CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ท่านจะบริจาคให้กับสาวพิการ "สุชิน พันธ์แตง" กันอีกไหม

      ยังไงๆ ก็บริจาค เธอน่าสงสารออก (0 คน)
      ไม่บริจาคแล้ว เธอไม่มีสติปัญญาดูแลเงินแน่นอน เดี๋ยวก็เอาไปโดนหลอกอีก (17 คน)
      ถ้ามีมูลนิธิฯ ดูแลเงินบริจาคให้ ก็จะบริจาคให้อีก (9 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 26 คน

     0.00%
     65.38%
     34.62%


    ครั้งก่อนเธอได้รับบริจาคไป 6 ล้านบาท แต่ก็มีเหตุจนได้

    ถ้าเธอเดือดร้อนจริงๆ ท่านจะบริจาคให้เธออีกไหม

    -----------------------
    เพิ่มเติมเนื้อข่าวจากผู้จัดการให้ค่ะ

    หญิงพิการร้องสภาทนาย ผัว[^_^]เชิดเงินบริจาค 6 ล้าน!

    โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2550 14:33 น.

    “สุชิน” สาวพิการผู้หญิงที่เดินด้วยใจ จากรายการ “คนค้นฅน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ หลังถูกหนุ่มสุพรรณฯ หลอกตุ๋นเงินไปเกือบ 6 ล้านที่ได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญจนหมดตัว
         
         วันนี้ (31 ต.ค) น.ส.สุชิน พันธุ์แตง อายุ 37 ปี ซึ่งร่างกายพิการ ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างเดินแทนเท้า ชาวตำบลดอนกำยาน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เดินทางมาที่สภาทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย กรณีถูกนายอารีย์ อายุ 31 ปี ชาวตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี หลอกลวงเงินเกือบ 6 ล้านบาท โดย น.ส.สุชิน เชื่อว่านายอารีย์วางแผนมาหลอกเงิน เพราะนายอารีย์มีภรรยาอยู่แล้ว ส่วนตนอยู่บ้านเฉยๆ แต่นายอารีย์มาหาถึงบ้านแล้วมาตีสนิทว่าสงสารและเป็นห่วงก่อนชวนไปทำงาน และเปิดร้านซ่อมรถและขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระทั่งตนและพ่อเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจจนเกิดเป็นความรัก ตัดสินใจผูกข้อมือและย้ายไปอยู่กินด้วยกันที่บ้านของนายอารีย์ แต่ที่สุดแล้วก็ถูกหลอกลวงจนไม่มีเงินเหลือแม้แต่บาทเดียว
         
         น.ส.สุชิน บอกว่า ทุกวันนี้ต้องพาร่างพิการออกไปหางานทำเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อวัย 80 ปี และหลานสาว จึงต้องออกมาเรียกร้องทวงทรัพย์สินคืน ได้แก่ ร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่ดินในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ตนซื้อให้แม่ของนายอารีย์ เบื้องต้นได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ไว้แล้ว แต่ตำรวจระบุว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ เกรงจะดำเนินคดีเอาผิดนายอารีย์ไม่ได้จึงต้องมาร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ
         
         ด้าน นายเจษฎา อนุจารี อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการสภาทนายความ กล่าวว่า จะนำเรื่องของ น.ส.สุชิน ไปตรวจสอบรายละเอียดและข้อเท็จจริงเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป เบื้องต้นน่าจะฟ้องร้องคดีอาญาได้ เพราะผู้เสียหายเคยถูกทำร้ายร่างกายและถูกกักขัง ส่วนการฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกทรัพย์สินคืน คงต้องดูเอกสารหลักฐานอื่นๆ ก่อนว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่
         
         สำหรับ น.ส.สุชิน พิการขาทั้ง 2 ข้าง เดินไม่ได้มาตั้งแต่เกิด กระทั่งเมื่อปี 2548 รายการ “คนค้นฅน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ได้มาถ่ายทำชีวิตไปออกอากาศในชื่อตอน “ผู้หญิงที่ก้าวเดินด้วยหัวใจ” ซึ่งหลังรายการออกอากาศไปไม่นาน มีผู้ชมสงสารบริจาคเงินช่วยเหลือผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารออมสิน สาขาสุพรรณบุรี รวมทั้งสิ้นเกือบ 6 ล้านบาท
         
         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์ www.tvburabha.com ของทีวีบูรพา ระบุความเป็นมาของหญิงพิการรายนี้ ในหัวข้อ “สุชิน หญิงผู้ก้าวเดินด้วยหัวใจ” ใจความว่า “สุชิน พันธ์แตง พิการตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เนื่องจากตอนเล็กๆ เป็นฝีที่ต้นคอ ดังนั้น พ่อของเธอจึงพาไปรักษากับหมอชาวบ้าน การผ่าฝีออกในครั้งนั้น ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามันจะพรากอนาคตอันสดใสออกจากชีวิตเธอในทันที เมื่อผ่านไปได้ไม่กี่วันสัญญาณแห่งความโชคร้ายก็มาเยือน เมื่อขาของเธอไม่มีแรง จนทำให้ไม่สามารถเดินได้เหมือนคนปกติ เธอต้องเดินในลักษณะท่าทางที่ไม่ต่างสัตว์เดรัจฉานตัวนึงในสังคม เมื่อขาใช้การไม่ได้เธอจึงใช้สองมืออันแข็งแกร่งของเธอเป็นกำลังหลักในการเดินและหาเลี้ยงชีวิต ลำพังแค่สภาพร่างกายพิการเธอที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนปกติในสังคมก็ช่างเป็นเรื่องลำบากอยู่แล้ว แต่ช่วงระยะเวลาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเธอต้องรับผิดชอบปากท้องอีกสองชีวิต คือ พ่อและหลานที่เป็นที่รักของเธอ
         
         ทุกๆ วันสุชินจะตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำงานบ้านทุกอย่างอย่างขยันขันแข็ง พอว่างเว้นจากงานบ้านเธอตระเวนหางานรับจ้างทั่วๆ ไปในบริเวณใกล้บ้าน ไม่ว่าจะเป็นงานรับจ้างปอกแห้ว รับจ้างซักผ้าเพื่อเป็นรายได้พอประทัง 3 ชีวิตไปได้ในแต่ละวันเท่านั้น แต่งานเหล่านี้ไม่ได้มีเป็นประจำทำให้หลายต่อหลายครั้งที่เธอต้องจ้างรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนบ้านให้ช่วยพาเธอออกไปตระเวนสมัครงานตามที่ต่างๆ ในตัวเมืองสุพรรณบุรี ไม่ว่าจะเป็นงานแล่ปลา งานล้างจาน ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่ไม่เกินความสามารถของเธอเลย แต่ก็ไม่มีใครจ้าง ด้วยเหตุผลเพราะเธอพิการจึงถูกสังคมบางกลุ่มตัดสินว่าเธอไม่สามารถทำงานทำการอะไรได้ หลายต่อหลายครั้งที่เธอมาของานทำเพื่อแลกกับรายได้ แต่เธอถูกสังคมปฏิเสธราวกับเธอเป็นขอทาน แต่ถึงแม้เธอจะต้องเผชิญกับเรื่องะอไรมากมายแต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งพ่อ ซึ่งเป็นผู้บังเกิดเกล้าและหลานตาดำๆ ไปได้ อุปสรรคที่เธอเผชิญกับทำให้เธอเข้มแข็งและพร้อมที่จะต่อสู้ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

    จากคุณ : <<ตุ๊กตา>> - [ 31 ต.ค. 50 23:45:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com