CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    จิตวิทยาของคนเล่นเทคนิค แบบที่ผมใช้ครับ

    วันนี้ ผมจะมาพูดถึงปัญหาอันหนึ่ง ซึ่งคนเล่นเทคนิคมักจะเจอแล้วไม่สามารถทำตามที่คิดได้เสมอ

    นั่นคือ การบังคับจิตใจ ให้กระทำการซื้อขาย ตามกราฟครับ
    เราต้องยอมรับว่า เราเป็นมนุษย์ปุถุชน คนหนึ่ง
    เรามีอารมณ์ โลภ กับกลัวเป็นธรรมดา
    บางเวลา กราฟบอกว่าน่าซื้อแล้ว เราเห็นจุดเสี่ยงที่ค่อนข้างปลอดภัยว่ามันน่าจะเด้งแถวนี้แล้ว
    แต่มันลงซะน่ากลัวเลย
    เราเคยรู้สึกแบบนี้ กันไหมครับ
    “เฮ้ย มีข่าวร้าย ไรเป่าวะ”
    “เฮ้ย รออีกหน่อยดีก่าเป่าวะ”
    ฯลฯ

    เสร็จแล้ว พอมันทุบเก็บของเสร็จ มันก็ขึ้นไปเลย ในขณะที่เราเงื้อแล้ว เงื้ออีกอยู่นั่นแหละ ฮ่าๆ

    คือสมองมนุษย์ ก็เป็นแบบนี้แหละครับ
    เรามักจะถูกโปรแกรมมาว่า
    มันมักจะมีเหตุ อันสมควร ก่อนการเกิดผลใดๆเสมอ
    เรามักจะเชื่อว่าการเคลื่อนไหวราคา มันมีเหตุ อันสมควรเสมอ
    ซึ่งมันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องใหญ่ที่สุดซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคา
    นั่นคือผลประกอบการ ครับ(ถ้าผลประกอบการไม่ดี ราคาจึงลง)
    (ถ้าผลประกอบการดี ราคาจึงขึ้น)
    ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตลาดหุ้น ความคิดแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย
    บางครั้งราคาค่อยๆขึ้นไปพร้อมผลประกอบการ
    แต่บางครั้ง ราคาขึ้นก่อน แล้วเกิด sell on fact
    ฯลฯ

    ๒ อย่างนี้ เราจะเห็นว่า ผลของการกระทำหลังเข้าซื้อ ด้วยกระบวนการตามเหตุและผลในสมองเรา มันแตกต่างกันคนละเรื่องเลย

    ถ้าเราใช้กระบวนการนี้{{คือ หาข่าวผลประกอบการดี แล้วเข้าซื้อ หาข่าวผลประกอบการไม่ดี แล้วขาย ทั้งๆที่กราฟบอกแล้ว ว่าซื้อสิ เซฟ แต่เราเงื้อง่าอยู่ อันนี้ ก็ไม่เป็นไปตามระบบ ซื้อแล้วลง แต่ลงไม่มาก ขายทำไม ยังเซฟอยู่ ฯลฯ ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่ต้องศึกษาเทคนิคก็เหมือนกัน ใช้จิตวิทยามวลชน หาจังหวะซื้อขาย ก็พอ ซึ่งผมคิดว่า รายใหญ่ๆ เขาใช้แค่จิตวิทยาความโลภความกลัวของมวลชน บวก ประสบการณ์ในตลาด บวก อำนาจซื้อขายนำ บวกอำนาจควบคุมข่าวสาร เพื่อเขย่าเอาของ หรือ ปั้นน้ำเป็นตัวรินขาย ก็คงพอจริงๆครับ ไม่ต้องหาจุดเซฟ ในการเสี่ยงเข้าซื้อแบบเป๊ะๆของเทคนิครายย่อยหรอกครับ เพราะ dominant strategy ในการเล่นเกมส์นี้มีต่างกันครับ ตัวอย่างเช่น การออกข่าวไม่ว่าจะดี-เพื่อปล่อยของ หรือร้าย-เพื่อเก็บของ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่รายใหญ่จะทำค่อนข้างแน่ เพราะทำ อย่างไรก็ดีกว่าไม่ทำครับ เพราะสภาพคล่องจะเพิ่มขึ้น รายใหญ่ซึ่งปอดใหญ่ ต้องการสภาพคล่องเสมอและความสามารถในการทำกำไรจะเพิ่มขึ้นครับ ฯลฯ}}
    ผลของมันออกมา อาจจะเป็น random ของเหตุการณ์ ซึ่ง sample ของผลลัพธ์ อาจจะออกได้ทั้งสองหน้าเลยก็ได้ ผลลัพธ์นี้ อาจจะเป็น ๕๐-๕๐ หรือ ๔๐-๖๐ ก็แล้วแต่ ไม่ใช่ประเด็น และไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ครับ

    จะลองเปรียบเทียบให้ฟังอีก
    สมมติเราออกจากบ้าน จากซอย ๑ เพื่อไปซื้อเครื่องเล่น mp๓ ที่ซอย ๖
    วิธีการเดินทางของเรา อาจจะเริ่มจากออกจากบ้าน ซอย๑
    เดินไปตามทางเท้า ผ่านสนามหญ้า เหยียบขี้หมา เช็ดรองเท้ากับหญ้า ที่ซอย ๓
    โดนหมาไล่กัด วิ่งหนี กลับไปซอย ๒ ก่อน
    แล้วหลบออกมา เดินกลับไปตามทางเก่า
    นึกได้ แฟนจะมาหาที่บ้าน เลี้ยวเข้าซอย ๔ แวะซื้อดอกไม้ ให้แฟน
    เดินกลับมา แล้วไปซอย ๕
    เจอคนไม่ชอบหน้า เลี่ยงไปซอย ๔ ใหม่
    ปลอดคนแล้วค่อยกลับไปซอย ๕
    ได้ซื้อแล้ว mp ๓ ที่ซอย ๖

    เราจะเห็นว่า ในการไปยังจุดหมาย อาจเกิดรูปแบบต่างๆได้มากมายหลายรูปแบบเสมอ
    แต่สุดท้าย direction ของการเดินทางนั้น มันจะออกมาในรูปแบบที่ก้าวหน้าไปในทางใดทิศทางหนึ่งเสมอ
    ซึ่งนั่นก็คือ สิ่งที่คนเล่นเทคนิคพยายามจับ แต่มักหวั่นไหวไปกับ การหลุดออกจาก direction นั้นๆ โดยสภาวะปรุงแต่งของจิต อันเกิดจากความโลภกลัว ในผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญครับ

    วิธีการคือ เราต้องสร้างสภาวะที่เราจะไม่ถูกจำกัดโดยการปรุงแต่งของจิตเรานี้(ทำไมมนุษย์กลัวความมืด เพราะความมืดทำให้เราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ มนุษย์กลัวอนาคต เพราะมนุษย์ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของผลประโยชน์ เรามักถูกเบี่ยงเบนให้ออกจากเป้าหมาย เพราะความกลัวอนาคตในใจของเราเองครับ เราอาจรู้สึกกลัวได้เสมอ เพราะเรายังเป็นมนุษย์ แต่ถ้าเราปรับสมองของเราให้สนุกกับการคาดเดาอนาคต ผลลัพธ์อาจออกมาอีกแบบก็ได้ อันนี้ ต้องลองเก็บข้อมูลย้อนหลังดู แต่ละคน คงจะไม่เท่ากันครับ)

    เราต้องรู้สึกสนุกกับการเล่นเกมส์นี้
    เราต้องรู้ว่า มันเป็นเกมส์การเงินของคนกลุ่มอื่น กับตัวของเรา
    ซึ่งคนกลุ่มนี้ มีทั้งอำนาจซื้อ และขายนำ และอำนาจการควบคุมข่าวสาร
    การเบี่ยงเบน ไปจากจุดประสงค์เล็กน้อย ไม่ใช่ประเด็น
    จุดสำคัญยังคงเป็น รูปแบบการเดินทางไปของราคา นั่นคือ direction ของมันครับ

    ถ้าเราสนุกกับเกมส์นี้ก่อน ผลประโยชน์
    เราก็จะไม่สะทกสะท้าน กับสิ่งต่างๆที่ได้เกิดขึ้นในระหว่างกรอบการเดินทางไปของราคาครับ(กรอบของคนเล่นเทคนิคคือ จุดเสี่ยงซื้อที่เซฟ(คือซื้อแล้วขึ้นมากกว่าลง) กับจุดstop loss ที่ยอมรับได้(คือ ขายแล้วลงมากกว่าซื้อ)

    พูดง่าย ทำยากหรือครับ?
    กำไร ขาดทุน ทำใจยากถูกไหมครับ(แม้จะคาดเดาการเคลื่อนไหวของราคาแล้ว แต่กำไรขาดทุนระยะสั้นยังทำใจไม่ได้)

    สิ่งที่ผมใช้บอกตัวเองเสมอในการเล่นหุ้นคือ
    ในชีวิต เราเกิดมาโดยไม่มีอะไร
    คนเราเกิดมาก็ต้องตาย ถ้าวันพรุ่งนี้ เราตายไป
    เราก็เอาอะไรไปไม่ได้อยู่ดี
    นับประสาอะไรกับตัวเลขในธนาคารที่วิ่งขึ้นวิ่งลง เพราะการกระทำรายวันของเรา ผ่านกระแสตัวเลขเขียวกับแดง
    ถ้าถึงจุด stop loss อย่างไรก็ต้องขาย
    ถ้าถึงจุดเสี่ยงซื้อ อย่างไรก็ต้องซื้อ
    จะกังวลทำไม
    ทั้งหมดล้วนแทบจะเป็นสิ่งสมมติในโลกเสมือนจริงเท่านั้นเอง

    ถ้าในแต่ละวัน เรารู้สึกสนุกกับมัน
    อันนั้นล่ะ สุดยอดครับ
    เพราะเราจะสามารถ ตัดสินใจได้ก่อนคนอื่น ในขณะที่คนอื่นกำลังกลัว หรือโลภครับ
    การตัดสินใจ ในภาวะที่คนอื่นกลัวหรือโลภได้อย่างมั่นคงนั้นแหละ สนุกและได้เปรียบคนอื่นมากครับ

    และโลกจริง คืออากาศที่เราหายใจ กับคนที่อยู่รอบตัวเราครับ
    ชีวิต แค่ไม่กี่สิบปี จะไม่ใช้ให้ตัวเอง คนรอบข้าง มีความสุข ผมว่าเสียโอกาสครับ

    แต่เราจะพูดแบบนี้ไม่ได้เลย
    ถ้าเราไม่มีระบบป้องกันความเสี่ยงในการเล่นหุ้นที่ดี
    หวังว่าทุกคนคงจะหาระบบที่เหมาะกับตนเองและป้องกันความเสี่ยงได้พอควรเจอนะครับ

    ถ้ามีระบบเช่นนี้ แล้วผลลัพธ์ของมันส่วนใหญ่เป็นบวก
    ที่เหลือ ก็แค่ความสามารถในการควบคุมอารมณ์เท่านั้นเองครับ

    ขอให้สนุกกับการเล่นหุ้นนะครับ

    จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 1 ธ.ค. 48 09:05:23 A:58.136.67.111 X: TicketID:080268 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป