ความคิดเห็นที่ 10
ผมมองว่ากราฟค่อนข้างจำเป็น เพราะมันคือหลักสถิติ และหลักสถิติก็นำมาสู่วิธีคิดแบบความน่าจะเป็น ดังนั้นยิ่งกราฟมีข้อมูลหรือเรียกได้ว่า sample space มาก และละเอียด และยาวนานเท่าไหร่เราจะยิ่งสามารถสร้างความน่าจะเป็นได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงได้เท่านั้น แต่นั่นย่อมไม่ได้หมายความว่าจะเป็นจริงในอนาคตนะครับ เรื่องของอนาคตยังไงก็ไม่มีความแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นจะให้ทำนายแบบ 100% ก็เป็นไปไม่ได้ แต่ในทางกลับกัน การทำนายจากผลของอดีต หรือประวัติศาสตร์มันจะสะท้อนถึงเงื่อนไขของเวลา และองค์ประกอบต่างๆ ของเหตุการณ์ในขณะนั้นออกมา และหากณ. เวลาที่เรากำลังจะวัด หรือดูเหตุการณ์ของกราฟอยู่ในวันนี้มันก็อาจจะแสดงได้ว่าน่าจะมีแนวโน้ม หรือความน่าจะเป็นที่จะเหมือนกับในอดีตที่เกิดขึ้นบวกกับตัวแปรอะไรบางอย่าง ดังนั้นการใช้ indicators หลายๆ ตัวในกราฟจึงมีที่มาจากการใช้สมการของสถิติที่จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย เพื่อนๆ ลองไปศึกษาเองได้ ไม่ยากอะไร ... ซึ่งณ. ปัจจุบันนี้สมการ หรือ indicators หลายๆ ตัวก็ถูกใช้อย่างแพร่หลายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น MACD,RSI,EAVG,SSTO,ADX,BOL,MT และอื่นๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ indicators อะไรกับข้อมูลแบบไหน ทั้งนี้ไม่มีสูตรตายตัว และ indicators หลายๆ ตัวก็อาจจะขัดแย้งกันเองถ้านำมาใช้รวมกันก็เป็นได้ เพราะขึ้นอยู่กับว่าสูตรที่ใช้ใน indicators นั้นๆ คำนวนมาจากข้อมูลอะไรบ้าง และมีการสร้างตัวแปรเพื่อใช้ในการคำนวนอย่างไร
และอาจกล่าวได้ว่าถ้าจะพิจารณาเฉพาะกราฟโดยใช้ indicator ที่น้อยตัวเกินไปก็อาจจะได้ข้อมูลไม่ถูกต้องนัก แต่หากใช้มากตัวเกินไปข้อมูลก็อาจขัดแย้ง ก็ต้องเลือกในแต่ละสถานการณ์เช่นตัวอย่างง่าย การใช้ SSTO หากในช่วงหุ้น side way จะแม่นยำ กลับการถ้าเป็น bullish/bearlish จะผิดพลาด.. เป็นต้น..
ส่วนจะบอกว่ากราฟดีอย่างไรอีกข้อก็คงเป็นเรื่องสิ่งที่เรียกได้ว่า "หลักฐานทางสถิติ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจของเราอยู่บนรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในทางจิตวิทยา และช่วยในการตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวได้ดีมากกว่าการไม่ได้ใช้การวิเคราะห์กราฟมาช่วย เพราะเสมือนมีแนวทาง และหลักคิดอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวบางอย่างอยู่... ดังนั้นหลายๆ คนจึงใช้กราฟในการตัดสินใจนั่นเอง...
แต่ในแง่ตรงกันข้ามกราฟก็มีข้อเสีย เพราะกราฟนั้นเป็นการบันทึกเชิงปริมาณกับเวลาเท่านั้น จึงเป็นข้อมูลในแกน 2 มิติ หากจะดูไปแล้วเราก็คงไม่ไปตัดสินว่าข้อมูลแค่นั้นพอที่จะตัดสินใจหรือไม่กับการซื้อ/ขายหุ้น เพราะหลายๆ คนก็คงมันงงกับกราฟที่ออกมาซับซ้อนเหนือคำบรรยายได้เหมือนกัน และหลายๆ ครั้งเราก็พบว่ากราฟก็ทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดได้หลายขุมได้เหมือนกัน เพราะทุกอย่างที่อยู่ในกราฟเป็นเพียงแค่ข้อมูลในอดีตเท่านั้นเอง ไม่ได้บ่งบอกอนาคต หรือแม้แต่แนวโน้มก็ยังมีโอกาสผิดกันได้ ไม่มีความแน่นอน เพราะปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามากระทบกับหุ้นแต่ละตัวย่อมมีมากมาย ทั้งจุลภาค และมหภาค และเราก็ไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ทุกๆ อย่างได้อย่างแม่นยำนั่นเอง .. ถ้าทำได้จริงป่านนี้คงรวยกันทั้งโลกแล้วหล่ะครับ.
ในแนวคิดที่ผมอ่านมาพอสมควรเรื่องของการวิเคราะห์เชิงปริมาณ และการใช้เทคนิคอลกราฟนั้นพบได้ว่าสมาการ และสมมุติฐานต่างๆที่ตั้งขึ้นมานั้นจะต้องอยู่บนตัวแปรที่กำหนดขึ้น และไม่มีตัวแปรอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่การกำหนดตัวแปรที่ใช้ในการคำนวนนั้นไม่สามารถทำได้ในลักษณะที่ว่าสมบูรณ์ดังนั้นจึงแค่เป็นการสร้างสมการการคำนวนบนสมมุติฐานที่มีอยู่เท่านั้นเอง ถ้าจะถามว่าแล้วอย่างงี้ความน่าจะเป็นที่เราจะใช้กราฟในการทำนายอนาคตมีมากน้อยแค่ไหน ก็คงต้องตอบว่า 50% เท่านั้นเอง ที่เป็น 50% เพราะเป็นกฎของสัจจธรรมว่าทุกสิ่งเป็นของคู่กันหยิน-หยาง ดังนั้นก็มีแค่ถูก กับผิดเท่านั้นเอง...
ที่เล่ามาไม่ได้หมายความว่าให้เชื่อกราฟ หรือไม่เชื่อกราฟ แต่การนำกราฟมาใช้ในการตัดสินใจเป็นเพียงแค่เครื่องมือหนึ่งที่คนเราคิดค้นขึ้นมาได้บนพื้นฐานของสิถิติ และความน่าจะเป็นเท่านั้นเอง อนาคตจึงยังเป็นสิ่งซ่อนเล้นที่ไม่มีใครสามารถทำนายได้ถูกต้อง 100%
ถ้ากลับมามองในความคิดผมผมใช้พื้นฐานในการกำหนดสโคปการลงทุน เช่นอุตสาหกรรม ลักษณะของหุ้น มุมมองต่างๆ และใช้กราฟในการวางกลยุทธ์การลงทุน เช่นจังหวะเวลา ราคาที่เหมาะสม ระยะเวลาที่ควรถือ หรือจุดกำไรและขาดทุน เป็นต้น..ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนก็คงใช้กลยุทธ์อย่างนี้อยู่ หรือหลายๆ คนก็คงมีกลยุทธ์ที่ดีกว่านี้ก็ฝาก มาเล่าสู่กันฟังบ้างก็จะดี จะได้รวยๆ กันทุกคนครับ
จากคุณ :
maxsira
- [
17 พ.ย. 48 10:40:33
]
|
|
|