ความคิดเห็นที่ 1 ตลาดอนุพันธ์เนี่ยก็น่าหวาดเสียวอยู่นะครับ เห็นเขาโปรโมทให้โทร.ไปจองที่นั่งฟังสัมมนาเรื่องนี้ ที่ห้องสังเวียน ศูนย์สิริกิตติ์ ... 02 - 2292222 จากคุณ : แมวม่อน - [ 26 ต.ค. 48 12:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่านักลงทุนไทยยังไม่พร้อมสำหรับตลาดนี้เลยสักนิด! ถามเพื่อนหรือคนรอบข้างคุณดูสิ ว่ารู้จักอนุพันธ์ Future หรือเปล่า? ฟิวเจอร์เป็น Sum Zero Game ไม่เหมือนหุ้น เพราะในเกมนี้ต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ (แน่นอนผู้ชนะได้เงินทั้งหมด และผู้แพ้เสียไปเกลี้ยง) โหดกว่าหุ้นมากๆ ถือมันยาวเป็น VI ไม่ได้ เพราะมีระยะเวลา ไม่มีเงินปันผลปลอบใจ ถ้าแพ้คือสูญเงินทั้งหมดเลย!! ใครเล่นตลาดนี้ต้องสวมวิญญาณ "นักพนัน" ลูกเดียว จากคุณ : ตกขอบ - [ 26 ต.ค. 48 13:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณแมวม่อนกับคุณตกขอบมากนะคะ ว่าแต่ว่าอะไรคือ Sum Zero Game เหรอคะ เอ่อ..แล้ว VI มันคืออะไรอ่ะคะ..ขอโทษค่ะ คือหนูอ่อนเรื่องหุ้นมากๆๆ แต่มันก็ต้องเรียนอ่ะคะ ไม่อยากทำเรื่องบริษัทในอเมริกาด้วย เพราะกลายเป็นว่าหาของมูลให้เค้าไป อยากทำแล้วได้ความรู้กลับมาใช้กับบ้านเรามากกว่า ขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ จากคุณ : lilli - [ 26 ต.ค. 48 13:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Sum Zero Game คือผู้ชนะได้เงินในจำนวนที่เท่ากับผู้แพ้เสียเงิน จากคุณ : อิ๋งเจิ้น - [ 26 ต.ค. 48 13:55:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เดี๋ยวก็ มีคนฉลาด มาบอกว่า "ไม่มีใครเอา ปืนมาจ่อหัวคุณ ให้เล่นตลาดอนุพันธ์ ถ้าเห็นว่ามันเสี่ยงมาก็ไม่ต้องเล่น..." จากคุณ : นนย - [ 26 ต.ค. 48 14:12:41 A:203.188.22.251 X: TicketID:101259 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่อง Zero Sum Game นี่ พวกคุณลืมว่า เราต้องจ่ายค่าคอมกันไปหรือเปล่า ถ้าเงินไม่รั่วไหลออกจากตลาด เงินที่ออกจากกระเป๋านาย a ..ก็จะไหลเข้ากระเป๋า นาน b....แบบนี้ มันก็จะเป็น Zero Sum..... แต่ความจริงแล้ว เงินมันไหลออกจากตลาดทุกวัน โดยผ่านทางค่าคอมและภาษีครับ ..... จากคุณ : นนย - [ 26 ต.ค. 48 14:36:27 A:203.188.22.251 X: TicketID:101259 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ^ คุณ #6 ช่างสังเกตครับ และเป็นเหตุผลงี้จริงๆด้วย คือตัวเลขแฝงที่นักลงทุนจ่ายทุกวันที่ trade แต่มักไม่ทันคิด และคุณ อิ๋งเจิ้น #4 ให้นิยาม Sum Zero Game (Attack) ได้จะจะเลยครับ ผมเองก็พยายามหาคำไทยมาร้อยเรียงประโยค กะจะมาบอก แต่นึกไม่ออก ... จนโดนตัดหน้า เอิ๊ก เอิ๊ก กกก จากคุณ : แมวม่อน - [ 26 ต.ค. 48 17:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Future เค้ามีไว้ป้องกันความเสี่ยง เอาไว้ลดความเสี่ยง เข้าไปผิด เปลี่ยนข้างก็ได้ ทำให้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย ก็ได้ คุณไม่ใช้มันเอง มันไมได้เอาไว้แทงหวยนะครับ ตลาด Future ปลอดภัยกว่าหุ้นแน่นอน ปลอดภัยกว่ามากด้วย คนที่คิดว่า future market คือ ตลาดผีพนัน ก็เพราะ คุณไม่รู้จักมันซักนิดไงครับ จากคุณ : -tai- - [ 26 ต.ค. 48 19:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขออภัย เขียนคำศัพท์ผิด ที่ถูกคือ "Zero Sum Game" กล่าวคือ คุณได้ในขณะที่คนอื่นเสีย คุณมั่งคั่งขึ้นจากการทำให้คนอื่นยากจนลง... ผมคิดแบบคร่าวๆ ไม่ได้ลงลึกแบบคุณ #6 ว่ามาครับ... หุ้นมันไม่ใช่ Zero Sum Game เพราะทรัพย์สิน + ผลประกอบการ +กำไร ฯลฯ ของบริษัท เป็นตัวเพิ่มมูลค่าของตัวหุ้น ถึงคุณซื้อหุ้นแล้วขาดทุน แต่ถ้ายังไม่ขาย ก็ยังเป็นเพียงการขาดทุนทางบัญชี ถ้าหุ้นที่คุณซื้อยังมีอนาคตดี กำไรต่อเนื่อง คุณก็ยังได้เงินปันผลทุกปี... ส่วน Futures เป็นการทำสัญญาที่มีการกำหนดเวลาเป็นจุดพิสูจน์ แล้วแต่ว่าใครจะเดา SET Index ในอนาคตได้ถูกต้อง ก็ได้เงินในสัญญาทั้งหมดไป! งานนี้ไม่มี "ถือยาว" เพราะถ้าครบกำหนดตามสัญญา ตัว SET Index จะกำหนดคนแพ้และคนชนะในเกมนี้ ต้องจ่ายเงินตามกำหนดเวลานั้น... ผมเลยมองว่ามันคล้ายการพนัน.....!! ไม่ได้มองลึกๆ ไปถึงค่านายหน้า + ภาษีพวกนั้นครับ ขออภัยที่พูดแบบไม่ลงลึกในรายละเอียดพอ ส่วน VI คือ Value Investor เป็นนักลงทุนที่เน้นซื้อหุ้นเพราะคุณค่าของหุ้นและกระแสเงินสด ไม่ใช่ซื้อเพื่อเก็งกำไรว่าหุ้นจะขึ้นและขายทิ้งไปเหมือนนักเก็งกำไรในตลาดครับ จากคุณ : ตกขอบ - [ 26 ต.ค. 48 19:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลองอ่านหนังสือ "เก่งเทียมฟ้า หรือว่าโชค" ดูนะ ใครว่าอนุพันธ์ Futures มีไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง.... **ตัวมันน่ะ เสี่ยงสุดๆ เลยล่ะ** คำว่าป้องกันความเสี่ยง คือคำพูดหรูๆ ในหนังสือเชิญชวนให้มาลงทุนมากกว่าครับ จากคุณ : ตกขอบ - [ 26 ต.ค. 48 19:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่เถียงครับ ตัวมัน โดดๆ เสี่ยงแน่นอน แต่ตัวมันหลายๆ ตัวรวมกัน จะทำให้ ไม่เสี่ยง คุณจะทำ future เป็น fix return ก็ได้ เคยเห้น กองทุน อนุพันธ์ของ ไทยพานิชย์มั๊ย ที่ รับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ อันนั้น มาจาก Future ล้วนๆ แต่ covered ครบหมด + underlying asset จากคุณ : -tai- - [ 26 ต.ค. 48 20:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Future ต่างกับ หุ้น คือ ถ้าคุณ hedge ผิดทาง คุณ cover ตัวเองผิด position ได้ครบ ไม่เจ๊ง แต่หุ้น อย่างมาก = cut loss... หรือไม่จริง จากคุณ : -tai- - [ 26 ต.ค. 48 20:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาสนับสนุนทั้งคุณตกขอบ และ คุณ -tai- ครับ กฎเดียวที่จะทำให้ยืนหยัดเคียงคู่ตลาด future ได้ตลอดรอดฝั่ง คือ ... "มั่นคงในกฎระเบียบอย่างยิ่งยวด" คือต้องมี cut loss ในทันทีที่ผิดทาง ... ใครฝืน trend คนนั้นมีแต่ตายหยังเขียด แต่ถ้ามาถูกทางแล้ว ... ต้อง let profit run จู๊ด ดดดดดดดดด ฟัง อ่าน ดูง่ายๆ แต่ implement ยากซู๊ด ดดดดดดด แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 48 21:47:02 จากคุณ : แมวม่อน - [ 26 ต.ค. 48 21:46:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ออกแนวพนันนิดๆนะคับผมว่า ต้องตามเทรนตลาดหลักของดัชนีนั้นๆด้วย แต่ดูแล้วก็น่าสนใจนะครับ ผมก็สนับสนุนให้มีนะคับ เพราะรอให้พร้อมก็ไม่พร้อมกันหรอกครับ ต้องสนับสนุนกึ่งบังคับ พอคนเข้ามาก็จะรู้และเข้าใจกันมากขึ้นเอง เหมือนหุ้นอะคับ ไม่เล่นเองไม่เข้าใจตลาดหรอกคับ ต้องลงมาเล่น ถึงจะรู้ว่าควรเล่นยังไง ทุกอย่างอยู่ที่การใช้สตินึกคิด+ตัดสินใจคับ และปัญญาสำหรับวิเคราะห์ครับ ความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติสำหรับการลงทุนแบบใช้ความรู้สึก มากกว่าข้อมูลจิง แต่ตลาดไทยกลับพึ่งเงินต่างชาติเป็นหลัก เลยกำหนดเทรนตามธุรกิจจิงๆลำบากกว่าตลาดที่ใหญ่ๆ Zero Sum Game ก็นึกถึงตอนเล่นไพ่ป๊อกนั้นแหละคับง่ายดี เงินก็หมุนกันไปมาระหว่างนักเล่นนั้นแหละคับ จำนวนเงินของทุกคนที่เสียไปรวมกัน ก็จะเท่ากับ จำนวนเงินของคนที่ได้รวมกัน ส่วนค่าคอมนั้นเสียอัตราเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องนำมาคิดก็ได้ เพราะเสียทุกคน เท่ากับไม่มีฝ่ายได้เปรียบ เพราะโบรกกิน ไม่ใช่นักเล่นได้เสียกัน จึงต้องสมมติว่าเป็น free floatation cost ซะนะคับ จากคุณ : Popular_am - [ 26 ต.ค. 48 23:47:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ได้ยินมาว่า คนที่มีทุนน้อยก็เล่นหุ้นตัวนี้ได้ เลยทำให้สามารถไปกู้เงินมาลงทุน (เหมือนลงการพนัน) แต่ถ้าเกิดผิดพลาดไม่เป็นไปตามที่คำนวณไว้ คงจะหาเงินมาจ่ายคืนที่กู้ไว้ไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ได้ยินมา ทำให้เสี่ยงมากๆ ยิ่งประเทศไทยแล้ว คนที่มีทุนน้อย "อาจจะ" มีการศึกษาไม่สูงนัก แล้วอาจจะยังไม่ชำนาญการเล่นหุ้นพร้อมกับการมองกระแสต่างๆ จึงทำให้มันเสี่ยงมาก ไม่ทราบว่าถูกต้องอย่างไรบ้างคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : lilli - [ 27 ต.