Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    มีเรืองคดีความ เล่าสู่กันฟัง ณู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

    ผมเป็นทนายความ รับว่าความคดีหนึ่ง อยากเล่าสู่กันฟัง เห็นมันน่าสนใจ สำหรับ พี่พี่ น้องน้อง ในห้องนี้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักกฎหมาย หรือกำลังเรียนกฎหมาย

       เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ โจทก์ทั้งสาม ได้ยื่นฟ้อง ขับไล่ให้จำเลยทั้งหก  ออกจากที่ ดินพิพาท ประมาณ ๓ งานกว่า ๆ จากที่ดินทั้งหมด ๒๔ ไร่  จำเลยทั้ง ๖ ต่อสู้กรรมสิทธิในที่ดินว่าตนเองได้ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ โดยฟ้องแย้ง
       ปรากฎว่า ศาลมีคำสั่ง ให้จำเลยทั้ง ๖ วางเงิน จำเลยทั้ง๖ ไม่มีเงินวาง ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลไม่อนุญาต เมื่อจำเลยไม่วางเงิน ก็ถือว่า ทิ้งฟ้องแย้ง
       สู้กันในศาลแรก จำเลยแพ้คดี ศาลตัดสินให้ออกจากที่ดิน และให้รื้อบ้าน จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ ของจำเลย
        ศาลอุทธรณ์ ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ ของจำเลยเนื่องจากจำเลย ไม่นำเงินที่ต้องใช้ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง มาวางศาล เนื่องจากโจทก์ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายเข้ามาด้วย
        จำเลยฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  โดยให้เหตุผลว่า จำเลยได้นำอุทธรณ์มายื่นต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นรับไว้ โดยไม่ได้มีคำสั่งให้ จำเลยนำเงินที่ต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งมาวาง หากศาลอุทธรณ์ เห็นว่า จำเลยจะต้องวางเงิน ศาลอุทธรณ์ ชอบที่จะมีคำสั่งให้ ศาลชั้นต้นออกหมายเรียก ให้นำเงินมาวางอุทธรณ์ หากจำเลยไม่นำเงินมาวาง ศาลอุทธรณ์ก็อาจมีคำสั่งว่าจำเลยทั้ง ๖ ทิ้งอุทธรณ์
      ศาลฎีกาวินิจฉัยในอุทธรณ์ของจำเลยว่า อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลไม่จำต้องบอกให้จำเลยเอาเงินมาวาง จำเลยต้องทราบเอง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้จำเลยทั้ง๖ ชอบแล้ว

         นี่คือเหตุการณ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐ ก่อนที่จะมาติดต่อผม ให้เป็นทนายความ
         ( ผมจะไม่ขอพูดชื่อจริง นะครับ ใช้นามสมมติเอา)

         ผมได้สอบข้อเท็จจริง ได้ความว่า ที่ดินแปลงพิพาท เดิมมีชื่อ  นาง ม. เป็นเจ้าของที่ดินในโฉนดแปลงพิพาท มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๔ ไร่ และได้รับโฉนดมา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ ในระหว่างที่ นาง ม.ครอบครอง อยู่ มีนาย ต. ครอบครองที่ดินโฉนดแปลงพิพาท ทางด้านทิศตะวันตก เฉียงใต้ โดยสงบเปิดเผยเจตนาเป้นเจ้าของ และนาง ม. ก็ไม่เคยใช้สิทธิทางศาล ฟ้องขับไล่เลย จนกระทั้ง ปี พ.ศ.๒๕๓๖ นาย ต. พ่อของจำเลยได้ทำหนังสือบันทึก เขียนด้วยรายมือตนเอง ในกระดาษสมุดมีข้อความว่า ที่ดิน ๓ งานกว่า ๆนี้ ผม นาย ต. ขอยกให้ลูกทั้ง ๙ คน
    และก็มีข้อความอื่นอีก จะไม่กล่าวถึงละ
       
        ผมย้อนกลับไปดู คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ปรากฎว่า ศาลวินิจฉับว่า การยับการครอบปรปักษ์ ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันออกโฉนด แต่จำเลยต่อสู้ นับตั้งแต่วันออก สค.๑ ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองไม่ถึง ๑๐ ปี ผมคิดได้ว่า โฉนดออก ปี พ.ศ.๒๕๒๓  นาย โตทำหนังสือยกที่ดินให้ ลูก ทั้ง ๙ คน ๒๕๓๖ มันเกิน ๑๐ ปีแล้ว นับ ๓-๔ รอบก็เกิน ๑๐ ปีแล้วทำไมศาลนับไม่ถึงหว่า งง

        มีปัญหาอีกว่า  คำพิพากษาของศาลถึงที่สุดแล้ว ให้ขับไล่จำเลยทั้ง๖ ออกจากที่ดิน ผมสอบข้อเท็จจริงใหม่ ได้ความว่า หลังจากนาย ต. บิดาของจำเลยทำหนังสือแล้ว ปี ๒๕๓๘ นาย ต. บิดาจำเลยเสียชีวิต ย้อนกลับไปดูสารบัญจดทะเบียนโฉนดที่ดิน ปรากฎว่า ปี พ.ศ.๒๕๓๙ นาง ม. เจ้าของที่ดินเดิม ยกที่ดินแปลงพิพาทให้กับ บุตรทั้ง ๙ คน ได้การละ
     
        ผมไปเปิดดูประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๐  บัญญัติว่า ถ้าได้จดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เป็นทางเสียเปรียบ แก่บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของคนได้อยู่ก่อนไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นอาจเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้ แต่การโอนอันมีค่าตอบแทน ซึ่งผู้รับโอนกระทำโดยสุตจริตนั้น ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ท่านว่าจะเรียกให้เพิกถอนทะเบียนไม่ได้

       ปรับ เข้ากับข้อเท็จจริง นาง ม. ได้โฉนด ปี ๒๕๒๓ ไม่ฟ้องขับไล่ นาย ต. ปี ๒๕๓๖ นาย ต. เขียนหนังสือ ยกที่ดินให้ บุตร ๙ คน ซึ่งมีจำเลย ๖ คน เป็นบุตรใน ๙คน แสดงว่า ที่ดิน ที่นาย ต. ครอบครองเกิน ๑๐ ปี โดยผลของกฎหมาย เป็นของนาย ต.แล้ว จะฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นาย ต. ตายปี ๒๕๓๘ บุตรทั้ง ๙ เป็นทายาท ย่อมรับมาทั้งสิทธิและหน้าที่ ของ นาย ต.
       ย้อนกลับไปดู นาง ม. ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ ยกที่ดินให้เปล่าโจทก์ทั้ง ๓ ซึ่งเป็นบุตร เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ โจทก์ทั้ง ๓ จึงฟ้องขับไล่ จำเลยทั้ง ๖
       ที่ดินแปลงพิพาท ๓ งานกว่า ยังไม่ได้แบ่งเป็นสัดส่วน ต้องถือว่า มีสิทธิเท่า ๆ กัน  
       โจทก์ฟ้อง จำเลย๖คน แต่บุตรอีก ๓ คน ของนาย ต. ยังไม่ได้ฟ้อง
        ผมจึงให้ บุตรที่ไม่ถูกฟ้อง ยื่นฟ้องโจทก์ทั้ง ๓ เป็นจำเลย โดยขอให้เพิกถอนการยกให้ ระหว่าง นาง ม. กับบุตรทั้ง ๓ คือโจทก์ เนื่องจากฝ่ายบุตร นาต. ทายาท นาย ต. ได้รับที่ดินมาด้วยการครอบครองปรปักษ์ และมีสิทธิที่จะจดทะเบียนได้ก่อน บุตรทั้ง ๓คนของ นาง ม. และ บุตรทั้ง ๓ คนของนาง ม. รับที่ดินมาไม่ได้เสียค่าตอบแทน เข้า มาตรา ๑๓๐๐
       ส่วนคดีเดิม ที่จำเลยทั้ง  ๖ แพ้คดี และฝ่ายโจทก์ ได้นำหมายเจ้าพนักงานบังคับคดีมาปิดไว้ที่บ้านจำเลยทั้ง ๖ บนที่ดินแปลงพิพาท ผมได้ยื่นคำร้องขอให้ งดการบังคับคดี ศาลรับและอนุญาต

        อนาคต หลังจากศาลพิพากษาแล้ว ผมจะมาเล่าให้ฟังนะครับ ตอนนี้เพิ่งฟ้องยังไม่ได้สืบเลยครับ

       หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในห้องนี้ ไม่มากก็น้อย และถ้าผู้อ่านที่เป็นทนายความ มีอะไรจะแนะนำผม ผมยินดีนะครับ ที่จะรับฟัง บอกก่อน ลูกความผม เป็นตนยากจนครับ ถ้าผมไม่สู้ให้เขา ๆจะไม่มีที่อยู่ เขารวบรวมเงินค่าใช้จ่ายให้ผม ในคดีที่ผมทำให้เขา เยง๕,๐๐๐ บาทครับ

    จากคุณ : ชอบคนไทย - [ 10 พ.ย. 50 22:56:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom