ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยกับคุณMyth&Miracle ผมสังเกตดูนะครับ ประเทศที่ถูกอ้างว่าแปรรูปแล้วดีขึ้นก็เช่น อเมริกา หรือ ญี่ปุ่น และประเทศที่ล้มละลายหรือเกือบล้มละลายก็ อาเจน ฟิลิปปิน อเมริกา พิมพ์ bond เท่าไร ก็มีเงินใช้ในประเทศ ญี่ปุ่นก็ มี รถยนต์, electronic products etc ที่ generate เงินเข้าประเทศ แต่ผมกลัวพื่นฐาน เศรษกิจเราจะคล้ายๆ อาเจน คือ พึ่งการ การภาคเกษตร เป็นตัว generate รายได้ของคนในประเทศ ขายข้าวเป็น เกวียน ผลิตรถก็ได้แค่ค่าจ้าง(เมื่อไรจะได้ knowhow อย่างที่เรียนมาตอนเด็กสักที) quarter ที่ผ่านมาซื้อเครื่องบิน ขาดดุลการค้าเลย จากคุณ : Thai Crystal - [ 26 พ.ย. 48 10:58:54 A:24.63.179.214 X: TicketID:001471 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้ ผมก็ว่างเหมือนกัน จะลองตอบดูนะครับ อาจจะมั่วบ้างเพราะคิดเท่าที่คิดออกตอนนี้ ก็ถือว่าแลกเปลี่ยนกันนะครับ เป็นมุมมองของผมเอง โดยไม่ได้อ้างอิงหนังสือ เศรษฐศาสตร์ เล่มไหนทั้งสิ้น คิดว่า หลายคนคงจะแย้งได้เยอะ โดยใช้เศรษฐศาสตร์มหภาค หรือ แม้แต่จุลภาค(ผมว่าหาอ่านได้ทั่วไป ถ้าจะมองแบบนั้น) แต่ก็อยากมองในมุมที่มันต่างออกไปบ้างนะครับ ขั้นแรก เราลองตัดประเด็นเรื่อง ชาตินิยม หรือ ความรักชาติ หรือสิ่งที่อ้างว่าเป็นความรักชาติ ทิ้งไปก่อนนะครับ ทีนี้ เรามามองเรื่องภาพรวมของ "การไหลเวียนของกระแสเงินสด" กันก่อน ซึ่งผมคิดว่าเป็นประเด็น ที่พี่กำลังจะสื่อ โดยเฉพาะการไหลเวียนของกระแสเงินสดภายในประเทศ ว่ามีนัยยะ อ้างถึง ว่ามันจะเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น ถ้ากระแสเงินสดนี้ชอร์ต เพราะมันจะไหลเวียนออกนอกประเทศ? ผมจะลองอธิบายให้ฟังว่า ถ้าเราลองมองว่าประเทศให้เล็กลงหน่อย เป็นหน่วยธุรกิจที่ครบถ้วนอันหนึ่ง คือสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของสมาชิกได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องแสวงหานอกหน่วย ในหน่วยธุรกิจนี้ ก็จะมีหน่วยย่อยๆเล็กลงไป ซึ่งแต่ละหน่วยก็สัมพันธ์กัน ทั้งในด้านรับและส่งกระแสเงินสด ซึ่งคนจะได้รับกระแสเงินสด ก็ต่อเมื่อทำงานมีรายได้ หรือกู้ยืมเงินเท่านั้น(การกู้ยืมเงิน ก็คือ การใช้รายได้ในอนาคต โดยมีการตกลงว่า จะคืนให้เมื่อถึงเวลาหนึ่งในอนาคต ซึ่งอาจคืนหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่กรณีเมื่อเวลานั้นมาถึง แต่ภารกิจของการกู้ยืมเงิน ก็ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนของกระแสเงินสดด้วยเช่นกัน เพียงแต่รอบของมันอาจน้อยกว่า เพราะอาจไม่ส่งผลให้เกิดผลผลิตจริง) การหมุนเวียนของกระแสเงินสดนี้ยิ่งบ่อยครั้งยิ่งดี(คนจะรู้สึกว่ามีเงินมากขึ้น ทั้งๆที่มีเงินเท่าเดิม แต่หมุนหลายครั้งเข้าก็รู้สึกว่ามากขึ้น