ความคิดเห็นที่ 1 มันขึ้นอยู่ด้วยว่าคุณนะทำสัญญาไว้อย่างไร ผมไม่เห็นสัญญา แต่การค้ำประกัน เป็นเรื่องพูดยาก อย่างไรผมก็เสียใจด้วยล่ะกัน ที่บ้านผมก็เึคยมีปัญหาประมาณนี้... เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้ลอง เอากระดูกมาแขวนคอ จากคุณ : หมาๆแมวๆ - [ 11 เม.ย. 50 18:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สัญญาค้ำประกันเป็นเรื่องน่าลำบากใจค่ะ อย่างที่คุณความคิดเห็นแรกว่าเลยค่ะ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ ทางที่ดีอย่าค้ำประกันให้ใครค่ะ ถ้าจำเป็นก็ตัดใจให้เท่าที่ให้ได้ไปเลยดีกว่า การที่คุณเป็นผู้ค้ำประกันให้เพื่อนนั้นย่อมหมายความว่า ถ้าเจ้าหนี้ไม่สามารถเรียกเงินคืนจากเพื่อนคุณได้ เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกเอาเงินจากคุณได้โดยตรง จะก่อน หลัง พรือพร้อมกันกับเพื่อนคุณที่เป็นลูกหนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนคุณไม่ใช้หนี้ ทางเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกรับชำระจากคุณได้ค่ะ โดยอาจจะ้ฟ้องคุณเป็นจำเลยร่วมกันกับลูกหนี้ สิ่งที่คุณทําได้คือใช้หนี้แทนลูกหนี้แล้วเข้าสืบสิทธิในการเรียกรับชำระหนี้จากลูกหนี้แทนค่ะ แต่ในกรณีนี้ยังตามตัวลูกหนี้ได้ ดิฉันเข้าใจว่าคุณน่าจะใช้สิทธิในการให้เจ้าหนี้ไปเรียกร้องเอาจากลูกหนี้โดยตรงก่อนค่ะ ขาดเหลือเท่าไหร่ คุณเองอาจจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบส่วนที่ยังขาดไป ผิดถูกประการใดต้องขออภัยค่ะ รอผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นมาแก้ไขเพิ่มเติมนะคะ แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 50 18:56:49 จากคุณ : 4-th - [ 11 เม.ย. 50 18:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ต้องดูสัญญาเลยครับ  การค้ำรถ ส่วนใหญ่ เจ้าหนี้เขียนสัญญาในลักษณะให้ลูกหนี้สละสิทธิเกี่ยงทั้งหมดอยู่แล้ว แล้วยินยอมรับผิดร่วมกับลูกหนี้   เท่ากับเป็นลูกหนี้คนนึงครับ   คห 2 ครับ การเข้าค้ำประกัน นั้น ผู้ค้ำยังมีสิทธิที่จะเกี่ยงให้เจ้าหนี้ไปเรียกกับลูกหนี้ก่อนได้ครับ ตามกฎหมายแล้ว   แต่ในสัญญาค้ำ มักจะมีข้อความให้สละสิทธิตรงนี้ไป ดังนั้น คุณผู้ค้ำ จึงต้องชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ไปครับ  หากลูกหนี้ไม่ยอมชำระ  แล้วก็สืบสิทธิที่ว่าไปไล่เบี้ยกับลูกหนี้ในภายหลัง  หากผู้ค้ำไม่ชำระ เมื่อศาลพิพากษาแล้ว เจ้าหนี้ก็มีสิทธิบังคับคดีเรียกเอากับทรัพย์ของผู้ค้ำได้ครับ   คุณเจ้าของกระทู้ต้องลองเปรียบเทียบดูว่า  หากไม่ชำระ  คุณโดนบังคับคดี คุณมีทรัพย์ให้บังคับคดีหรือไม่  หรืออาจเข้าเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ ขอตัดยอดที่ค้างชำระแต่บางส่วนแล้วให้หนี้มันจบ  อย่างไหนมันคุ้มกว่ากัน ค้ำประกันใคร จำไว้เลยครับ นั่นเท่ากับยอมรับว่า เราเป็นลูกหนี้เอง ต้องทำใจล่วงหน้าครับ  หากไม่ใช่คนในครอบครัวกันจริงๆ  เขาไม่ค้ำให้กันหรอกครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 11 เม.