ความคิดเห็นที่ 1 ๐ The Force มาจากพลังของตลาด หรือพลังของกลไกของตลาดคือ Market Force นั่นเอง ๐ ความน่าพิศวงของศาสตร์ของพวก EcDi คือการชี้ให้เห็นว่ากลไกของตลาดเป็นเสมือน Invisible Hand ที่ทำให้การตัดสินใจอย่างเห็นแก่ตัวของตัวละครต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างเต็มที่ (Perfect Competition) นำไปสู่จุดที่มีการใช้ทรัพยากรต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพได้ คือนำไปสู่จุดที่เรียกกันว่า Pareto Optimal ๐ เนื่องจากเป็น Invisible Hand คนทั่วไปจะมองไม่เห็น Market Force แต่สำหรับพวก EcDi โดยเฉพาะผู้ที่เป็นถึงระดับขุนนาง ไม่ว่าจะมองระบบเศรษฐกิจตรงไหน จะรู้สึกและเห็น Market Force อยู่ทุกหนทุกแห่ง ๐ EcDi รุ่นใหม่จะถูกสอนอยู่ตลอดเวลาให้ "understand the force" และ "feel the force" ที่อยู่ทุกหนทุกแห่งในระบบเศรษฐกิจ ๐ นอกจากนั้น เนื่องจากความจำกัดของทรัพยากรของจักรวาล พวก EcDi จะพูดกันอยู่เสมอว่า There's No Free Lunch ๐ พวก EcDi นี้ จะสังเกตได้ง่าย เพราะเวลาไปปรากฏในที่ต่างๆ จะพึมพำคำพูดว่า Market Force และ No Free Lunch อยู่ตลอดเวลา อำนาจของพวก EcDi ๐ แนวคิดของพวก EcDi แพร่กระจายออกไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่านักนโยบายเหล่านั้นอาจจะไม่ได้คิดว่าตนเองอยู่ภายใต้อำนาจของพวก EcDi แต่อย่างที่ขุนนางที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งของพวก EcDi ซึ่งย่อว่า K. ได้เคยเขียนไว้ ๐ "The ideas of economists......, both when they are right and when they are wrong, are more powerful than is commonly understood. Indeed the world is ruled by little else. Practical men, who believe themselves to be quite exempt from intellectual influences, are usually the slave of some defunct economist." มุ้งต่างๆ ของพวก EcDi ๐ พวก EcDi มีมุ้งต่างๆ ที่หลากหลาย ถึงแม้ว่า EcDi ทุกกลุ่มจะเข้าใจถึงพลังของกลไกของตลาด แต่ก็จะเห็นข้อจำกัดของกลไกของตลาดด้วย และมุ้งต่างๆ ก็จะเน้นไปที่ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่น ๐ บางมุ้งเน้นไปที่ความไม่สมบูรณ์หรือข้อบกพร่องของตลาดต่างๆ คือเน้นไปที่ Market Failure เช่นการที่ตลาดบางตลาดอาจจะไม่มีการแข่งขันกันเท่าที่ควร มีการทำกำไรเกินควรหรือตลาดบางตลาดไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจจะมาจากความบกพร่องของข้อมูลข่าวสาร หรือการที่ตลาดบางตลาดมีผลกระทบไปสู่ตลาดอื่น ทำให้เกิด Externalities ซึ่ง Market Failure ต่างๆ อาจจะทำให้กลไกของ Invisible Hand ทำงานได้ไม่เต็มที่ และระบบเศรษฐกิจจะไม่ไปอยู่ในจุดที่เป็น Pareto Optimal ถ้ารัฐไม่เข้าไปแทรกแซงกลไกของตลาด มุ้งนี้ก็จะเน้นการแทรกแซงของรัฐเพื่อแก้ไข Market Failure ทางด้านต่างๆ แต่แน่นอน บางทีก็จะใช้ Market Failure เป็นเพียงข้ออ้างสำหรับการแทรกแซงเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่นเพื่อปกป้องบางกลุ่มธุรกิจ ๐ บางมุ้งเน้นความไม่เป็นธรรมของระบบเศรษฐกิจ จริงอยู่ที่กลไกของตลาดอาจจะนำไปสู่จุดที่เป็น Pareto Optimal แต่จุดๆ นั้นอาจจะมีความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างมาก ดังนั้นก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ดีที่รัฐจะต้องเข้าไปแทรกแซงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมมากขึ้น