ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม เผย ผลวิจัยและสถิติปัจจุบัน ระบุชัดคนไทยยังไม่สามารถปฏิบัติตามศีลห้าได้ครบ   เตรียมผลักดัน 7 มาตรการ ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมทุกภาคส่วนของสังคม ชี้ต้องเร่งดำเนินการในรัฐบาลนี้   ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรม  พร้อมเรียกร้องรัฐบาลสานต่อโครงการต้นแบบของศูนย์  เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของกระแสคุณธรรม
     

      น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) เปิดเผยผลวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมจริยธรรม พบว่า คนไทยยังไม่สามารถปฏิบัติตามศีล 5 ทางพุทธศาสนาได้อย่างครบถ้วน สังเกตได้จากการพิจารณาศีลแต่ละข้อกับสถิติ ยังพบประชาชนถูกทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิตมากกว่าวันละ 20 คน มีการทำร้ายชีวิตจากการจี้ ปล้น หรือฆ่าตัวตาย เฉลี่ย 3 คนทุก 2 ชั่วโมง ผู้หญิงร้อยละ 23 ยังคงถูกทำร้ายจากสามี หรือคู่ครอง และเยาวชนยังคิดที่จะใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ยังพบว่า เยาวชนร้อยละ 83 เห็นว่า การซื่อสัตย์เกินไปไม่เป็นสิ่งดี เพราะจะถูกเอาเปรียบ และเยาวชนร้อยละ 51 เห็นว่า การโกงบ้างก็ไม่เป็นไร หากทำประโยชน์

     
      นอกจากนี้ ผลวิจัยระบุว่า ผู้ชายถึงร้อยละ 41 เคยนอกใจคู่ครอง วัยรุ่นถึงร้อยละ 22.2 ใช้เวลาสานสัมพันธ์ไม่เกิน 1 วัน ก่อนตกลงมีเพศสัมพันธ์ เยาวชนใน กทม.ร้อยละ 29.4 มีคู่นอนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป นอกจากนี้ เด็กมัธยมร้อยละ 38 เป็นผู้ดื่มเหล้า มีประชาชนเล่นหวยใต้ดินถึง 400,000 ล้านบาทต่อปี สะท้อนว่า ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องใช้คุณธรรมเข้ามาแก้ไขอย่างจริงจัง

     
      น.ส.นราทิพย์ กล่าวว่า ในปี 2550 ศูนย์คุณธรรมฯ จะขับเคลื่อนแผนงานตามพันธกิจผ่าน 7 มาตรการ คือ

1.การเสริมสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัว ในชุมชน ผ่านกระบวนการครอบครัวเข้มแข็ง ซึ่งถือเป็นสถาบันแรกสังคมระดับต้น

2.การฟื้นฟูชุมชนเข้มแข็ง เสริมสร้างสังคมเข้มแข็งด้านคุณธรรม แก่ผู้นำชุมชนและประชาชน

3.การฟื้นฟูบทบาทของวัดและคณะสงฆ์ ให้กลับมามีความสำคัญกับการพัฒนาคุณธรรมของสังคม

4.การปฏิรูปการศึกษา

5.การส่งเสริมองค์กรประชาสังคม

6.การปฏิรูปสื่อเพื่อมวลชน และ

7.การลดอิทธิพลของการบริโภคนิยมและอำนาจนิยม
     
      “ปีนี้เป็นปีทองของคุณธรรม ตามที่รัฐบาลได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะต้องให้คุณธรรมนำความรู้ ศูนย์คุณธรรมฯจึงน่าจะมีโอกาสดำเนินมาตรการ และโครงการต่างๆ ได้มากขึ้น ประเด็นสำคัญ คือ ประเทศไทยมีแหล่งที่ดีอยู่มาก มีคนทำดีมาก แต่เราไม่สามารถสื่อ หรือเผยแพร่คุณงามความดีที่เราพบนี้ ให้เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปในวงกว้างได้ เนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณ รวมถึงอัตรากำลังที่มีเพียง 35 คน”  ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวและว่า นโยบายรัฐบาลต้องจริงจังกับเรื่องคุณธรรมมากกว่านี้ และต่อยอดงานที่ศูนย์คุณธรรมได้พัฒนาต้นแบบมาแล้วให้เกิดความต่อเนื่อง  เพราะศูนย์ได้รับมอบหมายเพียงการสร้างต้นแบบ เรื่องคุณธรรมจะต้องอาศัยการดำเนินโครงการซ้ำเป็นเวลานาน และต้องเร่งทำในช่วงนี้ เพราะไม่รู้ว่านโยบายใหม่มา จะให้ความสำคัญกับคุณธรรมเท่ารัฐบาลชุดนี้หรือไม่
     
ติดตามข่าวสารและสาระน่ารู้เกี่ยวกับพุทธศาสนา ได้ที่
http://www.palungdham.com