ความคิดเห็นที่ 1 ปัญหาใหญ่ของ กฟผ. ในอนาคตอันใกล้นี้คือ  จะหาเงินทุนจากไหนเพื่อมาสร้าง/ปรับปรุงโรงไฟฟ้าทดแทนของเดิมที่ใกล้จะหมดอายุการใช้งาน   รวมถึงปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น  จนใกล้จะถึงระดับกำลังไฟฟ้าสำรองที่มีอยู่แล้ว    ซึ่งถ้าตอนนี้เกิดมีโรงไฟฟ้าแห่งใดเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทำให้ผลิตไฟฟ้าไม่ได้ล่ะก็   มีโอกาสไฟดับแบบกินวงกว้างสูงมากๆ ทำอย่างไร  ถึงจะหาเงินทุนมาสร้าง/ปรับปรุงโรงไฟฟ้าใหม่ได้   ถ้ายังเป็นรัฐวิสาหกิจ  ก็ต้องออกเป็นพันธบัตร  หรือไม่ก็ไปกู้เงิน   ที่จะมีผลต่อหนี้สาธารณะ   ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง   ทำให้ไม่สามารถทำได้ง่าย      แต่เมื่อแปรรูปแล้ว   ข้อจำกัดนี้ก็จะหมดไป   ทำให้ กฟผ.  สามารถระดมทุนได้ด้วยตัวเอง  ไม่จำเป็นต้องเป็นภาระแก่รัฐบาลในการที่จะต้องค้ำประกันให้ครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 8 พ.ย. 48 17:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 งบการเงินของ กฟผ. ขาดทุนประมาณ 9000 ล้านบาท (ได้ข่าวว่าได้เงินช่วยเหลือจาก ปตท. ตั้ง 6000 ล้านบาท แล้วยังขาดทุนแบบนี้) อยากขอความเห็นว่า ควรจะจองหุ้นดีไหม เมื่อเข้าตลาดจะหลุดจองไหม จากคุณ : ribbin - [ 8 พ.ย. 48 21:28:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การขาดทุนมาจากกระทรวงพลังงานไม่ให้ กฟผ.รับเงินค่า Ft 4 เดือนตอนที่ปรับค่าไฟฟ้าฐานใหม่เป็นเงินถึง 21000 ล้านบาท เงินช่วยเหลือจาก ปตท.6000 ล้านเป็นค่า Ft ส่วนที่กระทรวงพลังงานไม่ให้ขึ้นค่า Ft ตามความเป็นจริงตามต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ค่า Ft ที่คำนวณได้ 26 สตางค์ ให้ขึ้นเพียง 10 สตางค์ นอกนั้นให้ ปตท.ลดค่าแกสลง ต่อไปเมื่อเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชนแล้ว การอุ้มค่าไฟฟ้าคงทำได้ยากขึ้น จากคุณ : ศิล - [ 8 พ.ย. 48 21:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โดยรวมถึงตรงนี้ถ้ามองการเติบโต ก็ต้องแปรรูป เพราะว่าเราคงไม่มีเงินจำนวนมากพอที่จะนำมาพัฒนาให้ egat เติบโตต่อไปอย่างก้าวกระโดดได้ แต่เมื่อแปรรูป เข้าสู่ทุนนิยมอย่างเต็มขั้นก็ต้อง max profit ซึ่งตรงนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยังไงผมก็ยังคิดว่า ไม่ว่าแปรรูปหรือไม่แปรรูป อีกไม่นานค่าไฟเราก็ต้องอิงตามทุนที่แท้จริง ซึ่งจะสูงขึ้นในอนาคต แต่จะมีวิธีการใดที่จะปกป้องรายย่อย หรือประชาชนพื้นฐานของประเทศได้ จะมีวิธีใดจะคุ้มครอง พี่น้องเกษตรกร ชาวประมง