ค. 48 02:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตลาดหุ้น หรือ  Futures ไม่ควรไปกู้เงินมาลงทุน    หุ้น  ซื้อ 100 บาท  จ่าย  100 บาท  Futures   ซื้อ 1 สัญญา  จ่ายประมาณ  10-20   %  แต่ เงินที่วาง  สามารถป้องกันความเสียหายกับโบรกได้ระดับหนึ่ง   ด้านนักเก็งกำไร ก็ครอบคลุมความเสียหายได้ระดับหนึ่งเช่นกัน  (คือ ขาดทุนออกจากตลาดให้เร็ว ตั้งกฏไว้  ขาดทุนเท่าไร ออก ) จากคุณ : keeta2 - [ 27 ต.ค. 48 08:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เมืองไทยเปิดโอกาสให้คนทั่วไปซื้อเครื่องบินได้  ถ้าคนมีเงินไปซื้อเครื่องบิน แล้วขับเอง ไม่ได้เรียนรู้วิธีขับ  เสียงสูง  (ตายลุกเดียว)   ดังนั้นถ้าจะทำอะไร ไม่รู้ศักยภาพของตัวเอง  เกิดความเสียหายขึ้น แล้วจะโทษใคร แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 48 08:34:52 จากคุณ : keeta2 - [ 27 ต.ค. 48 08:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบคุณเจ้าของกระทู้นะครับ ถ้าถามผมว่าประเทศไทยพร้อมหรือไม่สำหรับ Futures โดยส่วนตัวผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไรมากกว่าครับ เดิมทีตลาด Futures เนี่ยเป็นสถานที่ที่ผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อวัตถุดิบในการผลิต และผู้ขายวัตถุดิบ มาพบกันเพื่อจัดตั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จุดประสงค์ของการทำเช่นนี้คือเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคาวัตถุดิบในอนาคตครับ แต่ในปัจจุบันมีการเข้าไปเก็งกำไรกันมากในกรณีนี้ก็อาจรวมถึงนักลงทุนซึ่งไม่มีความจำเป็นในการใช้หรือขายวัตถุดิบดังกล่าวเลย ดังนั้นหากมองจากมุมของนักเก็งกำไร การเข้าไปเล่นในตลาดนี้ก็เหมือนกับการเล่น Zero-Sum Game นั่นเอง แต่ถ้าหากเรามองจากมุมมองของผู้ประกอบการ การทำเช่นนี้จะมีประโยชน์ในการปกป้องเขาจากความผันผวนของวัตถุดิบที่เขาจำเป็นต้องใช้ในการผลิตในอนาคตครับ ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 27 ต.ค. 48 16:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สมมติว่าบริษัท Jewelry ต้องใช้แร่เงินในการผลิตของส่งตาม Order ของลูกค้าในอีก 6 เดือน และในขณะนี้บริษัทเห็นว่าราคาของแร่เงินอาจจะขยับตัวสูงขึ้นในอนาคต กอรปกับบริษัทไม่ต้องการในกระแสเงินสดไปจมกับ Stock แร่เงินเพื่อเก็บไว้ใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ในสถานการณ์นี้ การจัดตั้ง Futures Contract จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ เพราะหากราคาของแร่เงินสูงขึ้นไปอีก บริษัทก็จะไม่ได้รับผลกระทบนั้น แต่ในขณะเดียวกันหากราคาแร่เงินต่ำลงกว่าราคาตาม Contract บริษัทก็ไม่เดือนร้อน เพราะถือว่าเป็นราคาต้นทุนวัตถุดิบที่บริษัทรับได้และมีกำไรจากการใช้วัตถุดิบดังกล่าว ผมจึงเห็นด้วยกับการใช้ตลาด Futures เพื่อประโยชน์ข้างต้นครับ แต่ถ้าหากจะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยทั่วไปบอกตามตรงคือผมไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อยเลย เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 27 ต.ค. 48 16:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ประเด็นแรก คือ หากเราสังเกตุให้ดีๆ ตลาดหุ้น ซึ่งในประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดทุนที่มีนักลงทุนอยู่จำนวนมาก ทั้งรายใหญ่และรายย่อย มีหลายครั้งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนในหลายๆกรณี ว่า กลต. ไม่สามารถที่จะ regulate ตลาดอย่างได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้เกิดการเสียเปรียบขึ้นในตลาด ซึ่งผลกระทบที่ตามมาก็จะตกกับรายย่อยเป็นส่วนมากใช่ไหมครับ หากเราย้อนมาดูตลาด Futures เราจะพบว่าความซับซ้อนของมันค่อนข้างมากกว่าตลาดหุ้น ต้องมีการวางแผนการลงทุนอย่างรัดกุม นี่ยังไม่รวมถึงความเสี่ยงที่สูงกว่า(ผมจะอธิบายอีกทีว่ามันมาจากไหน) ซึ่งจากตรงนี้ทำให้ผมคาดว่าจำนวนนักลงทุนที่จะเข้ามาในตลาดย่อมไม่มากเท่าตลาดหุ้น ถึงจุดนี้ผมบอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยเชื่อถือองค์กรที่จะมากำกับดูแลตลาดว่าจะสามารถทำให้เกิดความยุติธรรมได้ และความยุติธรรมโปร่งใสนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในตลาดนี้ครับ(เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังว่าเพราะเหตุใด) ประเด็นที่สอง ตัวตลาด Futures เอง ส่วนตัวผมเห็นว่ามีความเสี่ยงสูง เพราะฉะนั้น ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วในประเด็นแรก หากเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นในตลาด ก็จะทำให้เกิดผลเสียหายกับรายย่อยเช่นเดียวกับในตลาดหุ้น แต่ความเสียหายนี้จะหนักว่าที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นหลายเท่านัก เพราะ การลงทุนใน Futures จัดได้ว่าเป็นการลงทุนแบบ Highly-Leveraged ซึ่งหมายความว่า ให้ผลตอบแทนสูงแต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเปรียบเสมือนดาบสองคม ซึ่งสิ่งที่ผมเป็นห่วงคือนักลงทุนไทยมีความสามารถในการปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงได้เพียงใด ถึงตรงนี้ คุณอาจจะสงสัยว่าแล้วทำไมมันให้ผลตอบแทนสูงและความเสี่ยงสูง ผมจะอธิบายดังนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 48 16:50:34 จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 27 ต.ค. 48 16:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตามที่คุณ บอสคุง (BosskunG) กล่าวมานั่นแหละครับ ปกติผู้ประกอบการ เขาทำ Future กันเพื่อป้องกันความเสี่ยง เป็นเรื่องปกติของธุรกิจอยู่แล้ว.... แต่การเปิดตลาด TFEX  ผมมองว่าคือการเปิดบ่อนดีๆ นี่เอง อนุพันธ์ชนิดนี้มีความเสี่ยงสูงมากๆ ร้ายกว่าหุ้น เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่น่าใช่การลงทุน แต่เป็นการเก็งกำไรกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต..... ต้องมีคนเดาผิด (เสียเงินทั้งหมด) และเดาถูก (ได้เงินทั้งหมด) ในตลาดแห่งนี้ จากคุณ : ตกขอบ - [ 27 ต.ค. 48 18:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบกันได้ดี มีความรู้เพิ่มดีครับ .. โหวตให้นะ จากคุณ : k.o.p - [ 27 ต.ค. 48 18:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ต้องมีคนเดาผิด (เสียเงินทั้งหมด) และเดาถูก (ได้เงินทั้งหมด) ในตลาดแห่งนี้ จากคุณ : ตกขอบ     ในตลาด Futures อันนั้ไม่ถูก    แต่มันตรงกับที่คุณ ตกขอบพูดตือการแทงหวย  เข้าบ่อน  เดาผิด(เสียเงินทั้งหมด) และเดาถูก (ได้เงินทั้งหมด) จากคุณ : keeta2 - [ 27 ต.ค. 48 20:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เล่นไม่เป็น งง จากคุณ : Qoo ซัง - [ 27 ต.