ความคิดเห็นที่ 1 คดีพรากผู้เยาว์ ผู้เสียหายคือบิดามารดาหรือผู้ปกครองของฝ่ายผู้เยาว์ แม้เรื่องของคุณ ผู้หญิงจะยินยอมมีอะไรกับคุณ ทำให้คุณหลุดพ้นข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา แต่ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ คุณก็ยังต้องรับผิด และที่สำคัญนะครับ ความผิดฐานพากผู้เยาว์เป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ ถ้าแจ้งความจะโดนอะไรไหม โดนครับ ก็มีความผิดตาม ม.319 ประมวลกฎหมายอาญา ผู้ใดพราผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันถึงสองหมื่นบาท อยากถามคุณว่า ที่คุณมีอะไรกับเธอนะ เพราะรักเธอหรือรักสนุกชั่วคราว การที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงเขาให้แต่งงานกัน และจบเรื่องเนี่ยดีอยู่แล้ว ถ้าไม่คุณจะไปเสียงให้เขาแจ้งความก็เอานะครับ การที่คุณอ้างว่าบ้านฐานะไม่ดี ไม่สามารถเอาเธอมาอยู่ด้วยได้เนี่ย ไม่ใช่ข้ออ้างของลูกผู้ชาย เพราะตอนที่คุณมีอะไรกับเธอ คุณไม่เห็นนึกถึงว่าคุณจะเลี้ยงดูเธอได้อย่างไร ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายพอ ก็ควรจะรู้นะครับ ว่าการรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองกระทำควรทำอย่างไร ขอโทษที่ว่าคุณ แต่ถ้าเป็นลูกสาวผม คุณไม่มีทางได้จบแค่แต่งงานหรอก เพราะผมจะแจ้งความ และเมื่อถึงเวลาที่ฟ้องศาล ผมจะแถลงต่อศาลให้ลงโทษคุณในอัตาโทษสูงสุด จากคุณ : leonnoom - [ วันแม่แห่งชาติ 12:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปลูกถั่วได้ถั่ว  ปลูกงาได้งา ทำกรรมไดรับกรรมนั้น ทำผิดแล้วต้องหาวิธีแก้ไขในทางดีครับ จากคุณ : ไกลปืนเที่ยง (uthai_y) - [ วันแม่แห่งชาติ 14:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เหอๆ จะรีบทำไม - - จากคุณ : Kinder's~RuleS - [ วันแม่แห่งชาติ 17:50:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าฝ่ายหญิงมาหาเองที่บ้านฝ่ายชาย(ย้ำว่ามาหาเองโดยฝ่ายชายไม่ได้ชวนออกมา) จขกท ไม่ผิดพรากผู้เยาว์ครับ เพราะความผิดฐานนี้ต้องมีการพรากก่อน จึงจะมาดูต่อว่า เข้ามาตราไหน โดยถ้าไม่ถึง 15 ปี ก็จะโดน ม.317 แต่ถ้าเกิน 15 แต่ไม่ถึง 18 โดยหญิงไม่เต็มใจไปด้วย เข้าโดน ม. 318 และถ้าหญิงเต็มใจ แต่พาไปเพื่อนอนาจารหรือค้ากำไร ก็จะโดน ม. 319 ทั้งหมดที่บอกคือ ต้องมีการพรากเกิดขึ้นก่อนครับ จึงจะเอาผิดได้ คำว่าพราก คือ พา ชวน นัด หลอกให้ออกมา ฉุด ... แต่ถ้าฝ่ายหญิงมาหาเอง หรือเราไปหาเองที่บ้านฝ่ายหญิง ไม่ถือว่ามีการพราก ดังนั้นไม่ต้องไปดู ม.317 ,318 , 319 เพราะไม่มีการพรากนั่นเอง... ผมอยากจะบอกว่า จขกท ไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ และ ความผิดฐานข่มขืน.. ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกผู้ชายล้วนๆครับ... ส่วนเรื่องทางอาญา ถ้าข้อเท็จริงเป็นอย่างที่คุณบอก จขกท ไม่มีความผิดทางอาญาครับ เอาหัวเป็นประกัน .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ วันแม่แห่งชาติ 19:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คห.1 อย่าคิดอคติกับเด็กอย่างนั้นเลย.. อีกอย่างคุณมีสิทธิที่จะให้ความรู้ทางกฎหมายหรือไม่ก็ได้ แต่ผมมองว่า คุณไม่มีสิทธิไปแสดงออกหรือมองว่าถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกสาวคุณ คุณจะเอาเรื่อง จขกท ถึงที่สุด และจะแถลงต่อศาลให้ลงโทษสูงสุด..ผมว่าคำพูดเหล่าแสดงออกถึงอารมณ์คุณในตอนที่พิมพ์ข้อความมากเลยที่เดียวครับ.. ถ้า จขกท มาจ้างคุณเป็นทนายความ คุณมีสิทธิรับหรือไม่รับก็ได้ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับออกมาตำหนิในการกระทำของ จขกท และถ้าจำเลยในคดีฆ่าคนตายมาจ้างคุณทำคดี คุณมิต้องเอาปืนยิงลูกความเลยหรือครับ.. ..เรื่องนี้จะโทษฝ่ายชาย ฝ่ายเดียวคงไม่ถนัดนัก เพราะต้องยอมรับกันว่าสังคมสมัยนี้ผู้หญิงกล้าแสดงออกเหลือเกิน และเป็นฝ่ายลุกด้วยซ้ำไป ผมไม่โทษใครครับ เพราะคงต้องดูถึงรายละเอียด เอาเป็นว่า คุณในฐานะทนายความ มองลูกความอย่างเป็นกลางดีกว่าครับ สบายใจดี.. .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ วันแม่แห่งชาติ 20:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 1.การพรากผู้เยาว์ที่เต็มใจไปด้วยโดยหลักไม่เป็นความผิด เว้นแต่การพรากนั้น มีมูลเหตุจูงใจเพื่ออนาจารซึ่งจะเป็นความผิด ตามมาตรา319 คำว่า"พราก"หมายความว่า พาไป หรือแยก ออกจากความปกครองดูแล จะกระทำด้วยวิธีใด ไม่จำกัด ไม่จำต้องใช้อุบาย หรือกำลัง ก็ผิด 2.แม้ผู้เยาว์จะหลบหนีออกจากบ้านก็ตามก็ถือ ว่ายังอยู่ในอำนาจปกครองของผู้ปกครองอยู่ แม้ผู้เยาว์จะเต็มใจไปกับเราก็ตาม ย่อมเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร เนื่องจากผู้ปกครองผู้เยาว์เป็นผู้ที่เสียหาย 3.เว้นแต่กรณีที่ผู้ปกครองอนุญาต ให้ผู้เยาว์ไปกับคุณ โดยรู้อยู่ว่าผู้เยาว์กับคุณเป็นคู่รักกัน และคาดหวังจะให้แต่งงานกัน ซึ่งถือไม่ได้ว่า//เป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันควร เว้นแต่ว่า คุณจะทำเกินขอบเขตของการยินยอมของผู้ปกครอง 4.อย่างไงก็พยายามเจรจา หันหน้าเข้าหากันดีกว่า ทุกอย่างมีทางแก้ จากคุณ : ปรีชา - [ 13 ส.ค. 50 02:45:17 A:202.57.183.139 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 อย่างที่คุณ  I_วชิรวิทย์  ว่าคุณจะไม่รับผิดชอบก็ได แต่นับตั้งแต่นี้เวลาเดินก็ระวังตัวเอาแล้วกัน  ถ้ายังเป็นลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับคับ จากคุณ : ค.คนไทย - [ 13 ส.ค. 50 03:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับสำหรับการเตือนสติของคุณ I_วชิรวิทย์ แต่ขอบอกกับคุณว่า ถ้าในแง่ของกฎหมาย ผมพยายามเป็นกลางที่สุดครับ แต่ในแง่ของสังคม ผมอบากเตือนให้ จขกท. เป็นลูกผู้ชายหน่อย กล้าทำก็กล้ารับครับ อย่างที่คุณว่าก็ถูก สังคมสมัยนี้ ผู้หญิงกล้าแสดงออกและเป็นฝ่ายลุกผู้ชายก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับนะครับ เรื่องอย่างนี้ ถ้ามันรู้ถึงบุคคลทั่วไป คนเสียก็คือผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผมอาจจะตำหนิ จขกท. ด้วยอารมณ์ตามที่คุณว่า แต่ผมก็แบ่งวรรคอย่างชัดเจนในแง่กฎหมาย และในแง่สังคม ถ้าจำเลยในคดีฆ่าคนตายมาจ้างผมทำคดี ผมคงไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาปืนมายิงเขาหรอกครับ เพราะอาชีพอย่างเราไม่มีสิทธิ์จะพิจารณาพิพากษาลงโทษใคร เราได้แต่เสนอถึงเหตุจูงใจและเหตุผลในการกระทำความผิด ศาลท่านเป็นผู้พิพากษาลงโทษผู้กระทำผิด แต่อย่างไรผมก็ขอขอบคุณคุณ I_วชิรวิทย์ ครับสำหรับคำเตือน และผมจะขอนำคำเตือนของคุณมาปรับปรุงแก้ไขครับ จากคุณ : leonnoom - [ 13 ส.ค. 50 04:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าพราก แม้แต่จะไม่ใช้กำลัง แต่อายุยังอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง แม้ผู้ชายไม่ข่มขืน ไม่ฉุด ก็คือ การเอาไป พาไปจากการปกครอง น่าจะถือว่า เป็นการพรากฯ ได้ แต่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากการกระทำ ไม่รับก็ต้องเจอกฏหมายอื่นอยู่ดี จากคุณ : กองปราบ - [ 13 ส.ค. 50 09:31:38 A:58.9.85.213 X: TicketID:103401 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จขกท. ผมแนะให้คุณไปอ่าน คดีพิจารณาคดีสดๆร้อนๆที่พึ่งตัดสินไป คือคดีของ นักร้องชื่อ ด. คุณกับเขาต่างกันอย่างไร? ที่สำคัญคุณได้เปรียบเขาแน่นนอนที่คุณไม่มีบุตร จากการมีอะไร?กัน  ที่ต้องเลี้ยงดู          แต่ที่คุณเสียเปรียบกว่าเขาก็คือ คุณไม่ใช่นักร้อง หรือเป็นซุปเปอร์สตาร์ ที่จะมีทะแนะเก่งๆดูแล ถ้าผมเป็นคุณก็เรียกให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาตกลงกัน ทำอะไร?ก็ได้ที่ยังไม่ให้ประวัติคุณเสีย ในตอนนี้ครับ แล้วถ้าเป็นไปได้ ช่วยถามคนที่จะดำเนินคดีกับคุณด้วยว่า เขาพรากกันตอนอายุเท่าไร? คงไม่ใช่? 20-30ปีหรอกนะ/// แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 50 11:56:10 จากคุณ : ข้าวก่ำ - [ 13 ส.ค. 50 11:51:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตามความเห็นของผม....ผมว่ามันผิดพรากผู้เยาว์แล้วครับ... จากประสบการณ์ของผมในความผิดฐานนี้ศาลตีความอย่างกว้างครับ...ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิในอำนาจปกครองของบิดามารดาและเพื่อคุ้มครองตัวผู้เสียหายด้วย....เนื่องจากผู้เสียหายยังเป็นผู้เยาว์สามัญสำนึกและวุฒิภาวะจึงยังน้อย...กฎหมายจึงต้องเข้ามาคุ้มครองโดยกำหนดโทษทางอาญาสำหรับผู้ฝ่าฝืน...แม้ผู้เสียหายจะได้มาหาจำเลยเองก็ตามแต่ก็หาได้แปลความว่าผู้ปกครองอนุญาตไม่....การที่จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร....จำเลยจะยกเอาคำว่าผู้เสียหายมาหาเองเพื่อให้หลุดพ้นจากความรับผิดได้ไม่... ดังนั้นในทางพิจารณาศาล แม้ผู้เสียหายจะยินยอมสมัครใจมาหาจำเลยเอง ก็ไม่ถือว่าบิดามารดาจะยินยอมเช่นนั้น...ยิ่งมาเพื่อประสงค์ร่วมประเวณีกันก็ไม่น่าเชื่อว่าบิดามารดาจะยินยอมอนุญาต...เพราะความผิดฐานนี้บิดามารดาผู้ปกครองเป็นผู้เสียหาย... เว้นแต่ผู้เสียหายจะขออนุญาตจากบิดามารดาเพื่อจะมาร่วมประเวณีกับจำเลยโดยบิดามารดาของผู้เสียหายรับรู้รับทราบและได้อนุญาตให้มาหาหรือมากับจำเลย...จำเลยจึงจะไม่มีความผิด....หรือไม่ก็ชำเรามันที่บ้านผู้เสียหายเลยครับ...ไม่ต้องพรากไปไหน....แต่จะโดนพ่อผู้เสียหายไล่ยิงตายอันนี้ไม่รับรองนะครับ... เจตนารมย์ของกฎหมายในมาตรานี้จึงมุ่งที่จะคุ้มครองอำนาจปกครองของบิดามารดามากกว่า.....การตีความจึงต้องตีความตามเจตนารมย์ของกฎหมาย... ฎ.4526/2543  การที่ผู้เสียหายออกจากบ้านพักไปหาจำเลยที่หอพัก จากนั้นจำเลยพาผู้เสียหายไปเดินเที่ยวห้าง...แล้วจึงกลับมาที่หอพักของจำเลยจากนั้นจำเลยจึงกระทำชำเราผู้เสียหาย    โดยที่บิดามารดาไม่ได้อนุญาตให้ผู้เสียหายไปอยู่กับจำเลย ถือเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์... (แก้คำผิด) แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 50 16:01:13 จากคุณ : อินทร์นิล - [ 13 ส.ค. 50 15:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ในความเห็นผม ไม่น่าจะต้องเอากฎหมายมาคุยกันเลยนะ การจับเด็กแต่งงานกันก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ถ้าแต่งไปแล้วก็มีแต่เสียกับเสีย หรือว่าเขาไม่รักลูกสาวเขาแล้วที่ทำให้อับอาย ก็เลยจะไล่ไปเสียให้พ้นๆ จากคุณ : TingTing - [ 13 ส.ค. 50 16:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับคุณอินทร์นิล กฏหมายไม่ใช่การเล่นเง่เล่นสำนวน ปัญหาไม่ใช่การเล่นคำ "พราก" ปัญหาคือคุณไปฟันลูกสาวชาวบ้าน แล้วจะไม่รับผิดชอบ เพราะคิดว่าเด็กมันเดินมาเอง  ชั้นไม่ได้พรากใครมา จากคุณ : ttno1 - [ 13 ส.ค. 50 19:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ดิฉันก็มีเพื่อนที่ประสบปัญหาอย่างงี้อยู่เหมือนกัน สุดท้ายเพื่อนดิฉัน(ชาย)ก็ต้องแต่งงาน แต่งกันได้ไม่นาน อยู่ได้ไม่ถึงเดือนก็เลิกกัน เพราะผู้ชายไม่ได้คิดจะจริงจังตั้งแต่แรก เพียงแค่กลัวจะติดคุก สุดท้ายปัญหาก็เกิดหนักกว่าครั้งแรก ตอนนี้ชาวบ้านรับทราบแล้วว่าผู้หญิงคนนี้แต่งงานแล้ว สุดท้ายก็อยู่ได้ไม่นานก็เลิก อับอายยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก เพราะตอนแรกได้เสียกันชาวบ้านไม่ได้รับรู้ด้วย พอแต่งงานก็แสดงว่าประกาศให้ชาวบ้านรับรู้แล้วพออยู่กันไม่รอดก็ยิ่งทำให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเข้าไปอีก จริงๆพ่อแม่ไม่น่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้เลย เป็นการทำร้ายลูกตัวเองมากกว่า น่าจะมาคุยกันดีๆ มากกว่าเพราะเรื่องพรรณนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังแน่นอน จากคุณ : ชาโมมาย (ชาโมมาย) - [ 13 ส.ค. 50 21:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โดนแน่ๆนายเอ้ย เงินหลักหมื่น คิดว่างี้จริงๆ จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ (ไม่ได้มีสิบมือ) - [ 13 ส.ค. 50 22:35:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอขยายความคำว่า "พราก" อีกนิดนะครับ.. คำว่าพรากตามมาตรานี้หมายถึงการ พาไป นำไป หรือ แยกผู้เยาว์ให้ตัดขาดจากอำนาจการปกครองดูแลของผู้ปกครอง  อันเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของผู้ปกครอง... ดังนั้น....ประเด็นของมาตรานี้จึงอยู่ที่ว่าผู้เยาว์หรือผู้เสียหายนั้น....ยังอยู่ในความปกครองดูแลของผู้ปกครองหรือไม่...หากยังอยู่ในความปกครองของบิดามารดาหรือผู้ปกครองแม้ผู้เยาว์จะหนีออกจากบ้าน  เต็มใจไปหา  หรือขออนุญาตไปค้างคืนที่อื่นเป็นครั้งคราวก็ดี  หรือขออนุญาตไปกับจำเลยก็ดี  หรือจำเลยได้รับอนุญาตให้พาไปก็ดี  ก็ยังถือว่าผู้เยาว์นั้นยังอยู่ในความปกครองดูแลของผู้ปกครองอยู่...หากได้ล่วงละเมิดผู้เยาว์หรือกระทำนอกขอบแห่งความยินยอมของผู้ปกครอง ก็มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ได้... และอีกประเด็นที่สำคัญคือ...แม้ว่าการกระทำของจำเลยจะไม่เป็นความผิดฐานอนาจารผู้เยาว์เนื่องจากผู้เยาว์จะยินยอมให้กระทำก็ดี...แต่การกระทำดังกล่าวก็เป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองดูแลของบิดามารดา...จำเลยก็ยังคงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารได้เช่นกัน... ดังนั้นผมจึงกล่าวไว้ตอนต้นว่าความผิดฐานพรากผู้เยาว์นั้นมีเจตนารมย์ที่มุ่งประสงค์ในการให้ความคุ้มครองต่อสิทธิ์ในอำนาจปกครองของบิดามารดาเป็นสำคัญ... แต่ถ้าการพรากไปนั้นมีเหตุอันควรโดยไม่ได้เป็นเพื่อการค้าหรืออนาจารก็ไม่เป็นความผิดตามฐานนี้...เช่นพบเห็นเด็กหญิงหลงทางในยามวิกาลจึงนำไปฝากไว้กับพี่สาวหรือน้องสาว พอรุ่งเช้าจึงนำไปส่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามหาผู้ปกครอง...เช่นนี้ไม่เป็นความผิดครับ... ส่วนในเรื่องที่ จขกท. ถามนั้น...ผมจะไม่ขอพูดในผลแห่งคดีเพราะไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่มากมาย...อีกทั้ง จขกท. ยังเป็นเยาวชนอยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวที่จะพิจารณาซึ่งก็ไม่ได้มุ่งประสงค์จะลงโทษอะไรมากมายอยู่แล้ว...อย่าได้วิตกจนเกินไป... แต่สิ่งที่ผมอยากให้ จขกท. ได้คิดคืออนาคตของตนเองและคนที่ตนเอง(คิดว่า)รักมากกว่า...การแต่งงานไม่ใช่การแก้ปัญหา...หากแต่การแต่งงานที่ไม่พร้อมต่างหากจะเป็นปัญหาในอนาคตเสียเอง... ที่ผมกล่าวมานั้นผมไม่ได้เห็นใจ จขกท. นะครับ...แต่เห็นใจผู้หญิงคนนั้นมากกว่า...หากเรื่องนี้ไม่เปิดเผยออกไปน้องเค้าอาจจะเจอคนที่ดี มีความคิด มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ คนที่พร้อมจะดูแลให้อนาคตที่ดีต่อเค้าและเป็นพ่อที่ดีของลูกได้... การมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องยาก  แต่การผูกพันธ์กับคนๆหนึ่งตลอดไปต่างหากที่ยากกว่า...การแต่งงานควรยืนบนพื้นฐานของความพร้อม ความเข้าใจ ความผูกพันธ์ มากกว่าการแต่งงานเพราะกลัวความผิด...ถ้าขนาดตัวเองยังเลี้ยงไม่ได้ก็ไม่ควรเอาใครมาอยู่ด้วยเลยครับ...สงสารเค้าเปล่าๆ...ให้เค้าอยู่เป็น"นางสาว"ดีๆยังดีเสียกว่ามากัดก้อนเกลือกินใช้คำว่า"นาง"กับเราไปตลอดชีวิต...ดีไม่ดีถ้าอยู่กันไปไม่ยืดจะเป็นตราบาปเค้าเสียเปล่าๆ..... คิดดูให้ดีนะครับ.... (แก้คำผิด) แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 50 00:44:14 จากคุณ : อินทร์นิล - [ 14 ส.ค. 50 00:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กม. อาญาต้องตีความเคร่งครัด ไม่ใช่ตีความขยายความรับผิดไปสู่จำเลย.. ดังนั้น คำอธิบายกฎหมาย หรือ หลักกฎหมาย จะมีไว้ทำไม คำว่า " พราก " กฎหมายได้อธิบายเอาไว้อยู่แล้วว่า อย่างไรถึงเรียกว่า พราก และอย่างไรถึงไม่เข้าเงื่อนไขคำว่า พราก.. เรื่องอำนาจปกครองก็ส่วนหนึ่ง ผมไม่เถียง เพราะเป็นอย่างที่ทุกท่าน(คนเรียนกฎหมาย) รู้อยู่แล้ว ส่วนการเอาผิด หรือ องค์ประกอบความผิด ต้องชัดเจน หรือ ชี้ลงไปเลยว่า มีการพรากกันหรือไม่ เมื่อไม่มีการพราก ก็ไม่มีความผิด คุณจะเอาความเห็นหรือสามัญสำนึกมาตัดสินมิได้ ผมว่า หลักกฎหมายอาญา ต้องแม่นครับ เพราะไม่อย่างนั้นลูกความซวยเพราะความไม่รู้ของเรานี่แหละ อย่าเอาชีวิตคนอื่นมาเสี่ยงกับความเย่อหยิ่งของเราดีกว่า เมื่อไม่เข้าองค์ประกอบ ก็คือไม่ผิด..เท่านั้นเอง ส่วนในเรื่องทางแพ่งก็ไปว่ากัน ในค่าเสียหาย.. .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 14 ส.ค. 50 10:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มีหลายคนหลงประเด็นไปไกล กู่ไม่กลับแล้ว.. ตอนที่เรียนนิติฯ ราม อ.ได้อธิบายหลักของฐานความผิดพรากผู้เยาว์ว่า ให้ดูก่อนเลยว่า มีการพรากหรือไม่ ถ้าไม่มีการพราก ก็ไม่ต้องไปดูอย่างอื่น เพราะว่าไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์นั่นเอง และท่าน อ. ยังอธิบายว่า คำว่าพราก คืออะไรบ้าง และ อะไรบ้างที่ไม่ถือว่ามีการพราก เช่น เด็กหนีออกจากบ้านไปหาชาย หรือ ไปหาชายเอง หรือ เด็กเลิกเรียนแล้วไปกลับบ้าน แต่ไปหาชายถึงในห้อง พูดง่ายๆว่า เด็กเป็นฝ่ายไปหาเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะหนีออกจากบ้าน หรือหลอกพ่อแม่ว่าไปเที่ยว แต่ไปหาชายแทน... เมื่อผมมาเรียน เนติฯ ท่าน อ.ที่เนติ ส่วนใหญ่เกือบ 99 % เป็นผู้พิพากษาแทบทั้งนั้น ก็ได้อธิบายหลักเรื่องพรากผู้เยาว์ เหมือนกับสมัยที่ผมเรียน ป.ตรี ที่ราม และคำพูด หรือ คำอธิบาย ก็เหมือนกัน นั่นก็คือ ต้องมีการพรากเสียก่อน ถึงจะดูว่า เข้ามาตราใด ถ้าไม่มีการพราก ไม่ต้องดูเรื่องพรากเลย..เพราะไม่ผิดฐานนี้ คราวนี้กลับมาถึงหลายท่านในห้องนี้ อาจจะลืม หรือ เอาสามัญสำนึกเข้าว่า ว่ามันผิด เพราะอำนาจปกครองอยู่กับบิดามารดา...แน่นอน ผมยอมรับในเรื่องตรงนี้ แต่อำนาจปกครอง กับความผิดฐานพราก มันคนละเรื่องกันเลย เพราะความผิดฐานพราก เป็นการกระทำต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา ไม่ใช่กับผู้เสียหายโดยตรง คือ เด็ก แต่ทั้งหมด มันต้องเข้าเงื่อนไขคำว่าพรากเสียก่อน..เท่านั้น เรียนกฎหมาย หรือ จบมานาน อาจลืมไปบ้าง ใครๆก็อาจลืมได้ แต่ถ้าลืมแล้ว ไม่แน่ใจ กลับไปเปิดดูใหม่ ไม่มีใครเค้าว่าหรอกครับ ดีเสียอีก จะได้จำไปจนตาย..ในเรื่องที่เราลืมไปแล้ว .. แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 50 10:59:09 จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 14 ส.ค. 50 10:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ฎีกา.4465/2530(ประชุมใหญ่)   ผู้เสียหายอายุกว่า 15 ปี อยู่ในอุปการะเลี้ยงดูของบิดามารดา  แม้ผู้เสียหายจะไปเที่ยวไหนกลับเมื่อใดก็ได้ก็ยังอยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดา  การที่จำเลยพบผู้เสียหายที่งานบวชแล้วพาผู้เสียหายไปกระทำชำเราด้วยความสมัครใจของผู้เสียหาย  ย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดา จึงมีความผิดตาม ป.อ.319 ฎีกา.2277/2539    การที่ผู้เสียหายขออนุญาตมารดาไปนอนค้างที่บ้านเพื่อนถือว่ายังไม่พ้นจากอำนาจปกครองของบิดามารดา  เมื่อจำเลยขับรถมารับผู้เสียหายระหว่างทาง  แล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย  ย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดา จึงมีความผิดตาม ป.อ.... ฎีกา.4526/2543    ความผิดฐานพรากผู้เยาว์มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความคุ้มครองอำนาจปกครองบิดามารดาที่มีต่อผู้เยาว์มิให้ผู้ใดพรากไปเสียจากความปกครอง ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายอาศัยอยู่กับบิดามารดา  การที่มาดาอนุญาตให้ผู้เสียหายไปเที่ยวกับเพื่อน  เป็นการอนุญาตให้ไปเที่ยวเป็นชั่วคราว มิได้อนุญาตให้แยกไปอยู่โดยลำพังเป็นการถาวร  จึงยังไม่พ้นจากอำนาจปกครองของบิดามารดา   การที่ผู้เสียหายออกจากบ้านพักไปหาจำเลยที่หอพัก จากนั้นจำเลยพาผู้เสียหายไปเดินเที่ยวห้าง...แล้วจึงกลับมาที่หอพักของจำเลยจากนั้นจำเลยจึงกระทำชำเราผู้เสียหาย    โดยที่บิดามารดาไม่ได้อนุญาตให้ผู้เสียหายไปอยู่กับจำเลย ถือเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์... ฎีกา.544/2543   ผู้เสียหายหลบหนีออกจากบ้านมาอยู่กับจำเลยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบิดา  แม้ผู้เสียหายจะยินยอมสมัครใจไปด้วยกับจำเลย ก็ถือไม่ได้ว่าได้รับความยินยอมเห้นชอบจากบิดา  การกระทำของจำเลยจึงเป้นการพรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดา นิติศาสตร์เป็นศาสตรทางสังคมที่ไม่หยุดนิ่ง...สังคมมีการเคลื่อนไหว...ศาสตร์ทางสังคมก็เคลื่อนไหวตาม...การศึกษาศาสตร์ทางสังคมจึงควรศึกษาให้ลึกถึงแก่นแท้....ที่มา...วัตถุประสงค์...ความจำเป็น...และเปรียบเทียบความรู้จากหลายๆแหล่งเพื่อให้ได้มาซึ่งความแตกฉานทางความคิด...เข้าถึงแก่นแท้ของมัน การศึกษาในระดับเนติบัณฑิตเป็นการศึกษาจากแนวทางบรรทัดฐานที่ศาลฎีกาในอดีตได้วางหลักขยายความไว้...ทั้งนี้แต่ละฎีกาข้อเท็จจริงก็จะต่างกันไปจึงควรศึกษาเปรียบเทียบกับฏีกาอื่นๆ...ถ้ามีโอกาสก็ควรหาฏีกาเต็มมาอ่านประกอบเพราะจะได้รู้ข้อเท็จจริงพฤติการณ์ทั้งหมดของคดีที่ศาลฎีกาได้ว่าหลักไว้... ในการบรรยายในชั้นเรียนเนติ...อาจารย์ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ฟันธงในหลักของฎีกาเพราะข้อเท็จจริงในแต่ละคดีมันต่างกัน...แต่จะหยิบยกหลักกฎหมายในเรื่องนั้นๆมาปรับกับข้อเท็จจริงตามฎีกาเพื่อให้นักศึกษาเห็นว่าศาลฎีกาได้แปลความหรือตีความกฎหมายในประเด็นนั้นอย่างไร...