และบุคคลที่ทำธุรกิจ sme ได้ ตามที่ผมเคยได้บอกไปแล้ว รัฐพร้อมจะช่วยตรงนี้ได้อย่างไร จริงๆค่าไฟเรา ใครก็ทราบ ในเชิงธุรกิจแล้ว ค่าไฟฟ้าบ้านเราถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศทุนนิยมประเทศอื่น แล้วทำไมเราจะไม่ใช้อัตราค่าไฟฟ้าที่ทำให้ egat ยืนอยู่ได้และช่วยเหลือรายย่อยได้ เรื่องนี้ไม่ถือว่าผิด เพราะสามารถจัดเก็บได้ เนื่องจาก การที่ธุรกิจขนาดใหญ่ จะใช้ไฟฟ้า ถ้าในต่างประเทศก็ต้องชำระมากกว่า ประชาชนทั่วไปในอัตราที่สูง ซึ่งต่อมาก็จะหาแหล่งไฟฟ้าอื่น เช่นการใช้แผงsolar ในการสร้างไฟฟ้า หรือการผลิตไฟฟ้าเองของ ตึกปิโตรนาส ก็เป็นตัวอย่างที่ดีได้ เช่นกัน ลองมองดูกัน ในเชิงแข่งขัน ptt สามารถทำกำไร เพื่อเติบโตไปแข่งขันกับ บริษัทต่างชาติได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ของพี่น้องคนไทยมีบริษัทที่มีชื่อเสียง แต่ถ้าเทียบกับภาระของคนไทยที่จะได้รับแล้ว ถือว่าคุ้มค่าไหม สำหรับพวกเราคงไม่เดือดร้อนมากหรอกครับ พี่ทุกคน ที่มีเงินมีรายได้ แต่ถามแทน พวกชาวบ้านทั่วไปเดือดร้อนไหมครับ โดยรวมถ้าราคาเป็นไปตามตลาดผมก็ยอมรับได้ เนื่องจากตามระบบแล้วต้องเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าราคาที่ใช้อ้างอิงมั่วอันนี้ก็ใช้ไม่ได้ อยากจะถามว่าสมัยก่อนทำไม ค่าการกลั่นอิงแพงกว่าสิงคโปร์ 3-4 เหรียญหายไปไหนแล้วครับ โดยรวมตอนนี้ราคาอิงตาม eppo เบนซิน ก็อยู่ราวๆ 64 เหรียญ ส่วนดีเซล ก็อยู่ที่ 65 เหรียญ เมื่อเทียบกับ 3วันก่อนก็ถือว่า ราคาได้อยู่ในราคานี้ แต่สมัยก่อน แล้วทำไม ราคาหน้าโรงกลั้นเราอิงมั่ว ผมก็ได้ทำการแย้งไป นี่คือข้อดีของการแปรรูป ซึ่งเราตรวจสอบได้ทุกเมื่อ สรุป ผมยังสนับสนุนแปรรูปเพื่อพัฒนา องค์กรณ์ต่อไป แต่จะทำยังไงให้ได้ประโยชน์มากสุด ยอมรับต้องมีการtrade off ก็ต้องให้ทุกฝ่ายในระบบทุนนิยม รับภาระตรงนี้ได้ไหม ธุรกิจขนาดใหญ่ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นคงไม่มีผลกับกำไรมากเท่าไรหรอกครับ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปถือว่าสูงนะครับ ในยุคที่ปัจจุบันอย่าว่า แต่ออมเลย เงินเดือนที่ได้รับ ก็ไม่พอค่าใช้จ่ายแล้วครับ กว่าจะเรียนจบ ปริญญาตรี ใช้เงินไป 2-4 แสนบาท ได้รับเงินเดือน หมื่นนิดๆ ค่าอาหาร วันหนึ่งก็ 100 หมดไปเดือน 3พัน ค่าเดินทาง อีก ค่าที่พักอาศัยอีก ค่าใช้จ่ายต่างๆอีก ไหนจะค่ารักษาอาการเจ็บป๋วยอีกอ่ะครับ จากคุณ : j_abac@hotmail.com - [ 8 พ.ย. 48 22:19:16 A:203.118.81.152 X: TicketID:109916 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอร้องเถอะครับ อย่าเอา กฟผ ไปเปรียบเทียบ กับ ป.