ความคิดเห็นที่ 44
คุณ mudleygroup ได้อ้างถึง คณิตศาสตร์ก่อน ดังนั้น ผมจะลองนึกถึงคณิตศาสตร์ เท่าที่ผมเข้าใจนะครับ
คุณ mudleygroup ได้อธิบายไว้ว่า ส่วนวิธีทางคณิตศาสตร์ดั้งเดิมก็คือ เราจะเริ่มจากเหตุการณ์ที่จริงๆแน่นอน แล้วค่อยๆขยายผลไปหาสิ่งที่เราต้องการ
ในคณิตศาสตร์ เราจะต้องเชื่อว่ามีความจริงแท้อยู่เสมอ จึงจะสามารถพิสูจน์ความจริงอื่นต่อไปได้ คือ ถ้า a เป็นความจริงแท้ เราจะสามารถหาความจริง b ต่อไปได้ และหาความจริง c, d, e,
ต่อไปได้อีก ตราบใดก็ตามที่ยังสามารถพิสูจน์ได้ว่า a เป็นความจริงแท้ ความจริง b, c, และ d ก็จะเป็นความจริงด้วย จนกว่า a จะไม่ใช่ความจริงแท้อีกต่อไป (คืออาจหมายความว่า มีความจริงแท้ x, y, หรือ z ที่จริงแท้กว่า a และสามารถลบล้าง a ได้) ตัวอย่างเช่น เส้นตรงเกิดจากการลากเส้นระหว่างจุด ๒ จุด ซึ่งเป็นความจริงแท้ ซึ่งทำให้เกิดความจริงแท้ของสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ฯลฯ ต่อไป จนกว่าเราจะพิสูจน์ได้ว่า เส้นตรงไม่ได้เกิดจากการลากเส้นระหว่างจุด ๒ จุดอีกต่อไป เช่นการพิสูจน์ว่า จุด ๒ จุดที่สามารถอ้างอิงได้ไม่เคยมีอยู่จริง จึงไม่เคยมีเส้นตรง ไรแบบนี้ เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าจะจับตลาดหุ้น ด้วยคณิตศาสตร์ เราจะต้องมีพื้นฐานความจริงที่จับต้องได้ อันน่าจะเป็นความจริงแท้ เป็นค่ามูลฐานในการค้นหาสิ่งจริงแท้ที่เกิดหลังความจริงแท้แรก ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดหุ้นมีลักษณะเป็นคลื่นบนกราฟ ๒ มิติ ที่แกน x แทนเวลา และแกน y แทนราคา กำหนดให้เป็นความจริงแท้แรก อย่างนี้ เป็นต้น เสร็จแล้วก็หาความจริงแท้อื่นๆ ต่อๆไป และเมื่อทำไปถึงระยะหนึ่ง เราจะได้ขอบเขตของการทำความเข้าใจ คือระบบที่มีระเบียบ เมื่อตัวแปรต่างๆ มีขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงที่กำหนดได้ และเมื่อแทนค่าต่างๆแล้ว จะยังคงทำให้ตัวระบบ เป็นระเบียบที่สามารถทำความเข้าใจอยู่ในขอบเขตได้ต่อไปด้วย
นั่นคือ ความจริงแท้ในโลกของคณิตศาสตร์(ความจริงแท้ในโลกสมมติ) ที่สามารถครอบลงบนการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดหุ้น(ความจริงในโลกจริง ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้) และทำให้สามารถพยากรณ์สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ซึ่งอันนี้ น่าจะเป็นกระบวนการเรียนรู้ ที่ทำให้สามารถปรับให้ยืดหยุ่นไปตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นที่ไม่เคยหยุดนิ่งได้ดีวิธีหนึ่งครับ
จากคุณ :
แมงเม่ามือใหม่
- [
8 ธ.ค. 48 23:10:52
A:58.136.68.214 X: TicketID:080268
]
|
|
|