ความคิดเห็นที่ 1 ผมขออนุญาตยกข้อมูลที่ได้จาก หลังไมค์มาวางนะครับ เพื่อเพื่อน ๆ จะได้ช่วย ๆ กัน "ผม okb จขกท. จาก pantip ห้อง ไกลบ้าน คือ คือ เรื่องเป็นอย่างนี้ นะครับ เมื่อปี2550ผม ผมได้ สมัครงาน เข้า ทำงานใน ตำแหน่ง คนงาน ที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่งของรัฐบาลในกรุงเทพ แล้ว ทีนี้ ผมได้ เข้ามา ทำงานทางฝ่าย HR . เค้า บอกกับผมว่า ให้ มาฝึกงาน ทั้งหมด 5 วัน โดยที่ไม่ได้พูดบอก อะไรกับ ผม เลย เรื่องกฎระเบียบต่างๆ อะไรเลย นะครับ แล้วที นี้ หน่วย งาน ข้างใน ที่แยกย่อยไปแต่ ละแผนก ผมก็ได้ไปอยู่ใน แผนกหนึ่ง เค้า ก็ให้ ผม ทำงาน ใน ลักษณะ คนงาน ทำความ สะอาดห้อง ซึ่งเป็นลักษณะ ห้อง วิทยาศาสตร์ ห้องทดลอง ที่มีเครื่องมือทางด้านวิทยาศาสตร์ ผมก็ทำงาน เรื่อง การทำความ สะอาด ห้อง ด้วย ความ เต็มใจ ดีเสมอมา ตลอด 5 วัน เต็มของ การทำงาน เช่น กวาด ถูพื้น เช็ดกระจก ห้อง โดยที่ไม่ได้ มีสิ่งผิดปกติใดๆเลย นะครับ แต่ วัน ที่ 6 (วันแรก ของการเซ็นสัญญาการทำงานและเป็นการทำงานจริง) ผมก็นึกว่าเค้าจะให้ผมทำความสะอาด ห้องนั้น อีก แต่ว่าเค้าให้ผมไปทำ งาน อีกชนิด หนึ่ง ซึ่ง ผมว่าเกี่ยว ข้องกับ ทางด้านวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับ เนื้อเยื่อ ของมนุษย์ ซึ่งผมไม่เคยทำงานใน " "เป็นคนทำความ สะอาดมาตลอดเลย ทางฝ่าย HR.และฝ่ายกฎหมาย เค้าก็ไม่ได้มีการปฐมนิเฐด อะไรเลยในเรื่องกฎระเบียบทางราชการไม่ได้ใส่ใจ แล้วทีนี้ ทางสถาพยาบาลนั้นส่งจดหมายมาว่าให้ไปรายงานตัวแต่ผมก็ไม่ไปเพราะว่าผมออกมาแล้วก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร เพราะผมไม่รู้กฎระเบียบของทางราชการอะไรเลยโดยตั้งแต่เข้าไปไม่มีใครพูดถึงกฎระเบียบทางราชการเลยแล้วพอดีมีคนรู้จักที่รามคำแหงผมก็ได้พูดเรื่องนี้ให้เค้าฟังเค้าก็บอกผมว่าให้ผมไปลาออกให้เป็นกิจลักษณะผมก็ไปลาออกแต่เป็นเพราะว่ามันได้เลยระยะเวลาการลาออกไปทางฝ่ายกฎหมายของที่นั้นจึงบอกกับผมว่าให้ทำเรื่อง อุธรณ์ไปให้คณะกรรมการที่นั้นพิจารณาอีกทีและบอกว่ถ้ายังไม่พอใจในการตัดสินของการอุธรณ์ก็ให้ไปที่ยื่นเรื่องที่ศาลปกครองครับ " จากคุณ : Natelo - [ 12 ก.พ. 51 13:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ข้อเท็จจริงก้ยังไม่นิ่งนะครับแต่เอาเท่าที่อนุมานได้แล้วกัน คุณสมัครเข้าทำงานในสถานพยาบาลแห่งหนึ่งของรัฐบาล แล้วหลังจากทดลองงานได้ 5 วัน ในวันที่ 6(ที่ตกลงรับเข้าทำงาน) เค้าให้คุณไปทำงานอีกห้องหนึ่ง ซึ่งงานเป็นงานในลักษณะเดิมคือ ดูแลความสะอาดของห้อง แต่ห้องนั้น เป็นห้องที่คุณไม่ชอบ ไม่อยากทำงานในนั้น เลยไม่ไปทำงาน แล้วทางสถานพยาบาลนั้นก็ยังคงส่งจดหมายเรียกให้ไปรายงานตัวเข้าทำงานแต่คุณก็ไม่ไปอีก จากข้อเท็จจริงนั้น แสดงว่าคุณมีเจตนาขอเลิกสัญญาจ้างครับซึ่งเป็นเจตนาของคุณเองดังนั้น จะไปเรียกร้องอะไรจากเค้าคงไม่ได้ ไม่ทราบว่ามีกำหนดระยะเวลาการลาออกด้วยหรือครับ ผมไม่เข้าใจ แล้วผลพิจารณาของฝ่ายนั้นว่ายังไงบ้างครับ เค้าเรียกร้องอะไรจากเราหรือไม่ หรือเราต้องการเรียกร้องอะไรจากเค้ากันแน่ครับ ชี้แจงอีกครั้งนะครับ จากคุณ : Natelo - [ 12 ก.