ต.ท เลยครับมันหนังคนละม้วน ป.ต.ทได้เปรียบต้องที่ แก๊สมันอยู่ของมันใต้ดิน เอาท่อลงไปทะลวงมันก็ไหลออกมาให้แล้ว มันเป็นทรัพยากร ธรรมชาติ มีเรื่อยมาตั้งแต่ จ. ขอ่นแก่นจนถึง มาเลเซีย แล้วแต่หลุม ว่าหลุมไหนจะเยอะ แต่กฟผ.ต้องต้มน้ำปั่นไฟฟ้า กว่าจะได้ไอน้ำมาปั่นไฟมันต้องใช้ เชี้อเพลิงมาก กากเดน ของๆเหลือใช้ก็ขายไม่ค่อยได้ ไม่เหมือน ปตท.กากเดนขายได้เอาไปทำ เม็ดพลาสติก ปิโตรเคมีคอล มูลค่าการตลาดมันผิดกัน กฟผ.อยู่คู่คนไทยมานานร่วม 100 ปีไม่อยากให้ตกเป็นของต่างชาติแบบ ปตท.ๆ โครตโม้เลยบอกอยู่คู่กับคนไทย ลองดู ถ้าดูดแก๊สหมดบนผืนแผ่นดินไทยแล้วจะอยู่คู่คนไทยมั้ย แต่ กฟผ.อยู่แน่ๆ เพราะทำเพื่อคนไทย แต่ต้องปรับองค์กรหน่อย ตอนนี้อ้วนมี พนักงานตั้ง 40000 คนขยับตัวอยาก ไม่เหมือน ปตท.มีพนักงานตอนนี้แค่ ประมาณ 1พันกว่าคน อยากขอให้คนไทยคิดสักหน่อยว่าทำมั้ย แก๊สธรรมชาติถึงราคาแพง ทำมั้ย ปตท.ถึงขายแก๊สให้ กฟผ.แพง ทั้งๆที่แก๊ส มันโผล่ขึ้นมาบนผืนแผ่นดินไทยโดยธรรมชาติ ทำมั้ย แก๊ส ต้องอ้างอิงราคาต่างประเทศทั้งๆที่ขุดได้ในประเทศไทย และ ทำมั้ย ปตท.ไม่ขายแก๊สให้ กฟผ.ราคาถูกเพื่อเอามาผลิตไฟฟ้าให้คนไทยใช้ในราคาถูก อยากรู้จัง จากคุณ : อยากรู้ - [ 9 พ.ย. 48 00:13:05 A:58.9.142.200 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยิ่งแพง ยิ่งประหยัด จากคุณ : Rasia - [ 9 พ.ย. 48 06:33:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 9 พ.ย. 48 06:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห5 ถ้ามันขุดเจาะง่ายๆอย่างที่ว่า คุณไม่ลองหาท่ออะใรยาวๆ ทะลวงลงไปเเถวหลังบ้านคุณดูบ้าง ถ้าสำเร็จเเล้วมาบอกหน่อยน๊ะ จะได้ทำบ้างจะได้รวยๆอย่าง ปตท สะที 555 จากคุณ : VALID - [ 9 พ.ย. 48 09:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กรณี กฟผ นี้ผมกลัวจังเลยว่า เวลาเขากระจายหุ้นให้กับคนในประเทศแล้ว หุ้นส่วนใหญ่นี่ใครถืออยู่ แล้วการบริหารจะเป็นอย่างไร แล้วสมมติว่าตอนแรกเริ่มเปิดขายใหม่ หุ้นส่วนใหญ่ประชาชนทั่วไปเป็นผู้ถืออยู่ แต่ต่อไปนาน ๆ ก็จะมีการซื้อขายหุ้นกันเหมือนหุ้นทั่ว ๆ ไป แล้วหุ้นก็อาจจะตกไปอยู่ในกลุ่มของนักลงทุนต่างชาติ หรือกลุ่มเก็งกำไร ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการปั่นป่วนของตลาดหุ้นได้ การปั่นป่วนของหุ้นในตลาดหุ้นของบริษัททั่ว ๆ ไปอาจไม่มีผลต่อการดำเนินงาน และ ความเป็นอยู่ของประเทศมากนัก แต่ กฟผ หรือ องค์กรวิสาหกิจอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องการดำเนินชีวิตปกติโดยทั่วไปของประชาชน