ความคิดเห็นที่ 3
3 ขุนพล วงการอสังหาฯ ผลึกกำลังดัน "พรีบิลท์" เข้าตลาดฯ เผยฐานแกร่งเพราะมี AP LH หนุนหลัง ไม่สะเทือนแม้อสังหาฯจะทรุด eFinancethai.com ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ 3 ขุนพลในวงการอสังหาริมทรัพย์แห่ง บมจ.พรีบิลท์ คุณวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรีบิลท์ คุณชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณวิลาส ปิลกศิริ กรรมการผู้จัดการ บ.พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด(บริษัทลูก)หลังร่วมผนึกกำลังนำบริษัทเข้าลุยในตลาดหุ้นชี้ธุรกิจไม่สะเทือนแม้อสังหาฯจะชะลอในปีหน้ามั่นใจปีนี้ยอดขายเติบโตเพิ่มกว่า50 % เรามาติดตามดูกันว่า"พรีบิลท์" มีอะไรดีที่จะสามารถเติบโตสวนกระแสภาวะอสังหาฯช่วงขาลง
***จุดขายของบมจ.พรีบิลท์อยู่ตรงไหนเพราะหากเทียบบริษัทที่อยู่ในตลาดฯ ถือว่าเป็น บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดเล็กที่สุด
บมจ.พรีบิลท์หากเทียบอสังหาริมทรัพย์ในตลาดฯ อย่าง ITD CK หรือ STECถือว่าเล็กสุด แต่ถ้าเทียบขนาดกลางคงจะเป็น KTECH NWRโอกาสของเราคือเป็นบริษัทเล็กที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงหากดูอัตราการเติบโตยอดขาย 2-3 ปีที่ผ่านมาเติบโตปีละ 50% ทุกปีซึ่งปีนี้ก็คาดว่าจะอยู่ในระดับนี้ซึ่งหากเทียบกับมาร์จิ้นแล้วของเราก็ดีกว่าผู้ประกอบธุรกิจเดียวกัน
*** เหตุที่คาดว่าจะทำให้บริษัทจะเติบโตถึง 50% คืออะไร เพราะบริษัทมีงานนอกเหนือจากงานของ AP LH เพิ่มมากขึ้น
*** อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ เฉลี่ยอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 9-10% ซึ่งเป็นของบมจ.พรีบิลท์อย่างเดียว แต่ถ้ารวม บ.พีซีเอ็มฯ แล้วอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงกว่านี้ เพราะ PCM มาร์จิ้นดีกว่าและบริษัทมีมาร์เก็ตติ้งแข็ง คือ AP LH เป็นฐานป้อนงานให้บริษัทเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งมีวอลุ่มเยอะมาก อย่าง AP LH วอลุ่มรวมกันปีหนึ่งก็หลายหมื่นล้านของบริษัทปีหนึ่งฐานอยู่ที่พันกว่าล้านจะโตง่ายกว่าบริษัทที่มีขนาดใหญ่แม้ว่าเศรษฐกิจจะลดลง แต่เค้กก้อนใหญ่ อย่างไรก็โตได้ง่ายกว่า เพราะมี AP LH เป็นแบ็คอัพ อีกทั้งยังมีงานเมกกะโปรเจ็กอาคารข้างเคียงที่บริษัทใหญ่ไม่ทำเราได้หมดอีกทั้งพอมีงานเมกะโปรเจ็กนั้น บริษัทใหญ่ ๆก็จะเข้าร่วมประมูลซึ่งงานระดับกลางถึงเล็กเราก็ได้หมด หรือถือว่าไม่มีคู่แข่ง และเชื่อว่างานบ้านยังโตอยู่ซึ่งบ้านระดับกลางถึงล่างจะมากขึ้นจำนวนบ้านจะมากขึ้นซึ่งก็จะทำให้งานก่อสร้างมากขึ้น แต่บ้านหรูจะน้อยลงตลาดบ้านตอนนี้เป็นตลาดของผู้รับเหมาซึ่งรายใหญ่ไม่ใช่คู่แข่งเนื่องจากไม่สามารถเข้ามาในตลาดบ้านได้อีกทั้งคู่แข่งรายเล็กๆก็ไม่มีความสามารถที่จะเข้ามาไม่ได้
*** คู่แข่งที่ประกอบธุรกิจคล้ายกับบริษัทมีไหมในตลาด ยังไม่มี ยังไม่มีรายไหนที่เป็นรายใหญ่ ๆ ในตลาดซึ่งในพอร์ตของบริษัทมีบ้านอยู่ 50% ทั้งนี้เดิมก็มี ITD มาทำบ้านให้LH ก็ถอยเพราะทำไม่ได้ เพราะต้องใช้ความละเอียด ซึ่งITDถนัดทำรถไฟฟ้าหรืองานใหญ่ ๆ ที่อาศัยเครื่องจักรมากกว่าแต่งานบ้านต้องอาศัยคน ความชำนาญซึ่งความที่เป็นองค์กรใหญ่จะมีขั้นตอนหลายชั้น จะแก้ปัญหาเล็กๆ ได้ลำบากกว่า
***การที่รับงานของ LH มากถือเป็นความเสี่ยงของบริษัทไหมเพราะพึ่งพามากเกินไปและไม่มีการกระจายความเสี่ยง ไม่มองว่าเป็นความเสี่ยง ซึ่งเดิมก็เคยรับงานนอกแต่เชื่อว่าตอนนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งก็มี AP LH ซึ่งหากอสังหาริมทรัพย์ล้มเชื่อว่า 2 บริษัทนี้ยังอยู่ได้ แต่หาก 2 บริษัทนี้ล้มเชื่อว่าไม่มี บริษัท อสังหาฯบริษัทไหนอยู่ได้จึงมองว่าไม่ใช่ความเสี่ยง
***การที่เป็นกลุ่มของ LH ทำให้มีกองทุนเข้ามาสนใจบ้างไหม ก็มีเข้ามาอย่าง กบข.เข้ามาหา ทางบลจ.ธนชาติก็มา ผมก็ถามทางกบข.ว่าทำไมสนใจหุ้นของบริษัทซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าหากเป็นบริษัทที่เพอร์ฟอร์มแม้จะเป็นบริษัทขนาดเล็กก็เอาเพราะแม้ว่าอสังหาฯลดลง แต่กลุ่ม LH AP ยังไปได้
***มีผู้สนใจหุ้นของบริษัทมากแล้วจะมีหุ้นพอที่จะจัดสรรให้หรือ ตอนนี้หุ้น IPO ไม่มีเหลือแล้ว
***การที่ บ.พีซีเอ็ม มีมาร์จิ้นที่ดีกว่าบมจ.พรีบิลท์แล้วทำไม่ไม่นำบ.พีซีเอ็ม เข้าตลาดฯแทน เพราะอะไร บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เดิม คือบมจ.แผ่นพื้นพีซีเอ็ม ซึ่งพอช่วงฟองสบู่แตก ทาง ก.ล.ต.ก็เปิดช่องให้สามารถทำ Back Door ได้หากทำเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ ซึ่งตอนนนั้น AP จึงเข้ามา BackDoor และเปลี่ยนธุรกิจและเปลี่ยนชื่อ อีกทั้งสินค้าของพีซีเอ็มอยู่ในตลาดมาหลายสิบปีแล้วหลังจากนั้นก็มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทใหม่ชื่อว่า บมจ.พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียลและได้โอนธุรกิจทุกอย่างมาที่พีซีเอ็มขณะที่บริษัทที่อยู่ในตลาดฯก็ได้เปลี่ยนกลุ่มไปเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และทำธุรกิจอสังหาฯ โดยในช่วงแรก AP ถือพีซีเอ็มอยู่ 100% แต่พอการที่นำพรีบิลท์เข้าตลาดฯทำให้ต้องมีการจัดการโครงสร้างก่อนและพีซีเอ็มจะเติบโตยากกว่า เพราะต้องอินเวสต์ของ LH ก่อนทั้งซื้อที่ดินสร้างโรงงาน เป็นต้น แต่คอนสตรัคชั่นเติบโตได้ง่ายกว่าเพราะใช้เงินทุนน้อยกว่าจึงมองว่าน่าจะให้พีซีเอ็มเป็นฐานในเรื่องของวัสดุก่อสร้างมากกว่าก็ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทอีกอย่างหนึ่ง
*** ปีนี้ประมาณการรายได้อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ คาดว่ารายได้ปีนี้ของพรีบิลท์ที่ไม่ได้รวมรายได้ของพีซีเอ็มจะเติบโตประมาณ50-60 % จากปี 2547 ที่พรีบิลท์มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 900 ล้านบาทและในส่วนของพีซีเอ็มจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาทและคาดว่าปีนี้ในส่วนของพีซีเอ็มจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาทเช่นเดียวกับปีก่อน ซึ่งหากรวมกันแล้วรายได้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีงบการเงินโดยรวมก็อยู่ที่ประมาณ 850 ล้านบาทโดยธรรมชาติของธุรกิจแล้ว ในช่วงครั้งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกโดยในช่วง 9 เดือนปีนี้ บริษัทมีรายได้จำนวน 1,124 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน60 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเกือบเท่ากับผลประกอบการในปี 47 ทั้งปีที่มีรายได้จำนวน 976 ล้านบาทกำไรสุทธิ 76 ล้านบาท
*** ผลประกอบการในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดหรือเปล่าเพราะมีงานเมกะโปรเจ็กเข้ามาคาดว่าจะเติบโตถึง 100 % ไหม คงเติบโตไม่ถึง 100 % แต่ก็มีการเติบโตพอสมควร
*** บริษัทมีแนวทางในการรักษาอัตราการเติบโตของผลประกอบการอย่างไรให้มีอัตราการเติบโตในระดับเดียวกับในช่วงที่ผ่านมา คงอยู่ที่กำลังการผลิต เรื่องยอดขายไม่มีปัญหาจะทำเท่าไหร่ก็ได้เพราะตลาดฯยังมีความต้องการอยู่อีกมาก แต่อยู่ที่กำลังการผลิตซึ่งคงต้องเทรนคนให้มากขึ้นซึ่งตอนนี้ที่ทำคือพยายามสร้างเครือข่ายในแนวราบมากขึ้นเพราะบริษัทที่มีปิรามิดสูงจะขยายไม่ค่อยได้แต่หากทำในแนวราบลักษณะคล้ายแฟรนไชน์โอกาสขยายตัวก็มีมากกว่าเรื่องยอดขายไม่ห่วง เพราะพอเราสร้างบ้านให้ AP เราก็ได้อานิสงค์ตรงนั้นมาเราสร้างได้เร็วมาก และลูกค้าที่ไม่ใช้สร้างบ้านเช่นของฮอนด้า เมเจอร์ก็ถือว่าเป็นลูกค้าที่จะเข้ามาแทนที่อยู่ตลอด
*** ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องนักลงทุนที่ซื้อหุ้นพรีบิลท์จะได้รับเงินปันผลด้วยหรือเปล่า คนที่ซื้อหุ้นพรีบิลท์มีโอกาสได้เงินปันผลโดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกิน 50 % ของกำไรสุทธิ ซึ่งปี 2547จ่ายปันผลไป 0.25 บาท หรือประมาณ 8 %
*** ตอนนี้มีหนี้สินอยู่ประมาณเท่าไหร่ มี D/E อยู่ที่ประมาณ 1 เท่ากว่า ซึ่งหลังจากการเพิ่มทุนจะลดลงเหลือประมาณ 0.8 เท่า
***ปัจจุบันมีงานในมืออยู่เท่าไหร่ สิ้นไตรมาส 2/48 มี Black log อยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาทซึ่งทั้งปีนี้ก็คาดว่าจะมีงานเข้ามาอีกมาก
*** การที่บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้วอาจทำให้นักลงทุนที่มาจองซื้อหุ้นอาจไม่ขายหุ้นออกมาซึ่งก็จะทำให้หุ้นขาดสภาพคล่องได้ หากทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นและผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องก็เชื่อว่าสภาพคล่องจะมาเอง
*** กังวลไหมหากมีคนมองว่าการที่อยู่ในภาพของ LH และเหมือนกับอาศัยภาพลักษณ์ของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แล้วมากำหนดราคาหุ้น IPO ในระดับที่แพงจนเกินไป ถือว่าเราขายหุ้นถูกมาก อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ BOOK VALUE ราคาไม่แพง P/E อยู่ในระดับที่ 6 เท่ากว่า ๆ
***แนวโน้มในปีหน้าอสังหาริมทรัพย์เป็นขาลงทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น ราคาน้ำมันน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างไรบ้าง หากดูงบอสังหาฯโดยรวมเล็กลง แต่กลุ่ม LH AP ยังโตอยู่ตัวเลขการสร้างบ้านโตอยู่ แม้ว่ามาร์จิ้นจะลดลง เพราะได้ลดราคาลงแต่จำนวนบ้านจะมีจำนวนหลังจะมากขึ้น เพราะมีการลดขนาดการสร้างลงมาเพราะฉะนั้นการก่อสร้างบ้านของ LH AP จะสูงขึ้นทำให้เราได้รับอานิสงส์ตรงนี้
*** มีความมั่นใจว่าหุ้นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากน้อยเพียงใด คนที่รู้จักบริษัทหรือลูกค้าของบริษัทจะมีความเชื่อมั่นสูงเนื่องจากระยะเวลารับงานเพียง 8-12 เดือนทำให้ตัดความเสี่ยงในเรื่องของราคาวัตถุดิบที่มีความผันผวนซึ่งซัพพรายเออร์จะล็อคราคาได้ 4 เดือน อีกทั้งวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นก็สามารถบวกราคากับลูกค้าได้
***มีความกังวลไหมกับภาวะหุ้นIPOที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในวันแรกที่เข้าซื้อขายฯอีกทั้งไม่มีกระแสของบมจ.กฟผ. มองว่าโชคดีที่กฟผ.เลื่อนเข้าตลาดฯเพราะนักลงทุนจะหันมาให้ความสนใจหุ้นตัวอื่นๆ มากขึ้นซึ่งหุ้นที่กฟผ.กระจายนั้นก็จะเป็นในส่วนของสถาบันหรือนักลงทุนต่างประเทศมากกว่าจึงทำให้นักลงทุนรายย่อยที่เตรียมเงินลงทุนในหุ้นกฟผ.หันมาสนใจหุ้นตัวอื่นแทน
*** มีอะไรที่อยากบอกกับนักลงทุนบ้างไหม แม้ว่าอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงในปีหน้า แต่อสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม AP LH ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ เนื่องจาก มูลค่าอสังหาฯโดยรวมของทั้ง2บริษัทจะเพิ่มมากขึ้นหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งหากแนวโน้มอสังหาฯจะชะลอตัวลงบ้างก็คงไม่กระทบต่อบริษัทมากนักอีกทั้งฐานของบริษัทอยู่ที่ประมาณปีละ1,000 กว่าล้านบาท จึงสามารถเติบโตได้ง่าย ทั้งนี้อสังหาฯส่วนใหญ่ได้มีการลดขนาดของบ้านลงทำให้ยอดการสร้างบ้านมีจำนวนมากขึ้นซึ่งก็จะทำให้บริษัทมีงานเพิ่มมากขึ้น
By : สมหญิง แก้วพริ้ง
eFinanceThai.com
Copyright 2001 eFinanceThai.com All rights reserved. Contact Us : service@eFinanceThai.com Tel : 02-278-2666, 02-278-2770, 02-278-2822 Customer Service Tel: (02-278-2666, 02-278-2770, 02-2782822 ext 11,12), 02-278-3413 Fax : 02-278-2390 Online Asset Co.,Ltd
จากคุณ :
Jack Wealth
- [
2 ธ.ค. 48 08:05:31
]
|
|
|