และเพราะการหมุนเวียนของเงินนี้ เป็นสมมติฐานแปรผันตามการทำงาน ดังนั้น จึงอนุมานว่าจะทำให้เกิดผลผลิต ซึ่งส่งผลต่อมาให้เกิดการหมุนเวียนของเงินสดต่อไปเรื่อยๆ ถ้าอนุมานว่า คนส่วนใหญ่ไม่เกิดการออมมากเกินไป ดังนั้น ภาพของการเจริญเติบโตของหน่วยธุรกิจจะเป็นกลไกสำคัญ ผลักดันให้เกิดการไหลเวียนของกระแสเงินสดนี้ด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าบริษัท ก ขยายตัวก้าวหน้าต่อเนื่อง พนักงานบริษัทน่าจะกล้าดาวน์รถ ผ่อนบ้านมากขึ้น เพราะเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย คนจะจับจ่ายมาก ก็ต่อเมื่อเห็นภาพของเศรษฐกิจดีเป็นธรรมดาอยู่เอง และคนจะอยากออมมากกว่า เมื่อภาพของเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งระดับประเทศอาจจะเทียบได้กับระดับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจครับ) ถ้าเราอธิบายว่า หน่วยธุรกิจที่สมบูรณ์นี้จะอยู่ได้ด้วย การไหลเวียนภายในของกระแสเงินสดนี้ ลองเขียนเป็นความสัมพันธ์ง่ายๆ(เท่าที่ผมคิดออกตอนนี้) การไหลเวียนของกระแสเงินสด จะแปลผันตาม ผลผลิต และ ภาพของหน่วยธุรกิจว่าดีหรือไม่ และการกู้ยืมเงิน เป็นต้น จากความสัมพันธ์นี้ แปลได้ว่า ถ้าผลผลิตรวมดีขึ้น การไหลเวียนของกระแสเงินสดน่าจะดีขึ้น และแย่ลง ถ้าผลผลิตลดลง ถ้าภาพของธุรกิจรวมดีขึ้น การไหลเวียนของกระแสเงินสดน่าจะดีขึ้น และแย่ลง เมื่อภาพไม่ดี ถ้าการกู้ยืมเงินมีมากขึ้น การไหลเวียนของกระแสเงินสดน่าจะดีขึ้น และแย่ลง เมื่อการกู้ยืมเงินน้อยลง(ถ้าหนี้ เป็น npl การปล่อยกู้ยืมก็จะยากขึ้น กระแสเงินสดก็จะแย่ลงไปเรื่อยๆ และจะเกิดพร้อมๆกับ ตัวแปร ๒ ตัวแรกแย่ลงเสมอ) เราจะเห็นว่า หน่วย ธุรกิจนี้ จะเกิดปัญหาการไหลเวียนของกระแสเงินสดจริง ถ้าตัวแปรทั้งสามนี้ แย่ลง ซึ่งนี่ คือ ภาพที่อยู่ในอุดมคติ เพราะไม่มีหน่วยธุรกิจไหน อยู่ได้ด้วยตัวของมันเองครับ มันต้องมีปฏิสัมพันธ์ข้ามหน่วยธุรกิจด้วยเสมอ ทีนี้ เรามามองความเป็นจริง ไม่มีหน่วยธุรกิจใด ที่สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของสมาชิกได้ครบถ้วน เช่น amway มีสินค้าหลากหลายจริง แต่ถ้าพนักงาน amway อยากซื้อบ้าน แต่ amway คงไม่มีขาย(หรือมี!?) พนักงานก็ต้องไปซื้อนอกหน่วยธุรกิจ ดังนั้น จะเห็นกระแสเงินสดข้ามธุรกิจกันแล้ว เช่นกัน เมื่อหน่วยธุรกิจนี้ อาจมีปัญหากระแสเงินสดชอร์ต หน่วยธุรกิจนี้ ก็สามารถกู้ยืมเงินจากหน่วยธุรกิจอื่นได้ ธุรกิจนั้น ถ้าท้ายที่สุดแล้ว มี การผลิตที่ดี ก็จะสามารถหาเงินกู้ได้ และสามารถใช้คืนได้ การไหลเวียนของกระแสเงินสดจากการกู้ยืมเงินก็จะยังคงมีต่อไป จนกว่าจะไม่สามารถใช้คืนได้แล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูหนี้สินต่อไป ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าหน่วยธุรกิจนั้นจะเจ๊งจริงๆ ถ้าหน่วยธุรกิจนั้น มีความซับซ้อน และเกือบสมบูรณ์อยู่ในตัวเอง วันหนึ่งมันก็จะกลับมาได้เอง เช่น tpi เป็นต้น ทีนี้ เรามามองประเทศกันบ้าง ประเทศคือหน่วยธุรกิจที่มีความซับซ้อน และเกือบสมบูรณ์อยู่ในตนเอง ในระดับโลกในปัจจุบัน เราเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อย เราไม่ได้มีอำนาจสามารถต่อรองกับประเทศระดับใหญ่ๆได้ พิจารณาเฉพาะ เรื่องกระแสเงินสดในปัจจุบัน มันเป็นเรื่องของการไหลเวียนเงินระดับโลก ซึ่งเร็วกว่าที่เราคิดมากนัก ซึ่งมักจะไหลไปหาจุดที่คิดว่า ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเสมอ ถ้าเรามองว่า การไหลเวียนของกระแสเงินสดภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ การไหลเวียนของกระแสเงินสดระดับโลก ซึ่งผ่านทั้งการให้กู้ยืม การลงทุนต่างๆ เพราะระดับของเงินมันต่างกันเลยครับ แต่ปัญหาก็คือ ประเทศไทยไม่มีอิทธพลต่อการตัดสินใจโยกย้ายกระแสเงินสดนี้ มันเพียงแต่ย้ายมาพัก เมื่อมันถึงเวลา และจะย้ายไป เมื่อมันถึงเวลาเช่นกันครับ(หลังต้มยำกุ้ง ประเทศเราดีขึ้นเพราะอะไร ก็ต้องตอบว่า imf และการกู้ยืมเงิน เมื่อถมเงินเข้ามาแล้ว โดยระเบียบและความสมบูรณ์ของความเป็นประเทศ เราก็จะฟื้นได้เอง อาร์เจนติน่าก็เหมือนกัน เม็กซิโก ก็เหมือนกัน ผมไม่คิดว่า เม็กซิโกตอนนี้ กำลังแย่นะครับ) ถ้าเรามองว่าประเทศไทยเป็นเพียงหน่วยธุรกิจเล็กๆหน่วยหนึ่ง ที่มีความสมบูรณ์พอควรในตัวเอง เมื่อถึงเวลา ที่กระแสเงินสดไหลออกนอกประเทศ(ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม) อย่างไรมันก็ต้องเกิด(ยกเว้น เราจะปิดประเทศ และดำเนินตามเศรษฐกิจพอเพียง แต่ถึงวันนี้ แล้ว เราสามารถทำมันได้จริงหรือ?) เพราะเราไม่มีอิทธิพลต่อการไหลเวียนกระแสเงินสดระดับโลกนี้มากนัก และเมื่อใดก็ตาม ที่กระแสเงินสดมันจะไหลกลับเข้ามา มันก็ต้องมาครับ(มันจะมาเมื่อเห็นว่าจะได้ผลตอบแทนเป็นบวกกลับไป) ในระดับโลก เราไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง หรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจอย่างเบ็ดเสร็จ เพราะเราไม่ใช่ผู้เล่นระดับ big player ในสงครามเศรษฐกิจระดับโลก ที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนเองทั่วโลก อย่างอเมริกา ญี่ปุ่น หรือจีน ตัวจริงเราเล็กนิดเดียวเองครับ ประเทศที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่ถ้ามีความสมบูรณ์ในฐานะหน่วยธุรกิจ เมื่อถึงเวลากระแสเงินสดมันก็จะมาเอง และเมื่อถึงเวลากระแสเงินสดมันก็จะไปเอง ตัวอย่างง่ายๆ -สมัยชาติชาย กระแสเงินสดไหลมาอย่างบ้าคลั่ง เราก็นึกว่าความเฟื่องฟูนี้จะยั่งยืน เร่งขยายที่ ทาง จับจ่ายใช้สอยเกินตัว ซื้อที่ดินไว้เก็งกำไร แล้วเป็นไงครับ หมดตัวซ้า -พอมาสมัยต้มยำกุ้ง เราคิดว่า เราแย่แน่ ภาพดูไม่ดีเลย เหมือนประเทศจะเจ๊ง