ซึ่งจะแทรกแซงแค่ไหนอย่างไรก็เป็นที่ถกเถียงกันได้มาก จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ๐ บางมุ้งจะเน้นการแก้ไขปัญหาในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจไมสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีทรัพยากรส่วนเกินอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะมาจากความบกพร่องของกลไกของตลาดทางด้านต่างๆ เช่น การที่กลไกของราคาไม่ทำงาน ไม่ปรับตัวให้ตลาดบางตลาดทำงานได้อย่างเต็มที่ เช่นค่าจ้างไม่ปรับลดลงเมื่อมีการว่างงาน เป็นต้น หรืออาจจะมาจากการขาดความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ ทำให้ลงทุนน้อยไป ซึ่ง EcDi กลุ่มนี้ นำโดยขุนนางที่ชื่อย่อ K. มักจะมองว่าการลงทุนมาจาก "Animal Spirits" ของนักธุรกิจ ๐ มุ้งนี้จะเน้นการที่รัฐจะต้องเข้ามาสร้าง Effective Demand เพิ่มเติมในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีผลทำให้เกิด Multiplier Effect และทำให้มีการใช้ทรัพยากรในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น มีการจ้างงานมากขึ้นและทำให้กำลังการผลิตส่วนเกินน้อยลง และอาจจะช่วยกระตุ้น Animal Spirits ของนักธุรกิจด้วย เกือบเหมือนกับการยกร่างกายของตนเองให้ลอยขึ้นโดยดึงเชือกผูกรองเท้าของตนเอง เป็นสิ่งที่ค่อนข้างขัดกับแนวคิดของ No Free Lunch อยู่พอสมควร ๐ นอกจากนั้น ก็ยังมีมุ้งต่างๆ ปลีกย่อยของพวก EcDi อีกมากมาย เศรษฐกิจพัฒนาไปได้ในระดับที่น่าพอใจ ๐ จากความเข้าใจในศาสตร์ของ EcDi และการนำมาใช้กำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มดาวเคราะห์ต่างๆ ทั่วทั้งจักรวาล ทั้งที่นำมาใช้โดยตรง หรือที่ซึมเข้าไปสู่นโยบาย โดยที่ผู้กำหนดนโยบายเองก็ไม่รู้ตัว ดังที่ขุนนาง K. ได้เขียนไว้ เศรษฐกิจของจักรวาลก็ได้พัฒนาไปได้ดีพอสมควร โดยเฉลี่ย ๐ อย่างไรก็ตาม เป็นธรรมดาที่มีความแตกต่างกันพอสมควรระหว่างส่วนต่างๆ ของจักรวาล บางส่วนพัฒนาอย่างเร็วเพราะนโยบายเอื้อต่อประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ ใช้กระบวนการของการแข่งขันเพื่อทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง หรือมีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และก็ทำให้ดาวเคราะห์ที่อยู่ในกลุ่มดวงดาวใกล้เคียงกันใช้นโยบายคล้ายๆ กัน ทำให้การพัฒนาเป็นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในหมู่ดวงดาว (Galaxy) ที่เรียกกันว่ายุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออก ๐ บางส่วนก็มีปัญหามาก เกิดวิกฤติเศรษฐกิจซ้ำๆ ซากๆ โดยเฉพาะในหมู่ดวงดาวอเมริกาใต้ ซึ่งไม่เข้าใจเรื่อง No Free Lunch และมีการใช้จ่ายเพื่อเอาใจประชากรอย่างเกินตัวอยู่เสมอ (Populist Policies) มากไป และนานไป ขาดวินัยทางการเงินการคลัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ๐ บางส่วนก็มีปัญหาจากความขัดแย้งกันทางการเมืองอย่างรุนแรง ไม่มีสันติภาพพอที่จะให้หมู่ดวงดาวพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาอย่างถดถอยเป็นช่วงๆ เช่น ในหมู่ดวงดาวที่เรียกกันว่าแอฟริกา กาลเวลาผ่านไป ๐ จักรวาลก็พัฒนาไปเรื่อยๆ เร็วบ้าง ช้าบ้าง มีวิกฤติเศรษฐกิจในบางหมู่ดวงดาวบ้าง แต่โดยทั่วไปก็ถือว่าจักรวาลสามารถพัฒนาไปได้ในระดับที่น่าพอใจโดยเฉลี่ย ๐ กาลเวลาก็ผ่านไป ๐ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงของจักรวาลก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ๐ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีเร็วมาก และเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่ในระบบเศรษฐกิจของจักรวาลจะปรับตัวได้ทัน โดยเฉพาะพวก EcDi ซึ่งมักจะตามกระแสการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจไม่ทัน ถ้าหันจะไปเอาดีทางธุรกิจเมื่อใด ก็มักจะเจ๊งเมื่อนั้น จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วิกฤติเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ ๐ เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ทำให้การเคลื่อนย้ายของเงินไปทั่วจักรวาลทำได้ภายในพริบตา เงินเคลื่อนไปมาได้เร็วกว่าแสงเป็นล้านล้านเท่า ๐ แม้กระทั่งเมื่อโลกมนุษย์สามารถเดินทางได้เร็วเท่าความเร็วของแสง การส่งสัญญาณจากขอบหนึ่งของจักรวาลไปสู่อีกขอบหนึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเป็นล้านๆ ปี แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ การโยกย้ายของเงินก็ทำได้เร็วขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด จนกระทั่งเงินสามารถย้ายไปรอบจักรวาลหลายครั้งภายในพริบตาเดียว ๐ เมื่อจักรวาลเป็นเช่นนี้ การเคลื่อนย้ายของเงินทุนเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางธุรกิจก็กลายมาเป็นกิจกรรมหลักของปัญญาชนที่เก่งกาจที่สุดในจักรวาล ไม่มีใครสนใจที่จะผลิตอะไรที่มีตัวตนแล้ว การย้ายเงินไปมาเพื่อทำกำไร ซึ่งก็คือการเก็งกำไร กลายมาเป็นเสมือนยาเสพติดของกลุ่มคนที่ฉลาดที่สุดในจักรวาล ๐ เมื่อการเก็งกำไรกลายมาเป็นกิจกรรมหลักทางธุรกิจ และเงินหมุนได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือฟองสบู่แพร่กระจายไปทั่วทั้งจักรวาล ๐ เงินหมุนอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งของไม่ได้ย้ายไปมามากนัก สิ่งที่ตามมาคือราคาปรับตัวอย่างรวดเร็ว เงินวิ่งไปที่ไหน ราคาก็จะทะยานขึ้น ทำให้มีเงินลงทุนที่มาจากภายในหมู่ดวงดาวนั้นตามมาด้วย ยิ่งทำให้ราคาปรับตัวขึ้นอีก เป็นวงจรที่ยิ่งทำให้ฟอกสบู่ใหญ่ขึ้นๆ ๐ ถึงจุดหนึ่ง เมื่อทำกำไรได้พอแล้ว เงินก็จะไกลออกไปสู่แหล่งอื่นๆ ในจักรวาล ทำให้เศรษฐกิจในแหล่งที่เงินไหลออกทรุดลง ฟองสบู่แตก และในหลายๆ ส่วนของจักรวาล ดาวเคราะห์ต่างๆ ถึงกับล้มละลาย เนื่องจากเงินที่ไหลเข้ามาเป็นเงินกู้ระยะสั้นในสกุลเงินที่ใช้กันในส่วนอื่นของจักรวาล แต่เมื่อเงินจะไหลออกก็ไม่มีเงินสกุลที่เป็นหนี้พอที่จะใช้หนี้ ถือได้ว่าเป็นการล้มละลายทางด้านเงินตราต่างประเทศ จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ๐ ถึงจุดหนึ่ง วิกฤติเศรษฐกิจลามไปสู่เกือบทุกๆ ส่วนของจักรวาล เกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนตั้งแต่จุดเริ่มต้นของจักรวาล ที่เรียกกันว่า Big Bang ๐ จากระบบเศรษฐกิจของจักรวาลที่เคยรุ่งเรือง กลายมาเป็นเศรษฐกิจที่ไม่มีอนาคต หดตัวลงอย่างรุนแรง ผู้คนตกงานกันอย่างทั่วหน้า มีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่มากมาย และเกือบจะไม่มีดาวเคราะห์ไหนในจักรวาลที่รอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ ความตกต่ำของพวก EcDi ๐ ยุคนั้นเป็นยุคตกต่ำของพวก EcDi อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ๐ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวก EcDi ไม่สามารถทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของระบบเศรษฐกิจได้ ไม่เข้าใจความเสี่ยงจากความสามารถที่เงินจะไหลเวียนได้อย่างรวดเร็ว ๐ อีกส่วนหนึ่งมาจากการที่พวก EcDi ก็ทะเลาะกันเองอย่างรุนแรงเกี่ยวกับแนวทางที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของจักรวาลหลังจากที่ได้เกิดวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น ๐ บางพวกบอกว่าต้องเน้นวินัยทางเศรษฐกิจ เพราะการขาดวินัยเป็นต้นตนของวิกฤติ และถ้าไม่เน้นวินัยความเชื่อมั่นก็จะไม่กลับคืนมาและเศรษฐกิจก็จะฟื้นได้ยาก ๐ ส่วนอีกพวกหนึ่งบอกว่าความเชื่อมั่นไม่ค่อยสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือต้องอัดฉีดระบบเศรษฐกิจ เพราะประชาชนจะแย่อยู่แล้ว ถ้ายิ่งเน้นวินัยประชาชนก็จะยิ่งแย่ ๐ ส่วนประชาชนก็ไม่เข้าใจว่าพวก EcDi ทะเลาะกันเรื่องอะไร ที่เชื่อแน่ก็คือที่ทะเลาะกันนั้นไม่ได้สนใจมากนักว่าประชาชนเป็นอย่างไร เป็นเพียงการพยายามเอาชนะกันทางความคิดคือไม่ได้เอาความต้องการของประชาชนเป็นตัวตั้ง จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยุคของพวก SITH ๐ จากวิกฤติเศรษฐกิจที่แผ่กระจายไปสู่ทุกส่วนของจักรวาล และความตกต่ำของพวก EcDi ในสายตาของประชาชน จึงเป็นโอกาสสำหรับการทะยานขึ้นของพวก SITH ๐ และในช่วงนั้นก็มีการปรากฏตัวของผู้นำของพวก SITH ที่มีพลังอย่างยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเหมือนมาก่อน ๐ ผู้นำนี้เรียกกันว่า ท่าน TopSITH (ท็อปซิส) ๐ ภายใต้ท่านท็อปซิส พวก SITH สามารถยึดอำนาจในการบริหารเศรษฐกิจของจักรวาลได้อย่างเบ็ดเสร็จและภายในเวลาอันสั้น ๐ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในจักรวาลมาก่อน ศาตร์ของพวก SITH ๐ พวก SITH บอกว่า The Force ที่เป็นที่เชื่อถือของพวก EcDi นั้นจี๊ดจ้อยมาก สิ่งที่ยิ่งใหญ่คือพลังมืดของ The Force หรือ The Dark Side of the Force ๐ พวก EcDi ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่า Dark Side of the Force คืออะไร ๐ ท่านผู้นำท็อปซิสบอกว่านี่จะชี้ให้เห็นว่าพวก EcDi หมดยุคแล้ว ตำราล้าสมัยและทิ้งได้แล้ว ๐ ท่านท็อปซิสบอกว่า พลังของกลไกของตลาดหรือ Market Force ก็แค่นั้นๆ ไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย สิ่งที่มีพลังอย่างแท้จริงไม่ใช่ Market Force แต่คือ Marketing หรือการตลาด ๐ ถ้าเข้าใจตรงนี้และนำไปปฏิบัติอย่างแท้จริงก็จะได้อำนาจทางเศรษฐกิจมาครองอย่างแน่นอน นโยบาย Marketing (นโยบายการตลาด) ๐ ท่านผู้นำท็อปซิสนำเอานโยบายเศรษฐกิจที่แปลงมาจากนโยบายทางด้านการตลาดมาใช้อย่างที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ๐ ท่านบอกว่า กลไกของการตลาด หรือ Market Force นั้นไม่มีประชาชนคนไหนเข้าใจ ไม่รู้ว่าจะให้อะไรกับเขา แต่นโยบายการตลาดมีความชัดเจน ทุกคนเข้าใจได้ และทุกคนต้องการ ๐ ท่านผู้นำบอกว่าต้องใช้ความคิดที่สุดยอดใหม่ (ตามความหมายของคำว่า SITH) เพื่อทำประโยชน์ให้แก่ประชาชน ๐ ท่านเนรมิตนโยบายใหม่ๆ มากมาย เช่น การยกหนี้ให้แก่ทุกคนในจักรวาล รักษาฟรีแก่ทุกคนที่ยังสามารถเดินทางมาที่ศูนย์พยาบาลได้ แต่สำหรับผู้ที่ป่วยหรือพิการจนไม่สามารถเดินทางมาที่โรงพยาบาลได้ จะส่งหมอไปรักษาให้ฟรีที่ที่พัก