ครอบคลุมพฤติการณ์เพียงไหน... ในกระทู้นี้  จขกท. ได้เสียกับแฟน 4-5 ครั้ง โดยในวันเกิดเหตุแฟนอยู่บ้าน จขกท. จนดึก  บิดามารดาฝ่ายหญิงจึงโทรมาที่บ้าน จขกท. จึงทราบว่าตัวหญิงนั้นมาอยู่กับ จขกท. เมื่อกลับบ้านไปได้เค้นถามจึงทราบว่าได้มีการร่วมประเวณีกัน... ข้อเท้จจริงเพียงนี้ก็พอรับฟังได้ว่าบิดามารดาของหญิงไม่ยินยอมให้หญิงนั้นร่วมประเวณีกับ จขกท. และยังติดตามขวนขวายตามหาบุตรของตนอันเป็นการแสดงให้เห้นถึงอำนาจปกครองที่บิดามารดามีต่อบุตร     การกระทำของ จขกท. จึงเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดาหญิงนั้นแล้ว...แม้หญิงนั้นจะมาเองหรือได้รับอนุญาตให้มาก็ไม่ได้หมายความว่าบิดามารดาหญิงนั้นจะอนุญาตให้ จขกท. กระทำชำเราบุตรของตน...เมื่อบุตรนั้นยังอยู่ในความปกครองของบิดามารดาการกระทำของ จขกท. ย่อมเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ในนิกายเซนเค้ามีคำสอนประมาณว่า...แก้วน้ำจะยังประโยชน์ก็ด้วยความว่างเปล่าตรงกลางของมัน  ดุมล้อเกวียนจะยังประโยชน์ก็ด้วยความว่างเปล่าตรงกลางของมัน  เพราะความว่างเปล่านั้นย่อมสามารถรองรับและเติมเต็มสิ่งต่างๆเข้าไปทำให้เกิดประโยชน์ได้  บัณฑิตหากทำใจให้คับแคบไม่เปิดรับการเรียนรู้ในสิ่งใหม่...ก็เหมือนแก้วน้ำที่เต็มแล้วย่อมไม่อาจเต็มเต็มได้อีก... ผมไม่มีอคติต่อคุณนะครับ...และพยายามบอกเรื่องนี้คุณมาโดยตลอด...ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองที่จะนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงในวันหน้าด้วย... มานะทิฐินั้นมันก็ดีอยู่...แต่มันจะดีกว่ามั้ยถ้าได้นำมันมาใช้ให้ถูกต้อง... อ้อ...และเรื่องการเรียนรู้นั้นผมไม่เคยจำอะไรไว้จนตายหรอกครับ...เพราะผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมรู้มานั้นมันไม่เที่ยง...สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอตามยุคสมัย...และผมพร้อมเปลี่ยนแปลงตามหลักวิชาที่เปลี่ยนไป...ขอบคุณที่ชี้แนะ... (เพิ่มฎีกา) แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 50 12:32:29 จากคุณ : อินทร์นิล - [ 14 ส.ค. 50 12:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 กม.อาญา ตีความเคร่งครัดตามตัวอักษร และ ไม่ขยายไปเพื่อเอาผิดจำเลย กม. แพ่ง ตีความตามเจตนารมณ์ ยิ่งกว่าถ้อยคำ(ตัวอักษร)ในกฎหมาย ไม่เคยได้ยินเลยว่า กม.อาญา ตีความตามเจตนารมณ์..ยิ่งกว่าตัวอักษร ฎ.4526/2543  ที่ยกมา ถามหน่อยว่าดูฎีกาทั้งหมดหรือไม่ ที่ผิดพราก เพราะมีการพาไปในขั้นตอนที่สอง ซึ่งขั้นตอนแรก เด็กมาหาเอง ไม่ผิด แต่ชายพาออกไปข้างนอก...ตอนนั้นแหละผิดฐานพรากผู้เยาว์.. ถ้าจะศึกษาฎีกา ควรอ่านให้หมด ไม่ใช่ดูแต่ย่อสั้น.. ฎีกานี้ อ.ที่รามก็ยกมาสอน เพราะผมก็เถียง อ. ว่า มันผิดตรงไหน เพราะว่ามาหาเอง แต่ท่าน อ. บอกว่า ตอนแรกไม่ผิด ศาลมองในตอนที่สองว่า มีการพาออกไปจากจุดเดิม คือ ห้องของฝ่ายชายนั้นเอง .. ก็ว่ากันไปครับ ใครเชื่อย่างไรก็เชื่ออย่างนั้น ถ้าผมเป็นทนายจำเลยในคดีนี้ ผมไม่ปล่อยลูกความของผมให้ซวยไปกับความไม่รู้ของผมหรอกครับ .. มีอย่างที่ไหนบอกมาได้ กม. อาญา ตีความตามเจตนารมณ์ .. เวรกรรม จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 14 ส.ค. 50 12:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การเรียนในระดับปริญญาตรีเค้าจะสอนแค่หลักของกฎหมาย.... การเรียนในระดับเนติบัณฑิตเค้าจะสอนให้ปรับใช้กฎหมายกับข้อเท้จจริงหรือพฤติการณ์ในดคี...หรือการนำกฎหมายนั้นมาใช้งานจริง การเรียนในระดับปริญญาโทขึ้นไปเค้าจะสอนให้รู้ถึงที่มา รากเหง้า ความต้องการหรือวัตถุประสงค์เจตนารมย์ของกฎหมายนั้น....เพราะกฎหมายเป็นสิ่งที่คนในสังคมต้องการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคนในสังคมในเรื่องนั้นๆ... แม้แต่กฎหมายอาญาก็ล้วนแล้วแต่มีเจตนารมย์ที่มาเพื่อสนองรับใช้สังคมในการปกป้องคุ้มครอง ชีวิต เสรีภาพ ทรัพย์สิน สิทธิ และอื่นๆ  ของคนในสังคม....หากแต่กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายที่กำหนดโทษทางอาญาการตีความจึงต้องตีความโดยเคร่งครัด...แต่การตีความโดยเคร่งครัดก็หาได้ทำให้เจตนารมย์ตามตัวบทนั้นๆหายไปเหลือแค่เพียงแค่ตัวอักษร... ถ้าคุณได้มีโอกาสศึกษาต่อไปให้ลึกคุณจะได้รู้ถึงที่มาแห่งคำพิพากษาฎีกาต่างๆที่วางหลักไว้อันเป็นต้นน้ำแห่งคุณธรรมทางกฎหมาย....ในเรื่องที่มีข้อเท็จจริงละเอียดหรือหมิ่นเหม่ต่อการตีความ....ศาลฎีกาจะพยายามตามหาเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้นๆเพื่อดึงความยุติธรรมหรือคุณธรรมในกฎหมายนั้นๆออกมาปรับใช้กับคดี... ถ้าคุณเดินทวนน้ำไปให้ถึงต้นน้ำแห่งความยุติธรรมอันเป็นต้นกำเนิดแห่งบทบัณณัติแห่งกฎหมาย...คุณจะมีความละเอียดทางความคิดเทียบเท่าศาลฎีกา....การมองประเด็นต่างๆจะทะลุแตกฉาน...สำคัญที่อย่าหยุดที่จะเรียนรู้เท่านั้นเอง...มุ่งมั่นเดินต่อไปให้ถึงที่สุดของปัญญาทางกฎหมาย... จากคุณ : อินทร์นิล - [ 14 ส.ค. 50 13:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แล้ว...... งั้นถามทั้งสองท่าน (I_วชิรวิทย์ +อินทร์นิล) นิดนึง เอาไว้เผื่อผมโดนเอง อ้อ ไม่ใช่ครับ คือ.. ถ้าจะหยิบเอา กฏหมายจากศาลอื่นๆ มาใช้ล่ะครับ เช่น ของศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มันจะกลายเป็นพรากหรือเปล่า ผมสนใจ ว่าเขาคงไม่ใช้กฏหมายที่ตราฯ ตรงๆ หรือเอาคำพิพากษา มาใช้ ผมว่าเขาจะใช้ ของพวกนี้หรือเปล่าครับ สรุปว่า รักสนุกจะทุกข์ถนัด จำไว้เลย ว่าหญิงสาวสมัยนี้ไม่ได้หลอกฟันกันง่ายๆครับ จากคุณ : กองปราบ - [ 14 ส.ค. 50 13:22:39 A:58.9.81.135 X: TicketID:103401 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอาเถอะ ไม่อยากเถียง เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นอื่นตามมาอีก เอาเป็นว่า ใครเชื่ออะไรก็เชื่อไปแล้วกัน ถ้าวันหน้าผมไปเจอกรณีแบบนี้แล้วผิด ผมจะนึกถึงวันนี้ เช่นกัน ถ้าวันหน้าคุณไปเจอกรณีแบบนี้ แต่ไม่ผิด ก็ให้คิดถึงคำพูดผมบ้างแล้วกัน .. ไม่มีราม ไม่มีเรา จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 14 ส.ค. 50 13:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในประเด็นเรื่องนี้มันจะมีฎีกาอยู่กลุ่มหนึ่ง...ที่วางหลักว่าถ้าผู้เสียหายมาหาเองไม่เป็นความผิด... แต่ถ้าได้ศึกษาให้ลึกถึงเหตุผลของฎีกาเหล่านั้นจะพบว่า...ทุกคดีที่ศาลได้วางหลักเช่นนั้นเพราะข้อเท็จจริงในคดีนั้น บิดามารดา ของผู้เสียหายทราบถึงหรือรู้เห็นถึงความสัมพันธ์ฉันชู้สาวของผู้เสียหายกับจำเลยว่ามีการร่วมประเวณีได้เสียกันมา....อันเป็นการรับรู้ถึงการกระทำของจำเลย การมาหาจำเลยของผู้เสียหายนั้นก็เพื่อมาร่วมประเวณีกับจำเลย....จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร.... หรือแม้แต่ในฎีกาใหม่ๆบางเรื่องเช่นฎีกา 5880/2546 ยังวินิจฉัยในทำนองว่าการที่จำเลยและผู้เสียหายรักใคร่ชอบพอฉันชู้สาวผู้ปกครองก็ทราบ  และผู้ปกครองอนุญาตให้ผู้เสียหายไปเที่ยวโดยลำพังกับจำเลยก็ด้วยประสงค์ต้องการให้ทำความคุ้นเคยเพื่อแต่งงานอยู่กินกันในอนาคต...และทุกครั้งจำเลยก็จะนำผู้เสียหายมาส่งบ้านอันเป็นการยอมรับในอำนาจการปกครองของของบิดามารดาผู้เสียหายอยู่...เมื่อจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายจึงไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์....เพราะบิดามารดายินยอมอนุญาตให้ผู้เสียหายได้ใกล้ชิดและมีโอกาสอยู่ลำพังกับจำเลย...ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยได้ล่วงอำนาจปกครองเพราะผู้ปกครองยินยอมนั้นเอง ดังนั้นในการตีความคำว่าพรากนั้นจึงมิได้หมายถึงการ พาไป นำไป เพียงอย่างเดียวหากแต่หมายรวมถึงการแยกผู้เยาว์ให้ตัดขาดจากอำนาจการปกครองดูแลของผู้ปกครอง อันเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของผู้ปกครองด้วย...ซึ่งการแยกผู้เยาว์ให้ตัดขาดจากอำนาจการปกครองนั้นหมายถึงการกระทำทั้งปวงอันกระทบกระเทือนต่ออำนาจในการปกครองของผู้ปกครอง....ซึ่งเป็นคุณธรรมของกฎหมายในมาตรานี้.... ฎีกา 848/2548   ม.317 วรรคแรก มีความมุ่งหวังเพื่อให้ความคุ้มครองอำนาจปกครองของบิดามารดาที่มีต่อผู้เยาว์มิให้ผู้ใดพาไป  ""หรือแยกออกจากความปกครองดูแล""  โดยไม่จำกัดว่าจะกระทำด้วยวิธีใดและไม่คำนึงถึงระยะใกล้หรือไกล... ซึ่งในเรื่องอำนาจปกครองนั้นหากผู้เยาว์ยังอยู่ในอำนาจปกครองหรือถือว่าอยู่ในอำนาจปกครอง....อำนาจปกครองนั้นก็จะติดตามตัวผู้เยาว์ไปทุกที่ไม่แยกขาดเสมือนหนึ่งมีผู้ปกครองตามมาคุม...ดังนั้นแม้ผู้เยาว์ได้มาหาถึงห้องหรือบ้านของจำเลยอำนาจปกครองนั้นก็จะติดตามมาด้วย...(เหมือนวิญญาณผู้พิทักษ์เลย)....ถ้าจำเลยได้ล่วงเกินผู้เสียหาย  กอดจูบ ลูบ คลำ หรือกระทำชำเรา  ย่อมเป็นการกระชากอำนาจปกครองของบิดามารดาออกจากตัวผู้เยาว์ (กระทำราวกับว่าหญิงนั้นเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ไม่เห็นแก่อำนาจปกครองของบิดามารดาหญิงนั้น)   ซึ่งถ้าผู้ปกครองได้อยู่ขณะนั้นคงไม่ยินยอมอนุญาตให้จำเลยกระทำการเช่นนั้นแน่  การกระทำของจำเลยจึงเป็นการล่วงอำนาจปกครองเป็นการพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารแล้ว..... (เพิ่มเติม) แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 00:14:23 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 00:10:13 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 50 13:48:40 จากคุณ : อินทร์นิล - [ 14 ส.ค. 50 13:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ในส่วนผลคดีนั้น...อยากบอกว่าจิ๊บๆมาก... ดีไม่ดีรับสารภาพศาลอาจแค่คุมประพฤติเท่านั้น....เพราะจำเลยเป็นเยาวชน... ยิ่งประกอบกับไม่มีพฤติกรรมขู่เข็ญ ข่มขู่ ทำร้าย โดยผู้เสียหายยินยอมเองโดยกระทำไปด้วยอารมณ์ความต้องการทางเพศของทั้งสองฝ่าย...ส่วนใหญ่ศาลจะไม่ส่งฝึกครับ...แค่คุมประพฤติให้มารายงานตัวเอาผลการเรียนมาส่ง...จบ... แต่ถ้าจำเลยเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ตีตั๋วเด็ก...อันนี้ถ้าปฎิเสธและฟังว่าผิดจริงส่วนใหญ่ศาลจะลง....เพราะเห็นว่าผู้ใหญ่มีสามัญสำนึกที่ดีกว่าย่อมแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ดีกว่าเด็กศาลจึงไม่ค่อยเมตตาปราณีครับ... แต่ทั้งนี้ต้องดูตามพฤติการณ์ด้วยครับว่าได้มีการบรรเทาผลร้ายในคดีมั้ย... มีการขอขมามั้ย....ผู้เสียหายติดใจเอาความมั้ย... แต่ที่จะแต่งงานเพื่อหนีความผิดนั้นบางกรณีศาลไม่เชื่อนะครับ...เช่นอายุห่างกันเกินไป...65 กับ 14 นี้...หรือมีภริยาอยู่กินฉันสามีภริยาอยู่แล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียนแต่จะแต่งงานกับผู้เสียหายเพื่อให้พ้นความผิด...อย่างนี้ศาลไม่อนุญาตนะครับ... ทางที่ดีอย่างไปทำเค้าดีกว่า....หรืออย่างน้อยตรวจสอบอายุให้ดีก่อนกระทำดีกว่า...เรื่องแบบนี้ผิดทั้งศิลธรรมและกฎหมายครับ... จากคุณ : อินทร์นิล - [ 14 ส.ค. 50 14:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยกับคุณอินทร์นิลครับ     ทางวิชาการและทางปฎิบัติ์นั้นต่างกัน     ปัญหาเกิดจากอะไร....    เช่น..1...,.. 2... , 3......     หากตอบเพื่อเอาคะแนน  ขอตอบตามคุณวชิรวิทย์     หากตอบทางปฎิบัติ        ขอตอบตามคุณอินทร์นิล จากคุณ : ว่าความ (ว่าความ) - [ 14 ส.ค. 50 18:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความเห็นของกฎหมายขัดแย้งกันได้ครับ เห็นด้วยครับกับคำที่ว่าการใช้กฎหมายต้องตีความโดยเคร่งครัด แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องพิจารณา ไม่กฎหมายฉบับไหนที่จะครอบคลุมข้อเท็จริงในแต่ละเรื่องที่เกิดในสังคมได้ ดังนั้นการร่างกฎหมายขึ้นมาแต่ละฉบับ จึงต้องมีเจตนารมณ์ของการร่างว่า ร่างมาเพื่ออะไร คุ้มครองใคร ความเห็นที่ขัดแย้งกันของท่านจึงเป็นประโชน์แก่ผู้ที่ได้รับสา อย่างที่บอก ความเห็นของกฎหมายขัดแย้งกันได้ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : leonnoom - [ 14 ส.ค. 50 18:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความจริงกระทู้นี้ผมไม่อยากเข้ามาตอบเสียด้วยซ้ำ...เพราะเห็นคุณนั้นเอาหัวเป็นประกัน...เลยไม่อยากให้หัวขาดกลางกระทู้...แต่เห็นการตอบแล้วเกรงว่าผู้อื่นที่ไม่รู้อ่านแล้วจะเข้าใจคลาดเคลื่อน...ซึ่งลักษณะการตอบกระทู้เช่นนี้ก็ได้พยายามทักท้วงคุณแล้วว่ามันไม่เหมาะสม....มันอาจจะดูหนักแน่นดี(ถ้าถูกจริง)...แต่ถ้าผิดมันจะเป็นคำตอบแบบหัวชนฝาไปเลย.....การตอบลักษณะนี้ในชีวิตจริงมีแต่เสมอตัวกับขาดทุน...ตอบได้ก็ไม่ได้ดูฉลาดขึ้นเพราะเหตุผลไม่ค่อยมี...อาศัยจำเอาไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้...พอขยายความเข้าไปลึกๆก็ไปไม่เป็น... ผมพยายามเขียนความเห็นให้มันออกมากลางๆ....โดยยกฎีกาขึ้นมาให้ลองปรับหลักดูเอาเอง...ซึ่งไม่บ่อยนักที่ผมจะทำเช่นนี้เพราะผมไม่ชอบอ้างฎีกา...แต่สิ่งที่คุณตอบผมมาแต่ละความเห็นมันกลับสะท้อนให้เห็นถึงอวิชาภายในใจของคุณ....โทสะในจิตใจคุณ....ซึ่งไม่เหมาะกับนักกฎหมายที่ต้องรับฟังเหตุผลของผู้อื่น...และมันจะเป็นการขัดขวางการเรียนรู้ของตัวคุณเองในอนาคต...ทำให้มีความเห็นเป็นมิจฉาทิฐิไปเสีย... คุณลองวิเคราะห์ตัวบทก็จะรู้ถึงเจตนารมย์ของกฎหมายในเรื่องนี้....การที่ตัวบทใช้คำว่า "พราก" ไม่ใช้คำว่า "พาไป" ก็เพราะกฎหมายมุ่งที่จะให้มันครอบคลุมถึงทุกพฤติกรรมในการกระทำอันทำให้อำนาจปกครองของบิดามารดาเสื่อมเสียไป....ตามเจตนารมย์ของกฎหมายที่ต้องการคุ้มครองอำนาจปกครองของบิดามารดาที่มีต่อบุตรซึ่งยังเป็นผู้เยาว์... คำว่า "พราก" ตามพจนานุกรมแปลว่า.... 1.จากไป   2.พาเอาไป   3.แยกออกจากกัน   ดังนั้นการตีความคำว่าพรากตามมาตรานี้จึงมิได้หมายถึงการ พาไป นำไป เพียงอย่างเดียว....แต่หมายรวมถึงการแยกผู้เยาว์ให้ตัดขาดจากอำนาจการปกครองดูแลของผู้ปกครองด้วย... คุณวชิรวิทย์ ลองคิดดูสิ...หากตีความตามความเห็นของคุณสังคมจะเกิดอะไร...หากตีความว่าผู้เสียหายมาหาเองแล้วไม่เป็นความผิดอำนาจปกครองของบิดามารดาที่มีต่อบุตรผู้เยาว์จะมีประโยชน์อะไร....คนที่จ้องจะกระทำความผิดจะเอาช่องว่างตรงนี้มาใช้เพื่อให้ตนพ้นผิดโดยการรอให้ผู้เยาว์มาหาเองที่ห้องหรือเปิดห้องไว้แล้วนัดมาพบกัน....อาศัยความอ่อนด้อยประสบการณ์....วุฒิภาวะ...ความใจแตก...ความหลงผิดของผู้เยาว์...ที่ได้มาหาตนเองมาเป็นข้ออ้างให้พ้นผิด...แล้วจิตใจพ่อแม่จะแตกสลายแค่ไหนที่รู้ว่าลูกตนเองซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ไม่ประสาต่อโลกหลงไปหามันเพื่อให้มันหลอกกระทำชำเราฟรีๆโดยเอาผิดทางกฎหมายมันไม่ได้....กฎหมายต้องการอย่างนั้นหรือ... ลองคิดดู.... (แก้คำผิด) แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 50 21:15:29 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 50 21:08:40 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 50 21:07:53 จากคุณ : อินทร์นิล - [ 14 ส.ค. 50 19:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ลองอ่านเรื่องสมมุติดูนะครับ.... <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<ดึกคืนหนึ่งที่บ้านของจำเลย >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> จำเลย>>>>น้องสวยจ้า(นามสมมุติ)...วันนี้ไหนๆมาหาพี่แล้วก่อนกลับ...เรามาXXXกันเถอะนะ... น้องสวย>>>>ไม่เอาหรอกพี่วันนี้ดึกแล้วกลับบ้านดึกเดี๋ยวพ่อด่า... จำเลย>>>>น่า...แค่ไม่กี่ครั้งเองไม่เป็นไรน่า...พ่อไม่รู้หรอก...ที่ผ่านมายังไม่เห้นจับได้เลย....มามะ... น้องสวย>>>>โอ้ววว....อื่ออออ....อย่าๆๆๆ...อย่าหยุดพี่...(ดัดจริตตามสมัยนิยม) <<<<<<<<<<<<<<<<ระหว่างนั้นมีเสียงโทรศัพท์เข้ามา>>>>>>>>>>>>>>>> จำเลย>>>>โหล...สองโหล...สามโหล.....ใครวะ... พ่อสวย>>>>นังสวยมันอยู่กับเอ็งที่บ้านมั้ย.... จำเลย>>>>อยู่........กำลังจะXXXมันอยู่พอดี... พ่อสวย>>>>เฮ้ย!!!!...มรึงอย่าทำอะไรลูกกรูนะโว้ย...ถ้ามรึงทำอะไรกรูจะเอาตำรวจไปจับมรึง.... จำเลย>>>>นี้ลุงไม่รู้กฎหมายเลยหรือ.....นังสวยมันอายุเกิน 15 ปีแล้วนะถ้ามันยินยอมมาให้ฉันXXXเองที่บ้านฉันๆไม่ผิดกฎหมายเพราะฉันไม่ได้ "พราก" มันมา...ไม่เชื่อลุงไปถามผู้รู้ในเว๊ปพันติ๊บก็ได้.....ว่าแต่ลุงใช้เน็ทเป็นหรือเปล่าละ....เอาหละแค่นี้ก่อนนะ...จะรีบทำรีบเสร็จ พ่อ>>>>มรึง...มรึง....มรึงอย่านะ...อ๊อก!!!(อกแตกตายแล้วครับ....T_T) น้องสวย>>>ใครโทรมาพี่..... จำเลย>>>>Sale man น่ะน้องสวย...น่ารำคาญจริงมาXXXกันมาต่อเหอะ... <<<<<<<<<<<<<<<<ในห้องพิจารณาของศาลแห่งหนึ่ง>>>>>>>>>>>>>>>> ทนายจำเลย>>>>>กรณีนี้มันไม่ผิดครับท่าน....ผมเอาหัว(จำเลย)เป็นประกัน......เพราะผู้เสียหายไปหาจำเลยเองที่บ้านครับ...จำเลยผมไม่ได้พรากเค้ามาจากผู้ปกครองครับ...ขอศาลได้โปรดพิจารณาพิพากษายกฟ้องจำเลยด้วยครับ.... ศาล>>>>เอาจริงง่ะ....เจ้าหน้าที่เตรียมเครื่องตัดหัว..... <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<คดีเสร็จการพิจารณา>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> จากคุณ : อินทร์นิล - [ 14 ส.ค. 50 20:52:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อยากให้สรุปอ่ะ ในกรณีของเจ้าของกระทู้ พ่อแม่สาว ไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามีไรกันและมารู้ตอนหลัง และไม่เคยอนุญาติให้ไปกับฝ่ายชายเพ่อมามีไรกัน มันจะผิดไหม( แต่เราว่า ถ้าอายุไม่ถึงน่ะผิดชัวร์) ฟาดเคราะห์ซะ ถ้าเสีย5หมื่น แล้วเรื่องจบ ก็คิดซะว่า ค่าฟันหญฺงครั้งละ5พัน จากคุณ : แมวเหมียวส่งข่าว (แมวเหมียวส่งข่าว) - [ 14 ส.ค. 50 22:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตามมาโหวต จากคุณ : สายลมปุยเมฆกับฟ้าสีคราม - [ 14 ส.ค. 50 23:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ได้ความรู้เต็มๆ ครับทู้นี้ โหวตโลด จากคุณ : เจ็บY - [ 14 ส.ค. 50 23:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ดูยังไงก็ผิด แต่งๆไปเลยดิ ผมว่าดีออก จากคุณ : ชื่อนี้ไม่มีคนรู้จัก - [ 14 ส.ค. 50 23:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ...แต่งไม่ดีหรอกค่ะ เราว่า...อายุแค่นี้ยังไม่พร้อมจะมีคู่ชีวิตหรอก ยังไงก็เลิกกันชัวร์ จากคุณ : pankee - [ 15 ส.ค. 50 00:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตามเข้ามาโหวต ขอออกตัวว่าไม่รู้เรื่องกม. และอ่านกระทู้นี้แบบเอาความรู้ แต่จะขอตอบกระทู้แบบชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีความรู้ละกัน เรื่องของเรื่องก็คือ ถ้ากระทู้นี้ไปอยู่ที่ห้องอื่นคนตอบคงไม่ตอบแบบนี้ เราแค่จะมาแสดงความคิดเห็นว่า คุณผู้ชายอะ สรุปว่าแค่จะฟันผู้หญิงเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังใช่มะ? ตอนจะทำกันทำไมไม่มาลงกระทู้ปรึกษาหละ? ว่าจะทำกันดีมั้ย ทำแล้วจะรับผิดชอบยังไง? ถ้าทำจะผิดหรือเปล่า? มีความสุขกันเองแท้ๆ แต่พอถึงเวลามีความทุกข์เร่มาปรึกษาคนอื่นเชียว ทำแล้วก็ต้องรับ จะอยู่กันได้นานรึไม่นานก็คงต้องขึ้นกับกรรมเวรก็แล้วกัน ส่วนเรื่องแฟนคุณอะนะ ในฐานะที่เราเป็นคนนอก ก็ขอบอกเลยว่า ถ่อไปให้เค้าทำถึงที่ คุณพ่อคุณแม่ผู้หญิงคงไม่มีปัญญาจะดูแลอบรมต่อ เลยโยนลูกสาวเข้าใส่คุณไปเลย เป็นการตัดปัญหาแบบโง่ๆ ตัวเองเลี้ยงดูลูกสาวมาเป็นแบบนี้ก็ควรต้องมีส่วนรับผิดชอบ จะโทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกทั้งหมด ไม่ได้คิดเลยว่าเด็กอายุ 16 -17 จะเอาอะไรมาประทังชีวิต ยังแบมือขอเงินพ่อแม่แท้ๆ จะให้กินดินกันหรือไง?? (แต่ก็ดีนะ อยากมีปั๋ว อยากมีเมียกันเร็วๆนักนี่ ลองมีดู จะได้รู้ว่ามันเป็นไง) แล้วอนาคตการเรียนจะไปไงก็คงไม่ต้องพูดถึงละ อย่าว่างั้นงี้เลยนะ แต่เท่าที่เห็นส่วนมาก มากกว่า80% วัยรุ่นที่แต่งงานกันอายุน้อยๆอย่างนี้เดี๋ยวก็เลิกกัน หนำซ้ำจะมีลูกอีกต่างหาก  แล้วพ่อแม่ก็ต่างฝ่ายต่างไปมีแฟนใหม่ เรื่องของลูกก็เป็นปัญหาสังคมต่อไป จากคุณ : aorp - [ 15 ส.ค. 50 00:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เยี่ยมจริงๆครับ ดีใจที่ได้เจอศิษย์ร่วมสำนัก แต่ผมจบรัดสาดอะ แต่ดีใจที่ถกในทางบวก ดีกว่าการเมืองที่ราดดำเนินเยอะ อิ อิ จากคุณ : คนบ้านฉาง - [ 15 ส.ค. 50 00:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ไม่ใช่จะได้ไปแต่งใหม่กะลูกคุณหญิงคุณนาย แบบในละครเหรอคับ จากคุณ : IRQ5 - [ 15 ส.ค. 50 00:50:11 A:203.146.63.184 X: TicketID:129004 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อายุเพิ่งจะแค่นี้แต่งไปเดี๋ยวก็เลิกกัน ฝ่ายหญิงถึงจะได้เสียกันไปแล้วก็ควรกลับมาอยู่ในกรอบที่พ่อแม่ต้องการเหมือนเดิมได้ ไม่ถือว่าเลยตามเลย เคยได้เสียกันไปแล้วก็ลอบได้เสียกันต่อไปหรือกับใครอีก เรื่องค่าเสียหาพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายน่าตกลงกันได้ จากคุณ : ของเล่นใหม่ - [ 15 ส.