงานในด้านการเงินมา ถ้าจำไม่ผิด ประมาณ 3ปีและมีคนมารับรองด้วย 3.ถ้าคุณอ่านความเห็นผมในด้านบนและยังไม่เข้าใจ ผมแนะนำให้คุณยื่นฟ้องศาลปกครองในอาชีพวิศวกรและอาชีพแพทย์ด้วย และสุดท้าย ถ้าคุณยังเชื่อตามความเห็นคุณในด้านล่าง "..ความคิดคือบุคคลมันจะค้นหาตัวเองพบก็ตั้งนานแล้ว ต้องไปเรียนโทต่ออีกหรือ ในเมื่อเขาเก่งจริง ต้องเอาผลงานมาเทียบซิถึงจะถูกไม่ใช่เล่นกฏระเบียบข้อบังคับกัน.." จงกลับไปอ่านความเห็นผมในข้อ 1 2 และ 3ใหม่ อ่านแล้วพยายามคิดว่า มาตรฐานการประกอบอาชีพ ผลกระทบจากการประกอบอาชีพ ทั้ง2ประเด็นมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร และมันใช้ประยุกต์ใช้กับอาชีพใดบ้าง ทำไมต้องตรากฏเช่นนั้น ใช้เหตุผลให้สมกับคนที่เรียนวิศวะมาหน่อย และถ้าไม่เห็นด้วยเชิญไปฟ้องศาลปกครองตามสบาย แต่ขอให้ฟ้องในประเด็นอาชีพวิศวกรและอาชีพแพทย์ ซึ่งมีเงื่อนไขเข้มงวดและกีดกันสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพมากกว่าอาชีพเศรษฐศาสตร์และการเงินมากๆด้วย จากคุณ : สมิงฯ - [ วันปิยมหาราช 09:37:20 A:61.91.227.244 X: TicketID:108653 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมจบนิเทศทำ IB มา 5 ปี ได้ CFA level 3 จากคุณ : ปกติ - [ วันปิยมหาราช 15:36:31 A:210.203.176.45 X: TicketID:104887 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ของคุณสมิงนั้น เป็นcaseที่รับผิดชอบชีวิตคนทั้งนั้น รวมไปถึงพวกนักบัญชีทั้งหลายด้วย ซึ่งcaseเหล่านั้นจะกระทบกับผู้คนมาก แต่ที่สงสัยคือ IB นี้ต้องจบ ศศ หรือโททางด้านการเงินเท่านั้นหรือไง เห็นผู้กล้าบางคน จบอะไรมา จบภาษาศาสตร์ จบประวัติศาสตร์ Com จบIT มาทำก็มากมาย ซึ่งถ้าเขาใส่ใจในเรื่องเกี่ยวกันการลงทุน มันก็จะทำงานมีความสุข สบายใจมากกว่าทำงานที่เป็นทุกข์ด้วย happyกันหมดอ่ะ ซึ่งอยากปิดกันกันให้มากมายอะไรเลย :) จากคุณ : Myth&Miracle - [ วันปิยมหาราช 21:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 1. สงสัยว่า ต้องจบโทการเงินและเศรษฐศาสตร์เท่านั้นหรือ ทำอาชีพนี้ได้ ตอบ ประกาศคณะฯ กลต. (จำทะเบียนไม่ได้แล้ว) กำหนดแต่เพียงว่า ผู้จะเป็น FM ได้จะต้องสอบผ่าน CFA1 หรือ CISA1 และกฎเกณฑ์อื่นๆ ตามที่สมาคม (ในกฎหมายเปิดช่องให้ว่า เป็นสมาคมที่เกี่ยวกับการจัดการหลักทรัพย์ ที่ได้รับใบอนุญาตจากคณะฯ กลต.) ซึ่งกฎเกณฑ์อื่นนั้น ในปัจจุบันออกมาจากสมาคมเดียวคือ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ซึ่งกำหนดว่า จะขึ้นทะเบียนกับกลต.ได้ต้องผ่านใบ FM (กฎหมายและจรรยาบรรณผู้จัดการกองทุน) ส่วนนักวิเคราะห์ คณะฯ กลต.เพิ่งออกกฎมาเมื่อประมาณกลางปีนี้ว่า ผู้ที่จะเป็นนักวิเคราะห์ และต้องการเขียนบทความเผยแพร่สู่สาธารณชน ต้องผ่านเกณฑ์ที่สมาคมกำหนด ซึ่งสมาคมตามกฏหมายนี้ ปัจจุบันคือ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ออกกฎว่าต้องผ่าน CISA1 หรือ CFA1 ส่วนผู้ที่ได้ CIAR ก่อนประกาศนี้ฯ ใช้บังคับ ให้ได้รับการยกเว้น ส่วน IB เท่าที่ผมอ่าน ยังไม่เจอกฎนี่ครับ และกฎก็ไม่ได้บังคับว่าต้องจบเศรษฐศาสตร์ หรือการเงินแต่อย่างใด เพียงแต่ระบุว่า ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ ในเรื่องนั้นๆ ตามที่สนง. ก.