ความคิดเห็นที่ 1 หุ้นเรือที่อเมริกา ดูราคาปัจจุบันที่ last เทียบกับ ต่ำสุด สูงสุด ในรอบปี สังเกตุว่าราคายังยืนที่ระดับกลางๆ ไปถึงสูง แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 48 13:49:41 จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 13:48:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 . จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 13:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรือตู้ P/E 12 เท่า จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 13:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนเรือญี่ปุ้น เคยเอามาให้ดูแล้ว เพิ่งทำนิวไฮเมื่อ 30 กย 48 นี้เอง รอบ 2 ปี จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 13:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รอบ 5 ปี จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 13:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สรุปว่า  มันแย่ เฉพาะบ้านเรา ต้องทำใจ จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 13:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตัวนี้ pe 18 เท่า จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 14:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวนี้ pe 10 เท่า จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 14:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ก็เรือไทย  มันเป็นเรือดำน้ำ จากคุณ : sutee - [ 1 ธ.ค. 48 14:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต้องกินยาแก้ปวด ทัมใจ==ทำใจ ทำใจที่เกิดเป็นคนไทย รู้งี้ๆ เป็นคนญี่ปุ่น ซะก็ดี แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 48 14:14:08 จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 14:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นกำลังใจให้ชาวเรือครับ แต่ยังไม่ซื้อครับ จากคุณ : เล่นรอบ - [ 1 ธ.ค. 48 14:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รอปันผลอย่างเดียวไม่ทำอะไรแล้ว จากคุณ : พ่อตุ๊ดตู๋ (พ่อตุ๊ดตู๋) - [ 1 ธ.ค. 48 15:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 วันไหนวันดี บานคลี่พร้อมอยู่ วันไหนล่วงโรย ดอกโปรย ตกพรู ทหารเรือ เราจงดู ตายเป็นหมู่ เพื่อชาติไทย จากคุณ : sutee - [ 1 ธ.ค. 48 16:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ... ขอบคุณครับพี่หมอสูง จากคุณ : roadtrip - [ 1 ธ.ค. 48 17:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ น้ำจิ้มเท่านั้นที่เราต้องการ ตอนนี้ อย่างน้อยก็ลดขาดทุนได้นิดหน่อย หึหึ จากคุณ : nong - [ 1 ธ.ค. 48 17:20:35 A:58.11.65.15 X: TicketID:020380 ]

ความคิดเห็นที่ 16 บริษัทเรือตัวที่ PE 18 เท่าที่คุณหมอลงให้ดู เขามีบริษัทลูกที่ชื่อ Mason,  ซึ่งใหญ่ที่สุดในเส้นทาง  Hawaii and the Mainland  กำลังจะขึ้นค่าระวางเรือตู้   Matson raises container rates  ........ จากคุณ : prettypetite - [ 1 ธ.ค. 48 18:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มันเรือชนิดเดียวกัน ระวางเท่ากันหรือเปล่าครับ ? แล้วลูกค้าในเส้นทางของเขาต่างจากเราไม๊ครับ ? จากคุณ : น้องส้มเด็กดี - [ 1 ธ.