ย. 50 19:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณคือหลักทรัพย์ ของผู้ผิดนัดชำระ ไงล่ะครับ ฉะนั้น คุณจึงต้องทำหน้าที่ หลักทรัพย์ ด้วยการติดตามทรัพย์ จากคุณ : greeny pony - [ 11 เม.ย. 50 19:38:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สมัยนี้ไม่มีใคร ยอมค้ำประกันกันง่ายๆหรอกนะคะ ถือว่าเป็น บทเรียนแล้วกัน จากคุณ : จงกลพรรณ - [ 11 เม.ย. 50 21:24:17 A:203.113.39.6 X: TicketID:139900 ]

ความคิดเห็นที่ 6 . มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลานไว้เลย... อย่าค้ำประกันให้ใคร ถ้าไม่ใช่แม่ยายหรือน้องเมีย  ! . จากคุณ : เต้าหู้หิมะ - [ 11 เม.ย. 50 22:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอถามเป็นความรู้ครับ กรณีนี้ หากบริษัทเพียงแต่ติดตามทวงถามเอาการชำระหนี้แทนผู้ซื้อโดยทรัพย์ยังไม่ได้ขายหักหนี้ ผู้ค้ำจะขอรับเอาทรัพย์นั้นมาแล้วรับภาระหนีต่อจากผู้ซื้อเดิมจะได้หรือไม่อย่างไร ขอบคุณครับ จากคุณ : สงสัย - [ 11 เม.ย. 50 22:49:06 A:125.26.79.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห 7 ครับ นั่นเท่ากับว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อคู่สัญญา ซึ่งคงต้องได้รับความยินยอมจากทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 12 เม.ย. 50 00:17:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกคำตอบครับ แต่ก็ยังงงอยู่ เพิ่มเติมครับคือจำเลยที่1 ที่โดนฟ้องมีงานมีเงินเดือนยังสามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งผมเป็นจำเลยที่2 และมีจำเลยที่3ยังจะต้องชดใช้หนี้แทนหรือเปล่า ส่วนทรัพย์สินในชื่อผมมีคอนโดที่ยังผ่อนไม่หมดแต่ขายแล้วจะได้กำไรจากการขายอันนี้จะถูกบังคับคดีหรือไม่ จากคุณ : นักสร้าง - [ 12 เม.ย. 50 08:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อีกทีครับคือผมจะต้องหาทุกวิธีที่ไม่ต้องไปชำระหนี้แทนเพื่อนผมคนนี้ซึ่งผมเดือดร้อนมาก และจำเลยที่3ซึ่งเป็นแฟนเก่าเพื่อนผมทำงานได้เงินเดือนไม่เกินแปดพัน แต่มีชื่อเป็นเจ้าบ้านน่าสงสารมาก จากคุณ : นักสร้าง - [ 12 เม.ย. 50 08:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรียน คุรนักสร้าง  การค้ำประกัน การผ่อนรถสัญญามันจะแตกต่างจากการค้ำประกันทั่วไปก็ตรงที่ว่า กรณีที่คนซื้อผ่อนไม่ไหวเจ้าหนี้ก็จะเอารถยนต์ที่ผ่อนมาไปประมูลขาย หรือ เรียกว่าขายทอดตลาด เมื่อประมูลได้เท่าไร?ส่วนต่างที่เกิดขึ้น เขาก็จะไล่บี้ไปที่ คนซื้อ เมื่อคนซื้อหาย ก็จะตามไปที่คนค้ำ1-2-3ก็ไล่เรียงกันไป แต่ลักษณะที่คุณเล่ามา บ.ไฟแนท์อยู่ๆเอาหมายศาลมาให้คุณไปผ่อนชำระ โดยไม่แจ้งอะไรเลย อย่างนี้ก็ไม่ไหวครับ อย่างน้อยงานนี้คุณต้องสู้ถึงเชือกเส้นที่สองที่สามเลยครับ  ต้องแย้งไปว่า 1.คนซื้อขาดส่ง ติดต่อกันทำให้รถโดนยึด ขึ้นมาทำไมบ.ไฟแนท์ไม่ติดต่อให้คนค้ำรับทราบด้วย 2.ในกรณี เอารถไปเปิดประมูลขาย บ.ไฟแนนท์ได้ทำหนังสือให้เจ้าของเดิมทราบหรือไม่?