ล.ต. กำหนด ประเด็นนี้น่าจะมาจากกระทู้ด้านล่าง ซึ่งอาจจะเข้าใจผิด ผมยังไม่มีเวลามาตอบ น้อง MM มาเปิดกระทู้ใหม่ซะแล้ว ฮิฮิ 2. เป็นการริดรอนสิทธิในการประกอบอาชีพกันหรือเปล่า เนื่องจาก กฏหมายรัฐธรรมนุญ มันเขียนไว้ชัดเจนว่า คนไทย มีสิทธิในการประกอบอาชีพที่สุจริตบนพื้นแผ่นดินไทย ซึ่งอันนี้เป็นข้อสำคัญ ตอบ ส่วนกฎหมายที่มีการจำกัดสิทธิส่วนบุคคล สามารถกระทำได้ครับ ถ้าเห็นว่าการจำกัดสิทธินั้นเป็นประโยชน์ของประชาชนหมู่มาก ในกฎหมายที่จำกัดสิทธิ จะระบุไว้ตั้งแต่ย่อหน้าแรกของตัวประกาศฯ เลยว่า ประกาศฯ, พ.ร.บ., กฎหมาย ฉบับนี้ มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29, 35, 36, 39, 48, 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 3. ถ้าเกิดมีการนำกฏอันนี้ไปฟ้องร้องศาลปกครอง และศาลแรงงานในการไม่ยุติธรรมสำหรับคนทำงานล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ตอบ ไม่รับฟ้องครับ เพราะรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ทำได้ แต่บางกรณีถ้าเห็นสมควร ก็จะรับฟ้อง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อต้นปี มีการประท้วงของมาร์ฯ เรื่องประกาศคณะฯ ก.ล.ต. ที่ออกมาจำกัดการย้ายงาน ก็ประท้วงกันใหญ่โต จนต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหาข้อยุติ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปฟ้องร้องต่อศาล ผมไม่ใช่นักกฎหมายหรอกครับ แต่จำเป็นต้องรู้กฎหมาย เพราะก่อนจะเป็น FM ผมก็ต้องไปสอบ "กฎหมายและจรรยาบรรณของผู้จัดการกองทุน" ก่อนเหมือนกัน ถึงจะเป็นได้ ซึ่งผมสนับสนุนครับ เพราะถ้า FM ไม่รู้กฎหมาย หรือไม่มีกฎจรรยาบรรณ มาควบคุม การบริหารเงินชาวบ้านเป็นร้อยล้าน พันล้านคงเกิดปัญหาวุ่ยวาย และสร้างความเสียหายอย่างมาก ผมจึงอยากให้ทาง กลต. พิจารณากับ FM ของ Treasury ด้วย ว่าต้องมีใบอนุญาตเหมือน FM กองทุน เพราะปัจจุบัน เป็น FM ของ Treasury ไม่ต้องมีใบ license อะไรเลย ถึงแม้จะมีเหตุผลว่า ธนาคารเป็นผู้รอบรู้ทางการเงินอยู่แล้ว สามารถดูแลลูกน้องตัวเองได้ แต่อย่าลืม กรณีของ "นิค ลีสัน" ที่ทำให้ ธ.แบริ่ง ซึ่งเป็นธนาคารเก่าแก่อายุ 200 กว่าปี (อายุน้อยกว่ากรุงรัตนโกสินทร์นิดเดียวเอง) ล้มละลายได้ ผมสนับสนุนอย่างนี้แล้ว พวกทำ Treasury คงจะต้องด่าผมแหงๆ ฮิฮิ ป.ล. ผมยังไม่ได้เป็น FM ครับ บอกไว้ก่อน เดี๋ยวผิดกฎจรรยาบรรณ ฮิฮิ แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 48 22:18:16 จากคุณ : หมากเขียว - [ วันปิยมหาราช 22:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่มเติมให้ก่อนนอน ถ้ามีคณะฯ ก.ล.ต. ออกกฎว่า ให้ FM, IB, Analyst ต้องจบโทการเงินหรือเศรษฐศาสตร์ ผมว่าคงประท้วงกันแน่นอนในประเด็น IB เพราะ... ถ้าเป็น FM หรือ Analyst ยังพอโอเค เพราะโดยปกติจะเป็น FM ได้ ถึงไม่มีกฎก.ล.ต.