ค. 48 21:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 25 I believe that we should distinguish between the pro and con of the instrument, and the readiness of the market. As mentioned above, Futures can be very useful for investors who want to hedge the risk of their portfolio. Using at the right amount, it can also help diversify the risk of the investment. A future contract on the SET index can be used to replicate the SET index, a very good way to diversify. Yes, a future contract has an expiration date, but you can roll it over as long as you want. One can argue that it is highly leveraged. Hence, it is more risky. But since you already know about its riskiness, you can limit your exposure so it would not add significant risk to your portfolio. Nevertheless, an individual investor in Thai financial market usually tends to speculate without understanding the underlying risk of any instrument in which he or she invests. It could be very dangerous to let any individual investor freely invest in the instrument without limitation. Regulation andeducation can be a vital part of the development of the market. Admittedly, I don't favor any regulation but it could have a positive impact in this case. Until a majority of the investors understand the extent of the risk involved, we may need to regulate the market. I hope this helps. I'm sorry for not being able to type in Thai. จากคุณ : Fin (NUTX) - [ 27 ต.ค. 48 21:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมก็เล่นไม่เป็น งง เหมือนกัน เป็นแต่เล่นหุ้น จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 27 ต.ค. 48 22:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอโทษครับพอดีเมื่อตะกี้ไปอาบน้ำทานข้าว มาต่อครับ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าตลาด Futures ทำงานอย่างไร ตลาด Futures นั้นใช้ระบบ Cash Settlement หมายความว่าการคิดกำไรหรือขาดทุนนั้นขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาแบบวันต่อวันและใช้เงินสดในการชำระบัญชีแบบวันต่อวัน ยกตัวอย่างเช่น หากราคาของ Commodity ดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1 บาท/หน่วย ในวันนั้น เมื่อเทียบกับราคา Contract ผู้ที่ถือ short position(ผู้ขาย)ก็จะ ต้องจ่ายเงินให้ผู้ถือ long position(ผู้ซื้อ)ทันที 1 บาท/หน่วย ในทางกลับกัน หากราคาของ Commodity ดังกล่าวลดลง 1 บาท/หน่วย เมื่อเทียบกับราคา Contract ผู้ที่ถือ long position(ผู้ซื้อ)ก็จะ ต้องจ่ายเงินให้ผู้ถือ short position(ผู้ขาย)ทันที 1 บาท/หน่วย ซึ่งการรับ-จ่ายเงินดังกล่าวจะเกิดขึ้นทุกๆวันครับ จากที่ได้กล่าวไป นั่นหมายความว่า หากเราถือ long position แล้วราคาของ Commodity ลงไปจนเกินจำนวนเงินที่เราใส่ไว้ในบัญชี Margin ในวันนั้นๆ แล้วเราไม่สามารถจะหาเงินมาเติมได้ เราก็จะถูก Force sell อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เราไม่สามารถถือยาวเหมือนหุ้นได้ และนอกจากนั้น หากเราโดน Force Sell โดยที่เงินในบัญชี Margin นั้นไม่ Cover ความเสียหาย นอกจากเงินในบัญชี Margin จะไม่เหลือแล้ว เรายังจะต้องหาเงินมาใช้หนี้โบรคอีกด้วยนะครับ ในกรณีที่ร้ายที่สุด คือ หากราคาของ Commodity ที่เราถืออยู่ลดต่ำลงเรื่อยๆโดยที่ไม่มีคนมา Take Position แทนเราจนอายุสัญญาหมด ก็อาจจะทำให้เราเป็นหนี้โบรคมหาศาล ตามที่คุณเจ้าของกระทู้สงสัยในความเห็นที่ 15 ว่ามีคนไปกู้เงินมาลงทุนนั้นก็ไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้องซะทีเดียวนะครับ เนื่องจากการลงทุน(เก็งกำไร)ในตลาด Futures นั้นจำเป็นต้องใช้เพียงแค่เงินที่นำไปวางในบัญชี Margin เงินส่วนนี้เป็นแค่เงินที่ใช้ประกันว่าคุณสามารถที่จะ Cover Position ได้หากราคาของ Commodity ลดลง(ในกรณีที่คุณถือ Long Position) รวมถึงทำให้โบรคจะมีเวลาพอที่จะ Force Sell คุณโดยที่คุณไม่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ในภายหลัง(แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้าละครับว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ คุณอาจจะไม่มีเวลาพอให้คนอื่นมา Take Position) ที่จริงแล้วคุณแทบไม่ต้องใช้เงินเลยนอกจากเงินส่วนที่ใช้ในการทำ Contract หรือจะพูดง่ายๆก็คือโบรคเกอร์ให้เครดิตคุณตามมูลค่าบัญชี Margin โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องนำเงินไปวางเพียง 10% ของมูลค่าสัญญา ถ้าหากจะเทียบกับการเล่นหุ้นแล้วมันเหมือนกับว่าคุณกำลังเล่นด้วยวงเงิน Margin ถึง 10 เท่าของเงินที่คุณนำไปวางกับโบรค ถึงจุดนี้คุณพอจะเห็นหรือยังครับว่าตลาด Futures มีความเสี่ยงมากขนาดไหน!?!? นี่ยังไม่รวมถึงระยะเวลาของสัญญาอีกนะครับ บางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมตลาด Futures จึงทำงานเช่นนี้ สาเหตุเป็นเพราะว่าโดยทั่วไปแล้วราคาของ Commodity ต่อหน่วยนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นจำนวนเงินน้อยมากเมื่อเทียบกับหุ้น ดังนั้น Contract หรือสัญญานั้นเป็นเครื่องมือที่จะขยาย ทำให้การขึ้นลงของราคา Commodity มีนัยมากขึ้น แต่จากจุดนี้ เราจะเห็นได้ว่าหาก Commodity ตัวนั้นเกิดมี Volatility สูงกว่าปกติ อัตราส่วนกำไรขาดทุนก็จะเพิ่มมากขึ้น ณ จุดนี้นักลงทุนบางส่วนที่ไม่สามารถจัดการกับความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมก็อาจจะโดน Force Sell ก่อนที่ราคาจะกลับตัวและขาดทุนมหาศาล หรือถ้าคุณอยากจะให้เห็นชัดๆก็ลองจินตนาการว่า คุณกำลังเล่นหุ้นด้วยวงเงิน Margin 10 เท่า ถ้าราคาหุ้นขึ้นไปมากคุณก็จะกำไรมหาศาล แต่ถ้าลงมากคุณก็จะขาดทุนมหาศาลเช่นเดียวกันครับ ถึงตรงนี้เราก็จะถึงบางอ้อว่าเพราะเหตุใดผมถึงกล่าวในตอนต้นว่าความยุติธรรมโปร่งใสนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในตลาด Futures เพราะการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของราคาอาจจะทำให้คนกลุ่มหนึ่งได้กำไรในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งขาดทุนย่อยยับ หวังว่าความเห็นของผมคงจะเป็นประโยชน์นะครับ ดูแล้วคุณ -tai- มีประสบการณ์มากนะครับ ช่วยแนะนำกลยุทธ์ในตลาด Futures ให้ท่านอื่นๆที่สนใจรวมถึงตัวผมเองได้ไหมครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 48 23:01:56 จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 27 ต.ค. 48 22:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Dear Khun NUTX I understand your point of view. But as you have mentioned before, the readiness of the market is a factor to be considered, people is also a crucial part of the market. There lies the foundation of the problem. What I am trying to say is that, indeed, most speculators in the market do not know how to properly manage their risk and, meanwhile, the market's regulator is not going to make the situation better for them. That'a all about it. จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 27 ต.ค. 48 23:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Thanks, Khun บอสคุง. I believe we are on the same page. You have done a good job explaining the instrument in layman's term. I by no means disagree with you. I just hope that there is a way to make this thing work. The derivative market can be beneficial to every participant. Unfortunately, its benefit does come with significant risk. Without an initial proper regulation, the market might be used in a wrong way, potentially leading to its demise. That can set back the development of our financial market for a long while. จากคุณ : Fin (NUTX) - [ 28 ต.ค. 48 00:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ยังยากสำหรับตลาดไทย ผมเคยอ่านงานวิจัย ของ ป.โท คือแค่ตลาดหุ้นไทย ยังอยู่ใน ตลาดที่มีประสิทธิภาพระดับต่ำ คือ มี วงใน ข่าวลือ... และสารพัดที่เรารู้ๆกัน แค่นี่ก็บ่งบอกว่า การมีตราสารอนุพันธ์ อันตรายขนาดไหน แล้วเจอกระทู้ คุณแมวม่อนอีก  ยังงงๆอยู่ ไม่ใช่ไม่มีทางได้ แต่รู้ถึงความเสียหายหรือไม่... แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 48 08:56:55 จากคุณ : เลขสาม - [ 28 ต.ค. 48 00:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เล่นหุ้นขาลง  ยากกว่า การเก็งกำไรใน ตลาด Futures อีก จากคุณ : keeta2 - [ 28 ต.ค. 48 08:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นประโยชน์มากครับ ถกกันต่อไปเรื่อยๆนะครับ จะมาอ่านต่อ จากคุณ : Muffin - [ 28 ต.ค. 48 08:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 33 รบกวนคุณ -tai- เพิ่มเติมรายละเอียดด้วยจะเป็นประโยชน์อย่างมากครับ ขอความรู้เรื่อง Derivatives หน่อยครับ Option & Future ไม่รู้เรื่องเลย จากคุณ : Muffin - [ 28 ต.ค. 48 08:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณพี่ๆทุกท่านนะคะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากโข เมื่อกี้เพิ่งไปพบอาจารย์มา เค้าบอกว่าถ้าเราคิดว่าตลาดนี้จะไม่เวิร์คสำหรับประเทศไทย โดยถ้าเราอิงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตลาดฮ่องกงว่าเริ่มและจบอย่างไรจะมีประโยชน์ในการตั้งข้อโต้เถียงมากขึ้น เหมือนกับการ to know the past is to anticipate the future มีพี่ๆท่านไหนพอทราบว่าจริงๆทำไมฮ่องกงถึงปิดตลาดนี้ไปบ้างคะ ขอบคุณมากๆๆค่ะ จากคุณ : lilli - [ 28 ต.ค. 48 09:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตลาดฟิวเจอร์มานสามารถทำกลยุทธ์ได้คับ เช่น คุณ long(คิดว่าจะขึ้น) สัญญาเอาไว้ที่ 700 แต่มานไม่ขึ้นแล้วมานดันลงมาที่ราคา 690 คุณกัวว่ามานจะเสี่ยงขาดทุนมากไปกว่านี้ มีสองกรณที่ทำได้ีคือ ถ้าเป็นทั่วๆไปนะ 1. ต้องรีบปิดสัญญาที่ขาดทุนนั้นซะ 2.สามารถเปิด short(คิดว่าจะลง) อีกหนึ่งสัญญาเอาไว้เป็นการจำกัดวงของความเสียหายจากการขาดทุนได้คับ ในเวลาต่อมา ถ้าราคาลงมาที่จุด 680 คุณก็จะได้กำไรจะสัญญา short 10 จุด และขาดทุนจากสัญญา long 20 หักลบกันคุณก็ขาดทุนแค่ 10 จุดเท่านั้น นี้คือจำกัดความเสี่ยงคับ ถ้าลงไปถึง 670 ได้คุณก็จะเท่าทุนคับ  โดนที่คุณยังถือสัญญาไว้ 2 อันเหมือนเดิม       หากตรงข้ามถ้าราคา690 ดีดมาที่ 695 คุณคิดว่ามานจะขึ้นต่อไปถึง 700 หรือ 710 ได้แน่ๆ คุณก็จัดการปิดสัญญา short ซะ จะทำให้คุณ ขาดทุนไปแค่ 5 จุด เท่านั้น หรือไม่ก็เปิดสัญญา long ที่ 695 อีก 1 สัญญา เป็น 2 long contactที่ 700 และ 695 กับ short 1 contact ที่ 690 จุด หากว่ามานไป 700 จุดดังคาด คุณก็จะ ขาดทุน 5 จุด ถ้าไปถึง 710 ก็จะ กำไร 5 จุดคับ (จากสัญญา 700กำไร10จากสัญญา695กำไร 15 หักลบ 20จากสัญญาshort 690 เท่ากับกำไร 5 จุดคับ ^^ แต่ถ้าหากว่าคุณไม่เปิด long 2 อัน ถ้าไป 700 ก็จะขาดทุน 10 จุดจาก short contact ไงคับอิอิ ถ้าไิป 710 ก็จะ ขาดทุน 10 จุดอยู่ (longบวก10 shortลบ 20) = -10 จุด ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆอ่า ตลาดนี้บริหารเก่งๆอย่างที่คุง tai ว่ามาแร่ะคับ ยังไงๆก็จำกัดความเสี่ยงได้ กำไรก็ถูกจำกัดไปด้วยเป็นธรรมดา กลยุทธ์และ วินัยการเทรดสำคัญที่สุดคับ ไม่ใช่เดาถูกกำไร ผิดขาดทุนอย่างเดียวอย่างที่คิดนะคับหุๆ รูปแบบมันมีหลายแบบมากที่คนใช้ในการเข้าตลาดนี้ สนุกมากๆอ่าอิอิ จากคุณ : Moonzonezturn - [ 28 ต.ค. 48 09:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ที่มีคนขาดทุนเยอะๆเพราะเขาเล่นตลาดฟิวเจอร์เหมือนตลาดหุ้นธรรมดาหรือคิดว่ามันเป็นหวยหุ้น ซึ่งมานไม่ใช่แค่นั้นหรอกคับ........ถ้าเขาได้เรียนรู้กลยุทธ์สักนิด ก็คงจะขาดทุนน้อยกว่านี้ ผมว่าโบรกเกอร์ควรจะให้ความรู้แก่นักลงทุนครับไม่ใช่แต่จะเอาค่าคอมหรือดอกเบี้ยหนี้อย่างเดียว  ไม่ดีเลย มีจิตสำนึกกานบ้างนะคนกลางและเจ้าของบ่อนเอ้ยผู้คุมกฎอิอิ ตลาดฟิวเจอร์ tfex  เป็นดัชนีอย่างเดียว ไม่ใช่ commonduty อย่างสินค้าเกษตรล่วงหน้านา ชำระกำไรขาดทุน ณ วันที่หมดสัญญาเป็นเงินกันเลย ไม่ต้องส่งมอบสินค้ากันจริงๆแต่ถ้าเป็นตัวหุ้นก็อีกเรื่องนึง ผมไม่รู้เรื่องที่ตลาดฮ่องกงหรอครับ แต่ถ้าให้เดาแล้วอาจจะเป็นเพราะเป็นหนี้กันสูงจัดไปมังคับหุๆ ก็ดูแต่ละคนจิหัวใจสิงห์กันทั้งนั้น ถือหนังสือพิมพ์หุ้น ม้า บอล ก็คิดเอาแย้วกานว่ามานเกี่ยวข้องกานไหม รู้ๆกันอยู่ว่าฮ่องกงใกล้ที่ใด หมาเก๊างายอิอ นัิกลงทุนอาจจะไม่เท่าไรแต่จะพาโบรกเกอร์เจ้งตามไปด้วยกามัง555  ความจริงผมก็ไม่รู้หรอกอ่าจริงๆเกิดจากอะไร หาเจอเล่าสู่กันฟังมั่งนาคับ แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 48 10:26:49 แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 48 10:08:27 จากคุณ : Moonzonezturn - [ 28 ต.ค. 48 09:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 37 การมีทั้ง TFEX และ AFET ถือเป็นเรื่องดี เพราะนักพนันจะได้ไม่ต้องไป POIPET และผมก็เป็นคนหนึ่งที่ Trade อยู่ใน AFET ด้วย ถ้า TFEX เปิดเมื่อไหร่ก็กะว่าจะเข้าไป Trade เหมือนกัน จากคุณ : อิ๋งเจิ้น - [ 28 ต.ค. 48 10:41:58 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมรอคอยเครื่องมือ option ครับ อยากให้มา trade ไวๆ จัง จะได้ลงทุนง่ายขึ้น บางที ณ จุดที่เรา ไม่มั่นใจ เรายอมจ่ายค่าประกันเลย เสียดาย ต้องรอดูผลของตลาด future ก่อน แต่เคยดูของ ตลาด อเมริกาและคิดว่า ค่าประกันถูกจัง ถ้ามีระบบ trade ที่ดีถือหุ้นผ่าน derivative อย่างเดียวได้เลย ถ้าถามว่า เมืองไทย พร้อมหรือยัง ตอนนี้ยังไม่พร้อมแน่นอน ดูจากเจ้าหน้าที่การตลาด คนให้คำปรึกษาลูกค้ายังไม่พร้อม แล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่จะพร้อมได้ไงใช่ไหมครับ ผมว่า ต้องเริ่มที่เจ้าหน้าที่การตลาดครับ อบรม ให้เข้าใจจริงๆ ต้องให้สอบให้หมด ใครสอบไม่ได้อย่าให้ใบอนุญาติ อย่าให้เขาแนะนำลูกค้า ไม่งั้นสังคมและตลาดมีปัญหาใหญ่แน่ๆ leverage สูงกว่าบัญชี marginเสียอีก (แค่บัญชี margin mkt ส่วนมากยังคำนวณไม่เป็นเลย) อยากบอกว่า ที่ตลาดจัดอบรมให้ mkt ยังไม่ดีพอครับ ผมไม่ได้เข้าอบรม แต่ดูจาก พี่ๆ แถวนี้ พวกเขายังไม่รู้เรื่องเลย ไปนอนกับไปนั่งคุยเล่นกัน ก็ได้ใบอนุญาติละ เฮ้อ ตอนนี้ยังเหลือเวลา เตรียมความพร้อมกันให้มากกว่านี้เถอะครับ เรื่องมันไม่ยากเลย จากคุณ : chinn - [ 28 ต.ค. 48 16:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ Moonzonezturn ครับ ผมเข้าใจผิดจริงๆด้วย ลืมไปว่าประเทศไทยมีตลาด AFET แล้ว พอพูดถึง Futures แล้วผมชอบนึกถึง Commodity ทุกทีเลยอ่า ถ้าจะถามถึงเรื่องของ Derivatives โดยส่วนตัวแล้วผมรู้แค่หางอึ่งแค่นั้นเองครับแต่ก็จะอธิบายเท่าที่รู้ก็แล้วกันนะครับ Derivative ไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของแต่เป็นเพียงการสัญญาว่าจะมีการส่งต่อความเป็นเจ้าของภายใต้ข้อตกลงที่ระบุไว้ โดยตัวมันแล้วมันไม่มีค่าในตัวเองครับ มัน derive มูลค่าจากสิ่งที่เรียกว่า Cash Product เช่น หุ้น Commodity etc. Futures ก็เป็น Derivative ประเภทหนึ่งที่ผมได้กล่าวไปแล้วข้างต้นครับ การจัดการกับความเสี่ยงในการลงทุนไม่ว่าจะใน ตลาดหุ้น ตลาด Futures ตลาดเงิน หรือแม้แต่ Bonds จะง่ายและมีความหลากหลายกว่าหากเรานำ Options เข้ามาเป็นเครื่องมือครับ คราวนี้เราจะมาดูว่า Options เป็นอย่างไร Options จะคล้ายกับ Futures ตรงที่เป็นสัญญาซื้อขายที่มีการระบุระยะเวลา ราคาและข้อกำหนดอื่นๆครับ แต่ Options จะแตกต่างตรงที่ผู้ถือสัญญาไม่จำเป็นต้อง exercise ก็ได้ พอจะเห็นภาพรึยังครับ โดยทั่วไปแล้ว Options มีอยู่ 2 ประเภทคือ American Option(จะ exercise สัญญาเมื่อไหร่ก็ได้ก่อนวันหมดอายุของสัญญา) และ European Option(จะ exercise สัญญาได้ ณ วันหมดอายุของสัญญาเท่านั้น) จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 28 ต.ค. 48 16:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อ่า คุณ chinn ครับ 'พี่ๆแถวนี้'ถ้าหมายถึงที่ผมก็ช่วยแจ้งหน่อยนะครับว่าเนื้อหาผมผิดตรงจุดไหน คนอื่นจะได้ไม่รับข้อมูลผิดๆไปนะครับ จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 28 ต.