ค. 50 01:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่อยากซ้ำเติมครับ แต่ในแง่กฎหมายหลายๆ ท่านก็ได้อธิบายแจ่มแจ้งไปแล้ว ผมเลยอยากฝากว่า กรรม นั้นมีจริงนะครับ กระทำอย่างใดไว้ ย่อมได้รับผลเสมอ ไม่ช้าก็เร็ว การไป "ผิดลูก" ที่มีผู้ปกครองรักษาของคนอื่น เป็นกรรมที่แรงนะครับ ลองจินตนาการว่าคุณมีลูกสาว แล้วลูกของคุณทำตัวมั่วซั่ว ไปมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่นในวัยอันไม่ควร โดยไม่แคร์จิตใจของพ่อแม่ตัวเอง ทั้งผู้ชายที่มาทำลูกสาวคุณกับตัวลูกสาวคุณก็คงบาปมิใช่น้อย รู้ดังนี้แล้วก็ขอให้สำนึกปรับปรุงพฤติกรรมเสียเถิดครับ ถ้าคุณตั้งใจว่าจะกลับตัวกลับใจ รู้ผิดชอบชั่วดี ผมขออวยพรให้คุณโชคดีและรอดพ้นจากความยุ่งยากครั้งนี้ครับ ปล. สำหรับผู้หญิงนะครับ กรณีนี้มีการสมยอมด้วย หรือบางครั้งก็เสนอตัวให้ถึงที่ ผมอยากตำหนิพ่อแม่ของฝ่ายหญิงอย่างแรง ที่ไม่รู้จักอบรมสั่งสอนลูกสาวตนเองให้มีสามัญสำนึกรักนวลสงวนตัว เมื่อเกิดปัญหาแล้วก็โทษแต่ผู้ชายฝ่ายเดียว ดังนั้น ผมก็อยากให้ความเป็นธรรมกับเจ้าของกระทู้บ้างเหมือนกัน เพราะการมีเซ็กส์ต้องยินยอนพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย พ่อแม่จะมายัดเยียดให้แต่งงาน เพราะได้เสียกันเฉยๆ โดยไม่ได้อยู่ในช่วงชีวิตคู่หรือมีความพร้อมเสียก่อน คงเป็นการกระทำที่ไม่รอบคอบนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ที่เยาวชนมั่วกามกันเหลือเกิน ปล2. แต่ที่แน่ๆ ถ้าเด็กผู้หญิงแบบนี้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ (พ้นสภาพผู้เยาว์ให้พราก) ผมคงไม่เลือกเป็นของเหลือมือสอง มือสามหรอกครับ ผมยอมไปจีบเด็กวัยรุ่นที่มีความประพฤติที่ดีงามแล้วทำอย่างถูกตามทำนองคลองธรรมดีกว่า ดังนั้นการที่คุณคิดแต่จะมีเซ็กส์กับแฟนอย่างเดียว ขอให้คิดถึงอนาคตของแฟนด้วยว่า หากเธอต้องเลิกรากับคุณไปแล้วไปเจอผู้ชายที่คิดอย่างผม มันก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้นต่อไปในอนาคต เพราะฝ่ายที่เสียหายมากกว่า คือ ฝ่ายหญิงครับ แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 01:55:56 จากคุณ : Gow27 - [ 15 ส.ค. 50 01:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 40 '' ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุตำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย จำคุกตั้งแต่ 2 ปี -10 ปี ถ้าทำเพื่อการอนาจาร จำคุกตั้งแต่ 3 ปี - 15 ปี '' (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319) มาตรานี้หมายถึงถ้าพาเด็กอายุ 15 ถึง 18 ปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองแล้วผิดทั้งนั้น ถ้าเด็กมันไม่ยอม ไม่ว่าจะพาไปเพื่ออะไรทั้งนั้น ส่วนเรื่องที่ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ตามคดีที่เข้ามาตรา 319 ที่ว่า '' ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุตำกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย จำคุกตั้งแต่ 2 ปี -10 ปี '' สรุปว่ากฎหมายเอาเกณฑ์เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี เป็นหลัก แม้ผู้เยาว์จะเต็มใจหรือไม่ก็ผิดฐานพรากผู้เยาว์ทั้งนั้น อธิบายความว่า กรณีที่พรากผู้เยาว์โดยเด็กไม่เต็มใจไปด้วย คือพาผู้หญิงเขาไปจากความปกครองของบิดามารดา เพื่อหากำไร เช่นเอาเด็กไปขายซ่อง หรือเพื่อการอนาจาร (หลับนอนกัน)แน่นอน เป็นการอนาจารชัวร์ๆ แต่ถ้าพาสาวไปอยู่กินเป็นผัวเป็นเมียกันจริงๆ จึงไม่ใช่พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร จึงพิพากษายกฟ้อง เพราะนักกฎหมายเขาเถียงกันมานานแล้ว ศาลฎีกาเลยตัดสินตามนั้น ชายใดหวังจะเจาะไข่แดงเด็ก พาเด็กไปเล่นมวยปล้ำ ระวังให้ดี ถ้าพาไปเจาะไข่แดงเล่น เข้าคุก ... ถ้าพาไปเจาะไข่แดงจริงๆละก็นะ เป็นเมียจริงอาจรอดคุกได้ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็จบในคุกเช่นกัน ****** ถ้าเด็กไม่ยอม ไม่ว่าจะพาไปเพื่ออะไร ผิดทั้งนั้น ****** ถ้าเด็กยอมไปด้วย จะผิดเฉพาะพาไปเพื่อหากำไร หรือ การอนาจาร สรุป ถ้าคุณไม่รับผิดชอบ(ให้ศาลเห็น...ในกรณีที่ผู้ปกครองเขาเเจ้งความเเล้ว)ก็มีความผิด เพิ่มเติม ผู้กระทำผิดอายุเกิน 14ปี เเต่ไม่เกิน 17 ปี รับโทษ เเต่ลดให้กึ่งหนึ่ง           ผู้กระทำผิดอายุเกิน 17 ปี เเต่ไม่เกิน 20 ปี รับโทษ เเต่ลดให้ 1 ใน 3 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 03:45:04 จากคุณ : Milky Power - [ 15 ส.ค. 50 03:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ง่า เข้ามาอ่านโดยไม่มีความรู้ทางกฎหมายในเชิงการดูสำนวนคดีนะคะ จึงไม่ขอวิจารณ์ในจุดนั้น แต่ที่ต้องขอตอบกระทู้นี้เลยเนี่ย ก็ด้วยสมัยเมื่อตอนกำลังเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย มีความใฝ่ที่จะเข้าคณะนี้มาก (แต่ก็ไปเอาดีด้านอื่น) เรามีความรู้สึกว่าที่คุณอชิ(จำชื่อไม่ได้ ขี้เกียจเลื่อนไปดู) เข้ามาแสดงความเห็นเนี่ย เป็นประโยชน์ในเรื่องการถกตัวบทกฎหมาย แต่แปลกตรงที่นักกฎหมายทำไมถึงหัวชนฝาและไม่ใจเย็น แถมการยกชื่อสถาบัน มาเพื่อการันตีตัวเองนั้น เราคิดว่าไม่สมควรเลยค่ะ มันอาจทำให้ถูกมองโดยรวมได้นะคะ คือรู้ค่ะ ว่าจบนิติราม นี้ช่างเก่งกาจ ยากเย็นแสนเข็ญ (พูดไปจะเบี่ยงประเด็น) มันไม่ได้หมายความว่า มันจะการันตีการทำงานของคุณนะคะ เหมือนที่คุณไตรภพ ชอบพูดในรายการว่า โอ้..มาจากที่เดียวกัน ที่นี่เก่งทุกคน ...อ่ะจ้า สุดท้ายแล้วการทำงาน ตลอดจนการตอบกระทู้ของคุณมันจะบอกเองน่ะค่ะ ว่าเก่งจริงมั้ย อย่าเอาคำว่าเก่งดีกว่า จะกลายเป็นว่าต้องเก่งเท่านั้นเหรอ เอาเป็นคำว่า สามารถใช้ได้จริงมั้ยดีกว่า ทั้งหมดทั้งปวงมันจะสรุปได้น่ะค่ะ เรามาจากเฉลิมไทย ถ้าจะตอบเราขอตอบแบบแง่มุมนั้นหน่อย ตอนนี้คุณเหมือนทนายในหนังที่ว่าความให้ตัวร้าย โดยตัวคุณมีคาแรคเตอร์แบนๆ คือเอาชนะอย่างเดียวน่ะค่ะ แต่ท้ายสุดก็ไปไม่ถึงฝัน ---------------------------------------------------------------------------- ฝากถึง จขกท. เฮ้ยเอ็งน่ะ ที่หลังไม่มีปัญญารับผิดชอบ ก็ช่วยตัวเองพอ อย่าริไปทำเลย เนี่ยแล้วพ่อแม่เอ็งก็ต้องมารับผิดชอบอีก เดือดร้อนเพราะแกตัวเดียว เงินก็ไม่มี ทำอะไรก็ไม่ได้ น่ามะ จริงหลายคนก็เป็นแบบนี้ในปัจจุบัน ไม่อยากจะด่าเลย ... ไปหาทางแก้ปัญหาเองเลยไป โตแล้ว อยาก xxx แล้ว ก็ใช้สมองมาหาทางแก้ไขพูดคุยเองบ้าง ...เซ็งเด็กอ่ะ..... แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 06:23:36 จากคุณ : เซ็งเด็ก (makamkaw) - [ 15 ส.ค. 50 06:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมพูดไปก็หาว่าเถียง...หัวชนฝา แต่เท่าที่อ่านมาเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะนักกฎหมายไม่มีใครเข้าใจความผิดฐานพรากผู้เยาว์เลยสักคน ผมอยากให้คุณลองถามเพื่อนๆของคุณที่เป็นทนาย อัยการ หรือ ผู้พิพากษา ดูดีกว่านะครับ บางทีคุณอาจจะรู้ว่า สิ่งที่คุณกำลังวินิจฉัยว่ามันผิดอยู่นี่ จริงๆแล้ว..มันไม่เข้าองค์ประกอบความผิดเลย เพราะ ไม่มีการ " พราก " นั่นเอง ส่วนคำว่า เต็มใจ หรือไม่นั้น มันต้องมีการพรากเกิดขึ้นก่อน แล้วมาดูว่า เต็มใจหรือไม่ ถ้าเต็มใจ แต่มิได้พรากไปเพื่อค้ากำไร หรือ เพื่ออนาจาร ก็จะไม่มีความผิด ตาม ม.318 แต่ถ้าพรากไปค้ากำไร หรือ อนาจาร ไม่ว่าเด็กจะเต็มใจหรือไม่ มันก็ผิด ม.319 ถ้าเด็กไม่เกิน 15 ปี ก็จะผิด ม.317 ( ม.317 เด็กจะเต็มใจหรือไม่ ก็ผิด แม้มิได้พรากไปเพื่อค้ากำไร หรือ อนาจารก็ตาม) แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันต้องมีการ " พราก " ก่อน... จึงจะมีความผิดฐานนี้ ดังนั้น เมื่อไม่มีการ " พราก " ก็ไม่ต้องดูฐานความผิดนี้เลย หลายคนไปหลงประเด็นว่า มันมีการอนาจารกันเกิดขึ้น มีการยอมร่วมประเวณีต่อกัน ดังนั้น จึงไปมองว่า มันพรากมาเพื่ออนาจาร.. ผมกำลังจะบอกทุกคนว่า ผมไม่เถียงว่า จขกท มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในเรื่องแบบนี้ แต่การที่คุณจะบอกว่า จขกท ผิดพรากผู้เยาว์นั้น มันคนละเรื่องเลย.. เพราะกรณีเช่นนี้ ไม่มีการพรากเกิดขึ้น ถึงแม้ว่า เด็กจะมีอะไรกันก็ตาม.. เอาเถอะ..ยกตัวอย่างกันมาแต่ล่ะเรื่อง สมมุติเรื่องเข้าข้างความคิดตนเอง ว่ามันผิด.. ลองกลับไปถามคนที่เค้ารู้จริงนะครับว่า... ถ้าเด็กมาหาเอง หรือว่า เราไปหาเด็กเองเนี้ย มันผิดพรากผู้เยาว์หรือไม่ เอาแค่นี้ก่อน..ไม่ต้องไปมองว่าจะร่วมประเวณี หรือ อนาจารอะไรเลย.. กระทู้ที่ผมตอบในครั้งแรก ผมย้ำกับ จขกท ว่า... ข้อเท็จจริงต้องยุติว่า เด็กมาหาเองนะ ไม่ใช่ชวนออกมา หรือ นัดกันออก ถ้าเด็กมาหาเอง จะไม่มีความผิด เพราะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แมวที่บ้านผมมันยังรู้เลยว่า ข้าอยู่บ้านดีๆ แล้วมีเด็กมาหาที่บ้าน กลับบอกว่า ฉันผิดข้อหาพรากผู้เยาว์... แมวที่บ้านผมมันหัวเราะท้องแตกตายไป 2 ตัวแล้ว.. ผมว่านะ ลืมอะไรกับไปบ้างหรือป่าวครับ หลัก กม.อาญา .. แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 08:44:09 จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 15 ส.ค. 50 08:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมไม่ต้องการให้คุณมาเชื่อผมว่า เรื่องนี้ไม่ผิดพรากผู้เยาว์ แต่ผมอยากให้พวกคุณกลับไปทบทวนตำรา และถามเพื่อนๆร่วมอาชีพเดียวกัน ดีกว่าจะมานั่งเอาความคิดของตนเอง และ ก็อ้างอะไรต่อมิอะไรมาเพียบ ซึ่งผมมองดูแล้ว มันออกจะไปกันใหญ่ ต้องยอมรับกันให้ได้ว่า กม. อาญา ตีความตามตัวอักษร และ ตีความเคร่งครัด ดังนั้นเมื่อการกระทำใดไม่เป็นความผิด ก็จะไม่มีความผิด และ ไม่มีโทษ คุณจะขยายความรับผิดเกินกว่าตัวอักษรของ กม.อาญามิได้ ถ้าเป็น กม.แพ่ง ผมจะไม่เถียงเลย เพราะดูเจตนาของคู่สัญญาเป็นหลัก เอาง่าย...กม . อาญา ม.217 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น... ดังนั้น ถ้าวางเพลิงเผาทรัพย์ตนเอง หรือ เผาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ก็จะไม่มีความผิด ม.217 นี้ ดังนั้น ม.317 318 319 ต้องมีการพรากเสียก่อนจึงผิดฐานนี้ ดังนั้นถ้าไม่มีการพราก ก็ไม่ต้องมาดู มาตราพวกนี้เลย คุณจะออกมาบอกว่า ถ้าอย่างนั้น เด็กก็ใช้ช่องว่างของ กม.มามั่วสุมกัน และก็อ้างว่าไม่ผิดเต็มไปหมด.. ผมจะบอกคุณว่า ช่วยไม่ได้ กม. มันมีช่องว่าง ก็คือมี... หลายคนจบกฎหมายก็พอรู้ว่า กฎหมายมันมีช่องว่างเต็มไปหมด นับประสาอะไรกับฐานความผิดในทางอาญาจะไม่มีช่องว่าง.. ลองกลับไปทบทวนดูนะครับ และไม่ต้องกลับมาขอบคุณผมในภายหลังก็ได้ .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 15 ส.ค. 50 09:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ผมว่านะครับป่านนี้เด็กคนนั้นคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ตัวเองทำขึ้นแล้วล่ะ เห็นบอกว่าพ่อ-แม่ ของผู้หญิงจะรอคำตอบ 1-2 วัน ผมอ่านคำตอบของพวกคุณทำให้ได้ความรู้มากมาย...แต่เราจะเถียงกันไปใยเล่า ในเมื่อเหรียญยังมีสองด้านฉันใด ความคิดของคนเราก็เป็นได้ฉันนั้น อยู่ที่มุมมองของคนๆนั้นว่าจะยืนตรงจุดใด แล้วจะมองมันผ่านมุมใหน ผมไม่มความรู้ด้านกฎหมายก็ต้องขอบคุณพวกคุณที่มาให้ความรู้นะ.. รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย ^_^ จากคุณ : The_leo - [ 15 ส.ค. 50 09:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ก็บอกไปตรงๆ พ่อแม่ฝ่ายหญิง ก็ต้องรู้พฤติกรรมลูกตัวเองทั้งหมด พ่อแม่ฝายชาย ก็ต้องดูด้วยว่า สมรู้ร่วมคิด รู้แล้วไม่เตือนหรือเปล่า อย่ามัวแต่คิดแง่กฏหมาย อยากให้คุยกันในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงโดยไม่ปิดบังทั้งสองฝ่ายก่อน เรื่องแค่นี้มันเด็กๆ มัวเรื่องมากทำเด็กเครียด เดี๋ยวมันก็ฆ่าตัวตาย เรื่องใหญ่กว่าเดิมอีกเยอะชนิดเทียบไม่ติด คิดอย่างไร ทำอย่างไร ใครผิดใครถูกไม่ต้องสนใจสองครอบครัวคุยเปิดอกกันก่อนดีกว่า จะจับแต่งหรือไม่ ให้เด็กตัดสิน แต่อาจจะให้หมั้นกันก่อนก็ได้ ถ้ากลัวเสียหน้า แต่คิดให้ดีนะ เด็กๆ อยู่เนี่ย อนาคตมันไม่แน่นอน จะเงียบไว้ รอเจ้าบ่าวอนาคตดีกว่านี้ในวันหน้าก็ได้  หรือฝ่ายชาย เห็นจนๆ วันนี้ วันหน้าอาจเป็นนักธุรกิจใหญ่ ใครจะรู้ ?? ฝากถึงผู้ปกครอง เด็ก สอนดีๆ มันก็ไม่มั่วหรอก  หัดพาเข้าวัด ฟังธรรมกันบ้าง หัดหาหนังสือธรรมมะ หัดที่จะไม่ดูละครน้ำเน่าแย่งผัวชาวบ้านกันบ้าง เด็กมันจะได้มีความคิดดีๆ มีธรรมมะ มีความละอายต่อความไม่ดีบ้าง ถ้าสอนเด็กแบบศรีธนญชัย เด็กโตมามันก็เป็นแบบเดียวกับที่สอนอ่ะ คือ ดีต่อหน้า เรียบร้อยเชียว พอลับหลังนี่ สุดตีน ขอบอก เด็กบางคน ต่อหน้า กับ ลับหลัง ไม่ต่างกัน ทำตัวเซี้ยวซ่า แต่ เบื้องหลังก็มีเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายไปกว่าที่เห็น สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กคือ ศีลธรรม ถ้าคุณผู้ปกครองทำให้เด็กรักษาศีลห้าได้โดยตัวเองแล้ว ชาตินี้คุณไม่ต้องกลัวเด็กเสียเลยครับ สอนเด็ก แนะนำให้พระพุทธเจ้าสอนครับ อ้อ หากคุณนับถือศาสนาอื่น ก็กรุณาสอนตามหลักธรรมของศาสนาของคุณให้ดี เด็กก็จะดี ครับ จากคุณ : NaCl - [ 15 ส.ค. 50 10:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ฝากถึงน้องคนที่ถามนะ ชนะอะไรไม่เท่า ชนะใจตัวเอง ครับ คราวนี้นายแพ้แล้ว ใครดูโฆษณา Exit  แล้วสังเกตบ้าง? โฆษณานี้สอนเรื่องนี้เต็มๆ ครับ ผมเพลย์ภาพช้าดู เห็นเด็กสาวคนนึงนั่งอยู่บนเตียง หนุ่มคนนี้ล้างหน้าสองสามรอบ พลางคิดว่า เราต้องไม่ทำ (ถ้าคิดทำคงทำไปแล้ว) ตัดภาพมาพูดว่า Exit จำได้ว่าเวอร์ชั่นแรกสุดออกเสียง เอกซ์ อิท แปลว่า "เอกซ์ มันซะ" ชัดมาก ซึ่งความหมายตรงข้ามเลย เวอร์ชั่นปัจจุบันออกเสียง  เอกซิท แปลว่า "ออกไป" ซึ่งถูกแล้ว แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 10:41:08 จากคุณ : NaCl - [ 15 ส.ค. 50 10:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นด้วยครับ ว่าถ้าไม่มีการ พราก ย่อมไม่ผิด ในข้อหา พราก ควรดูข้อเท็จจริงว่า มีการพรากหรือไม่ ถ้ามาหาเอง โดยไม่มีการชวน อย่างนี้ไม่มีการพราก หากมีการชวนโดยคำหวาน อาจตีได้ว่ามีการพราก แต่เป็นการพรากโดยคำหวาน หรืออุบาย ไม่ใช่การพรากโดยใช้กำลัง ฏีกาที่ยกมาดีมากครับ  เพียงแต่ผมไม่ได้อ่านในรายละเอียดจนครบ ตรรกะ ของผม ยุติที่ว่า เด็กหญิง ทำไมจึงเดินมาหาเด็กชาย ถ้าเด็กหญิงเดินมาเองโดยสมัครใจ อันนี้คงจะลงว่าพรากไม่ได้ แต่หากทางโจทก์พิสูตรได้ว่าเด็กหญิงถูกอุบายให้มาหาเด็กชายละก้อ การพรากนั้นเกิดขึ้นแล้ว   กรุณาดูข้อเท็จจริงด้วยครับ  เหตุนี้มิได้เกิดครั้งเดียว แต่เกิดหลายครั้ง แม้ครั้งหลังมิได้พราก หากมีครั้งหนึ่งครั้งใดที่ผ่านมามีการใช้อุบายหรือชักชวน ให้เด็กหญิงเดินมาหา นั่นย่อมเข้าประเด็นว่ามีการพราก จากคุณ : น้าพร - [ 15 ส.ค. 50 11:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เด็กมาหาเองแล้วใครเป็นคนเปิดประตูรับเด็ก เด็กเปิดประตูเอง แล้วใครแก้ผ้าเด็ก เด็กแก้ผ้าเอง แล้วใครเป็นคนเอาใส่เด็ก เด็กจับยัดใส่เข้าไปเอง แล้วใครเป็นคน... โอเค ยอมละ ถูกของคุณ เด็กมันหาเรื่องเองจริงๆด้วย ก็ยังดีนะที่คุณเจ้าของกระทู้ใส่ถุงยางก่อนที่เด็กจะยินยอมเอง จะได้ไม่มีปัญหาการตั้งครรภ์โดยที่ไม่พร้อมจะเลี้ยงลูก ความจริงก็แต่งงานกันไปก็ดีนะ ถึงฐานะทางบ้านไม่ดีก็ไม่เป็นไรนี่ คนเราเดี๋ยวนี้ช่วยกันทำมาหากินได้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรฟรีหรอก ถ้าคุณได้อะไรมาเปล่าๆ ก็แสดงว่ามีใครสักคนจ่ายให้คุณอยู่ ถ้าใครคนนั้นเขาเกิดไม่อยากจ่ายขึ้นมา คุณก็ต้องจ่ายเอง จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 15 ส.ค. 50 11:17:41 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ระวังนะครับ มั่นใจอะไรมากไป ลูกความติดคุกฟรี เพราะความไม่แม่นกฎหมายของเรานี่แหละ อย่าเอาความมั่นใจของเราไปแลกกับอิสระภาพของคนครับ มันบาป .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 15 ส.ค. 50 11:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 50 การจะมาตีความคำว่า "พราก" นั้น...ต้องเข้าใจความหมายของคำว่าพรากเสียก่อน....และต้องเข้าใจว่าเหตุใดกฎหมายถึงใช้คำว่า พราก มิใช้คำว่า "พาไป"   คำว่า "พราก" ตามพจนานุกรมแปลว่า.... 1.จากไป   2.พาเอาไป   3.แยกออกจากกัน   แล้วพรากอะไรไปจากอะไร...????  พรากคนไปจากคน หรือพรากคนไปจากอำนาจ.... ประเด็นนี้คือการพรากคนไปเสียจากอำนาจการปกครอง....คือการแยกผู้เยาว์ออกจากอำนาจของผู้ปกครองเค้า...โดยการกระทำล่วงเกินทางเพศหรือเพื่อหากำไร.... ดังนั้น.....การตีความคำว่า "พราก" ตามมาตรานี้จึงมิได้หมายถึงการ พาไป  เพียงอย่างเดียว....แต่หมายรวมถึงการแยกผู้เยาว์ให้ตัดขาดออกจากอำนาจการปกครองดูแลของผู้ปกครองด้วย... มีฎีกาอีกเรื่องหนึ่งลองพิเคราะห์ดู.... ฎีกา...854/2545....พฤติการณ์ที่จำเลยให้ผู้เสียหายไปทำความสะอาดที่ห้องนอนของจำเลยแล้วจำเลยตามไปกระทำชำเราผู้เสียหายในห้องนอนของตนในครั้งแรกก็ดี.......และเมื่อผู้เสียหายไปหาจำเลยที่บ้านเพื่อสอบถามถึงเหตุที่จำเลยไม่รับผิดชอบ จำเลยกลับกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นครั้งที่สองก็ดี......ล้วนเป้นการกระทำล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้เสียหายทั้งสิ้น....ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยปราศจากเหตุอันควรพรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดา.... จากฎีกานี้คุณจะเห็นอะไร... 1.การกระทำในครั้งแรกจำเลยใช้ผู้เสียหายเข้าไปทำความสะอาดในห้องนอนตนแล้วตามไปกระทำชำเรา... 2.การกระทำในครั้งที่สองนั้นผู้เสียหายไปหาจำเลยที่บ้านเองเพื่อทวงถามความรับผิดชอบ...แต่จำเลยกลับกระทำชำเรา... ซึ่งการกระทำทั้งสองเหตุการณ์นี้ศาลไม่ได้พิเคราะห์ในประเด็นของการ "พาไป" ...แต่ศาลพิเคราะห์ในประเด็นของการกระทำที่แยกอำนาจการปกครองของบิดามารดาออกจากตัวผู้เยาว์....เมื่อการกระทำนั้นเป็นการล่วงละเมิดทางเพศจำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร.... ดังนั้นไม่ว่าผู้เสียหายจะมาเอง...หลอกให้มา....ใช้ให้มา....มันก็ไม่ใช่ประเด็นของคำว่า "พราก"  ในความผิดฐานนี้เพราะคำว่าพรากนั้นหมายถึงการทำให้อำนาจปกครองแยกออกจากตัวผู้เยาว์... คุณควรลดอคติที่มีในใจบ้าง...เพราะอคติจะเป็นตัวปิดกันปัญญา....ผมสังเกตุมาหลายครั้งแล้วในการเถียงของคุณ...คุณจะไม่ตีความหลังของกฎหมาย...แอะอะก็เอาแต่พร่ำว่าหลักกฎหมายก็รู้ๆกันอยู่....อย่างในกรณีนี้คุณก็เอาแต่พร่ำว่าพรากๆๆๆๆ...แต่ไม่อธิบายว่าคำว่า"พราก"นั้นหมายถึงอะไร....ครอบคลุมเพียงไหน...พรากอะไรไปจากอะไร....ซึ่งเป็นหลักของกฎหมาย คุณอาศัยเอาแต่จำคำพูดของครูบาอาจารย์ในชั้นเรียนมาอ้าง.....ไม่ศึกษาวิเคราะห์ตัวบทให้ถ่องแท้....พอเห็นคำถามอะไรก็ฟันธงเปรี้ยง!!!...แต่พอให้อธิบายการปรับบทกฎหมายกับพฤติการณ์ในคดีลึกๆเข้าคุณก็ไปไม่เป็น....เพราะพื้นฐานความรู้ที่ได้จากการจำนั้นมันยังไม่แตกฉานพอ....เพราะไม่ได้เป็นความรู้ที่ได้จากการวิเคราะห์ตัวบทกฎหมายอย่างแท้จริง.....เพราะระดับขั้นความรู้ที่ได้จากการจำในชั้น ป.ตรี มันเอามาปรับใช้กับพฤติการณ์จริงหรือเหตุการจริงนั้นเป็นการยากอยู่ แต่สิ่งที่แย่ของคุณคือการเป็นคนปากไวใจร้อน...หลงในอวิชาของตนเอง...คนเก่งไม่ได้เก่งในกระทู้นะครับ...แต่เก่งในชีวิตจริง...แต่ถึงจะเก่งจริงไม่เก่งจริงก็ไม่ควรจะหลงยึงติดกับตัวตนของตนมากไป....เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่เที่ยง.... ที่ผมพร่ำบอกคุณมาถึงกระทู้นี้ไม่ได้ต้องการดิสเครดิตคุณ....แต่ต้องการให้คุณปรับเปลี่ยนความเห็นตนเองบ้าง....ปรับเปลี่ยนวิธีแสดงความคิดเห็นคุณบ้าง....ผมเคยเจอเด็กแบบคุณมามาก...แต่สุดท้ายไม่เห็นจะมีใครไปได้ถึงจุดสูงสุดสักที... หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ... (แก้คำผิด) แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 12:13:02 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 12:08:34 จากคุณ : อินทร์นิล - [ 15 ส.ค. 50 12:05:11 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ที่พูดมาทั้งหมดเนี้ย ตัวคุณเองทั้งนั้น ไม่ใช่ผม ผมไม่ได้เก่งอะไรเลย และก็ไม่เคยบอกว่าเก่งด้วยซิ ผมเจอมาเยอะครับ พวกอายุเยอะๆอย่างคุณ เพราะแก้ไม่หาย ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่มักดัดยากเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครเค้าไปบีบคอบังคับคุณว่าให้เชื่อผม หรือ ให้เชื่อคนอื่น เช่นกัน คุณก็ไม่สามารถบีบคอผมให้เชื่อคุณเหมือนกัน ผมเคยถอนหงอกแก่ๆมาเยอะครับ เพราะคิดว่าตัวเองแน่ อาบน้ำร้อนมาก่อน ทุกอย่างถูกหมดไม่เคยพลาดอะไรเลย แต่หารู้ไม่... ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าป่าไปไกล กู่ไม่กลับ แต่ที่ไม่ยอมลดละก็เพราะคิดว่าตัวเองอายุเยอะ...อคติที่ไปพร่ำสอนคนอื่น ลองมองย้อนกลับดูตัวเองซิว่า มันเป็นอย่างที่เที่ยวไปว่าคนอื่นเค้าหรือไม่ .. เอาเถอะ เชื่ออย่างไรก็เชื่อไปเถอะ .. เอาไว้ลูกความติดคุกฟรี ทั้งที่ไม่ผิด เพราะกฎหมายไม่ถือว่าผิด แต่ดันติดคุกเพราะความฉลาดน้อยในเรื่องกฎหมายของทนาย ที่ตั้งเรื่องตั้งข้อต่อสู้ไม่เป็น เมื่อนั้นแหละ...ซึ้งๆๆๆ .. ศาลชั้นต้นมักตัดสินผิดพลาดบ่อย เพราะทนงในความรู้ที่ตนเองมี หารู้ไม่ ศาลฎีกามักจะคอยแก้ไขให้อยู่เสมอ เพราะศาลชั้นต้นชั่วโมงบินน้อย ไม่ทันเกมส์ของโจทก์...มักจะเอาคนไม่ผิดเข้าคุกโดยไม่รู้ตัว ในเรือนจำต้องยอมรับว่า มีคนบริสุทธิ์ติดคุกกันอยู่มากมาย เพราะอะไร บอกได้มั้ย... .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 15 ส.ค. 50 12:30:40 ]