มา ก็จะรับคนจบโทการเงิน หรือ MBA การเงิน หรือเศรษฐศาสตร์ เป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องปกติ ส่วน Analyst ถ้าเป็น Analyst กองทุน ก็รับโทมาตั้งนานแล้ว ส่วน Analyst หลักทรัพย์ ช่วง 2 ปีมานี้ ถึงเพิ่งจะเริ่มมีธรรมเนียมรับป.โท เป็นหลัก ส่วน IB มันเป็นหน่วยงานนะครับ ไม่ใช่ตำแหน่ง ถ้าออกกฎเหมารวมมาว่า คนทำ IB ต้องจบโท อย่างนี้พวกตำแหน่งระดับล่างๆ ต้องจบโทด้วยนี่ นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นไง...คิดตาม Logic ง่ายๆ ก็เห็นภาพแล้วครับ แต่ถ้าระบุไปว่า คนที่รับผิดชอบในการคำนวณ Valuation, การทำ due deligent, การทำ projection งบการเงิน ฯลฯ อย่างนี้ถึงจะโอเค เพราะตามธรรมเนียมรับคนที่ทำงานพวกนี้ ก็จะรับพวกป.โทเป็นหลักเช่นกัน เนื่องจากต้องใช้องค์ความรู้สูงกว่าและเฉพาะทางกว่าป.ตรี ดังนั้นน้อง MM สบายใจได้ ไม่มีกฎออกมาแน่นอนว่าบังคับต้องจบโท กฎเพียงแต่เปิดช่องว่างไว้ให้ว่า "ต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ในเรื่องนั้นๆ" ตามที่สนง. ก.ล.ต. กำหนด ซึ่งการกำหนดนั้น ก็แค่ใบ License เท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงใบ ป.โทแต่อย่างใด คือกฎเปิดช่องให้บริษัทจัดการ คัดสรรผู้ที่มีความรู้ความสามารถเอง ส่วนที่ว่า "ความคิดคือบุคคลมันจะค้นหาตัวเองพบก็ตั้งนานแล้ว ต้องไปเรียนโทต่ออีกหรือ" ผมเจอคนมามาก และพบว่า ส่วนใหญ่จบตรีมาแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจริงๆ อยากทำอะไร เหตุผลของคนพวกนี้คือ เข้าเรียน ป.ตรี นับเฉพาะเอนท์ คือ เอนท์ติด (อันดับ 3 อันดับ 4) แล้วก็เรียนไป ชอบจริงๆ หรือเปล่ายังไม่รู้เลย มาทำงานปีสองปี ถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่ชอบ เลยมาเรียนโทเปลี่ยนสาย และเปลี่ยนแนวอาชีพไปเลยก็เยอะมาก หรือบางคนรู้ตัวแล้วว่าชอบอะไร แต่ดันสอบติดคณะที่ตัวเองไม่ชอบ เพราะเลือกไปงั้นละ เผื่อไว้ ขี้เกียจเอนท์ใหม่ ก็ทนเรียนไปจนจบ ป.ตรี ก็มีเยอะ พอจบ ก็ไปต่อโทในสายที่ตัวเองชอบจริงๆ คนพวกนี้ ผมรู้จักเยอะมาก ลองนึกดูคนใกล้ตัวคุณก็ได้ รับรองเจอเพียบ ผมจึงไม่เชื่อในทฤษฎีของน้อง MM นะ ส่วนที่ว่า "ในเมื่อเขาเก่งจริง ต้องเอาผลงานมาเทียบซิถึงจะถูกไม่ใช่เล่นกฏระเบียบข้อบังคับกัน" เห็นด้วยครึ่งนึง เพราะคนจบป.สี่ ยังบริหารพอร์ทจนรวยเป็นร้อยล้านพันล้านได้เลย แต่นั่นมันเป็นคนกี่เปอร์เซ้นต์ของคนทั้งหมดหรือ? และการไม่มีกฎข้อบังคับมาใช้ กับอาชีพที่ต้องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ นี่ คงจะวุ่นวายพิลึกครับ ยังไงกฎระเบียบข้อบังคับในงานด้านการเงิน สำคัญมาก และส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเกิดวิกฤติศก.ปี 40 ก็มาจากระบบสถาบันการเงิน และธุรกิจที่กู้เงินตปท. ส่งผลพวงมาถึงเศรษฐกิจระดับประเทศ ชุมชน รากหญ้า ตามมาเป็นโดมิโน คิดดูว่าถ้าไม่มีกฎเกณฑ์มาเล่นกัน คงจะวายวอดกันหมดล่ะครับงานนี้ และไหนๆ พูดถึงวิกฤติศก.แล้วคันปาก อยากกัด ฮิฮิ ฉนวนเหตุของวิกฤตินั้นน่ะ ส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันหมด คิดว่านายกฯ พ่อใหญ่ เป็นต้นเหตุ แต่จริงๆ ต้นเหตุมันอยู่ที่คนเซ้นอนุมัติเปิด BIBF ที่ให้เปิดเสรีทางการเงินสามารถกู้เงินตปท.