จะปล่อยให้มีการปั่นป่วนไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงความเดือดร้อนอย่างมหาภัยของประชาชนในประเทศ ซึ่งจะปล่อยให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด เหมือนอย่างในอาเจนติน่า ที่เคยเกิดขึ้นแล้ว และทำให้เกิดภาวะล่มสลายของประเทศ ที่วิสาหกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า ประปา และอื่น ๆ ตกอยู่ในมือของนักลงทุนต่างชาติ หรือต่างชาติเข้ามาครอบงำ หรือต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรทำให้เกิดความปั่นป่วนไปหมด วิสาหกิจ พวก ไฟฟ้า ประปา และอื่น ๆ ก็เปรียบเสมือนกับเส้นเลือดของประเทศ ถ้าเส้นเลือดในร่างกายเกิดความเสียหาย ก็อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย หรือ อาจถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก ต่อภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ อย่างตอนนี้ประเทศเราก็มีภาวะคล้าย ๆ กับอาเจนติน่าก่อนล่มสลายตั้งหลายอย่างแล้ว อย่างเช่นกิจการค้าปลีกถูกต่างชาติเข้ามากครอบงำจนเกือบทั้งหมด ไปที่ไหนก็เห็นแต่ โลตัส บิ๊กซี แมคโคร คาร์ฟูร์ โผล่อยู่ทั่วทุกแห่งของกรุงเทพฯ โชว์ห่วย ต่าง ๆ กิจการค้าปลีกของคนไทยค่อย ๆ ปิดตัวลง หรือ ตัวเล็กลง ไม่ค่อยมีกำไร ไม่สามารถเติบโตไปไหนได้ อะไรที่ตัวใหญ่ ๆ มีความสามารถในการทำกำไรมาก ๆ ก็มักจะเป็นของต่างชาติเกือบทั้งหมด มีลักษณะเหมือน ๆ กับอาเจนติน่าก่อนล่มสลายไม่มีผิด ซึ่งพวกต่างชาติก็มักจะใช้กลยุทธ์แบบนี้เข้าไปสูบเลือด สูบเนื้อประเทศต่าง ๆ จนทำให้เกิดภาวะล่มสลาย แล้วก็เข้าไปครอบงำประเทศต่าง ๆ เหล่านั้น สิ่งเหล่านี้นับเป็นการล่าอานานิคมโดยเสรี ถูกต้อง ไม่ต้องใช้กำลังรบราฆ่าฟัน ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์ที่แยบยลยิ่งนัก ซึ่งประเทศที่กำลังพัฒนา หรือ ตัวเล็ก ๆ มักจะไม่เอะใจ ตามไม่ทัน หรือ นึกไม่ถึงกับกลยุทธ์ต่าง ๆ เหล่านี้ กว่าจะมาเริ่มรู้ตัว หรือไหวตัวทัน ก็ถึงแก่กาลล่มสลายเสียแล้ว ประเทศเล็ก ๆ อย่างเรา ก็กำลังมีอาการคล้าย ๆ อย่างนั้นเข้าไปทุกวัน ๆ แล้วถ้าเกิดการแปรรูป แล้ว วันดีคืนดีถูกต่างชาติเล่นตลก แล้วเราไม่มีความสามารถพอที่จะป้องกันตัวเองได้ หายนะภัยก็จะเกิดกับประเทศ เพราะไม่ใช่ว่ารัฐบาลที่เข้ามาดูแลจะทำตัวเก่งไปได้ตลอด สมมติว่ารัฐบาลที่เข้ามาดูแลตอนนี้เก่ง แต่ต่อ ๆ ไป เราอาจได้รัฐบาลที่เข้ามาดูแลห่วยลงก็ได้ แล้วตอนนั้น สภาพรัฐวิสาหกิจบ้านเราจะเป็นยังไง ราคาไฟฟ้า น้ำประปา และอื่น ๆ จะเป็นยังไง จากคุณ : ท้วม - [ 14 พ.ย. 48 18:16:32 A:unknown X:202.44.136.50 TicketID:056977 ]