ความคิดเห็นที่ 52 กระทู้นี้ดีนะครับ จขกท. ควร print กระทู้นี้ส่งให้ พ่อแม่ ของทั้งสองครอบครัวอ่านประกอบนะครับ จากคุณ : Gow27 - [ 15 ส.ค. 50 12:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ลองวิเคราะห์หลักฎีกาที่ผมให้เสียก่อนสิครับ....อย่าเพิ่งปากไวใจร้อน....ใจเย็นๆค่อยๆอ่านไป....ผมยังไม่แก่ถึงขนาดหัวหงอกครับ...ไม่ต้องรีบมาถอนหงอกให้ครับ...แต่น่าจะถอนคำพูดแย่ๆของคุณดีกว่า...ถอนอคติที่มันยึดมั่นอยู่ในใจคุณดีกว่า.....มันจะเป็นประโยชน์แก่ตัวคุณเองทั้งนั้นนะครับ.... จากคุณ : อินทร์นิล - [ 15 ส.ค. 50 12:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คำพิพากษาฎีกาที่ 854/2545 ในความเห็นที่ 50 ที่ผมโพสให้มันก็ค่อนข้างชัดเจนในประเด็นนี้นะครับ...ลองวิเคราะห์ดูสิครับ...อย่าให้โทสะจริตมันปิดกันปัญญาสิครับ....เอาหลักกฎหมายมาถกกันดีกว่า....คุณก็แจงหลักกฎหมายที่คุณอาศัยเป็นหลักแห่งข้ออ้างมา...ยกเหตุผลมา...ดีกว่าจะมาทู้ซี้อย่างนี้นะครับ...ถ้าเหตุผลคุณดีมีหลักกฎหมายประกอบอ้างอิงสามารถหักล้างเหตุผลที่ผมโพสได้ผมก็พร้อมจะเปลี่ยนความเห็นตามคุณ...ไม่ยึดมั่นอยู่แล้วครับ.... จากคุณ : อินทร์นิล - [ 15 ส.ค. 50 12:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 55 น่าสนใจมากครับ ๆ ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าศาลท่านจะตัดสินอย่างไร ไม่นับความรู้สึกนะครับ ตัดออกไปให้หมด ไม่นึกแทนว่าถ้าเราเป็นพ่อแม่ เด็กหญิง หรือ ไม่นึกแทนว่าเราเป็นพ่อแม่เด็กชาย ไม่สนใจว่าใครจบสถาบันไหนมา ตัดอคติของอารมณ์ส่วนตัวออกไปให้หมด ว่ากันตามตัวบทกฏหมายโต้ง ๆ คดีนี้ "พรากผู้เยาว์" หรือไม่ครับ ที่สำคัญก็คือ เด็กชายก็ยังเป็นผู้เยาว์ใช่ไหมครับ อ่า....... แล้วใครพรากใครครับ ถ้าพรากทั้งสองฝ่ายโดยสมยอมกัน ก็เจ๊ากันไปใช่ไหมครับ ยังไงสรุปให้หน่อยสิครับ ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร หรือขึ้นอยู่กับดุลย์พินิจ ของศาล ขอบคุณมากครับ จากคุณ : [Zero] - [ 15 ส.ค. 50 12:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ผมฟันธงในเรื่องนี้โดยไม่ต้องคิดมากกับข้อเท็จจริง ว่า " เด็กหญิงมาหาเด็กชายเอง " และฟันธงว่า ไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์ เพราะ ไม่เข้าองค์ประกอบคำว่า " พราก " (ไม่อยากอธิบายซ้ำ) แต่มีหลายคนไม่เห็นด้วย เพราะไปติดกับพฤติการณ์ของเด็กชาย ว่าเคยร่วมประเวณีมาแล้ว 4 - 5 ครั้ง จึงเอาเรื่องตรงนี้มาคิดอคติกับเรื่องที่เกิดขึ้นล่าสุด ( ผมไม่ขอพูดถึง 4 ครั้งก่อน ว่าพรากหรือไม่ ) และมีความเห็นว่า ควรจะตืบฝ่ายชาย เพราะดันทำตัวไม่เหมาะสม น่าจะเอาเข้าคุก...ฐานพรากผู้เยาว์ กฎหมาย ก็คือ กฎหมาย กฎหมายมันถูกแยกออกจากศีลธรรม และ ความเที่ยงธรรม ดังนั้นถ้าเอาศีลธรรมมาตัดสิน รับรองว่า คุกไม่พอขังแน่นอน กฎหมายคือความยุติธรรม แต่ไม่เที่ยงธรรมเสมอไป ยุติธรรม เพราะ ไม่มีการพราก และ ไม่เข้าองค์ประกอบ แต่ไม่เที่ยงธรรม เพราะ มันเอาลูกสาวข้าไปฟัน โดยไม่มีความผิด... กฎหมายอาญา มาตรา 217 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น.... ถ้าทรัพย์ที่เผา เป็นของผู้เผาและ ของนาย ก. ด้วย กฎหมายกลับเอาผิดไม่ได้ เพราะ ไม่ใช่ทรัพย์ของผู้อื่น ถามว่า เที่ยงธรรมหรือไม่...ไม่แน่นอน แต่ถามว่ายุติธรรมหรือไม่..ตอบว่ามันยุติธรรมแล้ว เพราะถ้าแกไม่อยากติดคุกแก่ก็ต้องเผาทรัพย์ของแกที่เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยแล้วกัน.. ผมโดนโต้แย้งว่า เรื่องนี้ผิดฐานพรากผู้เยาว์ ผมทำอย่างไรรู้มั้ยครับ ผมโทรเช็คกับเพื่อนรุ่นพี่ และ เพื่อนรุ่นเดียวกัน และ ก็ลุงของเพื่อนที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และ ถามเพื่อความแน่ใจ โดยไม่แต่งเติมใดๆทั้งสิ้น คำตอบคือ ไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์ เพราะไม่มีการพราก นั่นเอง... ผมไม่ใช่ไม่หาข้อมูล ผมหาทุกอย่าง เพราะการที่เราจะโต้แย้งในเรื่องกฎหมายเราต้องพร้อมกับความรู้ และไล่ให้สุดสายของเรื่องนั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว...มันจะไปไม่ถึง ขนาดข้อหา ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา จำเลยถูกลงโทษไม่ถึง 2 ปี แต่ผลของการการกระทำคือความตาย เช่นเดียวกับ ฐานฆ่าคนตายเหมือนกัน แต่ฐานฆ่าคนตาย ลงโทษประหารชีวิต.. ถามว่าทำไมมันต่างกันล่ะ ก็ต่างกันที่องค์ประกอบในเรื่องๆนั้นไงครับ ถ้ามันจะฆ่าแต่แรก และเอาปืนยิง มันก็ผิดฆ่าคนตาย แต่ถ้ามันแค่ตบเบาๆ แต่ผู้เสียหายเกิดใจเสาะ ตกใจตาย มันก็ต้องมาดูว่า กฎหมายเอาผิดอะไรแค่ไหนได้บ้าง.. สรุป..ความยุติธรรมกับความเที่ยงธรรม และ ศีลธรรม เอามาพูดบนกันในกฎหมายไม่ได้ครับ .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 15 ส.ค. 50 13:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เอ..... ผมจำได้ว่าคุณ I_วชิรวิทย์ กับ คุณอินทร์นิล  เคยจับมือกันแล้วนี่นา....ไหงมาตีกันในนี้อีกเนี่ย......... คุณ I_วชิรวิทย์ ผมขอสารภาพว่าเคยไม่ชอบการแสดงความเห็นของคุณอินทร์นิลครับ แต่ในกระทู้นี้ ผมอ่านเหตุผลทั้งสองข้างแล้ว ผมขอบอกว่า เห็นด้วยกับคุณอินทร์นิล 100% ครับ ผมคิดว่าคุณอินทร์นิลมีเหตุผลแน่นกว่าทั้งด้านกฎหมาย และ ด้านอื่นๆมากครับ คุณ I_วชิรวิทย์ ใจเย็นๆนะครับลองใจเย็นลงนิดนึง อ้อ แล้วที่คุณ I_วชิรวิทย์ บอกว่า "ไม่เคยได้ยินเลยว่า กม.อาญา ตีความตามเจตนารมณ์..ยิ่งกว่าตัวอักษร" (ความเห็นที่ 20) ผมว่าคำพูดนี้ไม่ถูกต้องนะครับ กฎหมายต้องดูตามเจตนารมณ์ด้วยครับไม่ใช่เอาแต่ตัวอักษรอย่างเดียว เพราะตัวอักษรมันตายตัว แต่มนุษย์ต่างหากที่ต้องรู้จักพลิกแพลงใช้ แล้วประโยคว่า "สรุป..ความยุติธรรมกับความเที่ยงธรรม และ ศีลธรรม เอามาพูดบนกันในกฎหมายไม่ได้ครับ" (ความเห็นที่ 56) อันนี้ก็ไม่ถูกต้องนะครับ กฏหมาย ควรามยุติธรรม ความเทียงธรรม ศีลธรรม ต้องพิจารณาควบคู่กันไปครับ จะปฏิเสธไปเลยไม่ได้ เพียงแต่ในทางปฏิบัติ นักกฏหมายบางท่านอาจจะเน้นไปด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ เท่านั้นเอง ไม่ทราบว่าพอจะรับฟังความเห็นข้างต้นของผมไว้สักนิดได้ไหมครับผม จากคุณ : mm (MitJung) - [ 15 ส.ค. 50 13:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ทำกัน 2 คน ไหงผิดแค่คนเดียว....? จากคุณ : ST.Exsodus - [ 15 ส.ค. 50 13:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ผมเห็นด้วยกับความเห็นคุณอินทรนิลนะครับ โดยเฉพาะ คห.50 มันครอบคลุมอธิบายได้ครบถ้วน ไม่ต้องเอา รุ่นพี่ รุ่นน้อง พ่อเพื่อน มาอ้างเพราะมันไม่ใช่หลักกฎหมาย ควรเอาตัวบทมาวิเคราะห์ที่ละประเด็นอย่างคุณอินทนิลดีกว่า แถมยังมีคำพิพากษาฎีกามาประกอบ มีหลักการมีเหตุผลที่ไปทีมาสมบูรณ์ทีเดียว น่าจะเป็น thesis ได้เลย แต่อ่านความเห็น คุณI_วชิรวิทย์ แล้วอยากบอกว่าคุณใจคับแคบมากแถมยังก้าวร้าวอีกต่างหาก นิสัยอย่างนี้ไม่เหมาะกับวิชาชีพทางกฎหมายเลย อย่างที่คุณอินทนิลว่า หลักกฎหมายคุณไม่เอา แต่เอาแต่คำพูดคนอื่นมาอ้าง แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคุณยังไม่แม่นหลักพอ ถ้ารู้จริงไม่ต้องอ้างอิงคำพูดใครครับ จากคุณ : -แค่คนผ่านมา- - [ 15 ส.ค. 50 14:04:03 A:125.26.115.247 X: TicketID:149183 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คำพิพากษาฎีกาที่ 854/2545 ในความเห็นที่ 50 มันก็ค่อนข้างชัดเจนในประเด็นนี้ จำเลย "ให้" โจทก์ มาทำความสะอาด จำเลย ถูกทำให้เสียหายจึงตาม"มาทวงความรับผิดชอบ" แต่ถูกกระทำอีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรก พรากแน่ๆ เพราะจำเลยสั่งให้มา ครั้งที่สอง ก็พรากอีก เพราะเหตุเกี่ยวเนื่องจากครั้งก่อน จึงต้องมาหาจำเลยเพื่อทวงถาม ของเจ้ากระทู้ ก็อาจจะพราก เพราะว่ารู้จักกัน จึงมาหา แต่มาหาเพราะอะไร ??  มาทำการบ้านรึ ?  มาติวหนังสือรึ? ถ้าใช่ ก็คือพราก ถ้าไม่ใช่ มาหาเองเพราะ "กิเลสสั่งมา" ก็ ไม่พราก ครับ แต่ ใครจะยอมรับเล่า ? ต้องตีความตามการกระทำ และหลักฐานอื่นๆ เป็นหน้าที่ของผู้พิภากษาที่ดี ต้องไม่เข้าข้างใคร เป็นธรรมเหมือนท่านเปา นะครับ จากคุณ : NaCl - [ 15 ส.ค. 50 14:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ให้พ่อแม่ฝ่ายชาย ฟ้องพรากผู้เยาว์กลับไม่ได้เหรอ? จากคุณ : Angos - [ 15 ส.ค. 50 14:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณจำเลยเจ้าของกระทู้ครับ ครั้งแรกที่คุณทำ ใครสะกิดใครก่อนครับ?? รู้อยู่แก่ใจ นะครับ คุณสองคนที่รู้ ลูกผู้ชาย นะครับ แต่ไม่ว่าใครจะสะกิดใครก่อน คุณเสียและเสีย อย่างเดียวเลย ใครบอกว่าผู้หญิงเสีย ผู้ชายเสียล้วนๆ เลย คิดดู ขืนบอกว่าผู้หญิงสะกิดก่อน ก็ไม่มีใครเชื่อ แม้เป็นเรื่องจริง ฝ่ายหญิงก็เกลียดคุณไปแล้วหละ จากคุณ : NaCl - [ 15 ส.ค. 50 14:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 63 I_วชิรวิทย์ เอ๋ย โชว์เกรียนอีกแล้วนะเรา เมื่อไหร่จะรู้จักโตเสียที   ขำ คห.29 อ่ะ น่าจะเอาหัวทนายจำเลยเป็นประกันมากกว่านะ  รู้ว่าผิดยังยุให้สู้ดีนัก คริๆ จากคุณ : พุดเดิ้ลเล่ - [ 15 ส.ค. 50 14:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สมัยที่ผมเรียนกฎหมายอาญา อาจารย์บอกว่า กฎหมายอาญาต้องตีความโดยเคร่งครัดนั้นถูกต้องครับ แต่ว่าในการตีความโดยเคร่งครัด ต้องพิจารณาถึงคุณธรรมทางกฎหมายอาญา (ก็เจตนารมณ์นั่นแหละครับ แต่อาจจะไม่กว้างเท่า) ด้วยนะครับ ว่ามุ่งคุ้มครองอะไรกันแน่ หากตีความโดยเคร่งครัดตามตัวอักษร โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมของกฎหมายอาญาเลย ก็จะทำให้การวินิจฉัยผิดพลาดได้ครับ กรณีนี้ผมเห็นด้วยกับคุณอินทร์นิลน่ะครับ เพราะเท่าที่ผมจำได้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์นี้ คุณธรรมทางกฎหมายมุ่งคุ้มครองถึงสิทธิในการปกครอง (อำนาจปกครอง) สิทธิในการหวงกัน และดูแลบุตร หรือผู้อยู่ใต้ปกครองของบิดามารดาหรือผู้ปกครองของบุตรหรือผู้อยู่ใต้ปกครองนั้น ถึงแม้เด็กเข้ามาหาเองแล้วยอมมี พสพ. ด้วยแต่เห็นได้ชัดว่าบิดา มารดา ไม่ยินยอม ก็เท่ากับว่าเป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดา มารดาทีคุณธรรมทางกฎหมายเรื่องพรากผู้เยาว์มุ่งคุ้มครองอยู่แล้ว ในเบื้องต้นนี้จึงควรผิดฐานพรากผู้เยาว์แล้วครับ แต่อันนี้สงสัยเหมือนกัน ว่าหากบิดา มารดา เจ้าของกระทู้ไม่ยินยอมเหมือนกัน จะฟ้องกลับ ญ ฐานพรากผู้เยาว์ได้หรือไม่ครับ จากคุณ : Cholesterol Lover - [ 15 ส.ค. 50 14:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ NaCl คห.60 ครับ คำพิพากษาฎีกาที่ 854/2545 ที่ว่า การกระทำครั้งแรกก็ดี การกระทำครั้งที่สองก็ดี ล้วนเป็นการกระทำล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้เสียหายทั้งสิ้น... หาได้เป็นเหตุเกี่ยวเนื่องกันดังที่คุณเข้าใจไม่ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวก็ยังเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระซึ่งเป็นความผิดอยู่ในตัว จึงไม่อาจนำมาวินิจฉัยปะปนกันได้ครับ จากคุณ : -แค่คนผ่านมา- - [ 15 ส.ค. 50 14:51:15 A:125.26.115.247 X: TicketID:149183 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ผมไม่เถียงดีกว่า พูดไปก็เท่านั้น คุณลองไปค้นหรือไปหาดีกว่านะ แล้วมาคุยกันใหม่ ถ้าคิดว่ามันผิด ก็จำไปจนตายแล้วกัน ผมไม่เคยจับมือกับใครทั้งนั้น แค่ไม่อยากมีเรื่อง และ ไม่อยากหาเรื่องใคร อย่าว่าแหละ คนเก่า หัวเก่าๆ มักไม่ค่อยเปิดรับอะไรใหม่ๆ รธน ปี 40 มันก็แหกปากบอกว่าดีกว่า ปี 50 ทั้งๆที่มันยังดูไม่หมดเลย แล้วดันมาบอกว่า ไม่เอาไม่รับ เพราะอะไร ก็เพราะมันไม่ดูให้หมดไง เพราะคิดเอาไว้ในหัวตลอดเวลาว่า มันต้องอย่างนั้นอย่างนี้ไปตามใจของมัน เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ใครจะเห็นด้วยกับใครมันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ใครเชื่ออะไรก็เชื่อไป แต่พวกที่ปากไม่อยู่สุข อย่างชื่อ login เหมือน หมาพันธุ์ขี้เลื้อน ก็เหมือนกัน อยากบอกว่า งี่เง่าฉมัด ตีหัวเข้าบ้านไม่ทำตัวให้เป็นประโยชน์ เที่ยวมารับจ้างแหกปากแย้วๆเห่าหอนไปทั่ว.. .. ผมไม่แปลกใจเลย ทำไมคนเก่าแก่ๆ ถึงดัดยาก ก็เพราะมีความเชื่อเก่าๆนี่เอง จำอะไรมาผิดๆ ไอ้ครั้นจะมาเปลี่ยนความคิดใหม่ ก็เข้าใจมันทำใจอยากอยู่.. อย่าว่าผมฝ่ายเดียวเลย..ที่มาบอกว่าไม่ยอมรับฟังคนอื่น ตัวคุณนั่นแหละ เคยกลับไปคิด กลับไปถาม ครูบาอาจารย์บ้างมั้ยว่า ที่คุณจำข้อมูลมาเนี้ย มันผิดหรือเปล่า .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 15 ส.ค. 50 15:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 67 แหม    อ่านมันจริงๆ กระทู้นี้   ปกติกระทู้ยาวๆ ต้องทะยอยอ่าน  แต่เว้นไว้กระทู้นี้ที่อ่านรวดเดียวจบ ดีที่มีคนไปแปะไว้ที่หว้ากอตามมาอ่านแล้วได้ประโยชน์มาก อยากให้ทุกคนได้อ่าน ผมคนกลางอ่านแล้วยังให้น้ำหนักเท่ากันอยู่ครับ  ยังไม่เอนไปด้านไหน สงสารก็แต่เจ้าของกระทู้ที่ไม่รู้จะเชื่อใคร   ผมชอบใจคุณ  น้าพร #47 ว่าไว้ครับ  "กรุณาดูข้อเท็จจริงด้วยครับ  เหตุนี้มิได้เกิดครั้งเดียว แต่เกิดหลายครั้ง แม้ครั้งหลังมิได้พราก หากมีครั้งหนึ่งครั้งใดที่ผ่านมามีการใช้อุบายหรือชักชวน ให้เด็กหญิงเดินมาหา นั่นย่อมเข้าประเด็นว่ามีการพราก " ในทางกฎหมายแล้วนับย้อนไปครั้งก่อนๆ ด้วยใช่ใหมครับ ถ้าใช่  การพรากก็เกิดขึ้นแล้วครับ ประเด็นของคุณ [Zero] #55 "เด็กชายก็ยังเป็นผู้เยาว์ใช่ไหมครับ อ่า....... แล้วใครพรากใครครับ ถ้าพรากทั้งสองฝ่ายโดยสมยอมกัน ก็เจ๊ากันไปใช่ไหมครับ" นั่นดิใครพรากใครล่ะทีนี้ จากคุณ : =Lord Gary= - [ 15 ส.ค. 50 15:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อ่านจบจนได้ ยาวมากๆ นั่นสินะ แล้วแบบนี้ถือวาฝ่ายหญิงพรากผ่ายชายด้วยรึปล่าว แต่ทำในบ้านผ่ายชาย ถือว่าไม่พรากอีก จากคุณ : sunzilla - [ 15 ส.ค. 50 16:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ผมคิดว่าความเห็นคุณ Cholesterol Lover ในความเห็นที่ 64 มีเหตุผลน่าฟังนะครับ จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 15 ส.ค. 50 16:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ I_วชิรวิทย์ ใจเย็นๆครับ อันที่จริงผมก็ชอบคุณนะครับ การตอบปัญหาข้อกฏหมายของคุณในหลายๆกระทู้ ณ พันทิพย์แห่งนี้ก็เป็นประโยชน์กับนักท่องเว็ปอย่างผมมากครับ ผมเองก็ซึมซับความรู้จากคุณมาไม่น้อย เพียงแต่ไม่ค่อยได้โพสอะไรเป็นพลังเงียบ หุหุ แต่กระทู้อดไม่ได้จริงๆครับ เพราะว่า คุณ I_วชิรวิทย์ หลุดกรอบจากปกติที่เคยโพสไปพอสมควร ปกติคุณI_วชิรวิทย์  เป็นคนสุภาพนี่ครับ ดังนั้นใจเย็นลงนิดนึงครับ คิดซะว่าคำพูดที่ว่าเรา เป็นเพียงคำพูดผ่านรูหูไปนะครับ ยังไงก็ตั้งใจทำความดีเพื่อปวงประชาต่อไป นะครับ อนึ่งโดยส่วนตัวผมก็ชอบที่ต่างฝ่ายต่างยกอ้างข้อมูลมาสู้กันนะ ได้ความรู้ดี ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับคุณทั้งสองคนนะ (แต่ก่อนเคยแต่ตอนนี้ไม่แล้ว) ตรงกันข้าม ผมกับรู้สึกว่าได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมาย ทุกท่านลองคิดดูสิครับ ถ้ามิใช่คุณอินทร์นิล กับคุณ I_วชิรวิทย์ มาถกเถียงกัน เราจะได้อ่านฏีกามากมาย และการตีความกฎหมายของนักกฎหมายทั้งสองฝ่ายหรือครับ ถ้าเราเชื่อเพียงแค่คุณ อินทร์นิล หรือ คุณI_วชิรวิทย์  เราก็คงไม่ได้เห็นความเห็นที่ต่างออกไป ซึ่งเป็นเหรียญอีกด้านที่ไม่เคยได้สัมผัส ผมว่าเป็นเสน่ห์ของบอร์ดพันทิพย์แห่งนี้อย่างมหาศาล ท่านที่โพสว่าคุณ I_วชิรวิทย์  เสียๆหายอย่างความเห็นที่ 63 ขอร้องครับอย่าทำเลย ไม่ดีหรอกครับ เป็นการทำลายกันเปล่าๆ ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผล ยังไงก็ใจเย็นๆกันนะครับ  โต้เถียงกันแต่พองาม...... จากคุณ : mm (MitJung) - [ 15 ส.ค. 50 17:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 71 จะบอกว่า ผมก็มีประสบการณ์เหมือนเจ้าของกระทู้ แต่เกิดก่อนหน้า ประมาณ 10 ปี แต่ของผมหนักกว่า ถึงขั้นมีลูกด้วยกัน สาบานได้ ทุกวันนี้ ผมกับผู้หญิงคนนั้นและลูกผม ก็ยังอยู่กันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจนใครหลายคนอิจฉา ยังไงก็สู้ๆกับชีวิตครับ แต่ถ้าผู้หญิงเป็นคนไม่ดี นี่น่าคิดนะครับ เพราะ แฟนผมเค้าดีมากๆ ผมยังคิดอยู่ว่าถ้าผมเจอคนไม่ดี จะรักกันมาได้ขนาดนี้หรือเปล่า จากคุณ : SukRamRuay - [ 15 ส.ค. 50 17:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ผมฝากบอกถึง จขกทน่ะครับถึงจะไม่มีความรู้ด้าน กม.อาญามาก แต่คนรู้จักก็เคสคล้ายๆกันไม่ติดคุกน่ะครับ แต่เสียตังค์บานซึ่งรายละเอียดผมไม่ทราบว่าตกลงกันเองหรือศาลตัดสิน แต่รู้ว่าเรื่องถึงศาล แถมผู้หญิงคนนั้นก็ต้องมาอยู่กับฝ่ายชายด้วย ฝากถึงคุณI_วชิรวิทย์ ผมว่าคุณลืมอะไรไปบ้างอย่างรึเปล่าครับที่มาฟันธงฉับๆเอาหัวเป็นประกันเนี่ย มีหนุ่มสาวคู่ไหนบ้างที่จู่ๆไปหาที่บ้านโดยไม่มีการโทรบอกกันก่อน เพราะ จขกทไม่ได้เล่าหมดว่าเริ่มและจบยังไงคุณมาฟันธงแล้ว เข้าบ้านน่ะครับยังไงก็ต้องมีการพูดคุยกับฝ่ายชายก่อน ผมว่าคงเป็นไปได้ยากที่จู่ๆฝ่ายหญิงเดินไปกดกริ่งโดยที่ฝ่ายชายไม่รู้ อยากน้อยๆทั้งสองฝั่งก็ต้องสมรู้ล่ะไม่ว่าใครจะชวน อีกเรื่องตั้งแต่คห.ต้นๆของคุณใช้คําพูดเชือดเชือนคนอื่นที่เห็นต่างตลอด โดยที่ยังไม่มีใครด่าว่าคุณเลยซึ่งไม่ว่าคุณจะเด็กกว่าหรือผู้ใหญ่ก็ไม่ควรทํา ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าดูเย่อหยิ่ง อหังการมั่นใจมากๆ แล้วรับรองว่าความคิดตัวเองถูกโดยการันตีตัวเอง ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ต้องรู้จักใช้มัน ฝากถึงท่านอื่นๆด้วยที่มาติ จขกทเรื่องมีอะไรกับฝ่ายหญิงทั้งที่วัยยังไม่ถึง ผมเชื่อว่าหลายๆท่านที่อ่านและตอบก็คงต้องเคยมีเพศสัมพันธ์ตอนวัยนี้บ้าง เพียงแต่ไม่แจ๊คพอตเท่านั้น การจะเตือนตําหนิอะไรคนต้องนึกถึงความเป็นจริงธรรมชาติมนุษย์ด้วยครับ ไม่ใช่ใช้แต่ศีลธรรมที่ยกอ้างกันนักหนา มนุษย์ก็คือมนุษย์มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งแทบทั้งมวลบนโลกนี้ไม่มีใครละได้หมดหรอกครับ เพียงแต่ชอบยกจริยธรรมมาให้ตัวเองดูสูงส่งเท่านั้น ที่ผมอยากจะติจขกทคือการปัดความรับผิดชอบที่ว่าบ้านไม่รวย ในเมื่อคุณก็ฐานะทางบ้านดี แล้วรู้ว่าตัวเองไม่มีปัญญาก็อย่าทํา ไม่ใช่มายกเหตุผลเข้าข้างตัวเองตอนทํามาแล้วค่อยเอามาอ้าง ควรจะอ้างกับตัวเองตั้งแต่ตอนอยู่กัน2ต่อ2แล้ว แล้วคุณลองนึกดูถ้าคุณไม่ได้คุมกําเนิดให้ฝ่ายหญิงแล้วท้องขึ้นมาล่ะครับ อีกชีวิตนึงเลยน่ะครับ เพราะฉะนั้นบทเรียนครั้งนี้ควรจะจําไว้ จะทําอะไรคิดแล้วคิดอีกเพราะผลกระทบและผลข้างเคียงมีอีกมาก จากคุณ : กระบี่เก้าสําเนียง - [ 15 ส.ค. 50 17:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ปกติก็เข้ามาอ่านเป็นประจำ (แต่ไม่ค่อยได้โพส )ได้ความรู้ดีค่ะ ได้แง่กฎหมายเยอะเลยในกระทู้นี้ มองในแง่ดี ดีกว่าค่ะ จากคุณ : พาไล - [ 15 ส.ค. 50 17:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เยี่ยมจริงครับ กระทู้นี้ อ่านแล้วได้ความรู้เยอะดีครับ ส่วนความเห็นที่ 63 อ่ะครับไอ้ที่โชว์เกรียนน่ะคุณหรือเปล่า กระทู้นี้เปรียบเสมือน ทนายจำเลย 2 ความเห็นยกเหตุผล กับกฎหมาย มาโต้แย้งกัน เป็นความรู้ เป็นประโยชน์ดีจะตาย คิดไปได้นะกับคำว่า "โชว์เกรียน" อ่ะ ต่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดก็ไม่ควรจะไปว่าเขาอย่างนั้น ให้กำลังใจคุณทั้งสองคนนะครับ ที่มีกระทู้ดีๆให้อ่าน จากคุณ : รักประเทศไทย (krissada02) - [ 15 ส.ค. 50 18:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เท่าที่อ่าน คดีนี้ต้องคนมีลูกสาวถึงจะเข้าใจครับ คนไม่มีลูกสาวพูดให้ตาย ข้าก็ไม่ซึ้ง จากคุณ : One-Spirit (One-Spirit) - [ 15 ส.ค. 50 18:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เกรียนไม่เกรียนก็ลองอ่านตั้งแต่ความเห็นแรกๆดูดิ คห.แรกๆไปตำหนิคุณleonnoomเค้าก็ไม่ว่าอะไร คห.ต่อๆมาไปเสียดสีคุณอินทนิลเค้าก็ไม่ว่าอะไร พอหลังๆเข้าแถสู้ไม่ได้ชักเอาใหญ่ ไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมไหนละ  จาบจ้วงเค้าไปทั่ว อย่างนี้มันเหมาะสมแล้วหรือที่จะเรียกตนเองว่านักกฎหมาย กฎหมายมันเป็นเรื่องของเหตุผลไม่ใช่หรือ  ทำไมไม่ยกเอาเหตุผลขึ้นหักล้างกัน  นอกจากจะไม่มีเหตุผลหักล้างแล้วยังเอาแต่เสียดสีคนอื่น รู้จริงไม่รู้จริงก็เอาความรู้มาโชว์เลย  ไม่ใช่ระรานเค้าไปทั่ว  พอไม่มีเหตุผลก็ยกเอาเพื่อนขึ้นมาอ้าง  ยกเอาพ่อเพื่อนขึ้นมาอ้าง  เอาสถาบันมาอ้าง  เอาคำพูดคนโน้นคนนี้ขึ้นมาอ้าง   อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าความจริงไม่เป็นอย่างที่คิดจะมีสปิริตขอโทษผู้อื่นเค้ามั้ย แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 19:00:01 จากคุณ : พุดเดิ้ลเล่ - [ 15 ส.ค. 50 18:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สำหรับหัวกระทู้นี้เห็นด้วยว่าดูที่มีการ  "พราก"  หรือไม่ ถ้ามีก็ดูข้อกฎหมายต่อไป  ถ้าไม่มีก็จบกัน ขออนุญาตแทนตัวเองว่า"พี่"เพราะอายุมากกว่า จขกท แน่นอนพึ่งอ่านได้แค่ความเห็นที่ 6 เท่านั้นเอง แต่ขอแสดงความคิดเห็นเลยแล้วกัน เพราะเห็นว่าเรื่องจำพวกนี้มีให้เห็นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเด็กที่ขาดการเอาใจใสจากผู้ปกครองไม่ใช้เรื่องนี้ ก็ยาเสพติดนะคะ คุณ Leonnoom ถึงตอนนี้ก็ควรจะแก้ปัญหาไปตามเหตุ ไม่ต้องหาทางอะไรแล้ว ผู้ใหญ่อยากให้แต่งงานก็แต่งงาน เพราะการแต่งงานมันก็เป็นเพียงพิธีการที่บอกถึงความต้องการของสังคมโดยทั่ว ๆไป อย่างที่เรารู้กันดีหรือมีสอนในบทเรียนทั่วไป เพราะฉะนั้นเขาให้แต่งก็ต้องแต่ง มันดีกว่าที่จะได้ชื่อว่าเคยต้องคดีความ มีประวัติติดตัวไปจนถึงตอนที่ตัวเอง ต้องสมัครงานและในข้อตกลงการรับสมัครพนักงานขององค์กรนั้น ๆ มีข้อกำหนดที่ว่าผู้สมัครต้องไม่เคยต้องโทษในคดีใด ๆ และตำแหน่งงานเหล่านี้ก็มักจะเป็นตำแหน่งที่น่าสนใจมากเสมอให้ข้อมูลในฐานะที่มีหน้าที่เป็นผู้พิจารณารับสมัครงานขั้นต้นนะ น้องนะ ทีนี้มาพูดถึงชีวิตหลังแต่งงาน มันไม่ใชเรื่องง่ายเหมือนตอนที่ได้เสียกันครั้งหลัง ๆ หรอก เพราะแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์ในสาวหนุ่มบริสุทธิครั้งแรกมันยังยากเลย แล้วนับประสาอะไรกับการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันระหว่างทางตรงนั้นอาจจะใช้ชีวิตด้วยกันไปจนแก่เฒ่า หรือสามวันเลิกก็มีถม ก็น่าจะเคยผู้ใหญ่ที่เขาไปกันไม่รอดมานักต่อนักแล้ว ขอเพียงแต่การเลิกรานั้นไม่ได้มาจากการที่ผู้ชายได้ทำร้ายผู้หญิงในทุกกรณีก็เห็นว่าน่าจะเป็นผู้ที่มีความดีอยู่ จากคุณ : รักษาการแทน (=Lord Gary=) - [ 15 ส.