ได้อย่างเสรีต่างหาก ถ้าใครอยู่งานสายนี้ ถ้าวางตัวเป็นกลางคงตอบได้ว่าคือรมต.คลัง ในสมัยนายกฯ คนใด ผมใบ้ให้นิดนึง ก็สมัย นายก ช. สังกัดพรรค ป. ไงล่ะครับ คงขอจบเพียงเท่านี้ เดี๋ยวเปลี่ยนประเด็นกฎหมาย เป็นประเด็นการเมือง ในคลับ CFA แล้วจะยุ่งไปใหญ่ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 48 03:31:23 จากคุณ : หมากเขียว - [ 24 ต.ค. 48 03:21:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอางี้ดิคุณเจ้าของกระทู้ ถ้าคุณมีเงินก้อนใหญ่เลย สัก 100 ล้านบาท อยากจะลงทุนในกองทุนรวม มีให้เลือก 2 กอง กองทุนเหมือนกัน ลักษณะเดียวกัน แต่อยู่คนละบลจ. ผู้จัดการกองทุนนึงจบโทการเงินหรือเศรษฐศาสาตร์ อีกคนจบด้านอื่น แต่ทั้ง 2 คนมี CFA 1 เหมือนกัน คุณจะลงทุนในกองทุนไหน? จากคุณ : mrdew - [ 24 ต.ค. 48 19:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอแตกประเด็นต่อ ถ้าคุณมีเงินก้อนใหญ่เลย สัก 100 ล้านบาท อยากจะลงทุนในกองทุนรวม มีให้เลือก 2 กอง กองทุนเหมือนกัน ลักษณะเดียวกัน แต่อยู่คนละบลจ. ผู้จัดการกองทุนนึงจบโทการเงินหรือเศรษฐศาสาตร์ อีกคนจบด้านอื่น แต่ทั้ง 2 คนมี CFA 1 เหมือนกัน คุณจะลงทุนในกองทุนไหน? จากคุณ : Myth&Miracle - [ 24 ต.ค. 48 22:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณพี่หมากเขียว หมู่เฮาไม่ได้มาปั่นป่วน แต่อดเห็นไม่ได้ว่า ธรรมเนียมมันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ถ้าคุณเก่งจริง คุณก็มาเลย ซึ่งทางตะวันตก มันเป็นแบบนั้นจริง คุณคือมืออาชีพ ไม่ใช่มือสมัครเล่น คนเก่งมันมีมากแต่ เก่งจริง ทำงานจริงจังมีมากแค่ไหนอ่ะ แล้วคนอื่นจะยอมรับหรือเปล่าอ่ะ ส่วนทางตะวันออก ไม่ใช่แบบนั้น ส่วนใหญ่คือ ดูที่ตระกูลไม่ได้ดูที่ตัวบุคคล ตระกูลนี้เก่งอะไร ก็จะเก่งแบบนี้ คนในตระกูลไม่มีสิทธิในการทำอย่างอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่ตระกูลทำมาตั้งแต่ต้นเลย by the way ส่วนที่คุณmrdew มาถามเรื่องความเชื่อใจกับผู้จัดการกองทุน คิดง่ายๆๆ ถ้าคุณอยู่ยุคของวอเลนต์หรือลินซ์ ซึ่งทั้งสองคนไม่ได้จบ MBAมา แต่ทำไมคนถึงยอมรับฝีมือของเขาในการจัดการกองทุนให้ล่ะ คุณคิดว่าคุณยอมรับอะไรล่ะ แต่ในโลกนี้จะมีคนแบบนี้กันซักกี่คน 100 คนจะมีอยู่ 20 คนหรือเปล่าล่ะ ที่ประสบความสำเร็จเหมือนสองคนที่ยกมา คุณก็คิดกันเอาเอง จากคุณ : Myth&Miracle - [ 24 ต.ค. 48 22:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อืม.. เอาใจช่วยครับ ขอให้ทุกอย่างเป็นไปในทางเดียวกันที่หวัง จากคุณ : saint_zate - [ 25 ต.ค. 48 10:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลินซ์เนี่ยะ รู้สึกจะจบด้านประวัติศาสตร์ ที่นี่เนี่ยะ ผมถามว่ามีคนจบประวัติศาสตร์กี่ % ที่ทำได้แบบนั้น แล้วคนจบเศรษฐศาสตร์หรือการเงินกี่ % ที่ทำได้แบบนั้น อย่างคนจบคณิตศาสตร์อย่างคุณเนาวรัตน์ แต่แต่งกลอนเก่ง เป็นนักประพันธ์ ถามว่า มีนักคณิตศาสตร์กี่คนทำได้แบบนั้น จากคุณ : mrdew - [ 25 ต.