พร้อมกับแถมเงินค่าครองชีพให้อีกตลอดชีวิต นอกจากนั้นยังมีนโยบายหนึ่งล้านผลิตภัณฑ์หนึ่งดาวเคราะห์ และนโยบายสินค้าเอื้ออาทรหลากหลายชนิด รวมทั้งจรวดเอื้ออาทรเพื่อให้ทุกคนสามารถเดินทางไปเที่ยวทุกแห่งหนในจักรวาลได้ และยังแถม Uranium เอื้ออาทรให้อีกเพื่อให้พลังงานฟรี จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:12:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ประชาชนพอใจ EcDi หมดยุค ๐ ประชาชนไม่เคยเห็นนโยบายที่มีความชัดเจนและให้ประโยชน์ที่ชัดเจนอย่างนี้มาก่อน ทำให้ท่านผู้นำท็อปซิสได้ความนิยมอย่างล้นหลาม และได้รับเลือกให้มากุมอำนาจในการบริหารเศรษฐกิจอย่างเบ็ดเสร็จ ๐ ตามหลักการของ Marketing ท่านท็อปซิสก็มีแนวคิดของนโยบายใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลาจนตามกันเกือบไม่ทัน จนทำให้ขุนนาง EcDi บางคนออกปากว่าพวก SITH นั้น โดยเฉพาะท่านท็อปซิส เป็นพวกที่มี A Vision a Day ซึ่งก็ถูกโต้กลับอย่างแสบๆ ๐ พวก EcDi ตำหนินโยบายของท่านท็อปซิสกันอย่างรุนแรงและกว้างขวาง บอกว่าเป็นนโยบายประชานิยมอย่างรุนแรง เป็นนโยบายที่เคยทำให้หมู่ดาวเคราะห์ต่างๆ ประสบวิกฤติเศรษฐกิจอยางซ้ำซากในอดีตมาแล้ว ประชาชนพอใจ EcDi หมดยุค (2) ๐ ท่านท็อปซิสบอกว่าพวก EcDi เหล่านี้ไม่รู้เรื่องอะไร หมดยุคแล้ว ใช้คนละตำรากัน และจากที่ใช้นโยบายต่างๆ มากหลายปีก็จะเห็นว่าไม่มีปัญหาทางด้านเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจเลย ดุลของรัฐบาลก็แข็งแกร่ง เงินเฟ้อก็ต่ำดังนั้นเศรษฐกิจของจักรวาลแข็งแกร่งมาก ขอให้พวก EcDi อย่ายุ่งมากและควรรักจักรวาลของเรามากๆ หน่อย ๐ พวก EcDi ก็ถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง ต่างคนต่างต้องหลบหน้าหลบตากันไป หลบไปอยู่ที่ห้องสมุดบ้าง ไปแอบซุบซิบกันในแวดวงสัมมนาบ้าง และบางคนถึงขั้นยอมสละอาชีพของการเป็น EcDi โดยสัญญษต่อสาธารณะว่าตั้งแต่นี้ไปจะไม่พูดหรือแม้แต่คิดถึงคำพูดว่า Market Force หรือ No Free Lunch อีกเลยไปตลอดชีวิต เวลาผ่านไป ๐ นโยบายของพวก SITH ดำเนินไปได้ด้วยดีในช่วงที่มีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ในระบบเศรษฐกิจ การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่และมีทรัพยกรส่วนเกินอยู่ในระบบเศรษบกิจช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้นและช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นจากผลพวงของวิกฤติเศรษฐกิจ คล้ายกับแนวคิดของมุ้ง EcDi ที่นำโดยขุนนางที่ชื่อย่อ K. แต่พวก SITH จะอัดฉีดเงินผ่านประชาชนและธุรกิจเอกชนมากกว่าการใช้จ่ายโดยตรงของรัฐ ส่วนหนึ่งก็เพื่อทำให้บัญชีภาครัฐดูดี และก็แน่นอนว่าเมื่อเม็ดเงินไปถึงประชาชนโดยตรง ก็ยิ่งเป็นที่ชอบของประชาชนโดยทั่วไป ๐ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี เมื่อเศรษฐกิจของจักรวาลฟื้นตัว ทรัพยากรส่วนเกินหมดลงสภาพของระบบเศรษฐกิจก็กลับไปสู่สภาพที่คำพูดว่า No Free Lunch มีนัยสำคัญ ๐ นโยบายการตลาดของพวก SITH เริ่มสร้างปัญหา การตั้งเป้าหมายที่จะให้สิ่งต่างๆ ต่อประชาชนอย่างมากมายเริ่มสร้างปัญหาทางด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจคล้ายๆ กับปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างซ้ำซาก ๐ นอกจากนั้นประชาชนก็มีหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ รัฐต้องเข้ามาล้างหนี้ให้รอบแล้วรอบเล่า จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ๐ ปัญหาเสถียรภาพเศรษฐกิจถูกซ้ำเติมโดยปัญหาการขาดแคลนพลังงานทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งมาจากข้อจำกัดทางด้านอุปทาน และการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอุปสงค์ โดยเฉพาะจากบางหมู่ดวงดาว ซึ่งระบบเศรษฐกิจกำลังขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ๐ ในสภาพเช่นนี้ พวก SITH ไม่มีนโยบายรองรับที่เหมาะสม ๐ นโยบายการตลาดเน้นการสร้างความเชื่อมั่น คิดว่าถ้าประชากรของจักรวาลเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดี ก็จะมีผลทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นเอง ซึ่งที่จริงแล้วก็คล้ายกับนโยบายที่เน้นการสร้าง "Animal Spirits" ของมุ้งบางมุ้งของกลุ่ม EcDi ๐ ท่านท็อปซิสก็จะพูดอยู่เสมอ ในทำนองว่า "ต้องเชื่อผม ถ้าเชื่อผมทุกอย่างจะดี เชื่อผมว่าปีหน้าเศรษฐกิจของจักรวาลจะต้องขยายตัวร้อยละ 10 และจากนั้นไปจะต้องขยายตัวร้อยละ 15 ทุกปีอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนเชื่อผม แล้วทุกคนจะรวยแน่ และผมสัญญาว่าในอีกไม่กี่ปีจักรวาลนี้จะมีอยู่แต่คนรวยอย่างแน่นอน คนจะจะหมดไป คนชั้นกลางก็จะหมดไป จะมีอยู่แต่คนรวย" จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Return of the EcDi ๐ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเป้าทางด้านการตลาดของพวก SITH กับความเป็นจริงเริ่มห่างกันเรื่อยๆ เพราะพวก SITH เน้นการสร้างความเชื่อมั่น และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนเป้าหมายทางเศรษฐกิจต่างๆ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป จนทำให้เป้าต่างๆ บรรลุได้ยาก แต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนเป้าเพราะไปคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป้าจะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง ๐ ปัญหาคือถ้าไม่เปลี่ยนเป้า และความเป็นจริงห่างจากเป้าอย่างต่อเนื่อง ก็จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนหมดไป ๐ ในช่วงแรกๆ ที่เป้าแตกต่างจากความเป็นจริง ก็ไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากความจำของประชาชนส่วนใหญ่ของจักรวาลค่อนข้างสั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป และคำพูดกับความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง และแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนก็เริ่มสังเกตและจำความแตกต่างดังกล่าว ๐ พวก EcDi ซึ่งเคยกระจัดกระจายกันหลบหนีพลังของพวก SITH อยู่ในที่ต่างๆ ก็เริ่มกลับออกมาสู่ยุทธภูมิ เพราะสภาพแวดล้อมของระบบเศรษฐกิจเอื้อต่อการโจมตีนโยบายการตลาด และง่ายที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจปัญหาต่างๆ มากขึ้น ๐ ท่านท็อปซิสก็ยิ่งหงุดหงิด ทั้งพูดอะไรก็ไม่เป็นไปตามที่พูด ทั้งโดนพวก EcDi โจมตีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะทำให้ความเชื่อมั่นลดลงหรือหมดไป ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นพลังของนโยบายการตลาดก็จะหมดไป และยากที่จะยึดอำนาจอยู่ได้ ๐ แนวคิดของพวก SITH ก็ยิ่งจะพิสดารมากขึ้น ถ้าจะรักษาความเชื่อมั่นของประชาชน ก็ตอ้งจำกัดข้อมูลและข้อคิดเห็นที่ประชาชนจะได้รับ ต้องคุมข้อมูลข่าวสารสาธารณะทั้งหมดแม้กระทั่งการทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน (ทำ Poll) ซึ่งบางทีอาจจะออกมาในแนวลบต่อพวก SITH ก็ต้องควบคุม ๐ อย่างไรก็ตาม แนวนี้ค่อนข้างย้อนยุค ข้อมูลข่าวสารในจักรวาลก็เคลื่อนไหวเร็วพอๆ กับการเคลื่อนไหวของเงิน และมีช่องทางในการเคลื่อนไหวมากมาย ไม่มีทางที่จะควบคุมได้และยิ่งพวก SITH พยายามจะควบคุมมากเท่าใด ประชาชนก็จะยิ่งเห็นความแตกต่างระหว่างข้อมูลที่พวก SITH ป้อนให้กับข้อมูลที่เป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ๐ สำหรับพวก SITH ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด ตราบใดที่ประชาชนยังมีความเชื่อมั่น หรือยังจัดการให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นได้ เช่น โดยการชิงพื้นที่ หรือจัดฉากในสื่อต่างๆ พวก SITH ก็ยังสามารถคุมอำนาจอยู่ได้ ๐ แต่ถ้าความเชื่อมั่นเริ่มลดลง ความเสี่ยงที่ความเชื่อมั่นโดยรวมจะลดลงอย่างรวดเร็วก็มีสูงและเมื่อภาพที่พวก SITH ฉายให้กับประชาชนกับความเป็นจริงห่างกันขึ้นเรื่อยๆ และห่างกันอย่างต่อเนื่องเป็นกวลานาน ความเชื่อมั่นในพวก SITH ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นประชาชนก็เริ่มเห็นว่าแนวคิดต่างๆ ที่ออกมาจากพวก SITH ไม่ใช่แนวคิดใหม่ที่สร้างสรรค์ แต่เป็นแนวคิดที่เพ้อฝันมากกว่า สิ่งที่ได้จากโครงการต่างๆ ของพวก SITH ก็มีส่วนดี แต่ก็มีต้นทุนต่อส่วนรวมอยู่มาก ๐ ประชาชนโดยรวมก็ไม่ได้ชอบพวก EcDi มากนัก โดยเฉพาะศาสตร์ของพวก EcDi ก็เป็นที่รู้กันว่าเป็น Dismal Science คือไม่ใช่ว่าจะสร้างความสุขให้กันได้อย่างทั่วหน้า ถ้าส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจได้ประโยชน์ก็มักจะมีอีกส่วนหนึ่งที่เสียประโยชน์ (Trade-off) ๐ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของการอยู่ภายใต้อำนาจของพวก SITH ประชาชนของจักรวาลก็ได้เรียนรู้ว่า การอยู่ภายใต้ศาสตร์ที่ Dismal แต่ที่อิงความเป็นจริง ก็ยังดีกว่าการอยู่ภายใต้การจำกัดข้อมูลข่าวสาร จำกัดพื้นที่คิด และการจัดฉากของพวก SITH หลายเท่าตัว ๐ ดังนั้น พวก EcDi ก็กลับมามีบทบาทที่ Dismal ในระบบเศรษฐกิจของจักรวาลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนว่าจะมีบทบาทอยู่ได้นานแค่ไหนก่อนที่พลังทางด้านการตลาดของพวก SITH จะฟื้นขึ้นมาคอรบนำประชาชนของจักรวาลได้อีกนั้น ก็คงต้องติดตามกันต่อไป --- จบ ---- จากคุณ : *John* - [ 29 ต.ค. 48 12:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอ้อ......................ขอเวลาอ่านอีกรอบ จากคุณ : เดอะไรท์ - [ 29 ต.ค. 48 16:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณครับ เดี๋ยวอ่านอีกรอบ จากคุณ : สักวันเราคงจะรู้จักกัน - [ 29 ต.ค. 48 18:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ ... เพิ่งรู้ว่าผมเป็น EcDi (มุ้ง Dinamic) จากคุณ : GABLIEL - [ 29 ต.ค. 48 18:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมอยู่ตรงกลางงะ....นับถือศาสตร์เก่าแก่ที่เรียกว่า busda .......ศาสตร์ที่เน้นสายกลางงะ... จากคุณ : hs9jls - [ 30 ต.ค. 48 11:45:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 SHlT.... อุ๊ย เขียนผิดๆ SHiN ..... เอ๊ย ไม่ใช่ SITH ... กำลังจะหมดอำนาจแล้วเหรอ.. ^^" จากคุณ : HolySix - [ 30 ต.ค. 48 19:56:11 ]