ค. 50 19:15:10 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คุณ (=Lord Gary=) ความคิดเห็นที่ 77 พูดได้ถูกต้องแล้วครับ น่าเสียดายที่หนุ่มสาวสมัยนี้มักง่ายเกินไป กะ xxx ไว้ก่อนไม่สนผลที่จะตามมาเลย ก่อให้เกิดปัญหาสังคมไปทั่ว ทั้งนี้เป็นเพราะค่านิยมในหมู่วัยรุ่นผิดๆ เฮ้อ บ่นไปบ่นมาชักเหมือนคนแก่แหะเรา อ๊ากกกก ผมยังไม่แก่ น๊า.......... จากคุณ : MitJung - [ 15 ส.ค. 50 19:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณ คู่กรณีทั้งคู่ ที่มีเหตุผลมาหักล้างกันบ้าง ได้ความรู้จากกระทู้นี้บ้าง แต่ก็รู้สึกเห็นใจคุณอินทร์นิล ที่โดนเสียดสี จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา - [ 15 ส.ค. 50 20:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 80 กลับมาอ่านอีกครั้งติดใจคำของคุณI_วชิรวิทย์ ที่ว่า "ศาลชั้นต้นมักตัดสินผิดพลาดบ่อย เพราะทนงในความรู้ที่ตนเองมี " คุณรู้ได้ไงว่าศาลชั้นต้นตัดสินผิดพลาดบ่อย คุณรู้ได้ไงว่าพวกท่านเหล่านั้นทนงตัว คุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบคำพิพากษาในองค์คณะของศาลชั้นต้น คุณรู้มั้ยว่าคดีที่ขึ้นสู่ศาลสูงนั้นมัน กลับ แก้ หรือยืน อะไรมากกว่ากัน คุณรู้มั้ยว่าคดีที่ขึ้นมารกศาลสูงนั้นส่วนใหญ่เป็นเพราะทนายไม่รู้จริง สู้ผิดๆถูกๆ ตีความกฎหมายคลาดเคลื่อน ความจริงไม่อยากจะบอกว่าผมทำงานอะไร แต่สิ่งที่คุณกล่าวมามันเข้าข่ายดูหมิ่นศาล ทั้งข้อกฎหมายที่เป็นประเด็นถกเถียงกันนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องสลับซับซ้อนอะไรเลย เพียงแค่ตีความตามตัวบทก็จะเข้าใจ แม้แต่ศาลฎีกาก็ยังต้องเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเพื่อตีความถ้อยคำต่างๆในตัวบทเพื่อให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในถ้อยคำของกฎหมายนั้นๆ ที่คุณกล่าวว่า "ฟันธงว่า ไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์ เพราะ ไม่เข้าองค์ประกอบคำว่า " พราก" (ไม่อยากอธิบายซ้ำ)" นั้น ผมอยากให้คุณอธิบายความหมายของคำว่าพรากหน่อยว่ามันแปลความว่าอะไร มันต่างอย่างไรกับคำว่า เอาไปเสีย พาไปเสีย ที่คุณอ้างว่าผู้อื่นตีความด้วยสามัญสำนึกแล้วสามัญสำนึกคุณมันอยู่ตรงไหน ที่คุณอ้างว่ามีพ่อของเพื่อนเป็นตุลาการในศาลฎีกาบอกว่ากรณีนี้ไม่ผิด ผมขอชื่อย่อหน่อย อยู่องค์คณะไหนเพราะมันมีไม่มากนักผมจะหาโอกาสไปเรียนถามท่านเอง ศาลไม่ใช้จะรู้ทุกข้อกฎหมายทุกมาตราในทันทีทันใดเพราะข้อกฎหมายมันเยอะ แต่ก่อนศาลจะทำคำพิพากษาศาลจะตรวจสอบข้อกฎหมายก่อนเสมอ ซึ่งศาลจะต้องไปทบทวนตัวบทในเรื่องนั้นก่อนเสมอ ในประเด็นข้อกฎหมายนี้ถ้าคุณแปลความคำว่า"พราก"ออกคุณก็จะรู้ถึงเจตนารมย์ของกฎหมายในข้อนี้ แต่ที่ผ่านมาไม่เพียงคุณไม่อาจแปลความตามตัวบทได้คุณยังดูหมิ่นทุกคนที่มีความเห็นต่างจากคุณ อันเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจยิ่งนัก ยิ่งอ่านความเห็นคุณยิ่งเห็นถึงความไม่รู้ในตัวคุณ ความอวดรู้ของคุณ ความจองหองในตัวคุณ คำที่คุณใช้ปรามาสผู้อื่นในกระทู้นี้ล้วนแล้วแต่แสดงความเป็นคุณได้ชัดเจนที่สุด จากคุณ : -แค่คนผ่านมา- - [ 15 ส.ค. 50 21:54:27 A:125.26.115.247 X: TicketID:149183 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เข้ามากระทู้นี้เพราะตกใจที่กระทู้ในห้องศาลาฯ มีความเห็นเฉียดร้อย แต่เข้ามาแล้วยิ่งตกใจ ประเด็นเริ่มจากจขกท.จะติดคุกไหมถ้าเด็กยอม กลายเป็น "พราก" คืออะไร แล้วก็กลายเป็นต่อว่ากัน แล้วก็กลายเป็นคนในองค์กรถูกพาดพิงมาตอบโต้ซะแล้ว พฤติการณ์ของเจ้าของกระทู้ นักกฎหมายอ่านก็คงตอบได้ว่าผิดหรือไม่ ฎีกาวางหลักมาแล้วเยอะแยะ และนี่แหละที่เป็นปัญหาของนักกฎหมายเรา ฎีกาว่าอย่างนี้แล้ว ถ้าใครตอบปัญหาสวนฎีกา คนตอบปัญหาก็ใจหาย "ผิดแล้วตู" ยิ่งถ้าใครเป็นเด็ก วุฒิภาวะไม่ถึง ก็จะออกลูกก้าวร้าว ออกทะเลกันได้ง่ายๆ ทั้งที่เหตุผลที่ตัวเองคิดแต่แรกอาจมีเหตุและผลดี นักกฎหมายต้องมั่นใจและหนักแน่น อย่าตกใจถ้าคิดต่างฎีกา ต้องหาหลักกฎหมายและเจตนารมณ์ตามความสามารถเสียก่อน แล้วจึงหาหลักและเหตุผลในฎีกา แล้วมาตรองดู ถ้าคิดว่าความคิดตัวชอบด้วยเหตุผล ต้องยืนยันและหนักแน่น อย่าตกใจ แต่ถ้าคิดแล้วว่าความคิดเราไม่เข้าท่า ต้องเริ่มเข้าใจตัวเองก่อนเลยว่ารู้สึกอย่างไร จะรู้สึกอับอาย เสียหน้า อย่างไร ต้องเข้าใจตัวเองก่อน แล้วจะแสดงออกอย่างไรก็ให้ตรงกลับความรู้สึกนั้น รู้สึกอับอายก็แสดงออกว่าอับอาย รู้สึกเสียหน้าก็แสดงออกว่าเสียหน้า "จริงใจกับตัวเองครับ" แต่ต้องไม่เสียความมั่นใจนะ ผิดเป็นครูครับ (แต่ครูอย่างเยอะเกินไปละ แซวเล่นนะ) จำไว้นะครับ อย่าตกใจถ้าตอบปัญหาสวนฎีกา ตรองเหตุและผลอย่างมีสติ หนักแน่น และแสดงออกอย่างจริงใจกับตัวเอง สังคมเวบนี่ผมว่ามันมีความเป็นไปที่น่าเชื่อชม คนมีปัญหาถามเข้ามา ก็มีคนมาตอบ ถึงแม้บางคำตอบดูไร้สาระแต่มันก็เป็นกำลังเล็กๆ ทุกคนที่ยอมสละเวลามาตอบปัญหาที่เวบนี้ ผมก็ชื่นชมอย่างมาก เพราะผมเองทำไม่ได้ เวลาไม่อำนวย ทุกคนไม่รู้ไปหมดหรอก ผมเองก็ปล่อยไก่ในเวบนี้บ่อยๆ แต่ก็มีคนรู้ดีกว่ามาช่วยแก้ไข ผมก็เลยไม่โง่ต่อไป มันก็เป็นอย่างนี้ ก็ไม่น่าซีเรียสกันนะครับ ความภักดีต่อองค์กรเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดี เราจะคิดว่าเราถอดหัวโขนแล้วคนอื่นจะคิดว่าหัวโขนเราไม่ได้อยู่บนหัว คงไม่ได้ บางกรณีแม้เจตนาดีแต่จะถูกตีความว่าโชว์พาวด์ได้ง่ายๆ ต้องระวังเช่นกันนะครับ อีกอย่างคำบางคำมันเป็นแค่ "คำพูดสำเร็จรูป" บางทีคนพูดเข้าใจเนื้อหาจริงๆ ของคำพูดตัวเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าไปใส่ใจกันทุกคำพูด มีหวังสติแตก วิญญูชนรู้ได้ครับว่าอะไรเป็นอะไร บางครั้งไม่ตอบโต้น่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า สำหรับกระทู้นี้สรุปได้ว่า ไอ๊หนูทั้งหลายเอ็งจะคิดว่าเด็กมันยอมแล้วจะทำตัวเป็นหมอฟันดะไม่ได้นะ ผมเจอมาเยอะแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่เด็กก็มาไถ่ตังค์ พอไม่ได้จะพาพวกเอ็งเข้าสถานพินิจฯ ไปซะฉิบ ว่าแต่เรื่องพวกนี้ทำไมผู้หญิงเป็นฝ่ายผู้เสียหายทุกทีสิน่า สงสัยต้องเรียกร้องสิทธิบุรุษกันมั่งแล้วนะพวกเรา จากคุณ : สมมติ - [ 16 ส.ค. 50 00:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อืม ผมว่ากระทู้นี้จะไปใหญ่แล้ว แต่ก็ดีนะครับได้ความรู้ดี อย่างแรกที่ผมบอกให้แต่งงานกันในความเห็นที่ 1 นั้น ผมหมายความถึงการที่คนสองคนรักกันครับ ผมว่าความรักเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมีค่าเสมอ แม้ว่าต่อไปจะมีอุปสรรคมากมายเพียงใด ผมว่าคู่รักสองคนสามารถฝ่าไปได้ ในฐานะที่ผมเป็นคนๆ หนึ่งที่บูชาในความรัก (แม้จะไม่เคยมีความรักก็ตาม) ผมเชื่อว่าความรักสามารถชนะอุปสรรคได้ทุกสิ่ง แต่ถ้าเจ้าของกระทู้กับแฟน ไม่ได้รักกัน ก็อย่างที่หลายๆ ความเห็นที่แสดงมาว่าไม่สมควรแต่งงานกัน  เพราะแต่งกันไปก็จะมีปัญหาครอบครัวตามมา ลูกที่จะเกิดมาในอนาคตหลังจากแต่งงานกัน ก็เป็นลูกที่ไม่ได้เกิดมาจากความรัก เด็กก็จะกลายเป้นเด็กที่ขาดความรัก และอาจจะกลายเป็นปัญหาสังคม สำหรับในเรื่องนี้ว่าพรากหรือไม่พรากนั้น มันอยู่ที่มุมมอง สำหรับความเห็นผม ผมว่าเป็นการพราก แต่ก็นั่นแหละ ผมก็เคยสู้คดีให้กับจำเลยโดยใช้ข้ออ้างว่าเด็กมาหาที่บ้านเอง และศาลก็ยกฟ้อง สิ่งหนึ่งที่เราต้องพิจจารณาคือในแต่ละคดีข้อเท็จจริงไม่เหมือนกัน ผมก็จบนิติศาสตร์กับรามคำแหงเหมือนกัน และฎีกาเกี่ยวกับการที่หญิงไปหาเอง และศาลฎีกาพิพากษาว่าไม่พราก ผมก็ได้อ่าน แต่ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา ผมก็มีสิทธิไม่เห็นด้วย บางครั้งข้อเท็จจริงในคดีกับข้อเท็จจริงที่ได้รับมาก็แตกต่างกัน ตอนนี้คุณ I_วชิรวิทย์ กับคุณอินทร์นิลก็เปรียบเหมือนทนายความสองคนที่กำลังต่อสู้คดีกัน โดยนำเหตุผลมาเสนอให้พิจารณา ไม่มีเหตุผลใดถูกหรือผิด เพราะความเห็นทางกฎหมายสามารถขัดแย้งกันได้ (ไม่งั้นจะมีหมายเหตุท้ายฎีกาหรือ) สิ่งที่คุณทั้งสองนำเสนอนับเป็นทางเลือกสองทางให้กับผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ได้รับ ซึ่งก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะเชื่ออย่างไร ขอบคุณครับกับสิ่งที่ท่านทั้งสองนำเสนอ จากคุณ : leonnoom - [ 16 ส.ค. 50 00:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ผมเห็นด้วยกับคุณ คุณI_วชิรวิทย์ ครับ ตามที่คุณอินทร์นิล ยกตัวอย่างมาใน #50 ที่ว่า  "ฎีกา...854/2545....พฤติการณ์ที่จำเลยให้ผู้เสียหายไปทำความสะอาดที่ห้องนอนของจำเลย"  ข้อนี้มันคือพราก 100% แน่นอน เพราะ  จำเลย "ให้" ผู้เสียหายไปทำความสะอาดห้อง.... แต่ในหัวข้อกระทู้นี้ จขกท ไม่ได้สั่งหรือให้ฝ่ายหญิงมาหานี่ครับ หญิงเค้ามาเอง แล้วถ้านอนกอดกันนี่ถือว่าแยกอำนาจเหรอครับ ในเมื่อจู่ๆเค้ามาให้กอดเอง งั้นถ้าเด็กประถม เด็กมัธยมมันแกล้งกอดกันหรือแอบขโมยหอมแก้มเล่นแสดงว่ามันผิดฐานแยกอำนาจการปกครองจากผู้ปกครอง(หรือที่คุณว่าพรากผู้เยาว์)เลยหรือครับ คำว่า "พราก" นั้น ถ้าตีความตามหลักภาษาคือการที่จำเลย สั่ง หรือ ให้ หรือ ขู่เข็น หรือ ล่อลวง  นะครับ แต่นี่ จขกท ไม่ได้ทำไรเลย แค่นอนอยู่ที่บ้านแล้วผู้หญิงมันก็มานอนด้วย จะเรียกว่าล่อลวงได้ไง มีหลักฐานอะไรไปปหาว่าเค้าล่อลวง ขอแสดงความคิดเห็นโดยไม่เกี่ยวกับเรื่องกฏหมายนะ ผมมองว่าพ่อแม่ผู้ปกครองฝ่ายหญิงนะ ปัดความรับผิดชอบ หรือขี้เกียดเลี้ยงลูก หรือไม่ก็คงอยากได้เงิน ส่วนน้อง จขกท และแฟนน้องก็ผิดทั้งคู่ที่มีไรกันโดยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังแบบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ ก็ควรทำตัวอยู่ในอำนาจของท่าน เพราะเกิดมีลูกขึ้นมาคนที่ลำบากคือพ่อแม่ แต่ถ้าน้องทำงานหาเงินเลี้ยงแฟนเลี้ยงตัวเองได้แล้ว จะทำไรก็ทำไปเถอะครับ แต่อย่าไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่น การแต่งงานคือทางออกที่แย่ที่สุดครับ อายุยังน้อย ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อนาคตเลิกกันแน่ๆ 95% ทางออกที่น่าจะดีที่สุดคือ หาทางตกลงยอมความกันและให้เรื่องเงียบที่สุด และน้องทั้งคู่ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดครับ แต่ผมเดาว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงคงไม่ยอมความเพราะกลัวเสียหน้า ที่ลูกสาวตัวเองจู่ๆก็ไปให้เค้าเอาฟรีๆถึงบ้าน จึงต้องมีข้อเรียกร้องเพื่อที่ตัวเองจะได้ดูเหมือนไม่เป็นผู้แพ้ ฝ่ายชายนั้นก็แย่หน่อยครับ (เรื่องผิดถูกคนอื่นพูดเยอะแล้วผมไม่ขอพูดนะครับ)  เป็นผม ผมก็แย่เหมือนกันและก็เกือบเป็นเหมือน จขกทนี้ไปแล้ว ตอนมัธยมปลาย มีเพื่อนสาวๆหลายคนชอบมาเล่นที่บ้านบ่อยๆ ดีนะที่มันไม่ได้ให้ท่า ไม่งั้นคงยั้งใจไม่อยู่เหมือนกัน ผมว่าผู้ชายทุกคนก็อาจเป็นเหมือน จขกทนี้ได้นะ ต่อให้คุณเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัวแต่ถ้าเจอสาวๆหน้าตาดีมารุกถึงบ้าน +กับคุณยังเด็กนักยังคาดไม่ถึงว่าจะมีปัญหาอะไรตามมา คุณก็อาจจะเป็นเหมือน จขกท นี้ได้นะ จากคุณ : Rapter - [ 16 ส.ค. 50 01:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ผมตามมาจากห้องอื่นนะครับ ไม่ได้รู้เรื่องกฎหมายซักเท่าไร แต่เท่าที่อ่านดูผลรู้สึกเอนเอียงไปทางคุณ I_วชิรวิทย์ นะครับ เพราะถ้าเป็นไปตามการตีความของคุณ อินทร์นิล ซึ่งเน้นทางด้านอำนาจปกครอง ทำไมตัวบทกฎหมายไม่เขียนไปเลยว่า "ผู้ใดร่วมประเวณีกับเด็กหญิงอายุ 15-18 ปี โดยฝ่ายหญิงเต็มใจ แต่ที่ผู้ปกครองไม่อนุญาต มีความผิด xxxx... ก็ว่ากันไป" ผมว่าปกติกฎหมายมันก็มีช่องโหว่อยู่แล้ว แต่การที่เราจะบอกว่าผิดกฎหมายหรือไม่ผิดกฎหมายนั้น ก็ต้องตีความตามกฎหมาย เหมือนเคยได้ข่าวว่า เด็กผู้ชาย โดนเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ข่มขืนตามกฎหมายแล้ว ฝ่ายชายมีความผิดเพราะร่วมประเวณีกับเด็กหญิงอายุต่ำกว่า15 ทั้งๆที่โดนสามัญสำนึกแล้วฝ่ายชายไม่ได้ทำอะไรเลย จากคุณ : Gaojing (Gaojing) - [ 16 ส.ค. 50 01:37:41 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ระวังตัวเอาไว้ด้วยนะ ท่านๆทั้งหลาย ถ้ามีเด็กๆมาหาที่บ้านท่าน ท่านจะเจอข้อหาพรากผู้เยาว์ทันที ทั้งๆที่ท่านไม่ได้ชวน ไม่ได้นัดมาแต่อย่างใด เพราะ มีหลายท่านขยายความรับผิดทางอาญาออกไปเอาผิดกับท่านโดยท่านไม่รู้ตัว และถ้าท่านยิ่งไปกระทำอนาจารกับเด็กด้วยแล้ว ท่านจะเจอข้อหาข่มขืนอีกหนึ่งกระทง เจริญพร..โยม .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 16 ส.ค. 50 08:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 86 จะถึงกระทู้ที่ 100 หรือเปล่า? อ่านมาแค่นี้ ต่อไปไม่กล้าไปพรากใครเข้าล่ะ จากคุณ : ข้าวก่ำ - [ 16 ส.ค. 50 08:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ยังสรุปไม่ได้อยู่ดีอะครับ แม้แต่ให้ผมตัดสินผมยังบอกไม่ได้เลย แต่สำหรับความคิดผมเอง เด็กเค้าสมยอมกันเองนะ ถ้าเป็นผมก็ขอไกล่เกลี่ย แล้วดูว่ามันรักกันจริงมั๊ย ให้เรียนต่อไป ไม่ไปตัดอนาคตเด็กมัน พออายุครบหรือเรียนจบแล้วถ้ามันยังรักกันอยู่ก็ตบแต่งกันซะให้เรียบร้อย ก็เอวังล่ะครับ จากคุณ : [Zero] - [ 16 ส.ค. 50 10:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ช่วงนี้ยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาเขียนยาวๆ   เอาเป็นว่า  เห็นด้วยกับ คห ของคุณอินทรนิล ตรง คห 11 ครับ  เจตนารมย์ไปอยู่ที่คุ้มครองความเสียหายของผู้เยาว์เป็นหลัก เรื่องนี้ ในมหาวิทยาลัยได้สอนอย่างชัดเจน   จริงอยู่ ที่กฎหมายอาญา ตีความเคร่งครัดตามตัวอักษร  แต่ก็มิได้หมายความว่า  จะหมายถึงตีความหมายตามอักษรที่เขียน  ดั่งจะเห็นว่า  พราก มีได้หลายนิยาม   จากไป พาไป นำไป  หาได้ต้องพาไปหรือนำไปอย่างเดียวไม่ เรื่องนี้สมัยเรียนก็ได้ถกกันหลายครั้งว่า  ก็เด็กมันมาเอง จะไปบอกว่า พรากได้ไง     สุดท้ายได้ข้อสรุปกันว่า  เจตนารมย์ของกฎหมายมุ่งที่จะคุ้มครองผู้เยาว์  การพรากมิจำเป็นต้องเป็นฝ่ายพาไป   ดังนั้น แม้เด็กจะมาเอง ก็เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ได้ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 16 ส.ค. 50 10:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ครับ เพราะไม่ได้พราก เอางี้ถ้าผมมีลูกสาวอายุ16ปีแล้วทางผมยากจนต้องขายลูกกิน คือให้ลูกขายตัว(สมมุติครับ)แล้ววันนึงพอลูกสาวเสร็จกิจกับบรรดาแขกที่มา ใช้บริการแล้วผมวางแผนให้ลูกไปหาคนรู้จักที่มีฐานะรวยมาก โดยที่ให้ลูกสาวไปหาถึงบ้านของคนๆนั้น จากนั้นลูกสาวผมก็ใช้จริตยั่วยวนจนได้เสียกันที่บ้านผู้ชายคนนั้น ถามว่าผมสามารถเอาผิดผู้ชายคนนั้นในข้อหาพรากผู้เยาว์ได้ไหม โดยที่แผนการทั้งหมดไม่มีใครรู้เพื่อที่จะได้เรียกร้องค่าเสียหาย จากคุณ : สุขุม..ลุ่มลึก - [ 16 ส.ค. 50 11:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เมื่อวานไม่มีเวลาตอบยาวๆ...วันี้พอมีเวลาบ้างขอตอบยาวนิดนึงแล้วกันครับ คำว่า พรากผู้เยาว์ ตามกฎหมายอาญานั้น ที่ผมเคยเรียนมา  สรุปได้ว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายตรงนี้คือการป้องกันการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตัวผู้เยาว์เองด้วย ดังนั้น ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนก็คือ 1. ถ้าเด็กหญิงไปเที่ยวบ้านเพื่อนชายโดยสมัครใจ  แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน  ก็ไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์   เพราะ  ไม่มีการหลอกลวงไป  ไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือศีลธรรมใดๆ เกิดขึ้น และการไปมาหาสู่กับเพื่อนฝูงก็ถือเป็นเรื่องปกติประเพณีในสังคมที่กระทำได้ตามสมควร จึงถือเสมือนหนึ่งว่า บิดามารดาของเด็กหญิงนั้นได้ให้ความยินยอมโดยปริยายแก่เด็กหญิงที่จะไปเที่ยวบ้านเพื่อนชายได้   ดังนี้ อำนาจปกครองของบิดามารดาเด็กหญิงยังไม่ถูกละเมิด   2. แต่หลังจากที่เด็กหญิงไปบ้านเพื่อนชายแล้ว  หากเพื่อนชายได้กระทำอนาจาร หรือกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ตรงจุดนี้เองที่ถือว่าอำนาจปกครองของบิดามารดาเด็กหญิงถูกละเมิดแล้ว เพราะตามปกติประเพณี  คงไม่มีบิดามารดาเด็กหญิงคนไหนยินยอมโดยปริยายให้ลูกตัวเองถูกกระทำอนาจาร หรือกระทำชำเรา แน่ๆ แม้ตัวเด็กหญิงนั้นเองจะยินยอมก็ตาม 3. การ "พราก" จึงเกิดขึ้น ณ จุดที่ถือว่าอำนาจปกครองของบิดามารดาเด็กหญิงถูกละเมิด เนื่องจาก พรากผู้เยาว์นั้น มิได้หมายความเพียงแค่เป็นการกระทำทางกายภาพต่อเนื้อตัวร่างกายของผู้เยาว์   แต่หมายถึงการกระทำต่ออำนาจปกครองของบิดามารดาเป็นหลัก  แม้ลักษณะทางกายภาพที่ปรากฏคือเด็กยอมให้กระทำเองโดยสมัครใจก็ตาม 4. ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผู้เยาว์ซึ่งมีประสบการณ์ชีวิตยังน้อย  อาจตัดสินใจเรื่องสำคัญบางอย่างผิดพลาดได้   อนึ่ง ตามปกติประเพณีของไทยเรานั้นบิดามารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์   ดังนั้น กฎหมายเรื่องพรากผู้เยาว์จึงต้องคุ้มครองมิให้ใครมาละเมิดอำนาจปกครองนี้ด้วย   เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองตัวผู้เยาว์เองและเพื่อคุ้มครองความสงบเรียบร้อยของสังคมด้วย   5. การตีความกฎหมายทุกประเภทนั้น  จำเป็นต้องพิจารณาถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของกฎหมายด้วย จึงจะสามารถปรับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริง แม้ในกฎหมายอาญาจะมีหลักทั่วไปว่าห้ามตีความไปในทางที่เป็นผลร้ายแก่จำเลย แต่การจะใช้หลักดังกล่าวนั้นจำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้หลักแห่งการชั่งน้ำหนักระหว่างการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะกับประโยชน์ส่วนบุคคลด้วย  กล่าวคือประโยชน์สาธารณะต้องมาก่อน 6. แล้วใครที่จะเป็นผู้ชี้ขาดว่าความเห็นใดถูกต้อง... อาจารย์ ชีพ จุลมนต์ (ขออนุญาตเอ่ยนามท่าน) เคยกล่าวไว้ว่า คนที่พูดคนสุดท้าย  ก็คือคนชี้ขาด ก็คือ ศาลฎีกาในคดีแต่ละคดี สำหรับคนเรียนกฎหมายแล้ว  ความเห็นแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้ในบางประเด็น แต่ไม่ว่าใครจะเก่งแค่ไหน  ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเมื่อรูปคดีเป็นแบบนี้แล้ว  ศาลจะต้องตัดสินแบบนี้เสมอไป ทนายความ  อัยการ ผู้พิพากษา อาจารย์กฎหมาย  นักศึกษากฎหมาย  นิติกร อาจมีความเห็นในเรื่องเดียวกันไปคนละทาง แต่สุดท้ายผลจะออกมายังไง ก็อยู่ที่ศาลฎีกาซึ่งตัดสินคดีนั้นๆ ที่จะพูดเป็นคนสุดท้ายอยู่ดี นี่แหละ...เวรกรรมของคนเรียนกฎหมาย   ตอบข้อสอบดีแค่ไหน  มีเหตุผลดีแค่ไหน หรือเถียงกันแทบตาย   สุดท้ายก็ต้องรออ่านแนวฎีกา...555 จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 16 ส.ค. 50 12:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 91 โอเคครับ #88 ต่อไปผมจะไม่ให้เด็กต่ำกว่า 18 เข้ามาเล่นที่บ้านผมโดยเด็ดขาด ผมกลัวข้อหาพรากผู้เยาว์ เพราะต่อให้เด็กมันบอกว่าพ่อแม่อนุญาติแล้ว แต่ถ้าเด็กมันโกหกผมก็คงจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์อยู่ดีใช่ไหมครับ จากคุณ : Rapter - [ 16 ส.ค. 50 12:50:26 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เวรกรรม เลยเถิดไปกันใหญ่ ใจเย็นๆกันหน่อยโยมมมม จากคุณ : MitJung - [ 16 ส.ค. 50 13:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ผมเห็นด้วยกับ คุณ : เด็กข้างห้างฯ  ในบางประเด็น นั้นก็คือเรียนมาแทบตาย สุดท้ายต้องยึดแนวฎีกา ผมไม่ขอเถียงอะไรกับใครนะครับ แต่ขอออกความเห็นและเอาเรื่องสมมุติของ คุณ เด็กข้างห้างฯ มาย่อยอีกมุมหนึ่ง คุณบอกว่า เด็กไปหาเพื่อนชาย เพื่อคุยเล่น ทำการบ้าน โดยผู้ปกครองรู้เห็นและยินยอม ดังนั้นไม่มีการพรากเกิดขึ้น และมิได้ละเมิดอำนาจปกครอง OK ตรงนี้เข้าใจตรงกัน ในเมื่อเด็กมาหาผู้ชายแต่แรกไม่ถือว่าพราก และ ละเมิดอำนาจปกครองของผู้ปกครอง แต่ทำไมพอชายทำอนาจารกับเด็กนั้น ดันกลายเป้นพรากผู้เยาว์ไปเพื่ออนาจารได้... ก็ในเมื่อตอนแรกไม่ถือว่าพราก แต่ไปกระทำอนาจาร ทำไมถึงผิดพรากผู้เยาว์ ถ้าเป็นอย่างนี้ มันออกจะขัดกับความรู้สึกและกฎหมายหรือไม่ ผมว่ามันน่าคิดและน่าสนใจมากกว่า ที่ผมเถียงมาทั้งหมด ไม่ว่าจะใช้คำรุนแรงแค่ไหน ผมมองจุดนี้จุดเดียว และ ถือข้อเท็จจริงเดียว โดยไม่ขยายความไปเรื่องอื่นเลย กระกระทำก่อนหลัง ผมไม่ได้พูดถึง ผมไม่แต่งเติมข้อเท็จจริงลงไปใหม่ เพื่อสนับสนุนความคิดของตนเอง.. แต่หลายคนไม่เข้าใจผม ว่าทำไมถึงหัวชนฝาอย่างนี้ สุดท้ายก็เป้นอย่างที่บอกครับ เรียนไปแทบตายสุดท้ายก็หนีไม่พ้นคำพิพากษาศาลฎีกา .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 16 ส.ค. 50 13:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คุณRapter #91 และ คุณI_วชิรวิทย์ #85 ทำไมคุณเปรียบเทียบตรรกทางกฎหมายอย่างนั้นค่ะ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์นั้นมีความหมายคือการทำให้อำนาจในการปกครองดูแลของบิดามารดาที่มีต่อผู้เยาว์เสื่อมเสียไป หากผู้เยาว์มาบ้านคุณคุณจะไปผิดอะไรหละค่ะ แต่ถ้าคุณได้กระทำอนาจารผู้เยาว์สิถึงจะเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาที่มีต่อผู้เยาว์ให้เสื่อมเสียไป คำว่า พราก ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 หน้า 426 ได้ให้ความหมายว่า จากไป, พาเอาไปเสียจาก, แยกออกจากกัน, (ใช่เฉพาะสิ่งที่พัวพันกันอยู่อย่างใกล้ชิด) ดังนั้นความว่าพรากผู้เยาว์ตามบทบัญญัตินี้จึงเป็นการพรากผู้เยาว์ออกจากอำนาจในการปกครองของบิดามารดา โดยเป็นไปเพื่อการอนาจารหรือค้ากำไร เพราะฉะนั้นไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะมาเองหรือจะถูกพามา หากได้กระทำการล่วงเกินทางเพศก็ถือได้ว่าเป็นการพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารแล้ว ทั้งนี้ คห.ที่ 50 ของคุณ อนิทร์นิล ก็ได้วิเคราะห์ตัวบทและมีฎีกามาประกอบครบถ้วนแล้ว สำหรับคุณ I_วชิรวิทย์ นะค่ะ อยากบอกว่าการแสดงความเห็นของคุณในกระทู้นี้หยาบคายมาก ไม่แสดงออกซึ่งภูมิปัญญาเลย การแสดงความเห็นควรเป็นไปด้วยความสุภาพ คุณจะคิดจะเห็นในสิ่งใดมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณไม่มีใครมาบังคับคุณได้ ขอเพียงแสดงความคิดเห็นอย่างมีหลักการเหตุผล ผู้อ่านย่อมมีวิจารณญาณในความคิดที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ควรใช้คำพูดเสียดสีผู้อื่น และถ้าความเห็นของคุณมันเป็นความเห็นที่ผิดแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตไม่ควรกระทำ จากคุณ : september - [ 16 ส.ค. 50 13:45:15 A:125.26.115.190 X: TicketID:149649 ]