ค. 48 19:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ของบ้านเรามันเรือขนาดเล็ก วิ่งแถวๆเอเชีย ของเขาคงมีหลายขนาด ไปจนถึงขนาดใหญ๋ พวกเรือบรรทุกน้ำมัน แต่เรือมันก็มีสองแบบเหมือนกัน คือเรือตู้ กับเรือเทกอง ค่าระวางเส้นทางไหนสินค้ามาก ค่าระวางก็จะขึ้นได้ แต่โดยรวม เขาน่าจะอ้างอิงจาก Index (เรือเทกอง) ส่วนเรือตู้จะถูกกำหนดค่าระวางโดยสมาคมเรือตู้ ซึ่งจะมีประชุมกันเป็รนระยะ ตอนนี้ค่าระวางยังทรงตัว จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 19:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 19 "ส่วนเรือตู้จะถูกกำหนดค่าระวางโดยสมาคมเรือตู้ ซึ่งจะมีประชุมกันเป็นระยะ" ประชุมกันน่ะใช่ แต่ถึงเวลาจริงก็เล่นตุกติกกันทุกทาง อย่าคาดหวังว่าจะปรองดองกันเลย... จากคุณ : Resurrection - [ 1 ธ.ค. 48 21:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากที่สายการเดินเรือใหญ่ๆของเอเซีย ประกาศขึ้นค่าระวางเรือตู้  ปี 2006  ตามที่ดิฉันเคยเอาข่าวมาลงให้ดูแล้ว อเมริกา ประกาศ  ขึ้นค่าระวางเรือตู้ด้วย เริ่ม 1 มกรา อินเดีย ปากี บังคลาเทศ ลังกา ประกาศ ขึ้นค่าระวางเรือตู้มั่ง+ 12%  เริ่มวันที่ 1 ธันวาคม KARACHI, Nov 26: Members of shipping lines of the Indian, Pakistan, Bangladesh and Ceylon Conference (IPBCC) have increased freight charges by an average 12 per cent on the westbound cargo with effect from December 1, 2005. ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทุกคนที่เข้ามาพูดในสินธร  บอกว่าค่าระวางจะลดลง เพราะเรือเยอะเกินไป รายได้จะลดลงต่อเนื่องอีกหลายปี  ช่วยหาข่าวจริงๆมาให้ดูหน่อยได้ไหม ค่าระวางไม่ได้เป็นราคาเดียว ขนาดส่งทางเครื่องบิน รายการราคาเป็นเล่มเลย ยิ่งเรือยิ่งละเอียด นอกจากแบ่งประเภท ยังแบ่งสินค้าในกลุ่มเดียวกัน เช่น ผลไม้ ปาเข้าไปตั้งกี่ชนิด ในขณะที่อย่างหนึ่งขึ้นสุดๆ อีกอย่างอาจจะลด เช่น ค่าขน apple ใส่ตู้จากอเมริกามาไทย ลดราคาลงมาเรื่อยๆ  ในขณะที่ค่าระวางสำหรับสินค้าอื่นๆสูงขึ้น   องุ่นจาก Australia ขายดิบขายดีในอินโด ปีที่แล้ว น้องจองได้ 2 ตู้  ปีนี้ น้องอยากซื้อ 2 ตู้ แต่หาตู้ไม่ได้ (ต้องเป็นตู้แบบ refrigerated) ส่งตู้เดียวก่อน  3 วันขายหมด  พอได้ตู้มา อ้าว องุ่นหมดซะแล้ว   เข้าใจว่า ที่หุ้นเรือไทยตก เป็นเพราะเศรษฐกิจไทยแย่กว่าที่คาดไว้  ส่งออกน้อยลง แต่นำเข้าเพิ่มขึ้น ที่จริงเรือไม่จำเป็นต้องนำสินค้าเข้าออกไทยอย่างเดียว จากคุณ : prettypetite - [ 1 ธ.ค. 48 21:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับพี่เพ็ตตี้ จากคุณ : S-sung - [ 1 ธ.ค. 48 21:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 "ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทุกคนที่เข้ามาพูดในสินธร  บอกว่าค่าระวางจะลดลง เพราะเรือเยอะเกินไป รายได้จะลดลงต่อเนื่องอีกหลายปี  ช่วยหาข่าวจริงๆมาให้ดูหน่อยได้ไหม" ....... คนในวงการเดินเรือ เค้ารู้กันตั้งแต่กลางปีแล้วครับว่าค่าระวางมันจะเป็นขาลง คำว่า "คนในวงการ" หมายถึง ระดับ คุม trade คุม EU, MED , USWC, USEC.... ไม่ใช่พวก freight forwarder หรือ shipper ธรรมดา... ผมจะบอกให้ว่าทำไมการที่มีเรือใหม่ออกมามัน effect กับค่าระวางเยอะ อันนี้เฉพาะเรือตู้นะ เรือเทกองผมไม่มีข้อมูล ไม่อยากมั่ว... ปกติแล้วในการขนส่งสินค้าจะเอาเรือใหญ่วิ่ง เส้นเข้าอเมริกา (4000-6000 TEUS) ขนาดกลางวิ่งเข้ายุโรป (2000-4000 TEUS) ขนาดเล็กวิ่งใกล้ๆ และเป็นเรือ Feeder (1000-3000 TEUS) ขออธิบายเพิ่มนิดนึง เรือ Feeder คือ เรือที่วิ่งระหว่างท่าเรือหลัก กับ ท่าเรือย่อย เวลาเรือแม่จะวิ่งจากเอเชียไปยุโรปเค้าจะแวะรับของที่ สิงคโปร์ เป็นท่าเรือหลักท่าสุดท้าย (บางสายใช้ มาเลเซีย เช่น MEARSK) พอขนของลงที่ท่าหลัก แล้วก็จะเอา เรือ Feeder มาวิ่งจากท่าหลักไปยังท่าย่อยต่างๆ เช่น แหลมฉบัง(อันนี้ท่ามาตรฐานแต่คนไม่ค่อยเข้า) ท่าเรือกรุงเทพ(เรือใหญ่เข้าไม่ได้)... อ่ะ กลับมาต่อกันที่เรื่องเรือใหม่... ปีนี้เรือใหม่ๆออกมาขนาด 6000-8000 TEUS มีกี่ลำ ลองไปนับกันดู... ยังไม่รวมที่สั่งต่อไว้จะเสร็จปีหน้า... พอเรือใหม่ขนาดใหญ่กว่ามา เค้าก็จะเอาไปวิ่งเส้นอเมริกา แล้วก็เอาเรือที่เคยวิ่งเส้นอเมริกามาวิ่งเส้นยุโรป เอาเรือเส้นยุโรปมาวิ่งเส้นที่ย่อยลงไปอีก หรือแม้แต่กระทั่งมาเป็น Feeder ขึ้นอยู่กับสามารถเข้าท่าย่อยได้หรือไม่ Supply ก็จะเปลี่ยนเป็น อเมริกา ลำละ 6000-8000 TEUS ยุโรป ลำละ 4000-6000 TEUS วิ่งใกล้ๆ และ Feeder 1000 - 4000 มันเป็นปฏิกิริยาลูกโซ๋ supply เพิ่มขึ้นกี่ % ไม่มีใครคำนวน รู้แต่ว่า demand เพิ่มขึ้นไม่ทัน ช่วงกลางปี ใครมีเรือ ผมถึงบอกให้ขาย แต่ถ้าถามว่าตอนนี้ ยังควรขายอีกไหม มันพูดยากแล้ว เพราะมันลงมา 30-40 % ถ้าปีหน้าเศรษฐกิจโลกดีมากๆ มันก็มีโอกาสที่ demand จะเพิ่มขึ้นมาก อาจจะกลับขึ้นไปอีกก็ได้ ลองพิจารณากันเอาเองแล้วกัน... จากคุณ : Resurrection - [ 1 ธ.ค. 48 22:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วตกลงมียอดแท้จริง ระหว่างเรือ ที่ต่อออกมาเสร็จแล้ว รวมทั้งที่กำลังจะต่อเสร็จในปีหน้า มาให้ดูหรือเปล่าคะ ว่ามันเท่าไหร่ แล้วไม่ทราบว่ามียอดเรือเก่าที่จะปลดระวางลง ในปีนี้ และปีหน้า เท่าไหร่ พอเอามาเทียบหักลบกันแล้ว มันจะได้เท่ากับว่า ในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า จะมีจำนวนเรือ เพิ่มขึ้นหรือลดลง ส่วนความต้องการในการใช้บริการนี่ดู(หรือคาด)จากอะไรคะ การเติบโตทางเศรษฐกิจใช่หรือไม่ .......หรือได้มีการส่งสัญญานจากผู้ให้บริการเดินเรือว่าขณะนี้ยอดการใช้บริการของลูกค้ากำลังลดลงจริง!!!!!!!! จะได้เห็นภาพชัดๆว่า ตกลงว่าเป็นเพราะมันมีเรือเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการเท่าเดิม หรือ...มันจะมีเรือเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งความต้องการในการใช้บริการลดลง หรือ ...เรือก็เท่าๆเดิมล่ะ แต่เป็นเพราะความต้องการลดลงมากๆเลย (ตรงนี้เป็นการคาดการณ์ว่าความต้องการกำลังจะลดลง หรือว่าตอนนี้ลดลงแล้วจริง) เพราะถ้าปัญหามาจาก ต่อเรือกันมากเกิน เร็วเกินก็แปลว่านี่เป็นปัญหาของการไม่สมดุลย์เฉพาะแค่ตรงจุดนี้ ก็คงต้องรอให้ระบบใหญ่ค่อยๆปรับไป แต่ถ้าปัญหามาจากความต้องการที่ลดลงด้วยล่ะก็ คงไม่ใช่แค่ต้องระวังหุ้นเรือกระมัง เพราะถ้าเรือเจ๊งเนื่องจากลูกค้าน้อย ก็คงต้องรีบไปดูกันล่ะว่าลูกค้าที่ว่าน่ะ มีบริษัทใดที่กำลังเกิดปัญหาหรือไม่ประการใด แล้วบริษัทที่กำลังถดถอยอยู่น่ะ มันเชื่อมโยงมายังอีกบริษัทนึงที่เป็นคู่ค้าต่อกัน แค่ไหนอย่างไร รวมไปถึงแบงค์ที่ปล่อยเงินกู้ให้บริษัทที่เชื่อมโยงไปยังบริษัทต่างๆนั่นด้วยนะ ลองไปดูปีที่กลุ่มเรือประสบปัญหา(จากผลประกอบการย้อนหลังรอบสิบสองปี) จะพบว่าแทบจะทุกบริษัทเลยค่ะ ที่ถดถอยหรือประสบปัญหาขาดทุน ซึ่ง...มันคือช่วงประมาณปี 40แถวๆนั้นหรือต่อจากนั้น ก็...งั้นถ้าจะเรียกเรือว่าเป็นหุ้นกลุ่มวัฏจักร ก็คงหมายถึงรอบวัฏจักรของเศรษฐกิจ อย่างพี่พริ๊ตตี้ว่าแหละ แล้วพอเศรษฐกิจฟื้นใหม่ ...ก็ราวๆปี 43-45 บริษัทหลายบริษัท รวมทั้งกลุ่มเรือ ก็จะฟื้นพร้อมๆกัน ในขณะที่ตอนนี้ก็ยังมีอีกหลายบริษัทนะ ที่ยังไม่ได้เริ่มฟื้นเลย  ...ตายล่ะ จะฟุบอีกรอบซะแล้วรึ?????? จากคุณ : 007-s - [ 2 ธ.ค. 48 08:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ้อ มีงงแถมอีกหน่อยค่ะ งั้นแล้วทำไมเรือบ้านเราลงอยู่ที่เดียวคะ ง่ะ...หรือว่าเป็นสัญญานว่าไทยจะเป็นผู้นำฝูงการดิ่งแบบรอบที่แล้วอีกงั้นหรือคะ กล.ถ้าไปดูผลประกอบการย้อนหลังจะเห็นชัดเลยว่าอะไรที่กลับมาได้แน่ๆ ,อะไรที่กลับมาได้แน่แถมดีกว่าเดิม ,แล้วอะไรที่กลับมาได้แต่ป่านนี้ยังไม่ดีเท่าเดิม ,แล้วอะไรที่ป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย เรือจัดอยู่ในหมวดที่ กลับมาได้แน่ๆแถมดีกว่าเดิม ปูนซิเมนท์ก็เช่นกัน....ไปดูแล้วหายสงสัยเลยว่า ทำไมปูนscc อยู่ในตลาดมา 30ปี (ถ้ารอบเศรษฐกิจใหญ่รอบนึงประมาณสิบปีขึ้น แปลว่า บริษัทนี้ผ่านศึกหนักมาแล้ว สามครั้ง)ราคาตอนนี้ คือ ประมาณ 23000บาท จากคุณ : 007-s - [ 2 ธ.ค. 48 08:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ราคานี้นิวโลว์ เป็นราคาส่วนลดที่มากๆเลยล่ะครับ ถ้าเป็นเพราะ supply เรือใหม่เข้ามาเยอะ ธุรกิจเดินเรือมันน่าจะแย่ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะบ้านเรา อย่าลืมว่า2ปีที่ผ่านมาค่าระวางขึ้นสูงมาก เรือเก่าก็เลยไม่ยอมปลดระวาง นับจากปีหน้าไป จะเริ่มเห็นการปลดระวางเรือเก่า จากคุณ : S-sung - [ 2 ธ.ค. 48 08:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ทำนิวไฮใหม่เมื่อวานนี้เอง จากคุณ : S-sung - [ 2 ธ.ค. 48 08:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 27 new high ตรงไหนครับ... จากคุณ : Resurrection - [ 2 ธ.ค. 48 09:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โทษที โพสท์ไม่ติด... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Resurrection - [ 2 ธ.ค. 48 09:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อันนี้ Evergreen สายระดับ Top 3 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Resurrection - [ 2 ธ.ค. 48 10:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ 007-S ครับ จุดประสงค์หลักของผมที่ต้องการสื่อก็คือว่า... demand มันเพิ่มขึ้นจริง แต่ ในอัตราที่น้อยกว่า supply ที่คุณถามว่าปริมาณเรือ เพิ่มขึ้นเท่าใด จะปลดระวางเท่าใด อันนี้คุณต้องไปค้นเองนะครับ เพราะสายเรือใหญ่ๆทั่วโลกมีสิบกว่าสาย รายละเอียดมันเยอะมาก คุณ S-sung กราฟที่ท่านเอามาโพสท์ ลองไปดูเทียบกับบริษัทเรือที่อยู่ใน TOP 20 ของโลก จะเห็นได้ว่าตัวใหญ่ๆมันหัวทิ่มลงทั้งนั้น จากคุณ : Resurrection - [ 2 ธ.ค. 48 10:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ Resurrection ครับ ผมไม่เชื่อว่าเป็นขาลง ผมว่ามันเพียงแค่ชะลอตัวเท่านั้น ผมเชื่อคุณ ว่าเรือใหม่เข้ามาเยอะ ก็เพราะว่าธุรกิจมันรายได้ดี ในเมื่อ ศก.ยังเป็นขาขึ้น เพียงแต่ผมมองว่า ราคาหุ้นเรือบ้านเรา มันตอบสนองแรงไปหรือเปล่า เท่านั้น แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 48 11:20:53 จากคุณ : S-sung - [ 2 ธ.ค. 48 11:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าคุณ prettypetite  ได้กลับเข้ามาอ่าน ผมรบกวนขอแหล่งข้อมูลได้มั๊ยครับ สำหรับข้อมูลที่บอกว่า.... " หลังจากที่สายการเดินเรือใหญ่ๆของเอเซีย ประกาศขึ้นค่าระวางเรือตู้  ปี 2006  ตามที่ดิฉันเคยเอาข่าวมาลงให้ดูแล้ว อเมริกา ประกาศ  ขึ้นค่าระวางเรือตู้ด้วย เริ่ม 1 มกรา อินเดีย ปากี บังคลาเทศ ลังกา ประกาศ ขึ้นค่าระวางเรือตู้มั่ง+ 12%  เริ่มวันที่ 1 ธันวาคม KARACHI, Nov 26: Members of shipping lines of the Indian, Pakistan, Bangladesh and Ceylon Conference (IPBCC) have increased freight charges by an average 12 per cent on the westbound cargo with effect from December 1, 2005." ขอบคุณ ครับ แล้วสำหรับ เรื่องเรือ ผมขอชี้แจงบางส่วนที่ผมรู้นะครับ 1.