ช่วงนี้ หุ้นตกๆ ก็กลัวๆกันไปหมด
ก็งี้แหละครับ ธรรมดา
มีเกิด ตั้งอยู่ ดับไป
ทั้ง ชีวิต ทรัพย์สิน และอารมณ์

เลยว่างๆ มีเวลามาเล่าอะไรให้ฟัง

ในฐานะที่เราเป็นรายย่อย เราคิดว่า เราจะได้กำไรที่ยั่งยืนในตลาดหุ้นได้อย่างไร

กระทู้นี้ จะขอพูดเปรียบเทียบกับเกมส์เป้ายิ้งฉุบให้ฟัง

เกมส์เป้ายิ้งฉุบ ทุกคนคงจะเคยเล่นกันมาเมื่อสมัยเด็ก
ก็ไม่มีอะไรมาก คือ ออกอะไรก็ได้ ให้ชนะฝ่ายตรงข้าม
เป้ายิ้งฉุบ มีผลลัพธ์ อยู่ ๙ อย่าง
กระดาษ-ค้อน, กระดาษ-กรรไกร, กระดาษ-กระดาษ
กรรไกร-ค้อน, กรรไกร-กรรไกร, กรรไกร-กระดาษ
ค้อน-ค้อน, ค้อน-กรรไกร, ค้อนกระดาษ

โดยพื้นฐานความน่าจะเป็นแล้ว
คนที่เล่น มีโอกาส ชนะกับแพ้เท่าๆกัน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว
คนที่เคยเล่น กับเพื่อน กับพี่น้อง กับ คนเดิมๆ ก็จะรู้ว่า
มันมี pattern บางอย่าง สำหรับคนบางคน ซึ่งจะทำให้เรา สามารถเอาชนะคนคนนั้นได้ หรือ บางครั้ง เราแพ้ คนคนหนึ่งเกือบทุกครั้ง

และมันก็เป็นแบบนี้ บ่อยๆด้วย

เพราะเกมส์เป้ายิ้งฉุบ มันเป็นเรื่องของการอ่านใจ เดาใจฝ่ายตรงข้าม
โดยที่น่าจะไม่มีใคร มี dominant strategy ยกเว้น ความเชื่อ การสังเกต อากัปกริยา ของฝ่ายตรงข้าม การฝึกสายตาให้เร็ว ฯลฯ

ทีนี้ สมมติ คุณเข้าสู่ tournament การแข่งขัน เป้ายิ้งฉุบ ที่มีเซียน เดาใจระดับโลกอยู่ พวกเขามี dominant strategy เช่น ความสามารถในการกดดันคู่ต่อสู้
ความเร็วของสายตา เมื่อเขาออกกรรไกร ฝ่ายตรงข้าม มักจะถูกกดดัน ให้ครั้งต่อไปออกกรรไกรด้วยเสมอ ฯลฯ

คุณจะเอาชนะได้อย่างไร กับเซียนเป้ายิ้งฉุบได้

ทั้งๆที่คุณก็รู้ว่า เกมส์นี้มีโอกาสออกแค่ ๙ อย่าง
และคุณน่าจะ มีโอกาสชนะ พอๆ กับที่แพ้

แต่ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
มันกลับกลายเป็นว่า ด้วยแรงกดดันของฝ่ายตรงข้าม
ด้วยระยะทาง ด้วยเวลา ด้วยความเร็วในการเป้ายิ้งฉุบ
เมื่อเข้าถึงจุดสำคัญ กลายเป็นว่า คุณจะต้องเป็นฝ่ายแพ้พ่ายไปเสียเกือบทุกครั้ง

ความจริงแล้ว สิ่งที่ดูเหมือนว่า น่าจะมีโอกาสเท่าๆกัน
กลับกลายเป็นภาพลวงตา และความจริงคือ คุณมีโอกาสแพ้มากกว่าชนะฝ่ายตรงข้ามเสมอ

ทำไม ถึงเป็นเช่นนั้นหรือครับ?

คำตอบก็คือ เพราะเรามักจะเป็นผู้ไม่ประเมิน dominant strategy ของตนเอง และฝ่ายตรงข้าม ในทฤษฎีเกมส์ที่เกิดขึ้น และในบางสถานการณ์ เราก็ไม่มี dominant strategy เลย จึงได้แต่ปรับตัวตามเท่านั้น

เมื่อไม่ประเมิน ก็ไม่สามารถหาจุดสมดุลย์ที่ทำให้เราได้กำไรอย่างยั่งยืนได้

สำหรับระดับเซียน เป้ายิ้งฉุบ
ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล
ความสามารถในการสังเกต ประสบการณ์
การกดดันคู่ต่อสู้
ฯลฯ

ล้วนเป็นส่วนผลักดัน ให้เราตกอยู่ภายใต้อิทธิพลได้โดยง่าย

และเซียนเหล่านี้ มักจะมี dominant strategy ที่อย่างไรก็จะดำเนินไปตามนั้น และชนะเสียเป็นส่วนใหญ่