ความคิดเห็นที่ 95 september #94 ก็หยาบคายเช่นกัน ผมไม่ได้ออกมาเถียงกับคุณ คุณจะอ่านก็อ่านไป จะเชื่อใครก็เชื่อไป แต่ไม่มีสิทธิมาตีหัวเข้าบ้านอย่างนี้แม่คนสุภาพ ผมพูดอะไรก็แสดงใน login ให้เห็นกันไปเลยว่าใคร ไม่ใช่ทำตัวเป็นอีแอบใช้บัตรผ่านเหมือนหลายๆคน มาหลอกด่าคนอื่น อันที่จริงใครจะไปรู้ พวกบัตรผ่านก็คือคนในนี้แหละ แต่กลัวคนอื่นจะรู้ว่า login ของใครจึงไม่กล้าแสดงตัว .. ถ้าจะซัดกันขอให้เล่นกันซึ่งๆหน้าหน่อยนะ อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าไม่ขี้ขลาด.. ..เบื่อพวกบัตรผ่าน แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 50 13:56:37 จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 16 ส.ค. 50 13:54:05 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คุณI_วชิรวิทย์ #93 ความจริงแล้วตรรกทางกฎหมายในมาตรานี้ของคุณมันผิด เพราะคุณตีความคำว่าพรากเพียงแค่การพาไป ซึ่งเป็นการตีความตามลักษณะของการกระทำภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วคำว่าพรากยังมีความหมายถึงการทำให้สิ่งสองสิ่งแยกออกจากกัน ซึ่งในมาตรานี้หมายถึงอำนาจปกครองของผู้ปกครองที่มีต่อตัวผู้เยาว์ ดังนั้นหากผู้เยาว์มาหาที่บ้านเองเมื่อยังไม่มีการกระทำอันเป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองก็ยังไม่ถือว่าเป็นการพรากผู้เยาว์ออกจากอำนาจปกครอง แต่หากได้ลงมือกระทำอนาจารแล้วไซร้จะเป็นการพรากผู้เยาว์ออกจากอำนาจปกครองนั้นทันทีนับแต่เวลาที่ได้ลงมือกระทำ หัวใจของความผิดจึงไม่ได้อยู่ที่การกระทำภายในที่พาผู้เยาว์ไป แต่อยู่ที่การกระทำอันเป็นการล่วงอำนาจปกครองต่อผู้เยาว์ แค่เพียงลำพังพาผู้เยาว์ไป หรือผู้เยาว์มาหาเองที่บ้าน หากมิได้ลงมือกระทำอนาจารเสียแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นความผิดในฐานความผิดนี้ จากคุณ : september - [ 16 ส.ค. 50 14:07:23 A:125.26.115.229 X: TicketID:149649 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณครับคุณ september ที่ให้ความกระจ่างผม 1. จู่ๆเด็กมันมาเล่นที่บ้านเอง ไม่เจอข้อหาพรากผู้เยาว์ 2. เด็กผู้หญิงมาหาเองและเป็นฝ่ายรุกก่อนเช่นเข้ามาโอบกอด เล้าโลมก่อน และฝ่ายชายก็สนองตอบ จะถือเป็นพรากผู้เยาว์ใช่ไหมครับ (ถ้าฝ่ายชายไม่สนองตอบจะถือว่าฝ่ายชายเป็นเกย์) ที่เข้ามาอ่านและเข้ามาแสดงความคิดเห็นนี้ก็เพราะผมก็งงกับคำว่า พราก นะ ต่อไปจะได้ระวังตัวเองไว้ อิอิ จากคุณ : Rapter - [ 16 ส.ค. 50 14:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ไม่ได้เรียนกฎหมายมาครับ แต่เห็นด้วยกับคุณ อินทร์นิล อ่านมาตั้งแต่เมื่อวานไม่ได้กะออกความเห็น แต่พอมาอ่านคห. ท้ายๆ ว่าจะเขียนสักหน่อยก็โดน คห. 94 ตัดหน้าไปแล้ว... "ความผิดฐานพรากผู้เยาว์นั้นมีความหมายคือการทำให้อำนาจในการปกครองดูแลของบิดามารดาที่มีต่อผู้เยาว์เสื่อมเสียไป หากผู้เยาว์มาบ้านคุณคุณจะไปผิดอะไรหละค่ะ แต่ถ้าคุณได้กระทำอนาจารผู้เยาว์สิถึงจะเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาที่มีต่อผู้เยาว์ให้เสื่อมเสียไป" คือเท่าที่อ่าน ผมเข้าใจว่า การพราก นี้รวมไปถึงพรากอำนาจปกครองของบิดามารดาด้วยน่ะครับ แม้ว่าฝ่ายหญิงจะมาหาถึงบ้านก็ตาม แต่เมื่อมีอะไรกันแล้วโดยที่ ผู้ปกครอง ฝ่ายหญิง ไม่ได้ยินยอม ก็ถือว่าเป็นการพรากอำนาจปกครองจากผู้ปกครองไป ส่วนจขกท. ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หายต๋อมไปเลย ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างไรมาบอกกล่าวกันบ้างก็น่าจะดี อ้อ ไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวเขาหรอก แต่อยากรู้ว่ากรณีของจขกท. จะจบยังไงเท่านั้น ปล. กระทู้นี้ให้ความรู้ดีจังครับ ทั้งในแง่มุมของคุณ อินทร์นิล และ คุณ  I_วชิรวิทย์ และคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยครับ : ) จากคุณ : Seraphyros DeCameron - [ 16 ส.ค. 50 14:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 99 งั้นก็แสดงว่ามีอะไรกันกะเด็กอายุต่ำกว่า 18 โดยที่พ่อแม่ไม่ยินยอม ไม่ได้ใช่ไหมครับ โอ....แสดงว่า.....ประเทศไทย มีคนพรากผู้เยาว์ เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด แต่เค้าไม่แจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์ก็เท่านั้นเองใช่ไหม แล้วนักร้องหนุ่มค่ายดังนั้นไปมีอะไรกันกะเด็กต่ำกว่า18 ผิดหรือไม่ครับ พอดีไม่ได้ตามข่าว จำได้คล้ายๆว่ารอลงอาญา 2 ปีใช่ไหมครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 50 14:47:33 จากคุณ : Rapter - [ 16 ส.ค. 50 14:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ลำพังถ้าเถียงกันในแง่มุมของกฎหมาย ผมก็มีเหตุผลเช่นเดียวกับคนอื่น เพราะต่างคนต่างมีมุมมอง ศาลฎีกามองต่างกันหาเสียงข้างมากไม่ได้ ก็ต้องเข้าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีข้อยุติ แต่ถามว่า ต้องเห็นฟ้องตรงกันทุกคนเช่นนั้นหรือ...ตอบว่าไม่แน่นอน ผมก็ตอบตามมุมมองของผม ซึ่งในความเห็นแรกๆ ก็ไม่ได้เขียนด้วยอารามณ์แต่อย่างใด จนมาเจอพวกอีแอบ(บางคน) และพวกที่เข้ามาแล้วไม่ไล่อ่านมาแต่ต้น พอเห็นเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ต่อว่าอีกฝ่ายหยึ่งทันที ว่าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้กฎหมาย เรียนมาเอาตัวไม่รอด เก่งแต่ในกระทู้..อะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ผมยังไม่ได้บรรลุเป็นอรหันต์ จึงไม่อาจทนเสียงจิกด่าพวกนั้นได้ ผมก็ใช้สิทธิของผมด่ากลับไปบ้าง ซึ่งมันก็พอสมควรแก่เหตุอยู่มิใช่หรือ แต่หลายคนกลับมองว่าผมก้าวร้าวบ้าง หยาบคายบ้าง .. ผมถามหน่อย ผมไปทำอะไรให้พวกคุณเดือดร้อนในเรื่องตรงนี้ หลายคนพอจะด่าผม กลับไม่ login เพราะกลัวรู้ว่าเป็นใคร แต่พอจะสนับสนุนความคิดใครบางคน กลับ login ให้เห็นว่าฉันเป็นพวกแกนะ.. ธรรมดาครับ ผมไม่ใช่จำเลยในคดีนี้ จขกท มันจะซวยฟรี หรือ ซวยจริงๆก็เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับผม ถ้ามุมมันเหมือนกันทุกอย่าง คงไม่มีใครไปเดินขบวนที่สนามหลวงหรอกครับ .. ถ้าจะชกกันก็เปิดเผยตัวออกมาครับ ไม่ใช่หลบในที่ลับตา ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับพวก........( .... ) รอบกัด ..ครบ 100 เมื่อไหร่ จะตบมือ 100 ที .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 16 ส.ค. 50 14:47:47 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ตอบ คุณ I_วชิรวิทย์ ใจเย็นๆก่อนดีกว่าครับ... จะสอบผู้ช่วยฯอีกไม่นานแล้ว   ถือซะว่าการแลกเปลี่ยนความเห็นในกระทู้นี้เป็นการลับสมองให้คมกริบดีกว่า... ตามความเห็นของผมคือ การ "พราก" เกิดขึ้น ณ จุดที่ถือว่าอำนาจปกครองของบิดามารดาเด็กหญิงถูกละเมิด ตามที่ผมกล่าวในข้อ 3 ของความเห็นที่ 90 ครับ แต่...ไม่ใช่พรากตัวผู้เยาว์ไปจากบิดามารดานะครับ หากแต่เป็นการ "พราก" สิทธิอันชอบธรรมที่จะไม่ถูกละเมิดจากผู้ใด ในอันที่บิดามารดาจะใช้อำนาจปกครองเหนือตัวของผู้เยาว์ เพราะหากเราตั้งต้นแนวคิดอยู่บนพื้นฐานของเจตนารมณ์ทางกฎหมายที่ว่า ความผิดฐานพรากผู้เยาว์  เป็นความผิดที่กระทำต่อ "อำนาจปกครองผู้เยาว์" มิใช่ความผิดที่เกิดจากการกระทำต่อตัวของผู้เยาว์โดยตรง ความผิดฐานนี้จึงมีขึ้นมาเพื่อมุ่งคุ้มครอง "การใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ของบิดามารดา" โดยตรง และเพื่อคุ้มครองตัวของผู้เยาว์เองในทางอ้อม ต่อมาจึงค่อยมาดูว่าจุดที่อำนาจปกครองผู้เยาว์ถูกละเมิดนั้น เกิดขึ้นที่จุดใด ----------------------------------------------------------------------------- สรุปคือ 1. ถ้าเราตั้งต้นดูที่การกระทำทางกายภาพที่เกิดขึ้นคือ ตอนแรกเด็กหญิงมาเล่นที่บ้านเพื่อนชาย  ก็ไม่เป็นพราก   แล้วการกระทำอนาจาร หรือกระทำชำเราที่เกิดขึ้นต่อมา  จะเป็นพรากไปได้อย่างไร   เพราะเริ่มต้นนั้นก็ไม่ได้พรากนี่นา  เด็กหญิงก็ยินยอมเองด้วย แบบนี้เราก็จะงงได้ง่ายอย่างที่คุณบอกมาจริงๆ ครับ 2. แต่ถ้าเราตั้งต้นอยู่บนพื้นฐานของเจตนารมณ์ทางกฎหมายที่ว่า ความผิดฐานพรากผู้เยาว์  เป็นความผิดที่กระทำต่อ "อำนาจปกครองผู้เยาว์" แบบนี้จะเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า  มีจุดแบ่งแยกระหว่างการกระที่เป็นเรื่องถูกกฎหมายในตอนต้น   กับการกระทำที่ถือว่าเป็นการ "พรากอำนาจปกครองผู้เยาว์" ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา คือจุดที่เด็กหญิงถูกเพื่อนชายกระทำอนาจาร หรือกระทำชำเรา นั่นเอง คือ ผมมีข้อสังเกตตรงให้ลองดูตรงนี้ครับ มาตรา 317 "ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร  พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล " คำว่า "ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร..."   กรณีตัวอย่างที่ยกมาข้างบนว่า  เด็กหญิงไปเล่นที่บ้านเพื่อนชาย  อันนี้ยังถือได้ว่าอยู่ในเหตุอันสมควรได้ แต่เมื่อเกิดการกระทำอนาจารหรือกระทำชำเราขึ้น    เหตุอันสมควรจึงหมดไป  ตั้งแต่ขณะนั้น และความผิดฐานพรากผู้เยาว์จึงเริ่มต้นขึ้นจากจุดนั้นเอง ----------------------------------------------------------------------------- ส่วนประเด็นต่อมา คือเรื่อง พรากไปเพื่ออนาจารนั้น  เป็นเรื่องของเจตนาพิเศษ  นอกเหนือจากเจตนาธรรมดาครับ มาตรา 317 วรรคสาม "ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก.....ฯลฯ" ถ้าความผิดเข้าองค์ประกอบหมดแล้ว  ตามวรรคหนึ่ง   แต่ถ้ามีเจตนาพิเศษ "เพื่อ" หากำไร หรือ "เพื่อ" การอนาจาร ด้วยแล้ว ระวางโทษที่กำหนดไว้  จะหนักขึ้นกว่าโทษในวรรคหนึ่งครับ และในมาตรา ต่อๆไป ก็จะเป็นเรื่องของความยินยอมของตัวเด็กเอง  ว่ายินยอมหรือไม่  กับเรื่องอายุของเด็กที่ถูกพราก ซึ่งจะมีผลทำให้โทษที่จะได้รับนั้นหนักขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม  ความผิดตามมาตรา 318 และ 319 นั้น   ก็จะต้องมีฐานมาจากองค์ประกอบความผิดในมาตรา 317 วรรคหนึ่งเสียก่อนนั่นเอง --------------------------------------------------------------------------- กรณีของน้องผู้ชายเจ้าของกระทู้นี้  จึงเข้าลักษณะตามมาตรา 319 มาตรา 319   "ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี  แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดา  ผู้ปกครอง  หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร  โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย..." เพราะฝ่ายหญิงอายุ 16 ปี และเต็มใจไปหาฝ่ายชาย  แล้วก็มีXXXกัน จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 16 ส.ค. 50 14:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ดิฉันชื่อกัญญาค่ะ เป็นนิติกร ระดับ 5 อยู่สำนักงานอัยการคดีเยาวชนจังหวัดแห่งหนึ่ง ปัจจุบันกำลังรอสอบผู้ช่วยอยู่ค่ะ ปกติก็ไม่ค่อยเข้ามาห้องนี้เท่าไหรเพราะชีวิตจริงก็อยู่กับกฎหมายมากพอแล้ว แต่กระทู้นี้มีการตีความหลักกฎหมายที่ผิดๆ และเป็นฐานความผิดที่เกิดขึ้นบ่อยมากทำให้คดีเกี่ยวกับเพศในปัจจุบันมีปริมาณสูงมาก ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจมาจากความเข้าใจที่ผิดๆของชาวบ้าน เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความขาดความยังคิด ทั้งนี้ทนายความมีหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมให้แก่สังคม การให้ความรู้ความเข้าใจจึงควรถูกต้องแม่นยำตามตัวบท ที่ผ่านมาก็มีทนายอาศัยความเห็นนี้มาสู้คดีบ้าง ก็แพ้บ้างชนะบ้าง แต่ที่ชนะไม่ใช่เพราะว่าผู้เสียหายมาหาเอง แต่เพราะว่าการกระทำนั้นไม่ถือเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา ซึ่งส่วนใหญ่ข้อเท็จจริงในคดีจะออกมาทำนองคล้ายกันว่า บิดามารดารู้ว่าผู้เสียหายคบหาจำเลยในลักษณะชู้สาวอยู่แล้วแต่ก็มิได้ห้ามปราม ทั้งยังปล่อยให้ผู้เสียหายไปกับจำเลยหรืออยู่กับจำเลยโดยลำพังบ่อยๆ พฤติกรรมที่ผู้เสียหายมาหาหรือมาอยู่กับจำเลยที่บ้านจำเลยก็มาเป็นประจำซึ่งบิดามารดาก็ทราบ ดังนั้นจึงถือว่าบิดามารดามิได้ห่วงกั้นสิทธิดังกล่าวต่อผู้เสียหาย การที่ผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำชำเราจึงยังไม่ถือว่าเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดา แต่ที่เป็นคดีเนื่องมาจากมีเรื่องเงินๆทองๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ในเรื่องนี้ถ้าคุณยังติดใจก็สามารถโทรมาสอบถามที่สำนักงานอัยการได้ทุกแห่ง เพราะเค้าจะมี สนง.คุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน หรือ สคช. และจะมีนิติกรอย่างดิฉันคอยให้ความรู้ค่ะ จากคุณ : september - [ 16 ส.ค. 50 14:50:30 A:125.26.115.229 X: TicketID:149649 ]

ความคิดเห็นที่ 103 แก้ไขเพิ่มเติม - คุณ september นี่ "ซี" สูงกว่าผมอีกอ่ะ...555 อ้อ...ลืมไป...ใครเล่น MSN บ่อยๆ บ้างครับ ผมอยากจะ add mail เอาไว้น่ะครับ  เผื่อมีข้อกฎหมายบางอย่างที่จะคุยกันได้ กระทู้นี้ถือว่ายอดเยี่ยมในแง่มุมของการแลกเปลี่ยนความรู้ดีจริงๆครับ กระทบกระทั่งกันนิดๆหน่อยๆ พอเป็นสีสัน ห้องรัชดา ที่ผมสิงสถิตย์อยู่เป็นประจำ   บทจะเถียงกันละก็  โหดกว่านี้เยอะ..555 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 50 14:59:54 จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 16 ส.ค. 50 14:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ok ชัดเจนครับ คุณเด็กข้างห้าง และ คุณ september เรื่องของเรื่องที่ผมวินิจฉัยผิดไปก็คือ จุดเกาะเกี่ยวในการกระทำที่ถือว่าล่วงละเมิดอำนาจปกครองนั่นเอง .. ตกลงว่า มันเกิน 100 มาแล้วนะ ได้เวลาตบมือ 100 ที.. ตบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 16 ส.ค. 50 15:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ^ ^ อ้าว...ตกลง คุณ  I_วชิรวิทย์ ไม่ได้เล่น MSN หรอกเหรอครับ...? จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 16 ส.ค. 50 15:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ผมให้อีเมล์ คุณ : เด็กข้างห้างฯ ไปทางหลังไมค์แย้ววว จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 16 ส.ค. 50 15:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ก็หวังว่าคงจะได้เวลาที่คุณI_วชิรวิทย์ จะได้ขอโทษต่อถ้อยคำส่อเสียดที่คุณได้กล่าวต่อบุคคลท่านอื่นในกระทู้เสียทีนะค่ะ รวมถึงสถาบันตุลาการที่คุณได้จาบจ้วงด้วย ความเป็นนักกฎหมายที่ดีคือต้องรับฟังความเห็นผู้อื่น จะถูกจะผิดลองตรึกตรองให้รอบคอบเสียก่อนแสดงความเห็น และไม่ควรเสียดสีผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ที่เค้าต้องการแนะนำเรา เพราะมันเป็นลักษณะของคนพาลมิใช่บัณฑิต การแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะนั้นนักกฎหมายต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะการที่คุณI_วชิรวิทย์ confirm คุณวุฒิในคห.18 และอ้างผู้พิพากษาศาลฎีกาในคห.56 นั้นเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง นอกจากจะไม่ทำให้คุณดูฉลาดขึ้น แต่กลับทำให้สถาบันที่คุณกล่าวถึงต้องมัวหมอง เพราะดิฉันก็จบราม และได้เนติแล้ว และเชื่อว่าคนที่ผู้พิพากษาไม่น่าตีความตัวบทคลาดเคลื่อนถึงเพียงนี้แน่ ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่าคุณจะได้เนติหรือยังเพราะพื้นฐานการตีความยังอ่อนมาก ความจริงแค่เห็นฎีกาก็น่าจะกระจ่างแล้ว ที่มาโพสก็เพราะสองความเห็นนี้ของคุณด้วย และอยากบอกว่าที่มาโพสนี้ไม่ได้ต้องการมาสนับสนุนใคร แต่มาสนันสนุนความถูกต้อง และไม่อยากให้ประชาชนจดจำอะไรที่ผิดๆ เพราะมันจะกระทบต่อภาพรวมของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ชาวบ้านผู้ไม่รู้เวลาจำเอาอะไรที่ผิดก็จะจำผิดๆมาใช้ หากคุณI_วชิรวิทย์ ทำงานด้านกฎหมายจริงจะเข้าใจถึงปัญหานี้ เพราะบางครั้งศาลก็พูดไม่ได้ อัยการพูดก็ไม่ฟัง จะฟังแต่ทนายตนเองอย่างเดียว ถ้าเรื่องไหนเจอทนายรู้จริงก็โชคดีไป แต่ถ้าเรื่องไหนเจอทนายไม่รู้จริงก็ก้มหน้าก้มตาใช้กรรมในคุกนานกว่าเดิม โชคร้ายไป จากคุณ : september - [ 16 ส.ค. 50 16:12:44 A:125.26.115.229 X: TicketID:149649 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ขอโทษครับ...ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมเถอะ... ผมมันร้อนวิชา ... จะพูดอย่างไรดีล่ะ... คือหลายท่านคงเป็นเหมือนผม ตอนจบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ตาม จะมีความเชื่อมั่นในเรื่องที่ตนเองได้เรียนมา ดังนั้นเมื่อมาเจอข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนไปจากที่ได้เรียนมา ต้องมาปรับใหม่ เช่น ไม่เคยเห็นสีแดงเลยเพราะเคยเห็นแต่สีส้ม พอมาเจอสีแดงจริงๆ ก็บอกว่าเป็นสีส้ม... ยกโทษให้ผมเถอนะ...วัยรุ่นร้อนวิชา... ..แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 50 16:50:51 จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 16 ส.ค. 50 16:35:43 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ปกติผมไม่ได้เข้าห้องนี้นะ ตามมาจากห้องอื่น แค่อยากจะบอกว่า น้องเอ๋ย นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและครอบครัว ยังทำคนทะเลาะกันอีกนะ รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำดีกว่า ทำอะไรไว้ก็รู้อยู่ ทำกรรมไว้ กรรมก็ตามแล้วน้องเอ๋ย จะกลัวปัญหาฐานะทางบ้าน ผมว่ามันไม่ใช่เรื่อง มันอยู่ที่ตัวคุณเอง ขยัน รู้จักใช้ แล้วก็ช่วยกันกับแฟน คนรวยๆ บางคนเขาก็เริ่มจากแบบนี้ทั้งนั้นแหละ แต่เขามีความรับผิดชอบในหน้าที่ของแต่ละคน ช่วยๆ กันสร้าง ก็เป็นรูปเป็นร่างเอง แต่เอาเถอะดูเหมือนทุกอย่างจะจบไปด้วยดี จากคุณ : eaknun (eaknun) - [ 16 ส.ค. 50 16:37:50 ]