ค. 48 11:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมไปค้นมาให้สำหรับผู้ที่สนใจอยากอ่านกฎหมาย คุณสมบัติของผู้จะเป็นผู้จัดการกองทุนรวม สน. 43/2544 คุณสมบัติของผู้จะเป็นผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล กน. 24/2544 คุณสมบัติของผู้จะเป็นผู้จัดการกองทุนอสังหาฯ สน. 4/2547 คุณสมบัติของผู้จะเป็นผู้จัดการกองทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สน. 24/2547 คุณสมบัติของผู้จะเป็นผู้จัดการกองทุนรวมประเภทกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สน. 22/2543 เข้าไปดาวน์โหลดได้ที่เวบของกลต.ครับ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 48 15:58:34 จากคุณ : หมากเขียว - [ 25 ต.ค. 48 12:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณ สำหรับข้อมูลของพี่หมากเขียว จากคุณ : Myth&Miracle - [ 25 ต.ค. 48 21:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอถามแทรกได้ไหมคะ ในส่วนของงาน Analyst เนี่ย ...ถ้าเราทำ IB อยู่แล้วอยากก้าวไปทำ Analyst มันจะมี Skill ไหนที่เราไม่มี หรือทำสู้คนที่ไปเริ่มทำ Analyst ไม่ได้ไหมคะ คืออยากเป็น RA แต่โอกาสไม่มี..ตอนนี้เลยมาเริ่มที่ IB อยู่ ..ถ้าอยากเป็น RA แล้วจะโดน Demote ไหม จากคุณ : หมูหมู - [ 25 ต.ค. 48 23:52:06 A:58.10.49.253 X: TicketID:027936 ]

ความคิดเห็นที่ 16 please do not mix foreign IB's with thai IB's because the recruitment is very different. foreign IB's will happily take grads (in all functions: IB, sales, trading, etc.) from ALL BACKGROUNDS; so you would see philosopher who are exotics traders, historians who are with M&A, physicists with debt capital market, etc. thailand, on the other hand, is fixated on the degree names! imo, it is because: 1) they dont have resources to train new recruits .. they rely on people from similar backgrounds (i.e. credit analysts, treasury, research, or industry experience, etc.) with the experience to hit the ground running.  foreign investment banks have the resource to send analysts to two months boot camps in lavish new york or london. 2) the signalling mechanisms by mere degree level, i.e. looking only at Bachelour or Masters classifications, is deeply flawed because the educational standard here is unfortunately lower than elsewhere. whereas in the US an Ivy graduate would likely perform well irrespective of the degrees taken--say, a philosophy graduate from an Ivy will still perform better than a finance graduate from a community college--in Thailand even graduating from Chula or Thammasat is not a good enough garauntee of performance. Thus, one needs more signals to ascertain the quality of the candidates, i.e. specialised degrees, masters degree, etc. and such is the way life (in thailand) works. จากคุณ : . (! o_o !) - [ 26 ต.ค. 48 00:59:20 ]