คนไม่กล้าจ่ายเงินแล้ว แต่เราก็ยังได้กระแสเงินสดเข้ามาตอ่เนื่องจากการกู้ยืมเงิน รวมไปถึง imf ใครเริ่มขยายการลงทุนตอนนั้น รวยครับ -พอมาปี ๔๖ เศรษฐกิจก็กลับมาดีอีกครั้ง และมันก็จะวนเวียนไปเช่นนี้แล เราไม่รู้หรอกว่า สิ่งเหล่านี้ มันจะเกิดเมื่อไร(บางคนอาจรู้คร่าวๆ เพราะเดาเก่ง ฮ่าๆ เหมือนที่ผม และนักเทคนิคหลายคนมองคร่าวๆว่า ปีหน้านี้มันต้อง break out สามเหลี่ยมกันแล้ว และน่าจะ break ขึ้นด้วย ไม่ใช่ break ลง แล้วจะยกระดับไปเล่น เหนือ ๘๐๐ จุดกันสักที) เรารู้แต่ว่า สิ่งเหล่านี้ มันเกิดขึ้นมาตลอด และไม่ยั่งยืนเมื่อมันเลยจุดสมดุลย์ แล้วมันก็ต้องเปลี่ยนสถานะ แล้วมันก็ต้องกลับไปกลับมาอย่างนี้ตลอดไปจนกว่าจะมีการสิ้นสูญ ในฐานะคนไทย ที่เรารู้ว่า สิ่งนี้ กำลังเกิดขึ้นกับประเทศ และไม่ว่าจะทำอย่างไร มันก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เราจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่า เศรษฐกิจของประเทศ จะต้องมีช่วงเฟื่องฟูสุดๆในอนาคต และช่วงซบเซา จนอาจเข้าขั้นวิกฤตในอนาคต วนเวียนไปเช่นนี้แล จนกว่าจะไม่มีประเทศไทยอีก มีเกิด ตั้งอยู่ และดับไปเสมอ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะทำอย่างไร แต่ถ้าเป็นผม ซึ่งคาดเดาว่า กลไกมันเป็นแบบนี้ ผมก็จะลงทุนตอนที่คนอื่นไม่ลงทุน และเก็บออม ตอนที่คนอื่นลงทุน ผมว่าจะทำประโยชน์ให้กับกระแสเงินสดของเรามากที่สุดนะครับ ไหงมาจบแบบนี้ ได้หว่า เอา เหอะ เช้าวันเสาร์ อากาศเย็นๆแบบนี้ จะเอาอะไรมาก สมองยังไม่แล่นครับ อิอิ จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 26 พ.ย. 48 11:30:41 A:58.136.64.244 X: TicketID:080268 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านความคิดเห็นของคุณแมงเม่ามือใหม่แล้วเห็นภาพชัดเจนดีครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ จากคุณ : แอบอ่าน - [ 26 พ.ย. 48 12:50:55 A:203.154.208.21 X: TicketID:109837 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับ เงินกำลังจะหมุนไป.. ถ้าทุกคนรู้จักความพอเพียง... ประโยคนี้เหมือนจะไม่เข้าหูเข้าหัวใครเลย...ผ่านมากี่สมัยแล้ว คนดีควรมีอำนาจเหนือคนไม่ดี และช่วยกันทำให้คนไม่ดีหมดอำนาจ ปัญหา: วันก่อนเกิดความรู้สึกจับใจขึ้นมาว่า ทำไมทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี แล้วเรายังทำมันอยู่อีก สาเหตุ: เลยตอบตัวเองว่า เพราะคนไม่ดี(ความเลวในใจตัวเอง)มีอำนาจมากกว่า เลยเอาทางพระเข้าว่าต่อ ความไม่ดี(ความเลว)มันมีที่มา ทั้งๆที่เรารู้อยู่ว่าเกิดความเลวในใจเราแล้วนะ แต่ความหลงในลาภยศสรรเสริญสุข(ความสุขทางโลก)มันมาอยู่เต็มหัวใจเราเลย ในที่สุดก็เข้าใจตัวเองว่า เพราะตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในธรรมขาว แต่เรากำลังอยู่ด้วยธรรมดำ เรากำลังหวังในสิ่งที่ให้ความสุขแบบปลอมๆ ซึ่งมันจะย้อนกลับมาทำร้ายเราในเวลาข้างหน้า สิ่งที่ต้องการ: ทั้งๆที่ เราควรจะทำในสิ่งที่เกิดแต่ความสุขและประโยชน์ให้แก่ตัวเองและสังคม โดยที่เราจะไม่ต้องคอยแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรอีก ทำยังไง: เราต้องสร้างกติกาที่ดีและมีจิตใจยอมรับกติกานั้น แล้วทำตามกติกาที่ตั้งไว้ อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นทางสู่พระนิพพาน แต่เราไม่ใช่ทางสายนี้ แค่กึ่งๆ จึงจบอยู่ที่กติกาที่ดี ทำความเข้าใจกติกาของตัวเองให้ดี แล้วเราจะเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง แล้วเงินกำลังจะหมุนไปล่ะ... ถึงตอนนั้นมันจะกลับมาหาเราเอง อย่าดิ้นหนีมันซะล่ะ จากคุณ : Go2Better - [ 26 พ.ย. 48 13:05:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอคาระวะท่านแมงเม่าหนึ่งจอก เนื่องจากความคิดเห็นของท่านนี้อธิบายได้ง่ายๆๆ แต่ประเด็นคือ ความซับซ้อนของระบบเศรษฐกิจ ที่ยิ่งซับซ้อนกันมาเท่าไร ปัญหายิ่งหมักหมก กันมากขึ้น จากปัญหาที่แก้ไขง่ายๆๆ จะกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขยากมาก อย่างเช่น เงินจะหมดไปที่บอกนั้น ถ้าหัวใจคือธนาคารล้มอะไรจะเกิดขึ้น คือ เศรษฐกิจจะหมดหมุนไปซักพักใหญ่ๆๆ ประชาชนขวัญหนีดีฟ่อกันหมด แล้วเงินจะหมดไปหรือ งานนี้มันมองยากแต่ไม่ยาเกินไปสำหรับคนจะมอง ถ้าคุณคิดว่าคุณทำมันได้ คุณก็ทำได้มันได้อยู่แล้วอ่ะ จากคุณ : Myth&Miracle - [ 26 พ.ย. 48 19:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่านค่ะ ... จากคุณ : อิกคิวซัง - [ 26 พ.ย. 48 20:07:29 A:58.9.140.218 X: TicketID:112002 ]

ความคิดเห็นที่ 7  ....เข้ามาดู  เอ๊ะ! หรือว่าจะไปด้วยกันกับคุณ GoToBetter จะดีกว่า จากคุณ : ลุค - [ 26 พ.ย. 48 22:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ... เข้ามาหมุนไป จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 พ.ย. 48 17:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไอสไตน์บอกว่า สสารไม่สูญแต่จะเปลี่ยนจากสถานะหนึ่งไปเป็นอีกสถานะหนึ่ง ในด้านการเงินน่าจะคล้ายกัน เงินจำนวนหนึ่งสามารถที่จะหมุนไปได้เรื่อย คุณค่าของมันจะแปรเปลี่ยนไปตามความสามารถของผู้ครอบครองแต่ละช่วง ค่าของเงินเมื่อเปรียบเทียบกับค่าของสินทรัพย์ขึ้นอยู่กับดีมานด์กับซับพลาย และค่าของเงินเมื่อมันอยู่นิ่ง ๆ มันก็ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนและหักด้วยอัตราเงินเฟ้อ นั่นหมายความว่าถ้าเงินอยู่เฉยอาจมีค่าลดลง แต่ในทางกลับกันถ้านำเงินไปลงทุนเล่นหุ้นอาจทำให้เงินลดลงเนื่องจากการขาดทุน ขอคารวะรายย่อยที่มีความสามารถในการลงทุนที่มีกำไร จากคุณ : j (jonathan w.) - [ 28 พ.ย. 48 15:55:27 ]