ความคิดเห็นที่ 110 คุณ September ครับ เอาเถอะครับ อย่าถึงกับต้องคาดคั้นกันเลยครับ ของพวกนี้ มันเป็นความเห็นครับ   แต่ละคนมีสิทธิคิดไม่เหมือนกัน คงไม่ถึงกับบอกว่า พื้นฐานการตีความอ่อนหรอกครับ   อยู่ที่ว่า เรื่องพวกนี้จะรู้ หรือ ไม่รู้ เท่านั้นเอง  ประเด็นพรากผู้เยาว์นี้  ผมก็เคยถกกันกับเพื่อนๆมาก่อน ซึ่งตอนเรียนก็มีหลายคนคิดว่าไม่ผิด หากเต็มใจ  แต่พอดูเจตนารมย์กฎหมาย ก็กระจ่างขึ้น     ดังนั้น ผมคิดว่า  แต่ละคนเขาก็คิดกันไปคนละทางได้ครับ   อย่าไปถือเป็นเรื่องจริงเรื่องจังอะไร   สำหรับ คนที่เข้ามาหาความรู้   ก็อ่านและนำไปคิดตามครับ  อย่าไปด่วนสรุปอะไรที่มันตรงกับความคิดตัวเองตั้งแต่ต้น  แล้วลืมคิดวิเคราะห์ตาม  ส่วนใหญ่จะเห็นว่า  ตัวเองคิดไว้แบบนี้ พอมีคนมาอธิบายเข้าทาง ก็เลยเห็นตามกันไป เรื่องที่คุณวชิรวิทย์ เขารู้จริง รู้ลึก ก็มีอยู่อย่างกว้างขวาง มากมายครับ  มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ในหลายๆกระทู้  ผมเองก็เคยถามคุณวชิรวิทย์อยู่บ่อยๆ   ไม่มีใครถูกต้องทุกกรณี และไม่มีใครผิดทุกกรณีหรอกครับ คุณ September ครับ  ไหนๆก็เข้ามาช่วยให้ความรู้แล้ว  กรุณาช่วยเหลือ ตอบเพื่อนๆในกระทู้อื่นๆ ด้วยนะครับ  ผมว่า คนอื่นๆ น่าจะได้ประโยชน์จากความคิดในทางกฎหมายของคุณ September มากมายเลยทีเดียว       อ้อ  รวมทั้ง คุณเด็กข้างห้างฯ ด้วยนะครับ  ออกมาจากห้องรัชดาบ้างครับ  มาช่วยกันตอบในห้องนี้ ขอบคุณทุกๆท่านครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 50 16:44:20 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 16 ส.ค. 50 16:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ขอเล่าเรื่อง (ไม่)ตลก ให้ฟังเรื่องหนึ่ง ผมเอามาจากคำบรรยายของสภาทนายความ หัวข้อเรื่องการต่อสู้ในคดีอาญา (คำให้การ) เรื่องนี้เกิดมานานแล้วครับ ในคดีเณรแอ ย่างเด็ก ก็คือใครๆก็รู้ว่า เณรแอ มีวิชาอาคม เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ออกไปทางมีของดีในเรื่องหญิงชาย วันหนึ่งมีหญิงแท้งลูก (ลูกตายในท้อง) จะเอาเด็กในท้องไปฝัง คนที่รับไปฝังศพเด็ก ไปบอกเณรแอว่ามีศพทารก พอเณรแอรู้ก็เอามาทำพิธีย่างเอาน้ำมันพรายมาใช้ในการประกอบพิธี และเพื่อยืนยันว่าทำจริง ก็ได้ถ่าย VDO เอาไว้ด้วยเพื่อยืนยันแหล่งที่มา วันหนึ่งก็โดนตำรวจจับ ข้อหาทำลายเคลื่อนย้ายศพ ตาม ม.199  เณรแอก็ปรึกษาทนายว่ามีทางรอดมั้ย ทนายบอกว่า ผิดเต็มๆรับสารภาพไปเถอะ ศาลท่านจะลดโทษให้อาจได้รอลงอาญา ตาม ม.56 เณรแอก็รับสารภาพ และอ้างว่าทำไปเพราะไม่รู้ว่าขัดต่อศีลธรรม และทำไปโดยเขลาเบาปัญญา ศาลจึงตัดสินจำคุก (จำ จำนวนปีไม่ได้)  จำเลยรับสารภาพลดให้กึ่งหนึ่ง โดยไม่รอลงอาญา เณรแอ งง ครับ ว่าอ้าวทำไมไม่เข้าเงื่อนไขอย่างที่ทนายบอกว่า ศาลอาจรอลงอาญาได้ตาม ม.56 เพราะว่าคดีนี้ตัดสินไม่ถึง 3 ปี น่าจะได้รับการปราณีจากศาล เณรแออุทธรณ์ และ ฎีกา สุดท้าย (ถ้าจำไม่ผิด ) ติดคุก 6 เดือน .. ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ จำคุกกี่ปี แต่ปัญหามันอยู่ที่ ทนายให้เณรแอรับสารภาพ ทั้งที่เรื่องนี้ ต้องดูว่า คำว่าศพ คืออะไร ศพ คือ คนที่ตายแล้ว คน ก็คือ มีสภาพบุคคล ตาม  ปพพ ม.15 ที่บอกว่า สภาพบุคคลเกิดแต่เมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก สิ้นสุดลงเมื่อตาย.. พอมาดูว่า หญิงแท้งลูกในครรภ์ สภาพบุคคลยังไม่เกิดเลยครับ ดังนั้นจะเรียกว่าศพได้อย่างไร เพราะยังไม่มีสภาพบุคคลตามกฎหมายเลย ดังนั้นคดีนี้เณรแอ มีความผิดฐานทำลายเคลื่อนย้ายศพ...จริงหรือไม่..(ไม่รู้ ผมไม่ยืนยัน) ผู้บรรยายของสภาทนายความในหัวข้อนี้ ยกตัวอย่างนี้มาให้ดู เพื่อบอกว่า ถ้าทนายรู้กฎหมายอย่างแท้จริง จำเลยก็ไม่ติดคุกฟรี เพราะว่าถ้าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเลย แต่ดันไปรับสารภาพตามที่ทนายวินิจฉัยไปแล้ว ศาลก็ตัดสินลงโทษได้ .. อ่านสนุกๆครับ .. แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 50 17:17:22 จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 16 ส.ค. 50 17:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เย้ และแล้วก็จบลงด้วยดี ดีกันไว้เถอะครับ เถียงกันในขอบเขตและเหตุผล อย่าเอาไปเป็นอารมณ์ต่อไปแล้วกันนะครับ ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่า จขกท. จะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ รู้แค่ว่ากระทู้นี้ทำให้ผมได้อะไรๆไปเยอะมาก ทั้งจากคุณเจ้าของกระทู้ คุณ I_วชิรวิทย คุณ อินทร์นิล คุณseptember และคนอื่นๆที่ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : KuSosay - [ 16 ส.ค. 50 17:41:39 ]

ความคิดเห็นที่ 113 สรุป คุณอินทร์นิล โดนถอนหงอกฟรี จบข่าวปิดกระทู้ จากคุณ : พุดเดิ้ลเล่ - [ 16 ส.ค. 50 17:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 114 อยากให้เรื่องจบด้วยดี แต่เรื่องศพนี่... เอาเป็น คดีใด หากศาล(ชั้นไหนก็ตาม) เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. ม. 185 ดังนั้น ศาลสูงหากวินิจฉัยแล้วว่าเด็กตายในท้องไม่เป็นศพ ย่อมยกฟ้องได้ตาม ป.วิ.อ. ม. 185 ไม่ดูว่าจำเลยให้การรับสารภาพหรือไม่ ดังนั้นถ้าศาลวินิจฉัยว่าจำเลยผิดแล้ว แสดงว่าท่านเห็นแล้วว่าเด็กตายในท้องเป็นศพ (ข้อเท็จจริงไม่ชัวร์นะครับ อาจเป็นศพที่ไม่ตายในท้องก็ได้ เพราะไม่เคยตามเรื่องนี้) ดังนั้นแม้จำเลยจะให้การต่อสู้ประเด็นนี้ไว้ ผลคดีก็ออกมาเช่นเดิม ประเด็นเรื่องรับสารภาพแล้วมีผลทางคดีสำหรับเรื่องนี้น่าจะมีเฉพาะประเด็นที่ว่า จำเลยมีเจตนาจะปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายหรือไม่ เมื่อโจทก์ฟ้องแล้วรับสารภาพ ข้อเท็จจริงย่อมต้องยุติตามคำรับสารภาพว่า มีเจตนาจะปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ภายหลังจะอุทธรณ์ฎีกาโต้แย้งว่าไม่มีเจตนาไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วตามคำรับสารภาพ หวังว่าไม่ก่อเหตุขัดเคืองอะไรนะครับ แค่ไม่อยากให้เข้าใจผิดในเรื่องวิธีพิจารณาความอาญาครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 50 17:47:00 จากคุณ : สมมติ - [ 16 ส.ค. 50 17:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ศพไม่ว่าจะตายในครรภ์มารดา  หรือตายหลังจากออกจากครรภ์มารดา  มันก็คือศพครับ...ศพก็คือศพไม่เห้นต้องตีความเป็นอื่น...อีกทั้งกรณีความเป็นศพก็หาได้เกี่ยวกับสภาพบุคคลแต่อย่างใด....การกำหนดสภาพบุคคลก็เพื่อให้เกิดสิทธิ หน้าที่  ต่างๆตามกฎหมายเช่น สิทธิในการรับมรดก  สิทธิในการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู  สิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆรวมถึงการปกป้องที่รัฐมอบให้พลเมือง(ตัวน้อยๆ)....แต่ไม่เกี่ยวกับการไม่มีสภาพบุคคลตามกฎหมายแล้วจะไม่เป็นศพตามความเป็นจริง... มันก็เป็นแค่การเล่นสำนวนแต่บังเอิญศาลไม่เล่นด้วย คุณพุดเดิ้ลเล่ ครับ....ผมยังหัวไม่หงอกนะครับ...แต่ถ้าแซวบ่อยๆผมอาจจะ(หงอก)โกรธจริงๆนะครับ....ว่าอะไรก็ว่าได้แต่ถ้าว่าหัวหงอกนี้เป็นเคืองนะครับ....555 จากคุณ : อินทร์นิล - [ 16 ส.ค. 50 18:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ผมถามคนที่เห็นด้วยกับคุณI_วชิรวิทย์ ที่ว่าผู้หญิงมาหาเองเนี่ย ผมไม่รู้กฏหมายมากมายน่ะครับ ลองคิดถึงสภาพความเป็นจริง ทั้งสองฝ่ายอายุเท่านี้ยังต้องเรียนระดับมัธยมอยู่ แล้วถ้าสมมติเหตุเกิดในวันธรรมดา นั่นหมายความว่าฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต้องนัดแนะกันโดดเรียน ในกรณีที่ไม่มีผู้ปกครองของฝ่ายชายอยู่บ้านเลยสักคน นั่นทําให้ผมคาดไปเลยได้ว่าทั้งสองฝ่ายต้องนัดแนะกัน เพราะไม่ว่าจะมีผู้ปกครองอยู่รึเปล่า คงไม่มีใครเดินดุ่มๆมาโดยไม่นัด ไม่โทรนัดกัน เหตุการณ์ไม่ว่าจะเกิดขึ้นวันหยุดหรือตอนเย็นหรือจะตอนไหนๆก็ต้องผ่านการนัดกัน เพราฝ่ายหญิงจะรู้ได้ไงว่าฝ่ายชายอยู่บ้านแล้วใครจะเปิดประตูให้ สมมติวันนั้นไม่มีคนอยู่บ้านมีแต่ฝ่ายชาย ผมว่าถึงผู้หญิงจะ....แค่ไหน ก็คงไม่รุ้หรอกว่าบ้านไม่มีใครอยู่ แล้วก็คงไม่ถามว่าพี่ๆวันนี้ไม่มีใครอยู่หนูขอไปน่ะ แล้วอีกอย่างถ้าผู้หญิงมาหาเองโดยที่ฝ่ายชายไม่ได้นัดหรือไม่คิดอะไร โอกาสที่จะมีเพศสัมพันธ์กันมันน้อย ****อะไรที่ทําให้ผมเชื่อแบบนี้เพราะอ่านดูก็รู้ว่าเด็กคนนี้ขี้ขลาด ขนาดทําผู้หญิงไว้แบบยังปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างว่าบ้านไม่รวย ที่ตอนทําเขาไม่เห็นกลัวความผิดแบบตอนนี้เลย แล้วการที่บอกว่าฝ่ายหญิงมาหาเองถึงบ้านเนี่ย ถ้าบอกว่าฝ่ายชายไม่รู้เรื่องเลย ถ้าไม่เห็นกับตาไม่เชื่อครับ กลัวแต่จะเป็น วันนี้บ้านพี่ไม่มีใครอยู่มาหาหน่อยสิ ไปบ้านคนอื่นน่ะครับ อย่างน้อยฝ่ายชายต้องรู้ล่วงหน้าแหละเพียงแต่ใครจะเป็นฝ่ายชวน   ผมแค่อยากบอกว่าอย่าเชื่อ จขกทมาก อ่านแล้วฟังหูไว้หู จากคุณ : กระบี่เก้าสําเนียง - [ 16 ส.ค. 50 18:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 117 สรุปว่าฝ่ายชายผิดในข้อหา พรากผู้เยาว์นะครับ โอเค เข้าใจครับ แล้วประเด็นที่ว่า เด็กผู้ชายก็ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ล่ะครับ ในกรณีนี้ ถ้าฝ่ายชายแจ้งกลับว่า โดนฝ่ายหญิง (ซึ่งก็เป็นผู้เยาว์) ข่มขืนล่ะครับผมลองอ่าน ๆ ดูแล้ว ยังไม่เจอข้อสรุปเลยครับ หรือผมมองไม่เห็นเองหว่า จากคุณ : [Zero] - [ 16 ส.ค. 50 18:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ยังไม่มีใครตอบคำถาม ค.ห.89ของผมเลยง่ะ จากคุณ : สุขุม..ลุ่มลึก - [ 16 ส.ค. 50 18:28:07 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ^ ^ ^ ^ ถ้าโพสภาพบ่อยๆคำตอบจะมาเองครับ... จากคุณ : อินทร์นิล - [ 16 ส.ค. 50 18:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ในประเด้นของคุณสุขุม..ลุ่มลึก นั้น  บุคคลผู้ล่วงละเมิดทางเพศหญิงนั้นไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์ครับ  เพราะบิดามารดายินยอมอนุญาตให้หญิงนั้นไปร่วมประเวณีกับชาย.....แต่บิดามารดาหญิงนั้นจะผิดฐานเป็นธุระจัดหาเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่นครับ... จากคุณ : อินทร์นิล - [ 16 ส.ค. 50 18:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เรื่องพรากผู้เยาว์ ถ้าศึกษาแนวฎีกา ช่วงก่อนหน้านี้ศาลฎีกาตีความไว้ค่อนข้างแคบ ดูฎีกา 351/2526 ขนาดฉุดไปข่มขืนศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาพรากแต่มีเจตนาข่มขืน เป็นต้น แต่มาระยะหลังนี่ ศาลฎีกาตีความไว้กว้างมาก ถ้าข่มขืนเด็กจะโดนพรากด้วย ซึ่งตรงนี้อาจทำให้ความเห็นของนักกฎหมายต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับว่าศึกษากฎหมายหรือฎีกากันช่วงไหน หลักก็มีอย่างที่ข้างบนว่า ล่วงละเมิดอำนาจการปกครองพ่อแม่หรือผู้ปกครอง โดยไม่คำนึงว่าจะทำอย่างไรหรืออยู่ใกล้ไกลแค่ไหน ประเด็นอยู่ที่ว่า จะตีความล่วงละเมิดอำนาจการปกครองแค่ไหนและอย่างไร หลักของผมมีอยู่ว่า ถ้าพ่อแม่เด็กเขามายืนดูระหว่างเราปฏิบัติการโฉดอันใดแล้วพ่อแม่เขาจะทนไม่ได้ ไม่ยอมให้เราทำแหง๋ม อันนั้นผมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดการปกครองแล้ว เป็นพรากทั้งนั้น อย่าง จขกท เด็กไปที่บ้านเรา อันนี้เราไม่ได้ชักชวนก็คือไม่ได้กระทำการใด ก็ไม่ผิดอยู่แล้ว แต่เมื่อเด็กไปแล้วเราก็เริ่มปฏิบัติการโฉด อันนี้เราลงมือกระทำการใดแล้ว ซึ่งถ้าพ่อแม่เด็กมาเห็นรับรองไม่ยอมแน่ๆ อันนี้ผมว่าผิดพรากครับ ถึงตรงนี้โจทก์น่าจะต้องมีภาระการพิสูจน์อยู่ว่าพ่อแม่เด็กมีพฤติการณ์ที่คงจะใช้อำนาจการปกครองเช่นนั้นอยู่ด้วยหรือไม่ หากไม่เคยจะใช้อำนาจการปกครองอย่างนั้นๆ อยู่เลย ก็จะถือว่ามีการล่วงละเมิดการปกครองไม่ได้ เช่น พ่อแม่ไม่เคยดูแลลูก ปล่อยปะละเลย หรือรู้แล้วว่าลูกขายตัวก็ปล่อยไม่ว่าอะไร หรือไล่ลูกออกจากบ้านลูกหายไปนานนับปีแล้วไม่เคยคิดตามหา ดังนี้หากมีใครมาปั่มปั้มลูกตัว ผมว่าพ่อแม่จะมาอ้างว่าถูกล่วงละเมิดอำนาจการปกครองคงไม่ได้ เพราะเท่ากับว่าตนเองไม่ประสงค์ใช้อำนาจการปกครองนั้นแล้ว (ตรงนี้น่าจะตอบคว. 89 ได้นะครับ) ขอแสดงความเห็นตอนนี้คงไม่ว่ากัน ช่วงก่อนนี้เห็นดุเดือดกันเหลือเกิน ไม่อยากเจ็บตัวครับ ผมก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้วอย่าว่าแต่ผมขาวเลย ขืนโดนถอนมีหวังหัวล้านกันพอดี ที่แสดงความเห็นก็ด้วยเจตนาดีครับ อยากให้ผู้ไม่รู้กฎหมายเข้าใจกฎหมาย และจะได้เตือนพวกนิยมเป็นหมอฟันดะฟันไม่เลือก ขึ้นศาลมาเสียเปรียบทุกประตูนะครับ จำคุกมาหลายรายแล้วพวกนี้ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 50 18:41:08 จากคุณ : สมมติ - [ 16 ส.ค. 50 18:38:52 ]

ความคิดเห็นที่ 122 อืม  ยาวดี งง ด้วย   แต่ก็มีสาระเยอะ ว่าแต่ จขกท.เนี่ย  หมั้นไว้ก่อนไม่ได้เรอะ  อายุแค่นี้ยังไม่ต้องแต่งหรอกเรียนจบแล้วค่อยแต่ง จากคุณ : ZXR - [ 16 ส.ค. 50 18:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ถูกต้องครับคุณสมมุติ ความผิดฐานนี้เคยมีฎีกาที่ตีความคลาดเคลื่อนในบางคดี...แต่หลังจากนั้นก็มีฎีกามาขยายความเพิ่มเติมเพื่อให้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย...ซึ่งจะพบว่าฏีกากลุ่มนั้นซึ่งมีไม่กี่เรื่องก็ไม่ได้บรรจุในตำราทางกฎหมายใหม่ๆที่ตีพิมพ์แล้ว...เพราะจะทำให้นักศึกษาสับสน...ดังนั้นในการเรียนกฎหมายจึงต้องติดตามตลอด...เหมือนคนมีกรรมเลยครับ...เรียนไม่จบสักที... จากคุณ : อินทร์นิล - [ 16 ส.ค. 50 18:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 124 มาแอบอ่าน ความรู้มากมาย ขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : BOPI - [ 16 ส.ค. 50 18:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 125 อืมมม กฏหมายนี่มันไม่ตายตัวนะครับ มีวิวัฒนาการ อย่างนี้คนที่ไม่ผิดกฏหมายในยุคนึง อาจจะผิดกฏหมายในอีกช่วงเวลานึงได้ แม้จะเป็นกฏหมายเดียวกันก็ตาม ใช่มั๊ยครับ ขอคำตอบเรื่อง เด็กหญิง ข่มขีนเด็กชายด้วยก๊าบบบ ^_^ สงสัยแล้วมันคันคร๊าบ จากคุณ : [Zero] - [ 16 ส.ค. 50 18:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เออ...คุณอินทืนิลครับแล้วถ้าพ่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นตีโพยตีพายว่า ไม่ได้จัดหาหรือสมรู้ร่วมคิดกับลูกสาวของตนล่ะครับ คือบอกว่าผู้ชายคนนั้นกระทำชำเลาลูกสาวเค้าท่าเดียว ผมว่านี่ล่ะช่องโหว่ทางกฏหมาย จากคุณ : สุขุม..ลุ่มลึก - [ 16 ส.ค. 50 19:18:08 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ถึงคุณ I_วชิรวิทย์ นะค่ะ เห็นมั้ยค่ะเพียงแค่คุณลดทิฐิของคุณลงมา ความรู้ก็จะพร่ำพรูเข้ามาในกระทู้ ผู้รู้ท่านอื่นก็อยากเข้ามาตอบมาแสดงความเห็น มันก็ทำให้คุณเองและคนอื่นได้ต่อยอดทางปัญญาได้แลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน แต่ถ้าคุณตอบแบบฟันธงขาดสองท่อน แถมยังแสดงถ้อยคำเสียดสีผู้ที่มีความเห็นต่างจากคุณ คงไม่มีใครเอาหัวมาให้เด็กอย่างคุณให้ถอนหงอกเล่นหรอกค่ะ ยังดีที่มีคุณอินทร์นิลยืนหยัดคงความเห็นที่ถูกต้องไว้เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่สาธารณะชน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมใน spirit ของคุณอินทร์นิล ขอชื่นชมจากใจจริงค่ะ หวังว่าคุณ I_วชิรวิทย์ คงจะได้อะไรดีๆในกระทู้นี้มากกว่าแค่หลักกฎหมายนะค่ะ ถ้าคุณเองลดทิฐิลงมาแล้วอ่านคห.ของคุณอินทร์นิลดีๆแล้วจะพบว่าเค้าหวังดีกับคุณมากนะค่ะอย่าน้อยก็ยังคอยเตือนสติคุณเมื่อคุณเห็นผิด แม้คุณจะเหน็บแนมเสียดสีเค้า เค้าก็พยายามชี้แจงให้คุณเข้าใจ ไม่ทราบว่าคุณเองนี้มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนหรือเปล่าค่ะ แต่อย่างไรก็ลองเอากลับไปคิดดู ความจริงอยากส่งหลังไมค์ไปให้แต่ไม่มีล็อกอินคงไม่ว่ากันนะ จากคุณ : september - [ 16 ส.ค. 50 19:20:08 A:125.26.115.229 X: TicketID:149649 ]

ความคิดเห็นที่ 128 อืม...ร้อนแรงมากกกก.... อ่านแล้วอุณหภูมิร่างกายพุ่งเลยทันที โอ๊ววว.................ดุเด็ดเผ็ดมัน... จากคุณ : ไอบาร์ - [ 16 ส.ค. 50 20:43:41 ]

ความคิดเห็นที่ 129 อ่า ขอเอาที่ต้องการเลยดีกว่านะครับ ทำอย่างไรบ้าง จึงจะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอายุ16 - 18 ปีได้ โดยมิเข้าซังเต ภายหลัง ทั้งตัวผู้ชาย หรือพ่อแม่ฝ่ายหญิง นอกจาการขอแต่งงานช่วงอายุ 17 ปี จากคุณ : IRQ5 (บัตรผ่านแต่ชื่อเดิมนะ) - [ 17 ส.ค. 50 00:37:49 A:203.146.63.185 X: TicketID:129004 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ติดตามมาสามวันแล้วคะ ได้ความรู้และแนวคิดเยอะจริง ๆ แต่รู้สึกจะรุนแรงกันไปหน่อยคะ อยากให้ท่านผู้ให้ความรู้ทั้งหลายใจเย็นๆ ๆมากกว่านี้อีกนิ๊ดหนึ่ง ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ที่แบ่งปันมาคะ จากคุณ : ภูริดา - [ 17 ส.ค. 50 00:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ผมเห็นด้วยกับความเห็นที่ 110 ครับ ที่ว่า "คุณวชิรวิทย์ เขารู้จริง รู้ลึก ก็มีอยู่อย่างกว้างขวาง มากมายครับ  มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ในหลายๆกระทู้" ผมเพิ่งเข้ามาท่องเวปพันทิปประมาณเดือนกว่าๆ ก็ติดตามอ่านกระทู้ในห้องนี้มา และก็ได้อ่านความคิดเห็นของคุณวชิรวิทย์ ผมว่าท่านเป็นคนที่อธิบายกฎหมายได้ดีคนหนึ่ง ในเมื่อตอนนี้คุณ  I_วชิรวิทย์ ลดทิฐิขอโทษแล้ว ก็อย่าโกรธเคืองกันเลยครับ       ทั้งคุณอินทร์นิล คุณ september คุณ  I_วชิรวิทย์ และอีกหลายๆ ท่าน พวกเราต่างเป็นพันธมิตรแห่งกฎหมาย (fellowship of the law) มาช่วยกันดีกว่าครับ ช่วยให้คนได้รู้กฎหมาย       คุณสุขุม..ลุ่มลึกครับ ถ้าโพสรูปเยอะๆ แล้วถามปัญหากฎหมาย ผมว่ามีหลายท่านยินดีตอบให้เป็นพิเศษ (โดยเฉพาะผมครับ) ผมก็ต้องขอโทษ จขกท ในการตอบกระทู้ใน คห.ที่ 1 ที่ผมตำหนิคุณรุนแรงไปครับ สุดท้าย อยากขอฝากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึงพระราชทานแก่ผู้เช้าร่วมสัมมนาในการวางแผนการใช้ที่ดิน ณ โรงแรมรินคำ จังหวัดเชียงใหม่ 7 มกราคม 2523 ว่า       "...กฎหมายนี้มีช่องโหว่เสมอ ถ้าเราถือโอกาส ในการมีช่องโหว่ ของกฎหมาย เพื่อการทุจริตนั้นเป็นสิ่งที่เลวทราม และทำให้นำไปสู่ความ หายนะแต่ถ้าใช้ช่องโหว่ในกฎหมายเพื่อสร้างสรรค์ ก็เป็นการป้องกันมิให้ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายใน ทางทุจริต ..." แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 50 03:02:44 จากคุณ : leonnoom - [ 17 ส.ค. 50 03:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 133 september สอนพอหรือยัง ผมมีวุฒิภาวะพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร โดยไม่ต้องมีใครมาพร่ำสอน อีกอย่าง คุณเพิ่งเข้ามาไม่นาน ไม่รู้ที่มาที่ไป และ อย่าใช้สิ่งที่คุณเห็นในวันสองวันนี้ มาตัดสินผมว่า ผมเป็นคนอย่างไร... คุณ september โพสในกระทู้นี้ ฟังดูเหมือนจะดี ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี คำพูดดูดี แต่ใครจะไปรู้เบื้องลึก จริงมั้ยครับ เบื้องลึก คือ แปลกันเอาเองว่าจะให้ไปทางไหน ผมไม่ต้องการคำสอนของใคร เพราะผมรู้ด้วยตัวของผมเอง... ไม่จำเป็นต้องมาบอกครับ ว่าให้ผมทำอย่างไร ผมทำเองได้นะ... คุณจะมาทำตัวให้เป็นประโยชน์หรือมาเป็นแม่พระ มันก็เรื่องของคุณ ส่วนผมเองอยู่ในห้องนี้ และ ก่อนหน้านี้มาหลายปี ให้คำแนะนำคนอื่นมามากพอสมควร ไม่เคยมีนอกมีในกับใคร ไม่ว่าในกระทู้หรือโดยส่วนตัวทั้งที่โทรไปหาผม ทั้งหลังกระทู้และหน้ากระทู้ คุณอย่าเอาความคิดเพียงแค่การมองเห็นในกระทู้นี้มาพร่ำบอกผมเลยนะครับ คุณดูแลตัวคุณก็พอแล้ว...ผมไม่ต้องการให้ใครมาคอยบอกผม... หวังว่าคงเข้าใจ อ๋อ...คุณกำลังรอสอบผู้ช่วยฯอยู่ใช่มั้ย ทำตัวดีๆล่ะ ระวังจะขาดคุณสมบัติ แล้วมาดูว่า คุณหรือผม ใครจะสอบได้ก่อนกัน.. .. แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 50 08:58:09 จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 17 ส.ค. 50 08:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เรื่องศพในครรภ์ ไม่อยากตำหนิสภาทนายความฯ แต่การบรรยายไปเรื่อย หวังเอามันและใส่ความคิดของตัว โดยไม่อิงหลักกฎหมาย  สุดท้ายมันก็เป็นแค่ความเห็นของตัวเอง  แบบที่คุณสมมติว่าไว้  เล่นแร่แปรคำแบบทนาย แต่ศาลไม่เล่นด้วย แล้วยังคิดว่าตัวเองคิดถูก การอบรมของสภาทนายความฯ ได้ความรู้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อคุณผ่านจุดนั้นไปได้ คุณจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องยาก  และคุณจะพบช่องโหว่มากมายจากการอบรม  หากจะพูดให้ชัด ก็หมายถึง คุณภาพนั่นเอง เรื่องวิชาความรู้กฎหมาย การนำมาแบ่งปันกันในที่นี้   คงไม่ถึงกับต้องไปประกวดประขันกันหรอกครับ ว่าใครจะสอบได้ก่อน ปัจจัยหลายๆมันเยอะ หลายคนอาจไม่มีเวลาทุ่มเท  หลายคนอาจไม่ต้องการจะสอบผู้ช่วยฯ   แต่สิ่งที่ทุกๆคนเข้ามาตอบในห้องนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการถกกันในเนื้อหาวิชาการ เป็นความรู้   คุณวชิรวิทย์ เพิ่งจบ ความรู้ยังแน่น และ ไฟแรง มีความตั้งใจเข้าแข่งขันกันในทางกฎหมาย  ผมยินดีด้วย  หากแต่ท่านอื่นเขาไม่ได้ต้องการมาตอบเพื่อแข่งขันกัน  แต่ละคนก็เข้ามาเพราะต้องการความรู้เพิ่มเติมบ้าง  ต้องการช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ต้องการถกกันในเชิงวิชาการบ้าง   เหตุใดจึงต้องขัดแย้งกัน   เรื่องการสอบได้นั่น  มันวัดความรู้อะไรลำบากนะครับ ผมยกตัวอย่างผมเอง  จบนิติฯ เกรดดีพอจะมีเกียรติห้อยท้ายกับเขา  สอบทุกอย่างครั้งเดียวผ่านหมด  ทั้งตั๋วฯ ทั้งเนติฯ ยิ่งสอบได้เร็ว ความรู้ก็ไม่แน่น เพราะอ่านรอบเดียว  หลายๆเรื่อง มันก็แค่ผ่านตาไป ไม่ได้อ่านลึกซึ้ง  ซึ่งผมก็ยอมรับว่า ความรู้ทางกฎหมายผมยังด้อยอยู่ในหลายๆเรื่อง และหลายๆครั้งก็เข้ามาได้ความรู้เพิ่มเติมให้ห้องนี้เช่นกัน และก็อีกล่ะครับ หลายๆเรื่องคุณวชิรวิทย์เป็นเด็กที่เพิ่งจบ ก็รู้ดีและรู้ลึกกว่าผม รวมทั้งอีกหลายๆคน  ผมก็พร้อมรับฟัง   ผมพูดตรงๆเพียงเท่านี้ครับ  หากไปทำให้ใครเคือง ไม่พอใจ ก็คงต้องขออภัย ณ ที่นี้  หวังว่า คงอยู่ร่วมกันได้อย่างสันตินะครับ คุณ 129 ครับ  กรุณาอย่าถามคำถามเช่นนี้ครับ  นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังผิดศีลธรรมด้วยครับ ที่จะเอากฎหมายไปบิดเบือน หาช่องว่าง  ผมเชื่อว่า คุณอายุเกินกว่า 17 18 ปีแล้ว ทำไมคุณไม่ไปหาคนรุ่นเดียวกันครับ ที่เขามีวุฒิภาวะ โตกว่านี้ ที่จะพอรู้คิด ยั้งทำ และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง  นักกฎหมายที่ดี จะไม่หาช่องว่างให้คุณครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 17 ส.ค. 50 09:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 135 เอ้า...จบกันได้หรือยังครับ...ประเด็นกฎหมายน่ะ... เดี๋ยวจะออกทะเลไปไกล... ผมขอร้องให้ทั้งสองท่านคือคุณ september กับ คุณ I_วชิรวิทย์ ยุติการต่อปากต่อคำกันดีกว่าครับ ------------------------------------------------------------- ผมเสนออย่างนี้ดีมั้ย... 1.แตกประเด็นเรื่องพรากผู้เยาว์ไปเป็นอีกกระทู้นึงเลย  จะได้มีคนที่สนใจเข้ามาอภิปรายกันได้อย่างเต็มที่ 2. ตอนนี้ให้คำแนะนำกับเจ้าของกระทู้ (แบบสร้างสรรค์) ก่อนดีกว่า ว่าจะมีทางแก้ปัญหาอย่างไร  ให้จบด้วยดีทั้งสองฝ่าย เพราะมันเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงถึงอนาคตของเด็กคนนึง  ไม่สิ 2 คน เลยด้วยซ้ำ ส่วนตัวผมไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับการใช้กฎหมายในภาคปฏิบัติโดยตรง เลยไม่มีประสบการณ์ในคดีแบบนี้จะแนะนำ   ก็ขอให้ผู้ที่มีประสบการณ์เรื่องนี้เข้ามาให้คำแนะนำในทางที่สร้างสรรค์กับน้องเค้าก่อนดีกว่าที่จะมาเถียงกัน  ทะเลาะกัน ขอร้องครับ... จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 17 ส.ค. 50 09:29:31 ]