ค. 48 16:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ก่อนอื่นเราจะต้องเข้าใจศัพท์พื้นฐานของ Options ก่อนครับ Call หมายถึงการให้สิทธ์สำหรับผู้ถือ Option ในการซื้อ asset ที่ระบุไว้ครับ Put หมายถึงการให้สิทธ์สำหรับผู้ถือ Option ในการขาย asset ที่ระบุไว้ครับ จากสัญญาทั้ง 2 รูปแบบ ผู้ถือสามารถเลือกได้ว่าจะ exercise หรือไม่ก็ได้ แต่คู่สัญญาจะต้องทำตามครับหากผู้ซื้อตัดสินใจว่าจะ exercise อีกคำหนึ่งคือ Strike Price คือราคาซื้อ/ขายของ asset ตามที่ระบุสัญญา คำสุดท้ายคือ Premium จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับค่าทำสัญญา แต่มันจะไม่ fixed เหมือนกับ Futures ครับ Premium จะขึ้นอยู่กับมูลค่าของ asset, strike price รวมถึง volatility และอายุของสัญญา จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 28 ต.ค. 48 16:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถึงตรงนี้ ผมจะยกตัวอย่างเป็น Stock Option นะครับ สมมติว่าตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัท ABC อยู่ที่ 100 บาท/หุ้น แล้ว premium(ค่าทำสัญญา) สำหรับ Call Option 105 บาท ของเดือนหน้าอยู่ที่ 10 บาทต่อหน่วย(หมายความว่าสัญญานี้จะหมดอายุเดือนหน้าและ Strike Price คือ 105 บาท) หากคุณตัดสินใจที่จะซื้อ Option นี้ คุณจะต้องจ่ายค่า Premiumทั้งหมด เท่ากับจำนวนหุ้น*ค่า Premium ต่อหน่วย ในกรณีนี้เราให้เป็นจำนวน 1000 หุ้น นั่นคือ Premium ทั้งหมด = 1000*10 = 10000 บาท ส่วน Strike Price ที่ 105 บาทนั้นพูดง่ายๆก็คือคุณจะได้เงิน(ไม่ใช่กำไร)จาก Option ก็ต่อเมื่อราคาของหุ้นตัวนั้นขยับขึ้นไปเหนือราคา 105 บาทแล้ว และเราต้องไม่ลืมที่จะบวก Premium จำนวน 10 บาทต่อหุ้นด้วย ดังนั้นราคาหุ้นต้องขึ้นไปเหนือ 105+10 = 115บาท เราจึงจะได้กำไรครับ สมมติว่าเดือนหน้าหุ้นขึ้นไป 120 บาท กำไรที่เราจะได้รับจาก Option จะเท่ากับ (120-115)*1000 = 5000 บาท หากเปรียบเทียบกับเงินที่เราลงทุนไป 10000 บาทก็นับว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีทีเดียว แต่ถ้าหากราคาหุ้นขึ้นมาไม่ถึง 105 บาท เราก็จะเสียแค่ค่า Premium ในการทำ Option ครับ ถ้าสังเกตดีๆแล้วเราจะรู้ได้ทันทีว่า Warrant เนี่ยก็จัดเป็น Option ประเภทหนึ่งครับ จากคุณสมบัติดังกล่าว หลายๆ ท่านคงจะเห็นแล้วนะครับว่าเราจะนำ Option ไปประยุกต์ใช้ในการลดความเสี่ยงได้อย่างไร นี่ก็เป็นข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ Options ครับ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์นะครับ แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 48 17:18:43 จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 28 ต.ค. 48 17:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Let me add something to Khun บอสคุง's comment. Option can be very beneficial, since you can use it as a hedging instrument. However, the risk is certainly higher than its underlying. As Khun บอสคุง suggests, if the underlying stock price doesn't reach the exercise price, which is 105 in this case, the option holder will lose ALL the premium. On the other hand, for the option writer, a person who sells the option, can also lose a lot of money if the underlying stock price is above the exercise price and the seller doesn't cover the position.  That is he or she sells a naked call position. แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 48 18:16:45 จากคุณ : Fin (NUTX) - [ 28 ต.ค. 48 18:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านไปเสียวไป แต่อยากเล่นสุดๆ รวย หรือ เจ๊งเมื่อไหร่ คงหายเสียว จากคุณ : คำรณ หวังหว่างขา - [ 28 ต.ค. 48 19:12:54 A:61.91.206.119 X: TicketID:106549 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ผมจะอธิบาย BASIC ให้ฟัง ผมจะไม่อธิบายถึง กลไล ผมจะอธิบายแนวทางคร่าวๆนะครับ Futures/forward นะครับ อธิบายแบบชาวบ้านคือ สัญญาซื้อขาย ล่วงหน้า เช่น ผมสัญญา จะซื้อมะม่วง ในราคาโลละ 30 บาท ในอีก2 ปีข้างหน้า Future กับ forward ต่างกัน แต่ไม่ต้องสนใจ มันเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญเท่าไหร่ Future คือ สัญญาซื้อมะม่วง นั่นแหละ ซึ่ง ตัวมันเอง ก็มีค่า จริงมั๊ย (สมมติผมมีสัญญาในการซื้อทอง บาทละ 2พันบาท จาก นาย ข.) คุณจะซื้อสัญญานี้ต่อผมมั๊ยหละครับ แปลว่า ยิ่งทองแพง สัญญานี้ ก็ยิ่งมีค่ามากขึ้น สัญญาที่มีค่า ขึ้นลงตามราคาของสิ่งที่อยุ่บนสัญญานั้น คือ Derivative จากคุณ : -tai- - [ 29 ต.ค. 48 02:59:37 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตอนต่อมา ขออธิบาย คำศัพท์ พื้นฐาน ของ derivative Derivative ก็พวก: Options Futures Forward Swap คำศัพท์ที่ควรรู้: Short = ผู้ขาย คิดซะว่า ขายทิ้ง แล้วสั้นลง Long = ฝ่ายซื้อ ยิ่งซื้อ ยิ่งยาววว Put = ขายของ Call = ซื้อของ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 03:05:09 จากคุณ : -tai- - [ 29 ต.ค. 48 03:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมขอตัวไปเขียนฉบับเต็มมาให้อ่านดีกว่า ขอเวลานิด ผมจะอธิบายว่า Future มันเกี่ยวอะไรกับการสร้าง option หรือ เอามาผสมรวมกันยังไง จะกลายเป็นไม่มีความเสี่ยง ท่านที่สนใจ ผมขอให้ท่านช่วยไปทำความเข้าใจกับคำพื้นฐานพวกนี้ นะครับ แล้วผมจะมาคุยกัน อย่าพึ่งสงสัยว่า TFEX เกี่ยวอะไรกับ Option... มันเกี่ยวแน่ - ไปศึกษา payoff diagram ของ Short call Short put Long put Long call - ไปดูคำว่า Fiduciary call (cover) protective put put-call parity ผมจะผสมแบบพื้นๆให้ดู ว่า มันทำยังไง ให้ไร้ความเสี่ยง หรือ เสี่ยงจนขายบ้านจะได้ภาพรวมคร่าวๆ พวกนี้ เหมือน BOTOX แหละครับ ใช้ให้ดี หน้าก็สาวได้ ใช้ไม่ดี ก็ใช้ก่อการร้ายได้ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 03:18:56 จากคุณ : -tai- - [ 29 ต.ค. 48 03:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอเวลา 3 วัน ซักวันจันเย็นๆ เดี๋ยวผมมาเขียนให้อ่าน แบบเข้าใจง่าย ไม่มีศัพท์แปลกๆให้เห็น ให้ทุกท่านได้เข้าใจ ขอเวลา 2 วัน ผมกลับมาเมืองไทยวันจันทร์ เย็นๆ เดี๋ยวมาเขียนให้อ่าน จากคุณ : -tai- - [ 29 ต.ค. 48 03:29:00 ]

ความคิดเห็นที่ 49 Derivative ก็พวก: Options Futures Forward Swap ทั้งหลายนี้   ตัวที่  work  และ น่าสนใจ  คือ  Futures  ดังนั้น ถ้าถ้ารู้เพื่อ เรียน ป. โท  , ป.เอก   ก็ศึกษาให้หมดไม่เป็นไร   แต่ถ้าจะเรียนรู้เพื่อใช้งาน  (หารายได้) Futures  ก็พอ จากคุณ : keeta2 - [ 29 ต.ค. 48 09:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ลองหาดูว่า  Futures   เป็นตัว work  จริงๆ หรือเปล่า   http://www.tge.or.jp/english/link/link.shtml http://www.afet.or.th/webLinkExchange.php   (ตลาด Futures  โลก ) แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 10:20:33 แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 10:19:17 จากคุณ : keeta2 - [ 29 ต.ค. 48 09:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อย่างหลงทาง  น่าจะเอาเวลา และทุ่ม สมองไปหาวิธีที่จะต่อสู่กับตลาด หรือทำกำไรดีกว่า  ว่ามีวิธี หรือเครื่องมืออะไรบ้าง ที่จะเอาไปใช้ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 09:43:26 จากคุณ : keeta2 - [ 29 ต.ค. 48 09:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เพราะที่ยากที่สุดหรือสำคัญที่สุดคือ จะรู้อย่างไรว่าราคาจะขึ้นหรือลง     สมองต้องใช้ตรงนี้   ถ้ารู้แล้ว แนวโน้มขึ้น ซื้อไว้ก่อน  แล้วรอขาย       ถ้ามองแนวโน้มลง ก็ขายไว้ก่อน  แล้ว ถูกๆ ก็ซื้อคืน จากคุณ : keeta2 - [ 29 ต.ค. 48 09:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ลองอ่านดูซิ  http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3831647/I3831647.html    เขาว่าอะไรคือปัญหาของนักลงทุน  (จะได้เกาถูกที่คัน )   เขามองตลาดผิด  หรือ มองแนวโน้มของตลาดไม่ออกไม่ใช้หรือ    แนะนำวิธีแก้ไข  ถ้าลงทุนผิด.หรือลงทุนหลงทาง ไม่ดีกว่าหรือ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 10:15:31 แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 10:13:46 จากคุณ : keeta2 - [ 29 ต.ค. 48 10:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 54 การเขียนให้มันลึบลับ เป็นวิชาการเยอะๆ  คนยิ่งงง  พาลจะเบื่อไปเลยก็มี  ลองซุ่มคนไปอบรมซิ ว่าพอใจแค่ไหนต่อการอบรมแต่ละครั้ง   แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 10:10:16 จากคุณ : keeta2 - [ 29 ต.ค. 48 10:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 55 รอบทความของคุณ -tai- ครับ ^__^ จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 29 ต.ค. 48 19:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 56 The reason I am writing in this Kratoo is that I have used those intruments to some extent. Predicting the direction where the price is going is easier said than done. In addition, if one party is right, the counter party has to be wrong. How would you ensure that the contract is fulfilled? Technically, if one knows that there is a person or group of people who can always predict the market, then there will be no counter party. No one would want to engage in such a contract that's always losing money. Hence, no trade will happen. So you want the market to have a lot of hedgers and speculators. You need the market to be deep enough, otherwise the diversification might not happen. จากคุณ : Fin (NUTX) - [ 29 ต.ค. 48 20:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตลาด Futures เอเชีย ซื้อ-ขายมากสุด ญี่ปุ่น อันดับ 1. Tocom อันดับ 2 TGE ลองดูวอลลุ่ม options ซิ แทบไม่มีเลย - http://www.tocom.or.jp/souba/all/option.html - http://www.tge.or.jp/english/price/pri_all_01.shtml จากคุณ : keeta2 - [ 29 ต.ค. 48 22:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 58 พี่บอสคุงครับ ผมหมายถึงพี่ๆที่ทำงานผมอะครับ แค่อยากจะเสนอ จขกท อะครับ ว่าตลาดเราความรู้ ของคนส่วนมากยังไม่พร้อม แต่สามารถ พัฒนาได้ ที่ตลาดกำลังทำอยู่ มันหละหลวมเกินไป กับการที่mktเข้าสัมมนาก็ได้ licenseแล้ว ผมเป็นห่วงลูกค้า ครับ ขอโทด หากทำให้พี่บอสคุงเข้าใจผิดครับ จากคุณ : chinn - [ 30 ต.ค. 48 10:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตลาดฟิวเจอร์ เป็นดัชนีอย่างเดียว ไม่ใช่ commonduty อย่างสินค้าเกษตรล่วงหน้านา ชำระกำไรขาดทุน ณ วันที่หมดสัญญาเป็นเงินกันเลย   อันนี้ไม่ถูก    ที่ถุกคิอชำระกำไรขาดทุน  เมื่อ ออกจากสัญญา  หรือ  offset     ส่วน  commonduty ไม่ต้องส่งมอบสินค้ากันจริงๆ ก็ได้ ซื่งส่วนใหญ่ มักเปิดโอกาสให้เลือกชำระเป็น เงินก็ได้ แทนการรับ-ส่งสินค้า  ( AFET  ก็ใช้กฏนี้ ถ้าจำไม่ผิด ) แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 48 13:51:36 จากคุณ : keeta2 - [ 30 ต.ค. 48 13:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอรับขอโทษที่บอกรายละเอียดผิดไปคับเพราะอยากพยายามให้คนทั่วไปเข้าใจง่ายๆ และผมก็หมายถึงตลาดฟิวเตอร์ tfex อย่างที่เจ้าของกระทู้ถามมาครับไม่ใช่afex อย่างเดียว - -" แต่เรื่องกฎของ afet ผมไม่ได้ศึกษาหรอกคับขอบคุณที่บอกรายละเอียดให้ เรื่องตลาด tfex เมื่อหมดอายุก็ยังไม่ได้ชำระจนกว่าจะถึงช่วง offset อย่างที่คุณ keeta2 ว่าแร่ะคับถูกแล้วตลาดล่วงหน้าทุกๆแห่งก็เหมือนกัน ว่าไปนึกถึงเรื่องของ option กว่าจะมาให้เล่นคงรออีกนานอาจจะเป็นปีเลยมั้งหลังจาก tfex เปิดน่ะขนาดแค่ตลาดtfex ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีกอย่างกะเกมส์ ps2 Final ภาค XII ซะงั้น 555 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 48 19:46:26 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 48 19:42:41 จากคุณ : Moonzonezturn - [ 30 ต.ค. 48 19:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ... เข้ามาดู จากคุณ : M_and_M (Myth&Miracle) - [ 30 ต.ค. 48 23:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณข้อมูลสำหรับทุกๆคนนะครับ (รออ่านของคุณ tai อย่างใจจดใจจ่อ) ลองอ่านฆ่าเวลาก่อนคุณtai จะมา ละกันนะครับ Futures Fundamentals Printer friendly version (PDF format) An Introduction What we know as the futures market of today came from some humble beginnings. Trading in futures originated in Japan during the 18th century and was primarily used for the trading of rice and silk. It wasn't until the 1850s that the U.S. started using futures markets to buy and sell commodities such as cotton, corn and wheat. A futures contract is a type of derivative instrument, or financial contract, in which two parties agree to transact a set of financial instruments or physical commodities for future delivery at a particular price. If you buy a futures contract, you are basically agreeing to buy something, for a set price, that a seller has not :-) produced. But participating in the futures market does not necessarily mean that you will be responsible for receiving or delivering large inventories of physical commodities—remember, buyers and sellers in the futures market primarily enter into futures contracts to hedge risk or speculate rather than exchange physical goods (which is the primary activity of the cash/spot market). That is why futures are used as financial instruments by not only producers and consumers but also speculators. The consensus in the investment world is that the futures market is a major financial hub, providing an outlet for intense competition among buyers and sellers and, more importantly, providing a center to manage price risks. The futures market is extremely liquid, risky, and complex by nature, but it can be understood if we break down how it functions. While futures are not for the risk-averse, they are useful for a wide range of people. In this tutorial, you'll learn how the futures market works, who uses futures and why, and which strategies will make you a successful trader on the futures market. จากคุณ : Thai Crystal - [ วันฮาโลวีน 03:41:47 A:136.167.96.51 X: TicketID:001471 ]