ในตลาดหุ้นก็เช่นกันครับ
รายใหญ่ เขาจะมี dominant strategy ที่ไม่ว่าอย่างไร ก็จะทำตามนั้น และในท้ายที่สุดแล้ว ส่วนใหญ่ได้กำไร

เมื่อเรากำเงินเข้ามาในตลาดหุ้น เราหวังอะไร

กำไร สิแน่นอน

แต่ในความเป็นจริง เราทำได้ตามนั้น จริงหรือ?
๑๐๐ ละ ๘๐ ยังคงขาดทุน เขาว่ากันว่างั้นนะครับ

เพราะเราเข้ามา โดยที่เอาจุดอ่อนเข้ามาด้วยตลอดครับ
เรามักจะคิดว่า มันง่าย
มันมีแค่ ขึ้นกับลง
เราคิดแค่ว่า แค่ซื้อ แค่ขาย ก็แค่นั้น
โอกาสชนะแพ้ ก็พอๆกัน

แต่สุดท้าย ๑๐๐ ละ ๘๐ ยังคงขาดทุนเช่นเดิม
บางครั้ง เราอาจจะโชคดี แต่มันก็ไม่เคยยั่งยืนได้เลย

ทำไมกันนะ?

ในเกมส์ เมื่อมีคนได้ ก็ต้องมีคนเสีย
ในการเป้ายิ้งฉุบ เมื่อมีคนชนะ ก็ต้องมีคนแพ้เสมอเช่นกัน

เมื่อคุณเริ่มเป้ายิ้งฉุบ หากคุณไม่มี strategy ใดๆทั้งสิ้น
พอฝ่ายตรงข้ามออกกระดาษมา คุณอาจจะรู้สึก

๑ กดดันที่จะไม่ออก ค้อน ดังนั้นคุณจะออกแต่ กระดาษ กับกรรไกร
หรือ

๒ ออกค้อน เพราะคุณคิดต่อไปว่า เมื่อเขาตั้งใจกดดันคุณไม่ให้ออกค้อน หมายความว่า ฝ่ายตรงข้าม เตรียมตัวรับมือคุณไว้แล้ว ด้วยกรรไกรเท่านั้น เพราะถ้าเขาสามารถกดดันคุณได้จริง โอกาสที่เขาจะแพ้คุณก็มีเท่ากับศูนย์ เหลือแต่ ชนะ ๕๐ กับ แพ้ ๕๐
ดังนั้น คุณจึงต้องย้อนสอน ออกค้อนเท่านั้น
หรือ

๓ ไม่สนเลย ใช้ แรนด้อม เอาดวงเข้าสู้ดีกว่า มั่วไปเลย

เห็นไหมครับ ว่าผลลัพธ์ที่จะออกมา ภายหลังการคิด ภาพอนาคต ความเชื่อ พื้นฐานความคิด การขัดเกลาทางสังคม ฯลฯ
จะเป็นตัวกำหนด strategy ของคุณในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ซึ่งผลลัพธ์มันจะแตกต่างกันไปในท้ายที่สุด

ซึ่งนักเป้ายิ้งฉุบ ระดับโลก เขาจะสังเกต อาการของคุณ ดู strategy พื้นฐาน ก่อน ตัดสินใจจัดการกับคุณ เขาอาจจะแพ้ในเกมส์แรก แต่เมื่อเขาจับ strategy ของคุณได้ เขาก็จะจัดการกับคุณได้ในที่สุดครับ

ผมคงจะไม่บอกว่า เราควรจะทำอย่างไรในตลาดหุ้น

ผมเพียงแค่บอกว่า

ทุกการเคลื่อนไหว ของราคาหุ้น มันมีคนที่กำลัง เล่นเกมส์กับเราอยู่เสมอ

และคนเหล่านี้ ก็ต้องการเอาชนะเราด้วยทั้งนั้น

ถ้าเราไม่มี dominant strategy
ไม่มีแต้มต่อในการเล่นเกมส์
ไม่มีระบบที่สนับสนุน ตรวจสอบ ได้ในระยะยาว
ไม่สามารถบังคับตนเอง ให้เป็นไปตามระบบ
ไม่สามารถควบคุม ความโลภ กระโดดไล่หุ้น ยอดดอย
ไม่สามารถควบคุมความกลัว หุ้นหล่นลงมาก้นเหว ก็เทขาย
ไม่สามารถควบคุม ปริมาณเงินลงทุน
ฯลฯ

แน่นอนว่าในระยะยาว เราจะเป็นผู้พ่ายแพ้เกมส์การเงินนี้อยู่ดี ในท้ายที่สุด

เราจะต้องหาให้เจอว่า อะไรคือจุดเด่นในการเล่นของตัวเอง
จุดเด่นนี้ จะต้องเป็นระบบที่เปลี่ยนแปลงน้อย และในระยะยาว ยังทำให้เราเป็นผู้ชนะเกมส์อยู่ได้บ่อยครั้ง

อันนี้ ก็ต้องแล้วแต่ตัวของคุณผู้เล่นเกมส์เองครับ แต่ละคนก็จะมีวิธีจัดการที่แตกต่างกันไป

ขอให้หาเจอ และมีความสุขกับการเล่นหุ้นครับ