ความคิดเห็นที่ 136 คุณเด็กข้างห้างฯ ครับ  เรื่องแนะนำเจ้าของกระทู้  นะครับ  หลายๆกระทู้ที่ผ่านมา มีบทเรียนครับ  เราไม่อยากแนะนำอะไรในทางกฎหมายที่จะเอาไปใช้แล้วทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม   เรื่องนี้ คุณวชิรวิทย์ ได้เจอมากับตัวเอง และได้นำมาเตือนเอาไว้อยู่บ่อยครั้ง   สำหรับคำแนะนำทางสังคม  ผมว่าหลายๆความเห็นได้ให้ไปหมดแล้วครับ ขึ้นอยู่กับว่า น้องเจ้าของกระทู้จะนำความเห็นใดไปใช้ ทั้งหมด ไม่เกินไปกว่า สามัญสำนึกซึ่งตามมาด้วยความรับผิดชอบครับ สำหรับเด็กอายุ 16-17 ปี จะมาแต่งงานกัน คงจะไม่เหมาะ แต่งไป ก็เอาตัวรอดไม่ได้ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 17 ส.ค. 50 09:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 137 นี้แหละค่ะคือสิ่งที่ทำให้ดิฉันไม่อยากมาเสียเวลาในที่นี้กับคนแบบนี้ เพราะwebboard มันก็คือ webboard ซึ่งบางครั้งมันก็คนและเรื่องเลยกับโลกของความเป็นจริง ถ้ามัวหลงยึดติดกับ webboard จะหาทางกลับสู่โลกจริงไม่เจอนะ ที่แนะนำไปก็แนะนำไปตามเนื้อผ้าสิ่งไหนดีหรือผู้อื่นแนะนำมาดีก็อยากจะให้ลองนำมาทบทวนดู นิสัยคุณนี้มันจริงๆเลยนะ อวดดี ดื่อรั้น วู่วาม ใจร้อน บ้ายอ หลงตัวเอง ประมาณว่านิสัยเด็กวัยรุ่นตอนต้นที่ต้องการให้สังคมยอมรับ เรียกร้องความสนใจ โชว์ความเป็นฮีโร่ เหมือนกับที่ไปอบรมจิตวิทยาวัยรุ่นกับสถานพินิจเมื่อสัปดาห์ก่อนเลย ประเภทนี้จะมีปมด้อยในตนเอง ตอนเด็กๆถูกเพื่อนแกล้ง พ่อแม่ไม่รัก เก็บกดอยากเอาชนะแพ้ใครไม่เป็น ใครสั่งใครสอนไม่ได้ คิดว่าข้าเก่งข้าแน่ คนแบบนี้โตมาทำการใหญ่ไม่สำเร็จหรอกนะ ใครสะกิดนิดสะกิดหน่อยสติแตกเลือดขึ้นหน้าพาเสียงานใหญ่หมด ถ้าเป็นทนายโดนฝ่ายตรงข้ามแหย่นิดแหย่น้อยเตลิดเลย แทนที่จะเป็นลูกความเลือดขึ้นหน้ากลายเป็นทนายเลือดขึ้นหน้าเสียเอง ไม่ดีนะอย่าไปทำในชีวิตจริงหละ จากคุณ : september - [ 17 ส.ค. 50 10:13:30 A:203.113.57.105 X: TicketID:149649 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ผมขอร้องคุณ september กับ คุณ I_วชิรวิทย์ เช่นเดียวกับคุณเด็กข้างห้างฯ ครับตอนนี้เรามายุติการโต้เถียงกันดีกว่าครับ มาชี้แจงเหตุผลกันด้วยสันติดีกว่า จากคุณ : leonnoom - [ 17 ส.ค. 50 10:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 139 อ่านมาจนจบถึงความเห็นที่ 138 นี่ถ้าเจ้าของกระทู้ เป็นผู้เสียหาย มาขอคำปรึกษาเนี่ย คงเครียดตายเลย เข้ามาเจอทนายทะเลาะกัน -*- คุณ I_วชิรวิทย์ เค้ายอมพิมพ์คำขอโทษในกรณีนี้แล้ว คุณ september ก็ปล่อยเค้าไปเหอะคับ ตรงนี้น่าจะจบได้แล้ว ส่วนคุณ I_วชิรวิทย์ ก็ใจเย็นๆ นะครับ เพราะฝั่งโน้นเค้ายังไม่ได้ด่าคุณหยาบๆ คายๆ เลย อารมณ์ไม่ดีอยู่รึป่าวคับเนี่ย ทำไมคุณดูเกรี้ยวกราดจัง -*- ส่วนคุณ september ในคห.138 ก็ไม่น่าไปต่อปากต่อคำหรือด่าว่าเค้าเลยนิ ทั้งสองคนก็เป็นคนมีความรู้ดีแท้ๆ น่าจะช่วยกันตอบในประเด็นกฎหมายมากกว่า ส่วนเรื่องความเห็นต่างกัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาน่ะครับ ว่าแต่ อ่านกระทู้แล้วได้ความรู้จริงๆ ^_^ จากคุณ : ณัฐ zefira (ณัฐ zefira) - [ 17 ส.ค. 50 10:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 140 september คุณเองก็ไม่ต่างไปจากผมเท่าไรหรอก พอโดนยั่วเข้าบ้าง สติก็แตก...โธ่ๆๆๆ แม่คุณ แล้วมาบอกว่าวุฒิภาวะต่างกัน พูดมาใน คห 137 แต่ละคำเนี้ย เป็นคนดีเสียเหลือเกิน มัวแต่สอนคนอื่น เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ จะสอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ.. กลับไปอ่านหนังสือทบทวนก่อนดีกว่ามั้ย สติจะได้ไม่แตกกระจาย.. ตกลง วัยรุ่น กับ วัยทอง พฤติกรรมมันก็ไม่ต่างกัน เวลาโมโห อย่าดีแต่ว่าคนอื่นเลย.. คิดจะเป็นแม่ปู ต้องดูการเดินตัวเองก่อนว่าเดินตรงหรือไม่ ก่อนที่จะไปต่อว่าลูกปู.. อีก 2 ปี ผมถึงมีโอกาสจะได้สมัครสอบผู้ช่วยฯ ยังเจออะไรอีกเยอะกว่าจะถึงวันนั้น ไม่แน่.. อีก 2 ปี คุณยังเข้าสอบรอบที่ 3 กับผมก็ได้ ..สู้เค้านะไ อ้มดแดง ไม่รู้ได้อ่านข้อความแบบนี้สติจะแตกอีกมั้ย... .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 17 ส.ค. 50 11:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 141 แล้วจะไปยั่วโมโหเค้าทำไมล่ะคับเนี่ย -*- กระทู้ดีๆ เสียหมดเรย ใจเย็นๆ แล้วพูดสาระกันดีกว่า จากคุณ : ณัฐ zefira (ณัฐ zefira) - [ 17 ส.ค. 50 11:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ผมไม่ได้ยั่วโมโห นะ คุณณัฐ zefira.. แต่ว่าพอผมยอมรับฟังเหตุผลและยอมรับผิดในสิ่งที่แสดงออกไป แม่คุณ เค้าได้ทีก็พร่ำสอนผมเลยครับ สอนไม่สอนเปล่า ยังมาว่าผมอวดดี ยิ่ง มีปมด้อยอีก อ้าว..อยู่ๆโผล่มาแล้วตีหัวผมแบบนี้ได้ไง และยังออกมาต่อว่าผมอีกในเรื่องความรู้ทางกฎหมาย เอ...ผมจำได้ว่า ผมไม่ได้เถียงกับแม่คุณคนนี้สักหน่อย..แล้วไงมาลงที่ผมล่ะ ..เป็นงง จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 17 ส.ค. 50 11:25:54 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ทางที่ดี ผมว่ายังไม่สมควรที่จะแต่งงานกันหรอกนะครับ ทางที่ดีรอจนเรียนจบจะดีกว่า เพราะว่าถ้าแต่งงานกันเวลา ไอเราฝ่ายชายไม่เท่าไรหรอก แต่ฝ่ายหญิง มีแต่เสียกับเสีย ........... จากคุณ : muk_22 - [ 17 ส.ค. 50 13:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 144 แหม  พอรู้ว่าตัวเองคิดผิดก็ทำแอ๊บแบ๊วกลบเกลื่อนเชียวนะ ก่อนหน้านี้เห็นจะถอนหงอกชาวบ้านเค้าไปทั่ว ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// .. ผมไม่แปลกใจเลย ทำไมคนเก่าแก่ๆ ถึงดัดยาก ก็เพราะมีความเชื่อเก่าๆนี่เอง จำอะไรมาผิดๆ ไอ้ครั้นจะมาเปลี่ยนความคิดใหม่ ก็เข้าใจมันทำใจอยากอยู่.. ผมเคยถอนหงอกแก่ๆมาเยอะครับ เพราะคิดว่าตัวเองแน่ อาบน้ำร้อนมาก่อน ทุกอย่างถูกหมดไม่เคยพลาดอะไรเลย แต่หารู้ไม่... ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าป่าไปไกล กู่ไม่กลับ แต่ที่ไม่ยอมลดละก็เพราะคิดว่าตัวเองอายุเยอะ... มีหลายคนหลงประเด็นไปไกล กู่ไม่กลับแล้ว.. ผมพูดไปก็หาว่าเถียง...หัวชนฝา แต่เท่าที่อ่านมาเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะนักกฎหมายไม่มีใครเข้าใจความผิดฐานพรากผู้เยาว์เลยสักคน ผมโทรเช็คกับเพื่อนรุ่นพี่ และ เพื่อนรุ่นเดียวกัน และ ก็ลุงของเพื่อนที่เป็นผู้พิพากษาศาล คำตอบคือ ไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์ เพราะไม่มีการพราก นั่นเอง... เรียนกฎหมาย หรือ จบมานาน อาจลืมไปบ้าง ใครๆก็อาจลืมได้ แต่ถ้าลืมแล้ว ไม่แน่ใจ กลับไปเปิดดูใหม่ ไม่มีใครเค้าว่าหรอกครับ ดีเสียอีก จะได้จำไปจนตาย..ในเรื่องที่เราลืมไปแล้ว ผมว่า หลักกฎหมายอาญา ต้องแม่นครับ เพราะไม่อย่างนั้นลูกความซวยเพราะความไม่รู้ของเรานี่แหละ อย่าเอาชีวิตคนอื่นมาเสี่ยงกับความเย่อหยิ่งของเราดีกว่า .. ศาลชั้นต้นมักตัดสินผิดพลาดบ่อย เพราะทนงในความรู้ที่ตนเองมี หารู้ไม่ ศาลฎีกามักจะคอยแก้ไขให้อยู่เสมอ เพราะศาลชั้นต้นชั่วโมงบินน้อย ไม่ทันเกมส์ของโจทก์...มักจะเอาคนไม่ผิดเข้าคุกโดยไม่รู้ตัว ผมเองอยู่ในห้องนี้ และ ก่อนหน้านี้มาหลายปี ให้คำแนะนำคนอื่นมามากพอสมควร ผมมีวุฒิภาวะพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร โดยไม่ต้องมีใครมาพร่ำสอน ผมไม่ต้องการคำสอนของใคร เพราะผมรู้ด้วยตัวของผมเอง... ไม่จำเป็นต้องมาบอกครับ ว่าให้ผมทำอย่างไร ผมทำเองได้นะ... ไม่ต้องคิดอะไรมาก แมวที่บ้านผมมันยังรู้เลยว่า ข้าอยู่บ้านดีๆ แล้วมีเด็กมาหาที่บ้าน กลับบอกว่า ฉันผิดข้อหาพรากผู้เยาว์... แมวที่บ้านผมมันหัวเราะท้องแตกตายไป 2 ตัวแล้ว.. ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// สุดยอดเลยนะตัวเอง  แล้วตกลงแมวที่บ้านท้องแตกตายไปกี่ตัวแล้วหละ  น่าสงสารจังเลย  คริ คริ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 50 13:22:16 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 50 16:21:48 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 50 16:18:21 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 50 16:17:29 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 50 13:40:59 จากคุณ : พุดเดิ้ลเล่ - [ 18 ส.ค. 50 13:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ยิ่งอ่านความเห็นคุณยิ่งเห็นถึงความไม่รู้ในตัวคุณ ความอวดรู้ของคุณ ความจองหองในตัวคุณ คำที่คุณใช้ปรามาสผู้อื่นในกระทู้นี้ล้วนแล้วแต่แสดงความเป็นคุณได้ชัดเจนที่สุด จากคุณ : -แค่คนผ่านมา- - [ 15 ส.ค. 50 21:54:27 A:125.26.115.247 X: TicketID:149183 ] จากคุณ : พุดเดิ้ลเล่ - [ 18 ส.ค. 50 16:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 146 หวัดดีครับทุกท่าน  ผมเข้ามาครั้งแรกครับ    แล้วจะเข้ามาบ่อยๆ ครับ เพื่อหาความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากท่านทั้งหลาย ครับ จากคุณ : ชายชนบท - [ 18 ส.ค. 50 20:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ผมไม่ได้อ่านที่เถียงกันเลยนะเนี่ย เพราะรู้อยู่แล้วว่า คุณ I_วชิรวิทย์ มักจะมีความเห็นในข้อกฎหมายต่างกับคนอื่นๆ ในนี้ ผมไม่คิดว่าใครถูกใครผิด เพราะมันเป็นเรื่องของการตีความ ซึ่งแต่ละคนก็ยกข้อความมามองได้ต่างๆ กันตามพื้นฐานการรับรู้ของแต่ละคน แต่ถ้าผมมีส่วนในกระบวนการตัดสินของเรื่องนี้ และต้องนำกฎหมายมาใช้ ผมก็คงนำมาตีความ โดยพิจารณาจากศีลธรรม ความดีงาม ก่อน ว่าจำเลยผิดไหม ถ้าผิด ผมก็จะหากฎหมายมาตีความให้มันผิดให้ได้ แต่ถ้าไม่ผิด ผมก็จะหาทางใช้กฎหมายช่วงให้เขารอดให้ได้ แต่ถ้าก้ำกึ่ง ก็ต้องแยกประเด็นโดยละเอียดอีกที จากคุณ : Redrum - [ 18 ส.ค. 50 21:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ไม่ยักกะรู้ว่า ข้อความของผมดันไปทำให้ นายพุดเดิ้ลเล่ คิดมากถึงกับจะฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็ไปกระทบกระเทือนในการใช้ชีวิต น่าสงสารนะ.. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 19 ส.ค. 50 10:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 149 แหม   คุยโตจัง  คนได้เนติแล้วเค้ายังไม่คุยข่มเลย  คริๆ /// อีก 2 ปี ผมถึงมีโอกาสจะได้สมัครสอบผู้ช่วยฯ /// จะไปสอบแข่งกับเค้าจบเนติหรือยังละตัวเอง  ได้เนติแล้วคุณสมบัติครบค่อยคุยก็ได้มั้ง ว่าแต่สอบใบอนุญาตว่าความได้ยังละจ๊ะ จากคุณ : -septemberปลอมตัวมา- (พุดเดิ้ลเล่) - [ 19 ส.ค. 50 15:41:29 ]

ความคิดเห็นที่ 150 นายวชิรวิทย์ คุณเป็นคนไม่สุภาพ การที่คุณยอมรับว่าคุณผิดในประเด็นนี้ แต่การขอโทษ คุณก็ขอโทษแบบไม่จริงจัง เหมือนขอโทษเล่น ๆ น่าเกลียดมาก กระทู้ความเห็นของคุณกัลยา มีเหตุผลมาก แต่เห็นต่างจากคุณ คุณก็ว่าแดกเค้า พอเค้าเตือนคุณ คุณก็บอกว่าไม่ต้องเตือน แถมท้าแข่งสอบผู้ช่วยกะเค้าอีก อย่าคุณนะผมไม่ได้ดูถูก อายุ 59 ปี จะสอบผู้ช่วยได้หรือยัง ยังไม่รู้เลย แต่ผมคิดว่าคงสอบไม่ได้หรอก รับรองเลย บอกชื่อจริงมาซิ แล้วจะคอยติดตามผล จากคุณ : คงข้างศาล - [ 22 ส.ค. 50 00:03:54 A:58.9.151.236 X: TicketID:153339 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ด้วยความไม่เคารพนะครับคุณ I_วชิรวิทย์ การตอบกระทู้ยกเมฆ เสียดสี แดกดัน ของคุณในกระทู้นี้เกรียนได้ใจผมมากครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่จบนิติราม และขอยืนยันต่อทุกคนที่ได้อ่านกระทู้นี้ว่าอาจารย์ที่รามทุกคนสอนว่าการพรากผู้เยาว์ตามมาตรานี้หมายถึงการแยกผู้เยาว์ออกจากอำนาจการปกครอง  ทั้งนี้ไม่ว่าผู้เยาว์จะมาหาเองหรือไม่ก็ตามก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ  ไม่มีอาจารย์ท่านใดสอนอย่างวชิรวิทย์ว่ามาไม่ทราบไปจำมาจากไหน แต่การที่คุณI_วชิรวิทย์  ยืนยันหนักแน่นโดยอ้างครูบาอาจาย์  อ้างสถาบัน อ้างพ่อเพื่อนที่เป็นศาลฎีกานั้น เป็นการกระทำที่มีวัตถุประสงค์เป็นการหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเข้าใจผิดโดยอาศัยชื่อเสียงความมีตัวตนอยู่จริงของบุคคลและสถาบันที่อ้างมาสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ความเห็นตนเอง พฤติกรรมเลวๆอย่างนี้อย่ามาอ้างตัวว่าจะเป็นทนายเพื่อสังคมเลยครับ  อย่างคุณเป็นได้แค่ทะแนะอวดรู้ที่ทำให้สังคมวุ่นวาย ผมพอรู้ถึงสาเหตุความบาดหมางใจของคุณกับคุณอินทรนิล  แต่นั้นมันก็เป็นเพราะความเห็นที่ผิดๆของคุณเหมือนในกระทู้นี้  พอคุณวางหลักปรับบทกฎหมายไม่ได้ก็เริ่มเถ ออกแนวก้าวร้าว  เสียดสีผู้อื่น  บางกระทู้ก็อ้างว่ามีเพื่อนเป็นตำรวจใหญ่เพื่อนบอกว่าผิดก็ต้องผิด  แต่พอถามว่าผิดมาตราไหนก็ตอบไม่ได้ คุณควรลดความจริงจังในการตอบกระทู้ลงบ้าง  หลายคนที่เข้ามาตอบกระทู้เค้าไม่ได้ต้องการมาแข่งขันโอลิมปิกวิชาการกับคุณ  แต่เค้าเอาประสบการณ์ความรู้มาแลกเปลี่ยนกัน  การที่คุณเอาชื่อจริงคุณมาตั้งเป็นนามแฝงก็พอจะรู้ว่าคุณจริงจังแค่ไหน   และการไปท้าทายสอบแข่งกับเค้านั้นนะ  หวังว่าคงยังรู้ตัวดีอยู่นะว่ายังอยู่ระดับไหนอยู่  เพิ่งเรียนจบไม่ใช่หรือ คุณอยู่ในห้องนี้มานานตอบกระทู้ช่วยเหลือผู้อื่นมามากข้อนี้ทุกคนที่อ่านประจำย่อมรู้อยู่  แต่ความดีเหมือนกางเกงในนะครับ  ควรมีไว้แต่ไม่ต้องเอามาโชว์ คนที่มาอ่านมาตอบในห้องนี้มีอยู่สองประเภทคือคนที่ไม่รู้กฎหมายและอยากรู้  กับคนที่พอมีความรู้กฎหมายอยู่บ้างและอยากแลกเปลี่ยนความรู้  แล้วคุณเป็นคนประเภทไหนครับ จากคุณ : นามแฝงนี้อีกแล้ว - [ 22 ส.ค. 50 09:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 152 โอ้วเพิ่งได้เข้ามาอ่าน   เป็นบุญตาจริงๆค่ะ ได้เห็นเกรียนจบนิติด้วย  หุ หุ ถ้าคนแบบนี้ได้เป็นผู้พิพากษาจริงๆ คงน่ากลัวมาก สงสารคู่ความที่ทำอะไรไม่ถูกจริตท่านฯ ท่านคงใช้อำนาจเต็มที่แน่ๆ จากคุณ : KHIMM - [ 22 ส.ค. 50 15:47:39 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ^ ^ ^ เรียนคุณเจ้ สรุปยังไงครับเนี่ย มัวแต่มันส์จนออกทะเล เคาะทีครับ มีความผิดหรือไม่ ตามความคิดผม (ดูจากในหนัง) ทนายทั้งสองฝั่งต่างยกเหตุผลมาอ้าง สงสัยต้องพึ่ง คณะลูกขุน ถ้าพึ่งคณะลูกขุน สรุปได้เลยว่า  ผิด ..............เอาใจช่วยทนายจำเลยครับ จากคุณ : จิ๊กโก๋มีกรรม - [ 22 ส.ค. 50 17:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 154 ถ้าคุณ I_วชิรวิทย์ พุดเดิ้ลเล่ september เลิกเสียดสีกันก็คงดีกว่านี้ พอ ๆ ซักทีเถอะค่ะ นี่แอบมาสูบความรู้นะคะ ไม่ได้มาดูคนตีกัน หรือว่าถ้าจะตีกันแนะนำว่า ไปเปิดอีกกระทู้เลยค่ะ ------------------------------------------------------------------------ ทีนี้ขอถามนะคะ เคยมีพนักงานในบ.((28ปี))ไปมีอะไรกับเด็ก((16ปี)) แล้วทีนี้เรื่องก็มาถึงขึ้นศาลอะค่ะ สุดท้ายเรื่องจบยังไงจำไม่ได้ค่ะ ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่ แต่จำได้ติดตาเลยว่าเค้าไม่ติดคุกค่ะ จากนั้นคุณแม่ก็สอนเราเลยค่ะ ว่าให้ระวังตัว กรณีนั้นสมยอมทั้งคู่ และไปมีอะไรกันที่โรงแรมค่ะ ที่เห็นเพราะว่าคุณแม่เชิญเค้าออกจาก บ. ค่ะ แล้วให้มารับเงินชดเชย จากคุณ : เดินโซเซ - [ 22 ส.ค. 50 19:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ป๊าาาาาาาาด ! ลืมคำถามค่ะ กดแก้ก็ไม่ได้ ถามว่าทำไมเค้าไม่โดนอะไรเลยอะค่ะ ในใจก็คิดว่าต้องโดนแน่ ๆ หรือว่าเค้ารอลงอาญาอะคะ เป็นไปได้ไหม จากคุณ : เดินโซเซ - [ 22 ส.ค. 50 19:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 156 อ่านไม่จบแต่อยากตอบ ถ้ายังไม่พร้อมจะแต่งก็หมั้นกันไว้ก่อนสิ เรียนจบค่อยแต่งกัน พบกันครึ่งทาง และยังมีเวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปด้วย จากคุณ : ROSEWOOD - [ 22 ส.ค. 50 21:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 157 โดนพรากผู้เยาว์ ชัวร์ ๆ คิดเป็นครั้งคับ ครั้งละกี่ปีนี่แหละ 4 ปี หรือ สองปีเนี่ย ส่วนกระทำชำเรา ข่มขืนคงไม่โดนน่ะ ว่าแต่ ผมขอ . . .สมน้ำน่ะน่ะคับ ทำตัวเอง เองอ่ะ ยังไม่โตเลย ทำตัวยังงี้ ถ้าไปสงสารมันก็ยังไงเหมือนกับส่งเสริม แต่ง ๆ ไปเหอะ ไว้หย่าทีหลังได้ (คิดงี้ก็ได้นิ) แต่ถ้าลูกผู้ชายจริง ต้องมีปัญญารับผิดชอบดิ (อยากให้คิดแบบนี้มากกว่า) จากคุณ : aircme - [ 23 ส.ค. 50 10:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 158 กระทู้นี้ยาวเฟื้อยดีจริงๆ --------------------------------------------------------------------------- เรียน - คุณจิ๊กโก๋มีกรรม - ความคิดเห็นที่ 153 ระบบกฎหมายของไทยปัจจุบันนี้ ใช้ระบบกฎหมายแบบ Civil Law หรือ อาจจะเรียกว่า Code Law ก็ได้ คือใช้ประมวลกฎหมายลายลักษณ์อักษรเป็นหลัก ไม่ใช่ระบบที่ใช้คณะลูกขุนครับ ในคดีแพ่ง จะมีแต่เพียงผู้พิพากษา กับทนายทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย + ตัวความ คือตัวโจทก์ หรือจำเลย เอง ในคดีอาญา จะมีแต่เพียงผู้พิพากษา กับอัยการ(เป็นโจทก์) และทนายจำเลย + ตัวจำเลย เอง แต่ถ้าผู้เสียหายฟ้องคดีเอง ก็อาจจะมีทนายโจทก์เพิ่มมาอีก ส่วนระบบที่ใช้ลูกขุนนั้น มักจะใช้ในประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายแบบ Common Law เช่น อังกฤษ อเมริกา และประเทศที่เคยเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ การใช้กฎหมายจะไม่มีประมวลกฎหมายแพ่ง อาญา แต่อาจจะใช้กฎหมายเป็นเรื่องๆ กระจัดกระจายกันอยู่ และ ยังถือว่าคำพิพากษาของศาลที่ตัดสินมาในอดีต เป็นหลักกฎหมายที่ต้องยึดถือตามด้วย จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ (เด็กข้างห้างฯ) - [ 23 ส.ค. 50 13:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 159 จขกท. ไปไหน จากคุณ : WhiteWolf - [ 23 ส.ค. 50 20:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 160 เงียบไปแล้วครับ.. สำหรับกระทู้นี้.. จากคุณ : gooroozz - [ 25 ส.ค. 50 12:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 161 เข้ามาสงสัยครับ อ่านมาหลายวันแต่ไม่กล้าตอบ กลัวโดนด่า ไม่ทราบว่านักกฎหมายทั้งหลาย จะถกเถียงเรื่องพรากผู้เยาวกันอีกนานมั๊ย ช่วย จขกท.ก่อนดีกว่า จะว่าไปก็โชคดีมากนะ ที่เด็กผู้หญิงอายุเกิน15แล้ว ไม่งั้นคงไม่ต้องเถียงเรื่องคำว่าพรากแน่นอน จากคุณ : KCrazy16 - [ 25 ส.ค. 50 18:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 162 ปล. มาเสริมเรื่องขอบข่ายคำว่าพรากนะครับ  ในพรบ.คุ้มครองเด็ก มาตร22 ระบุถึงการปฎิบัติต่อเด็ก(ซึ่งหมายถึงอายุไม่เกิน18ปี) เอาไว้ว่า "การปฎิบัติต่อเด็กไม่วา่่กรณีใด ให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญและไม่ให้มีการเลือกปฎิบัติโดยไม่เป็นธรรม" มาตรา23 เขียนถึงเรื่องการอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และมีข้อความตอนท้ายว่า "ต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนมิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ" รวมถึงในมาตรา25 ข้อย่อยที่5 ที่ระบุ ต้องไม่กระทำการ"ปฎิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการเลี้ยงดูโดยมิชอบ" ซึ่งทั้งหมดน่าจะเป็นความรับผิดชอบ(ส่วนหนึ่ง)ในฐานะผู้ปกครอง ที่โดนพรากนะครับ จากคุณ : KCrazy16 - [ 25 ส.ค. 50 18:33:27 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ใครบอกว่าเงียบไปคะ เค้ามาต่อกันที่กระทู้นี้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U5741597/U5741597.html จากคุณ : พุดเดิ้ลเล่ - [ 25 ส.ค. 50 23:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 164 ที่แท้ นังพุดเดิ้ลเล่ กับ september  มันเป็นคนๆเดียวกันนี่เอง.. ทำมาตีสองหน้า .. จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 27 ส.ค. 50 14:28:48 ]

ความคิดเห็นที่ 165 TicketID:149649  เนียน จากคุณ : I_วชิรวิทย์ - [ 27 ส.ค. 50 14:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ^ ^ ^ อ๊ะ อ๊ะ โดนด่ามากท่าจะเพี้ยน  คราวนี้จะโชว์อะไรอีกหละ จากคุณ : พุดเดิ้ลเล่ - [ 27 ส.ค. 50 21:16:56 ]

ความคิดเห็นที่ 168 โอ๊ะโอ!  กระทู้ตามlinkหายไปไหนเนี่ย ไม่ไปตามแฟนคลับมาช่วยด่าต่ออ่ะ จากคุณ : พุดเดิ้ลเล่ - [ 27 ส.ค. 50 21:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 169 ^ ^ ^ ข้างบนนี่มัน อะไรกันเนี่ย...   ว่าแต่ว่าเดี๋ยวนี้ผู้คนลบกระทู้กันมั่วซั่วดีเนอะ ไม่ต้องใช้สมองอะไรเลย อยากลบก็ลบ ------------------------------------------------------- มีใครคนไหนมันไปทำชั่วอะไรไว้เหรอ ถึงต้องกลัวขี้หดตดหาย หรือว่าหางมันจุกก้นอยู่??? ตามลบกระทู้ ลบหัวข้อทิ้งมั่วซั่ว จะให้ save page มาโชว์ใหม่เลยดีมั๊ย แค่บอกว่า กระทู้นั้นถูกลบไปก้ดีแล้ว เพราะมันเริ่มจะออกนอกเรื่องมากเกินไป  หึหึ จะลบอีกมั๊ยละ?? ปัญญาอ่อน จากคุณ : KCrazy16 - [ 27 ส.ค. 50 21:25:47 ]