ความคิดเห็นที่ 63 How the Market Works The futures market is a centralized marketplace for buyers and sellers from around the world who meet and enter into futures contracts. Pricing can be based on an open cry system, or bids and offers can be matched electronically. The futures contract will state the price that will be paid and the date of delivery. But don't worry, as we mentioned earlier, almost all futures contracts end without the actual physical delivery of the commodity. What Exactly Is a Futures Contract? Let's say, for example, that you decide to subscribe to cable TV. As the buyer, you enter into an agreement with the cable company to receive a specific number of cable channels at a certain price every month for the next year. This contract made with the cable company is similar to a futures contract, in that you have agreed to receive a product at a future date, with the price and terms for delivery already set. You have secured your price for now and the next year--even if the price of cable rises during that time. By entering into this agreement with the cable company, you have reduced your risk of higher prices. That's how the futures market works. Except instead of a cable TV provider, a producer of wheat may be trying to secure a selling price for next season's crop, while a bread maker may be trying to secure a buying price to determine how much bread can be made and at what profit. So the farmer and the bread maker may enter into a futures contract requiring the delivery of 5,000 bushels of grain to the buyer in June at a price of $4 per bushel. By entering into this futures contract, the farmer and the bread maker secure a price that both parties believe will be a fair price in June. It is this contract–-and not the grain per se--that can then be bought and sold in the futures market. So, a futures contract is an agreement between two parties: a short position, the party who agrees to deliver a commodity, and a long position, the party who agrees to receive a commodity. In the above scenario, the farmer would be the holder of the short position (agreeing to sell) while the bread maker would be the holder of the long (agreeing to buy). (We will talk more about the outlooks of the long and short positions in the section on strategies, but for now it's important to know that every contract involves both positions.) In every futures contract, everything is specified: the quantity and quality of the commodity, the specific price per unit, and the date and method of delivery. The “price” of a futures contract is represented by the agreed-upon price of the underlying commodity or financial instrument that will be delivered in the future. For example, in the above scenario, the price of the contract is 5,000 bushels of grain at a price of $4 per bushel. จากคุณ : Thai Crystal - [ 31 ต.ค. 48 03:42:51 A:136.167.96.51 X: TicketID:001471 ]

ความคิดเห็นที่ 64 The Players The players in the futures market fall into two categories: hedgers and speculators. Hedgers Farmers, manufacturers, importers and exporters can all be hedgers. A hedger buys or sells in the futures market to secure the future price of a commodity intended to be sold at a later date in the cash market. This helps protect against price risks. The holders of the long position in futures contracts (the buyers of the commodity), are trying to secure as low a price as possible. The short holders of the contract (the sellers of the commodity) will want to secure as high a price as possible. The futures contract, however, provides a definite price certainty for both parties, which reduces the risks associated with price volatility. Hedging by means of futures contracts can also be used as a means to lock in an acceptable price margin between the cost of the raw material and the retail cost of the final product sold. Let's look at an example: A silversmith must secure a certain amount of silver in six months time for earrings and bracelets that have already been advertised in an upcoming catalog with specific prices. But what if the price of silver goes up over the next six months? Because the prices of the earrings and bracelets are already set, the extra cost of the silver can't be passed onto the retail buyer, meaning it would be passed onto the silversmith. The silversmith needs to hedge, or minimize her risk against a possible price increase in silver. How? The silversmith would enter the futures market and purchase a silver contract for settlement in six months time (let's say June) at a price of $5 per ounce. At the end of the six months, the price of silver in the cash market is actually $6 per ounce, so the silversmith benefits from the futures contract and escapes the higher price. Had the price of silver declined in the cash market, the silversmith would, in the end, have been better off without the futures contract. At the same time, however, because the silver market is very volatile, the silver maker was still sheltering himself from risk by entering into the futures contract. So that's basically what hedging is: the attempt to minimize risk as much as possible by locking in prices for future purchases and sales. Someone going long in a securities future contract now can hedge against rising equity prices in three months. If at the time of the contract's expiration the equity price has risen, the investor's contract can be closed out at the higher price. The opposite could happen as well: a hedger could go short in a contract today to hedge against declining stock prices in the future. A potato farmer would hedge against lower French fry prices, while a fast food chain would hedge against higher potato prices. A company in need of a loan in six months could hedge against rising interest rates in the future, while a coffee beanery could hedge against rising coffee bean prices next year. จากคุณ : Thai Crystal - [ 31 ต.ค. 48 03:45:50 A:136.167.96.51 X: TicketID:001471 ]

ความคิดเห็นที่ 65 Speculators Other market participants, however, do not aim to minimize risk but rather to benefit from the inherently risky nature of the futures market. These are the speculators, and they aim to profit from the very price change that hedgers are protecting themselves against. Hedgers want to minimize their risk no matter what they're investing in, while speculators want to increase their risk and therefore maximize their profits. In the futures market, a speculator buying a contract low in order to sell high in the future would most likely be buying that contract from a hedger selling a contract low in anticipation of declining prices in the future. Unlike the hedger, the speculator does not actually seek to own the commodity in question. Rather, he or she will enter the market seeking profits by offsetting rising and declining prices through the buying and selling of contracts. Long Short The Hedger Secure a price now to protect against future rising prices Secure a price now to protect against future declining prices The Speculator Secure a price now in anticipation of rising prices Secure