จำแนกชนิดของแต่ละตัว  สำหรับ RCL จะเป็นเรือตู้อย่างที่คุณ Resurrection พูดมา และข้อมูลของคุณ Resurrection ค่อนข้างถูกต้องมากเลย ส่วน PSL กับ TTA เป็นเรือ bulk (เทกอง) นะครับ โดยเท่าที่ผมรู้มา TTA เริ่ม เปลี่ยนตัวเองเป็นเรือ Multi Purpose โดยที่เรือชนิดนี้ จะเทกองข้างล่างและ สามารถใช้บรรทุกตู้ได้...  เหตุผลจูงใจอาจจะเพราะว่าเรือตู้จะใช้เวลาในการจอดที่ท่าเรือน้อยกว่า ฯลฯ 2.ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ คุณ Resurrection นะครับ เรื่อง Supply และ Demand ในส่วนของเรือตู้ขนาดใหญ่ เนื่องจากว่า ปริมาณการเพิ่มขึ้นของเรื่อตู้ ที่เป็น Main Line Operator เพิ่มขึ้น ประมาณ 14% จากปีนี้ไปปีหน้า (หมายถึงเรือที่ ใหญ่กว่า 2500 Teus... Evergreen ก็เป็น MLO ครับ โดยที่ MLO ก็อาจจะมีบางเจ้าจะมี subsidiary เป็น Feeder ด้วย) ซึ่งผมเชื่อว่าการที่ World GDP's Growth เฉลี่ยแค่ 3.5% (3.5 นี่ ข้อมูลไม่อัพเดทเท่าไหร่นะครับ) จะทำให้ supply คิดง่ายๆ คือ 1.5 เท่า ของเรือตู้เพิ่มขึ้นเพียง 5.25% 3.ในส่วนนี้คงจะขัดกับ คุณ Resurrection พอสมควร ตรงที่ว่า RCL ส่วนใหญ่แล้วจะเป็น Feeder โดยเรือส่วนใหญ่ที่เป็น Feeder นี่จะมีขนาด น้อยกว่า 2500 TEUs และ ประมาณครึ่งนึงของ RCL มีขนาดประมาณ 1000 TEUs โดยที่เรือ Feeder นี้มี Growth เพียง 4-5% เท่านั้นครับ นอกจากนี้ เรือของ RCL มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 11-12 ปี 4.ค่าระวางเรือเทกอง Baltic Freight Index ซึ่งถ้าจะแบ่งละเอียดตามขนาดแล้วก็ จะเป็น  Baltic Capesize Index, Baltic Panamax Index, Baltic Handymax Index,    Baltic Dry Index  สามารถหาดูได้ตามเวบทั่วไป มันเป็นขาลงครับ 5.โดยปกติแล้ว เรือเป็นธุรกิจที่ มีความเป็น Cycle สูงมาก โดยปกติแล้วแต่ละรอบจะประมาณ 5 ปีโดยประมาณ  แต่รอบนี้ มันขึ้นมายาวนานมากแล้วครับ (น่าจะ 7 ปีแล้วมั๊ง) ซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจาก China's Growth Effect .. ตอนนี้ จะเป็นขาลงก็ไม่แปลกแล้วล่ะครับ 6.เรื่องอายุเรือ ถ้าพูดถึง PSL แล้ว PSL มีอายุเฉลี่ยของเรือค่อนข้างมากครับ ซึ่งในส่วนนี้ ก็จะเข้าอีกประเด็นนึงคือ ผลประกอปการของพวกเรือ ถ้าคุณดูดีๆ มันจะมีงบ USD กับ งบ บาทครับ ซึ่ง งบบาทเนี่ยกำไรจะไม่เท่ากันเพราะว่า ส่วนค่าเสื่อมมันคิดต้นทุนเรือที่ 25B = 1USD เป็นการ distort F/S ครับ ถ้าจะให้เห็นถึง Economic Cost จริงๆ คงต้อง แปลงกันหน่อยล่ะครับ (รู้สึกว่า ในเวบพวก บริษัทเรือจะมี งบ USD ให้โหลดมาดูกันได้เลยนะครับ) Note : ข้อ 6 นี้ ได้แนวคิดมาจากใน Thaivi นะครับ 7.ในส่วนของ อายุเรือจะมีผลคือ  ปกติแล้วเรือจะต้องทำการตรวจ ทุก 2.5 ปีครับ โดยจะเป็น minor สลับกับ major ถ้าเป็น major repair นี่จะใช้เวลาเกือบเดือนเลย และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ (ในส่วนนี้ เรือที่อายุมากแล้วจะมีค่าดูแลสูง แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ค่าระวางสูงมากเลยทำให้ผู้ประกอบการ ทู่ซี้ใช้เรือ อายุมากกันอยู่... ซึ่งหากว่าค่าระวางลดลงเยอะๆ ก็คงทำให้มีการปลดระวางาเรืออายุมากนี้ออกไปนะครับ) 7.สุดท้ายนี้ ก็อย่างที่ คุณ Resurrection  บอกอ่ะครับ ว่าราคามันลงมามากแล้ว สำหรับตัวผม ผมว่าน่าซื้อนะ 8.