เพื่อไปต่อสู้ในการซื้อคืนกลับมา? 3.รถยนต์ที่ได้ขายไปต่ำกว่าราคาท้องตลาด แค่ไหน?คุณถึงต้องไปชดใช้กว่า2แสนบาท 4.ยังไง?ก็ไปตามหมายนัดของศาลก่อน จะไกล่เกลี่ยยังไงแล้วค่อยไปไล่บี้กับคนผ่อนอีกทีหนึ่ง ก่อนที่ชื่อคุณจะอยู่ในแบล็คลิสเครดิสบูโร เวลาลบชื่อออกยากยิ่งกว่าอะไร? เอาใจช่วยครับ จากคุณ : ข้าวก่ำ - [ 12 เม.ย. 50 09:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 การค้ำประกัน คือการให้สัญญาว่า "ถ้าเขาไม่จ่าย คุณจะจ่ายให้แทน" มันจึงไม่เกี่ยวกับ "ชีวิตเกิดมาไม่เคยโกงและเป็นหนี้ใคร" ที่คุณควรรู้คือเมื่อจ่ายให้เจ้าหนี้ไปแล้ว คุณมีสิทธิไล่เบี้ยเอากับตัวคนที่คุณไปค้ำแทนเจ้าหนี้เท่าที่คุณจ่ายให้เจ้าหนี้ไป จากคุณ : สวัสดี ศาลาประชาคม (สนทะเลน้อย) - [ 12 เม.ย. 50 11:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณเจ้าของกระทู้ครับ แม้จำเลยที่ 1 จะมีทรัพย์พอชำระหนี้ หรือมีความสามารถชำระหนี้ก็ตาม  เจ้าหนี้ก็ยังมีสิทธิ์เรียกจากคนใดคนหนึ่งได้ครับ ไม่จำเป็นต้องไปไล่มาจากจำเลยที่ 1 ก่อน  เจ้าหนี้เลือกได้ตามสะดวกครับ เพราะคุณได้สละสิทธิเกี่ยงตามสัญญาค้ำประกันไปเรียบร้อยแล้ว   ใครมีงานประจำ ทำงานที่ไหน ตามง่าย  ก็โดนก่อนล่ะครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 12 เม.ย. 50 13:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วถ้าผมไปศาลคนเดียว จำเลยที่1 และ3 ไม่ไป แล้วผมก็ไม่ยอมที่จะชดใช้แทนแต่สามารถตามหาจำเลยที่1ได้ล่ะครับ จากคุณ : นักสร้าง - [ 12 เม.ย. 50 16:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบอีกครั้งครับ...ศาลนัดเดือนกรกฎาคม 50 ... ถ้าศาลตัดสินให้ผมชดใช้แทน แล้วผมลาออกจากงานให้เป็นบุคคลขาดรายได้ เรื่องจะเป็นยังไงต่อครับ ... จะโดนฟ้องล้มละลายรึเปล่าเพราะผมพร้อมที่จะล้มละลาย ... ยังไงผมคงไม่ชดใช้หนี้แทนเพื่อนคนนี้แน่ จากคุณ : นักสร้าง - [ 12 เม.ย. 50 16:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 12 เม.ย. 50 20:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วันหยุดยาวหลายวัน ไม่ทราบยังกลับมาดูอีกหรือเปล่า สงสัย จขกท จะไม่เข้าใจที่ผมพูด คือความจริงฟ้งจากรายละเอียดเท่าที่ให้มา คิดว่าคุณต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ไป แต่คุณมีสิทธิที่จะฟ้องเพื่อนคุณคนที่คุณไปค้ำเขาเพื่อเรียกเอาสิ่งที่คุณต้องจ่ายไปคืน คุณจะไปศาลคนเดียวหรือคนอื่นไปด้วยก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ สำคัญอยู่ที่่ว่าศาลพิพากษาให้คุณแพ้คดีหรือไม่มากกว่า ซึ่งฟังดูคงเป็นเช่นนั้นนอกจากคุณจะเฮงจริง ๆ เมื่อศาลให้คุณจ่ายแล้วคุณไม่จ่ายเขาก็จะมายึดทรัพย์สินคุณไปขายทอดตลาดเอาเงินไปจ่ายจนกว่าจะครบ ถ้าหนี้ไม่ถึงล้านเขาฟ้องคุณล้มละลายไม่ได้ คุณจะลาออกจากงานทำตัวเป็นคนจนไปเรื่อย ๆ ก็ได้ แต่ ๑๐ ปี นะกว่าจะพ้น จ่ายเขาไปแล้วไปไล่เบี้ยเอากับเพื่อนคุณไม่ดีกว่าหรือครับ จากคุณ : สนทะเลน้อย - [ 18 เม.ย. 50 18:26:59 ]