ความคิดเห็นที่ 1 ขอลองตอบดูครับ vat ของคุณ nahora เกิดจากกิจกรรม 2อย่าง คือ การซื้อ และการเช่้าซื้อ ดังนั้นคือ 1.การซื้อถ้าซื้อเป็นเงินสด ก็จบคือตามที่คุณเข้าใจ อยู่ในราคาเงินสด คือคุณซื้อสินค้า และบริการกับผู้ขาย แต่ 2. มีการเช่าซื้อ ก็คือคุณ nahora ซื้อสินค้าบริการกับผู้ให้เช่า หรือก็คือเช่ารถเขา โดยมีสัญญาเรื่องโอนกรรมสิทธตอนท้าย เกิดมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ให้เช่า เขาได้ค่าเช่า ดังนั้นเลยเกิด vat อีกทอดหนึ่ง ไม่ได้ซ้ำซ้อน แต่เพราะเป็นคนละกิจกรรมกัน ผมเข้าใจอย่างนี้ ถูกผิดอย่างไร รบกวนผู้รู้ด้วยครับ จากคุณ : เลขสาม - [ 7 พ.ย. 48 09:09:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ จึงขอ Post ไว้เพื่อให้เป็น Case Study สำหรับท่านที่ไม่เข้าใจ เขาเอาราคารถมาถอด VAT หักด้วยเงินดาวน์ (ราคารถ+VAT = 762616.82 + (762616.82 x 7%) = 815999.99 หรือ 816000 ) เงินที่เหลือ(เงินต้น) เอามาคิดดอกเบี้ย 3.75 % เงินต้น + ดอกเบี้ย กลายเป็นยอดเช่าซื้อ (588,672.60) ยอดเช่าซื้อ หารจำนวนเดือนที่ผ่อน 60 เดือน กลายเป็นยอดผ่อนแต่ละเดือน ( 9,811.21) แล้วเอายอดผ่อนแต่ละเดือนมาคิด VAT (9811.21 x 7% = 686.78) เนื่องจากสัญญาเช่าซื้อ เป็นสัญญาเช่าที่โอนกรรมสิทธิ์เมื่อเช่าครบตามกำหนดสัญญา คิดง่ายๆว่า เรากำลังเช่ารถเขาอยู่ และเขาสัญญาว่าถ้าเราเช่าครบ 60 เดือนจะโอนให้เรา ระหว่างนี้จึงใช้หลักของการเช่า เขาก็ถือว่าเรายังไม่ได้ซื้อรถมา เราจึงไม่ต้องจ่าย VAT จากราคาเงินสดของรถ แต่เราเช่ารถเขาอยู่ (ค่าเช่า = เงินที่เรากู้ + ดอกเบี้ย) เขาจึงคิด VAT จากค่าเช่าในแต่ละเดือน ฝากไว้นะครับ ก่อนจะผ่อนอะไร พยายามทำความเข้าใจสัญญาให้ดี ยิ่งเรื่องเงิน บริษัททางการเงิน ชอบทำให้อะไรมันยากๆ จะได้ไม่มีใครมายุ่ง จากคุณ : nohara - [ 7 พ.ย. 48 11:44:19 ]