เริ่มคิดไม่ออกละ ไว้ถ้านึกออก แล้วว่างๆจะเข้ามาโพสใหม่ (พอดีว่างๆ + เบื่อๆ ง่ะครับ เลยเข้ามาโพส) จากคุณ : Fireeater - [ 2 ธ.ค. 48 15:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เทรนด์ลงอย่างเห็นได้ชัดแล้วครับ ตอนนี้ราคาค่าระวางของสายเรือใหญ่ๆ ลดไปเกือบครึ่งแล้วนะครับ สุดท้ายสายเรือเล็กๆก็ลง อยู่ดีเพราะว่า ถ้าสายใหญ่ๆลดราคา สายเล็กก็ต้องลงมาสู้ด้วยครับ feeder เดี๋ยวก็จะใหญ่ขึ้นมากๆ ครับ อีก ไม่กี่เดือน maersk  กะ P&O ก็เอาเรือใหญ่เข้ามาแล้ว เข้าทั้ง มาเลย์ สิงคโปร์ ใช้เวลาเดินเรือ 3 วันครับ ส่วนที่ขึ้นๆราคา ผมบอกได้อย่างเดียวว่าจริงๆ ไม่มีคนใช้ราคา tariff หรอกครับ นอกจากลูกค้าใหม่จริงๆ นอกนั้นมีการ ต่อรองราคานอกรอบทั้งนั้น ส่วนถามว่าราคาตอนนี้ซื้อดีหรือเปล่า ผมว่าลองคิดเองละกันครับ ตอนนี้บอกได้อย่างเดียวว่าน่ากลัวครับ จากคุณ : กบในฟ้ากว้าง - [ 2 ธ.ค. 48 18:56:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ข่าวจากพี่เพ็ตตี้  อินเดียขึ้นค่าระวางเรือตู้ Shipping lines raise charges by 12pc: Effective Dec 1, 2005 By Parvaiz Ishfaq Rana KARACHI, Nov 26: Members of shipping lines of the Indian, Pakistan, Bangladesh and Ceylon Conference (IPBCC) have increased freight charges by an average 12 per cent on the westbound cargo with effect from December 1, 2005. The IPBCC in a ‘notice to trade’ informed exporters (customers) that shipping lines intend to implement a rate restoration on the westbound trade from December 1, 2005. The conference lines operating under the IPBCC will increase freight charges for the haulage of cargo from Mumbai, Mandra, Kandla, Karachi and all other ports falling within this range to UK, North Continent, Scandinavian, Baltic and Mediterranean ports. According to details, the IPBCC-member shipping lines will be charging $150 more for a 20-feet container and $300 for a 40-feet container from December 1, 2005. It has also been notified that the increase rate levels will be valid until January 31, 2006 only. This indicates the IPBCC-member lines may resort to a further increase after the expiry of this period. It has been clarified that the IPBCC members will keep ancillary tariff items, such as ‘special equipment addition’ and surcharges under review. This indicates the shipping lines have kept their options open to raise charges on these accounts also. Justifying the move, the ‘notice to trade” points out that all member lines are facing considerable increases in charter rates that continue rising dramatically. It also attributes the hike to a worldwide shortage of container equipment. “Consequently, delays caused by these factors and on account of congestion continue affecting all member carriers of the IPBCC and these have a detrimental effect on member lines’ ability to operate efficiently,” the notice added. Exporters took a strong exception of the development and lamented that the freight hike would adversely affect their exports as they were already facing a tough time in the European markets where punitive duties put them to a disadvantage against their competitors from India and China. They said further that up to now they had been paying $1,250 for a 20-feet container for the westbound cargo and an increase of $150 would mean a 12 per cent hike in freight. Similarly, a $300 increase for a 40-feet container would mean an 11.26 per rice hike in charges. The export trade has been constantly objecting to unilateral decisions of freight hike by the shipping lines, complaining that no regulator body is there to monitor or regulate their activities the world over. The exporters demanded of the government to take up the matter with countries of the region so that the one-sided decisions of the shipping lines could be checked and a modus operandi was evolved prior to any freight hike. The shipping lines have been resorting to frequent freight hike under one pretext or the other for years. Some time they increase charges under general rates increase (GRI) or implement the same under the rate restoration. Similarly, they also impose surcharges and take years to withdraw them even after that particular cause of irritant is removed. แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 48 19:19:20 จากคุณ : S-sung - [ 2 ธ.ค. 48 19:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อันนี้ของคุณธัญ ข้อมูลของผมกับนักวิเคราะห์ต่างๆจะไม่ตรงกันนะครับ เพราะระหว่างคนนอกมองเข้ามาและไม่เข้าใจธุรกิจดีพอเมื่อเทียบกับคนในธุรกิจ ค่าที่ได้และมุมมองที่เห็นมันต่างกันครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลของผมนะครับ คืองี้ครับ ธุรกิจหลักแบ่งตลาดได้ 2 แบบ คือ COC และ SOC โดยCOC นี่เจ้าของเรือเป็นเจ้าของตู้เองลูกค้าหลักคือ Exporter/Importer Freight Forwarder ส่วน SOC ลูกค้าหลักคือสายการเดินเรืออื่นที่เรือแม่ไม่เข้ามาเทียบท่าในประเทศไทยหรือเส้นทางที่วิ่งไม่ลงตัวหรือไม่คุ้มกับความต้องการของเจ้าของสินค้า จึงต้องถ่ายลำจากเรือแม่ตามท่าฮับต่างๆขึ้นเรือฟีดเดอร์ของ RCL มายังท่าต่างๆของประเทศไทย (ผมไม่พูดถึงเมืองท่าอื่นที่ RCL ให้บริการเพราะคุณอาจมองไม่เห็นภาพ แต่บอกได้ว่าดีกว่าคู่แข่งครับ) โดยรวมแล้วยอดตู้ไม่ลดลงมากนะครับ เพราะถึง SOC หายไป แต่COC ก็มียอดเพิ่มขึ้น ส่วนเหตุผลที่ SOC หายไป ก็ตามที่กล่าวในกระทู้ก่อนหน้านะครับ แต่ว่าเค้าไม่ได้ยกเลิกทั้งหมด เพราะเรือแม่ที่ทาง Maersk - P&O Nedlloyd เอาเข้ามาเองก็ไม่ได้มีเส้นทางครอบคลุมทุกท่าที่ผู้ส่งออกต้องการ ยังไงก็ต้องมีการใช้ฟีดเดอร์ถ่ายลำอยู่ดีเพียงแต่ยอดลดลงเท่านั้น ตรงนี้เป็นผลกระทบที่ทางฝ่ายบริหารก็คงหาทางแก้อยู่ ผมว่าน่าจะลดลงประมาณ 12%แต่ไม่ซีเรียสมากนักครับ เพราะยอดตู้ลด 12 แต่กำไรไม่ได้หายไป 12 นะครับ มันมีต้นทุนแฝงหลายอย่างอยู่ครับ ส่วนสัดส่วนระหว่างท่าคร่าวๆนะครับ นำเข้า กรุงเทพ/แหลมฉบัง 70/30 ส่วนส่งออกประมาณ 60/40 ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมจะซื้อเพิ่มครับแต่จะรอให้ราคาลงกว่านี้อีกนิดครับ เพราะผมคิดว่ารายย่อยยังไม่หยุด panic จากคุณ : ธัญ  - [ 24 พ.ย. 48 11:01:49 ] จากคุณ : S-sung - [ 2 ธ.ค. 48 19:22:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อันนี้ บ.เรือใหญ่สุดของโลก P/E 10 52-wk High:    kr 69.500,00 52-wk Low:    kr 43.100,00 Last: (1:10 PM GMT) kr 61.500,00 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 48 20:37:48 จากคุณ : S-sung - [ 2 ธ.