a price now in anticipation of declining prices In a fast-paced market into which information is continuously being fed, speculators and hedgers bounce off of--and benefit from--each other. The closer it gets to the time of the contract's expiration, the more solid the information entering the market will be regarding the commodity in question. Thus, all can expect a more accurate reflection of supply and demand and the corresponding price. Regulatory Bodies The United States' futures market is regulated by the Commodity Futures Trading Commission (CFTC), an independent agency of the U.S. government. The market is also subject to regulation by the National Futures Association (NFA), a self-regulatory body authorized by the U.S. Congress and subject to CFTC supervision. A broker and/or firm must be registered with the CFTC in order to issue or buy or sell futures contracts. Futures brokers must also be registered with the NFA and the CFTC in order to conduct business. The CFTC has the power to seek criminal prosecution through the Department of Justice in cases of illegal activity, while violations against the NFA's business ethics and code of conduct can permanently bar a company or a person from dealing on the futures exchange. It is imperative for investors wanting to enter the futures market to understand these regulations and make sure that the brokers, traders or companies acting on their behalf are licensed by the CFTC. In the unfortunate event of conflict or illegal loss, you can look to the NFA for arbitration and appeal to the CFTC for reparations. Know your rights as an investor! จากคุณ : Thai Crystal - [ 31 ต.ค. 48 03:47:00 A:136.167.96.51 X: TicketID:001471 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ่านต่อได้ ที่นี่เลยครับ =) http://www.investopedia.com/university/futures/ จากคุณ : Thai Crystal - [ 31 ต.ค. 48 03:50:40 A:136.167.96.51 X: TicketID:001471 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ตลาดฟิวเจอร์มีไว้ให้รายใหญ่ครับ ไม่ใช่รายย่อย ในความคิดผม คิดว่าพร้อมแล้ว จากคุณ : หมากเขียว - [ 31 ต.ค. 48 16:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตลาด  Futures  เหมาะสมสำหรับคนพร้อม (ทุน + วิทยายุทธ) - ถ้าคิดว่ามีราคาเคลื่อนไหวในลักษณะปั่นราคา  อย่าลงทุนเพราะแสดงว่าท่านยังไม่พร้อม แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 48 17:50:16 จากคุณ : keeta2 - [ 31 ต.ค. 48 17:49:31 ]

ความคิดเห็นที่ 69 รอคุณ -tai- มาให้ความรู้แบบภาษาชาวบ้านครับ งานทั้งงานประจำและงานพิเศษ ยุ่งเกินไปกว่าที่ชีวิตจะมานั่งอ่านอะไรเครียดๆตลอดเวลา ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ จากคุณ : Muffin - [ 31 ต.ค. 48 21:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ผมว่าเค้ามีไว้ ให้คนมีฝีมือ หาเงินก้อนใหญ่ โดยใช้เงินน้อยเป็นทุน เพื่อไปลงทุนในหุ้นตัวอื่น(หรือธุรกิจอื่น)ตามปกติ มากกว่ามั้งครับ โดยดูจากในเกมส์ Cashflow ต้องดูด้วยอะครับ ว่า ณ ปัจจุบัน เราควรเข้าตลาดไหน หรือ ออกจากตลาดไหน ผิดถูกก็ขออภัย นะครับ จากคุณ : leonarnai - [ 1 พ.ย. 48 11:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ผมเล่นไม่เป็น ถามหน่อยนะครับ TFEX นี่ เล่น daytrade ได้เปล่าครับ แล้ว มีหน้าจอ realtime แบบในหุ้นเลยหรือเปล่า จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 1 พ.ย. 48 14:17:34 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เท่าที่อ่านๆมา ระยะแรกๆ เราจะได้เล่นแค่ SET 100 ไม่ได้ให้แยกเล่นหุ้นเป็นตัวๆ  เพราะฉะนั้น เล่น day trade ไม่คุ้ม  แม้จะเล่นได้เหมือนกัน ตลาด future ก็มี real time ซื้อๆขายๆกันทั้งวันทั้งคืน ตลาด future มีสินค้าให้เล่นมากมายมหาศาล อะไรๆก็เอามาเล่นได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์  ขอให้มีราคาซื้อขายอ้างอิงในตลาดโลก ก็เอามาเล่นได้ทั้งนั้น เช่น เล่นทอง แร่ต่างๆ น้ำมัน ค่าเงิน ดัชนีตลาดประเทศต่างๆ พวกสินค้าโภคภัณฑ์ที่เราเริ่มเทรดก่อน เช่น ข้าว ยาง และต่อด้วยมันสำปะหลัง พวกนี้ คนไทยเอามาเล่น day trade เพราะเราไม่มีอย่างอื่นให้เล่นมากกว่านี้ โดยปกติ เมื่อเราขายหุ้นหมด อยากจะขายก็ต้องไล่ซื้อคืน ซึ่งทำให้ติดดอยได้ แต่ถ้ามี future เราขายได้เลย แล้วค่อยซื้อคืนทีหลัง สำหรับดิฉัน ดีแน่นอน ถ้าเราขายหุ้นได้เป็นตัวๆ  เพราะแม้แต่ใน set 100 หุ้นก็ไม่ได้ขึ้นถึง peak พร้อมกัน ดิฉันเป็นคนชอบขายหมู และชอบล้างพอร์ตเป็นรอบๆ  หุ้นบางตัวจะถูกไล่ราคาจนแพงมากๆ เห็นแล้วอยากจะขายใจจะขาดก็ไม่มีหุ้นให้ขาย  เพราะขายหมด หรือไม่ได้ซื้อไว้ ยังเคยพูดในนี้เลยว่า pttep ที่ 500 ถ้าดิฉันมี จะขาย   เมื่อไม่มีหุ้น จะขายก็ต้องซื้อก่อน แต่ทุกทีเลย มักซื้อแล้วราคามักจะลงต่อเป็นประจำ ทำให้ขาดทุนถ้าขาย นอกจากรอจนกว่าจะขึ้น เสียเวลาอีกหลายเดือน   แต่ถ้ามี future,  ไม่ต้องซื้อก่อน สามารถสั่งขายได้ แล้วรอซื้อคืนเพื่อส่งมอบทีหลัง แม้ว่าจะซื้อคืนในขณะที่ราคาจะยังคงลงต่อ  ก็จะได้กำไรอยู่ดี   ทำกำไรได้ 2 ทาง ทั้งขาขึ้น และขาลง ไม่ต้องรอขาขึ้นทางเดียว แล้วหุ้นเวลาลง จะลงเร็วกว่าขึ้นซะด้วยสิ ตอนขายล้างพอร์ต หลังปีใหม่ 1994 ขายแล้วได้แต่รอเป็นเดือนๆ กว่าจะยุบลงมาให้เล่นรอบสั้นๆ ได้นิดๆหน่อยๆ เงินก็จำเป็นต้องใช้ทุกวัน รอนานไปๆ กว่าจะถึงรอบใหม่ ทั้งกำไร ทั้งเงินต้นใช้ไปเกือบหมดแล้ว   ตอนขายล้างพอร์ตก่อนปิด 56 finances สัก 5 วัน (เพราะจะได้ถอนเงินสด แต่โบรกยืดเวลาเซ็นเช็ค เงินเลยติด 1 ปี) ขายแล้ว เห็นคนบ้าเลือดส่ง orders ซื้อกันใหญ่ ก็ได้แต่มองตาปริบๆ อยากขายก็ไม่มีหุ้นแล้ว ได้แต่เดินไปยุคนให้ขาย บางคนขายหมด ยังให้ขายหุ้นพ่อ หุ้นแม่ ไปก่อน บอกเขาว่า แล้วซื้อคืนทีหลัง รอตั้ง 1 ปี ไม่ต้องทำมาหากิน ขาดรายได้ เอาเงินสำรองมาใช้หมดพอดี (เพราะเงินที่ขายหุ้นติด และตราสารหนี้ปิด) จากคุณ : prettypetite - [ 1 พ.ย. 48 18:47:47 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สินค้าแรกที่จะเทรดคือ SET 50 ครับพี่ prettypetite วงเงินของพอร์ทตั้งแต่ 10 ล้านขึ้นไป (นักลงทุนรายใหญ่ ในนิยามของ ก.ล.ต.) รายย่อยหมดสิทธิ์ จากคุณ : หมากเขียว - [ 2 พ.ย. 48 10:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณน้องหมากเขียวค่ะ ก็จำได้แต่ว่าเขาให้ trade กลุ่ม SET 50  แต่เห็นว่าเดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น SET 100 เลยไม่ค่อยแน่ใจ อย่างนี้ถึงจะไม่จำกัด portfolio รายย่อยกลุ่ม day trade ก็ไม่เล่นกันอยู่แล้ว จากคุณ : prettypetite - [ 2 พ.ย. 48 13:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผมยังรอบทความของคุณ -tai- อยู่นะครับ จากคุณ : บอสคุง (BosskunG) - [ 4 พ.ย. 48 21:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ยังรออยู่เช่นกันค่ะ จากคุณ : lilli - [ 7 พ.ย. 48 06:51:35 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เอ๊ะ ได้ข่าวว่าเค้าเปิดตลาดกันแล้วเหรอคะ ไหนในเวปบอกว่าจะเปิดต้นปีหน้า (พอดีเพื่อนบอกมาคะ) ใครทราบรายละเอียด ช่วยกรุณาบอกด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : lilli - [ 7 พ.ย. 48 07:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 78 โอ๊วววว ขออภัยอย่างมากค่ะ พอดีหลงปีไปหน่อย นึกว่าเรายัง 2547 อยู่ สภาพตลาดเป็นอย่างไรมั่งคะ มีคนลงทุนเยอะรึเปล่า จากคุณ : lilli - [ 7 พ.ย. 48 07:43:03 ]