โดยรวมพร้อมสนับสนุนการแปรรูป egat นะครับ อันนี้ไม่ได้ขายชาติ แต่แค่เปลี่ยนหลักการบริหาร และหาแหล่งระดมทุนใหม่ โดยรวม egat ก็ยังเป็นของคนไทย เหมือนองค์กร ต่างๆก็เหมือนกัน
แต่บทเรียนครั้งนี้ คาดว่าจะเกิดจากการไม่มีการทำความเข้าใจกันแต่แรก รวมไปถึงเรื่องความโปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เขื่อน หรือ สายส่งระบบไฟ ซึ่งอันนี้แน่นอนว่าต้องเป็นของรัฐ เพื่อไม่ให้ทำให้ egat เป็น monopoly โดยสมบูรณ์ เนื่องจากคงไม่มี หน้าไหนมาทำกิจการแบบนี้ต่อไป ถ้าต้องมา สร้างระบบสายส่งใหม่ เพื่อให้เอกชนรายอื่นในอนาคต ถ้าอยากจะทำก็พร้อมทำได้ แต่เรื่องการทำนี้คงอีกนานอ่ะครับ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่อาจจะมีรายอื่นทำเพิ่มก็เป็นได้ นี่รวมไปถึงเรื่องท่อก๊าซ ที่ทำให้ ptt เป็น monopoly ในตัวนี้มาแล้ว นี่พูดถึงเรื่องที่มีการนำเสนอคัดค้านเข้ามาเรื่องแรก (เรื่องสายส่งผมขอไม่พูดถึงเรื่องที่บริษัทสื่อสารจะอะไรนะครับ)
ส่วนเรื่องนำกำไรสะสมมาจ่ายปันผลก่อน ผมว่าถ้าจะแปรรูปก็ควรนำกำไรสะสมให้แก่egat แล้วแต่ผู้บริหารจะจัดการ แต่ผมมองไปว่า ถ้ากำไรสะสมมอบให้egat ได้ egat ก็ควรรับหนี้มหาศาลที่รัฐค้ำประกันไว้ไปเต็มๆด้วยเช่นกัน
อีกสิ่งหนึ่งผมว่ารัฐต้องทำความเข้าใจ และทำความเชื่อมั่นกับประชาชนทั่วประเทศให้ได้ว่า การแปรรูปครั้งนี้จะไม่ผลักภาระไปให้ประชาชน โดยรัฐก็ต้องควบคุมดูแล เรื่องค่าไฟฟ้าพื้นฐาน ผมจำได้ว่าเรื่องค่าไฟฟ้าบ้านเรา ถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศอุตสาหกรรมอื่น ดังนั้นการจัดเก็บค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันได สามารถนำมาใช้ได้ โดยกำหนดขั้นบันได ในสภาพที่ชันได้เลย ใครยิ่งใช้ค่าไฟฟ้าเยอะในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะ ธุรกิจ ปิโตรเคมี ธุรกิจพลังงาน ก็ย่อมใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่สูง พวกนี้ อาจจะโดนอัตราค่าไฟฟ้า ฐานที่สูงกว่าประชาชนทั่วไป ไม่ใช่การที่บอกว่าค่าไฟฟ้าฐานจะคงที่ไป 3ปี แต่จะมีอัตราที่เปลี่ยนคือ ต้นทุนไฟฟ้า โดยรวมแล้ว ที่เราต้องเพิ่มต้นทุนไฟฟ้าก็เนื่องมาจาก พวกอุตสาหกรรมใหญ่ใช่ไหมครับ เราต้องขยายโรงงานผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่อให้ ไฟฟ้ามีใช้ได้พอเพียงในอนาคต ก็เพราะอุตสาหกรรมใหญ่ใช่ไหม แต่สำหรับอุตสาหกรรมรายย่อย หรือ SME รัฐต้องคอยช่วยสนับสนุน รวมไปถึง ชาวไร่ชาวนาชาวสวน ก็เช่นกัน