ค. 48 20:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณทุกความเห็น และข้อแนะนำ ทุกท่านค่ะ ตามความเห็นดิฉันคิดว่าธุรกิจขนส่งทางเรือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเสมอ(ยิ่งช่วงบริษัทขาดทุน ก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปเกาะติดศึกษาเป็นอย่างมาก) เพราะ ตราบใดที่ยังคงต้องเปิดการค้าเสรี การขนส่งสินค้าทางเรือ ก็จะอยู่ยั้งยืนยง การมีลักษณะไซเคิ่ล เป็นการปรับสมดุลย์ ให้ธุรกิจนี้ไม่ตาย เปรียบเหมือน เมื่อถึงเวลาที่อ้วนมากก็มีระบบอัตโนมัติที่จะลดน้ำหนักตัวเองลงมาได้จนผอม และปราดเปรียวได้อีกครั้ง เพื่อวิ่งไปข้างหน้าได้อีกรอบใหม่ต่อไป น่าสนใจจัง จากคุณ : 007-s - [ 2 ธ.ค. 48 20:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณทุกความเห็นครับ ก็พอจะสรุปได้ดังนี้ --เรือใหม่เข้ามาเยอะในสองถึงสามปีนี้  ส่วนเรือเก่าจะปลดระวางเท่าไหร่ไม่รู้ ที่แน่ๆ psl บอกไว้ 10 ลำ tta บอกไว้ 2-4 ลำ rcl ไม่มี   ทั่วโลกรวมเท่าไหร่ ไม่รู้ --ค่าระวาง ลงแน่ ในสองปีข้างหน้า แต่จะลงเท่าไหร่ไม่รู้สำหรับเรือตู้ แต่เรือเทกองลงแล้วเห็นๆ --ราคาหุ้น ลงมากไปหรือเปล่า  อันนี้ ผมว่าลงมากไป น่าจะเกิดจากเซ็ทบ้านเราไม่ดีด้วย เพราะหุ้นเรือที่ต่างประเทศก็ย่อลงมารับข่าวเหมือนกัน  แต่ไม่นิวโลว์เหมือนบ้านเรา --ศก.โลกยังดี ดูจากหุ้นหลายๆประเทศทำนิวไฮ  แสดงว่า ศก.ขาขึ้น ดังนั้นธุรกิจนี้ไม่น่าจะลงแรงเหมือนหุ้น (อันนี้ผมคิดเอง) จากคุณ : S-sung - [ 2 ธ.ค. 48 21:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ข้อสังเกตุของผมเกี่ยวกับราคากลุ่มเรือของบ้านเรากับเมืองนอก บ้านเราปี 03 ราคาขึ้นแรงกว่าเมืองนอกมากครับ ทำให้เวลานี้ถ้าวัดจากฐานปี 03 เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าราคาขึ้นมาไม่น้อยกว่าเมืองนอกนะครับ คือปี 03 เราขึ้นมากกว่าชาวบ้านมากเลยครับ ลองเอากราฟมาเทียบกันก็จะเห็นภาพครับ จะเป็นลักษณะเดียวกับดัชนีบ้านเราปี 03 ที่ขึ้นมาแรงกว่าชาวบ้าน 2 ปีนี้ก็เลยชะลอตัวจนตามชาวบ้านแล้ว ลองวิเคราะห์ดูว่าเป็นอย่างที่ผมตั้งข้อสังเกตุหรือเปล่า จากคุณ : เล่นรอบ - [ 2 ธ.ค. 48 21:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อ่า ขอบคุณ คุณ S-Sung ครับ สำหรับที่มา ^_^ (เอ่ ว่าแต่ คุณ S-Sung เก่งแฮะ สามารถหาแหล่งได้ จากข้อมูลเพียงเล็กน้อย.....  ใช่จาก นสพ Dawn ของ ปากีสถานป่ะครับ) จากคุณ : Fireeater - [ 2 ธ.ค. 48 23:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมรับข่าวต่อจาก พี่เพ็ตตี้ครับ คนในห้องสินธรมีความรู้เรื่องธุรกิจทางเรือเยอะครับ ส่วนผมก็อาศัยดูดข้อมูลอย่างเดียว แหะๆ จากคุณ : S-sung - [ 3 ธ.ค. 48 07:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมว่าถ้าหุ้นเรือในเมืองไทยราคาม้นตกลงมาก ๆ PE ก็แสนถูกอย่างนี้ ผมว่าน่าจะเสนอให้บริษัทเรือไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเเทศก็ดีนะครับ เพราะดูฐานรายได้ของกลุ่มเรือส่วนใหญ่จะมีรายได้และรายจ่ายอยู่ในรูปเงินดอลลาห์อยู่แล้ว เวลาระดมเงินส่วนใหญ่ก็จะระดมเงินจากต่างประเทศ เผื่อจะทำให้ราคาหุ้นกลุ่มเรือสะท้อนตาม PE ที่เปรียบเทียบกับกลุ่มเรือต่างประเทศได้ชัดเจนขึ้นนะครับ จากคุณ : ยิ่งสูงยิ่งหนาว - [ 3 ธ.ค. 48 21:59:54 A:203.156.25.133 X:203.130.159.2 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณทุกท่านมากครับ จากคุณ : You know me a little go - [ 6 ธ.ค. 48 09:10:23 ]