โดยรวม คำพูดต่อศาลที่บอกว่า ถ้าไม่แปรรูปจะกระทบต่อตลาดลงทุน ผมว่าคำพูดนี้พูดในศาล ถ้าศาลตัดสินไม่ระงับก่อน ก็ถือว่าแปลกแล้วครับ เนื่องจาก ศาลคงไม่ตัดสินแค่ผลประโยชน์ด้านตลาดด้านเดียว แต่ทุกคนอย่าตื่นไป คำพูดศาลไม่ใช่ว่า ผู้คัดค้านชนะซะทีเดียว แต่ศาลขอเวลาไต่สวนเพิ่มเติม ก่อนที่อีก 2 เดือนจะประกาศใหม่อีกรอบ โดยรวมแล้ว ตลาดอาจจะซึมต่อไป ตอนนี้ต้องอยู่ที่ รัฐบาลจะต้องนำเสนอสิ่งที่ สร้างความมั่นคงและมั่นใจให้กับประชาชนได้ครับ ไม่ว่าจะการ ทำให้ egat เติบโตอย่างมั่นคง และwelfare ของประชาชน
แต่ก็อยากบอกว่า egat มีความเสี่ยง ถ้าค่าไฟฟ้าทุกบ้านราคาเพิ่มขึ้นเพราะต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น อันนี้ทุกคนต้องยอมรับ แต่ถ้าเกิดค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น egat ปลายปีมีกำไร หลายหมื่นล้านขึ้นมา ทุกคนจะคิดว่าไง ผมว่าตอนนั้นจะมีกระแสเข้ามาอีก ถ้าเหรียญกลับเป็นอีกด้าน คิดไหมครับว่าธุรกิจการไฟฟ้า จะเหมือนธุรกิจพลังงาน กับปิโตรเคมีขาขึ้น เหมือนดั่งตอน ptt เข้ามาพร้อมได้สิทธิผูกขาดท่อก๊าซ รวมไปถึงการเป็นเจ้าของ pttep ทั่งที่พวกนี้รัฐก็สร้างขึ้นมาถ้ารัฐ แยก pttep เป็นอีกบริษัท แทนที่ ptt จะถือหุ้นรายใหญ่ เป็นกระทรวงการคลังต่างหาก จะเป็นไงครับ กลุ่ม ptt ก็จะเล็กลงอย่างชัดเจน แต่ตัว pttep จะโตขึ้นได้ตามธุรกิจของมัน โดยรวมมองเห็นภาพนี้ไหมครับ นี่คือสิ่งที่ ptt ได้รับจากการช่วยเหลือภาครัฐ รวมไปถึงการยกเว้นภาษีเรื่องท่อก๊าซ ที่ต้องมีการเติบโตต่อไป รวมไปถึง การที่รัฐยังช่วยอุ้มต่อเนื่องในหุ้นกู้ที่ค้ำประกันที่ยังคงมีอยู่ 6หมื่นกว่าล้านเช่นกันครับ
โดยรวมระยะสั้นผมว่า egat จะเป็นหุ้นที่เติบโตช้านะครับ ไม่มีวงจรธุรกิจขาขึ้นดั่งเช่น ptt รวมไปถึงปัญหาเรื่องหนี้จำนวนมาก และถ้าเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำขึ้นมา ก็กระทบกับตัวมันเองอย่างจัง เนื่องจาก egat ผลิตไฟฟ้าส่วนมากมาจากเขื่อน อีกอันที่จะกระทบ ถ้าต้นทุนพลังงานสูงขึ้นอย่างมาก ก็กระทบปัญหาได้เช่นกันครับ
สุดท้ายสรุปเลย egat จำเป็นต้องแปรรูปเนื่องจากเงินนโยบายรัฐแทบไม่เหลือแล้วครับ ไหนจะ mega project อีกที่ต้องระดมเงินจำนวนมาก นี่เป็นข้อบ่งบอกได้แต่ที่ คลังต้องโอนหุ้นptt ให้ วายุภักษ์ ไป เนื่องจากคลังต้องการเงินมาหมุนเวียน หรือว่าคลังต้องการดูดสภาพคล่องออกจากตลาด แล้วข่าวที่ออกมาว่า งบประมาณปีนี้แทบถูกใช้ไปหมดแล้ว จริงหรือไม่
จากคุณ :
j_abac@hotmail.com
- [
17 พ.ย. 48 00:36:18
A:203.118.80.180 X: TicketID:109916
]