พ. 51 13:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ใช่งาน  ในลักษณะเดิมครับ เข้าใจผิดแล้วครับ  คุณ Natelo   คืองาน ที่เค้าให้ทำคืองานใหม่ครับ เค้าให้ผมให้ทำงานเป็น  คนทำทางด้านที่เกียวข้องกับ เนื้อเยื่อ ทางร่างกายของคนครับ  ออกไปในทาง วิทยาศาสตร์ครับ ไม่ใช่งานในลักษณะเดิมเลย ครับเป็น งานทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่ใช่งานที่ตกลงกันตั้งแต่ ตอนแรกครับ เป็นงาน ใหม่ ครับ งานเดิมของผมคือ คนทำความสะอาดครับ แต่ว่า  เค้าต้องการ ให้ผม ทำงานอื่น ซึ่งไม่ใช่ งานเดิมครับ แล้วผมทำงานใหม่นั้นไม่ได้ ครับ ผมแค่ต้องการทำเป็นเรื่องไล่ออกมาเป็นการลาออกครับไม่ได้ต้องการ อย่างอื่นเลยครับ   ผมว่าทางนั้นเค้าปิดบัง ข้อมูลเรื่องการทำงานกับผมก่อนนะครับ เพราะก่อนหน้าที่จะเข้าทำงาน ตอนที่สัมภาษณ์งานเข้าทำงาน เค้าให้ผมยกของ อะไรต่างๆ ให้เค้าดู คือพูดง่าย ๆว่า เป็นงานที่ ใช้แรงงานดีๆ นี้ ละครับ ผมก็ยก ของต่างๆ ให้เค้าดู ว่าเป็น คน แข็งแรง ว่าทำงานหนักได้ เพราะว่า ชื่อ ตำแหน่งงาน ชื่อว่า  ตำแหน่ง   คนงาน   ครับ   แต่คุณ Natelo  เข้าใจผิดในส่วนนี้ครับถ้า อย่างไร ช่วยความกระจ่างชัด ได้ไหมครับ คุณ Natelo  ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : okb - [ 12 ก.พ. 51 13:37:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หมายถึง คุณสมัครเข้าทำงานในตำแหน่งคนงาน ซึ่ง ตอนตกลงกันจ้างงาน และตอนฝึกงาน เป็นการทำความสะอาดห้องหรือ สถานที่ แต่พอจะเข้าทำงานจริงกลับให้ไปทำงานอย่างอื่นใช่ไหมครับ ถ้างั้นมันก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างครับ ซึ่งต้องดูรายละเอียดงานในสัญญาจ้างงานว่าเขียนไว้ว่าอย่างไรครับ แต่อย่างไรก็ตาม การที่คุณ ไม่ไปทำงานโดยไม่มีเหตุหรือละทิ้งหน้าที่เกินกว่า 3วัน นายจ้างก็เลิกจ้างได้อยู่แล้วครับ ประเด็นคือ คุณต้องการลาออกแต่ไม่ได้ทำหนังสือลาออกหรือแจ้งว่าจะลาออกแต่กลับเงียบหายไปไม่มาทำงาน เลยโดนเลิกจ้าง แบบนั้นใช่ไหมครับ เรื่องของเรื่องคือคุณไม่ไปทำงาน.....................จริง สถานพยาบาลได้ส่งหนังสือเตือนแล้ว................จริง คุณไม่ได้แจ้งการลาออก................................จริง ในขณะที่คุณเงียบหายไปนั้น เมื่อคุณยังไม่ยื่นหนังสือขอลาออก คุณก็ยังคงอยู่ในฐานะลูกจ้างของเค้าอยู่ตลอดระยะเวลา ดังนั้น ทางสถานพยาบาลย่อมมีสิทธิที่จะเลิกจ้างคุณได้ เมื่อเค้าได้เลิกจ้างไปแล้ว สัญญาจ้างก็หมดไป แล้วคุณจะขอลาออกได้อย่างไรในเมื่อวันที่คุณขอลาออกนั้น คุณสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างเค้าแล้ว ในการนี้คงทำได้แค่อุทธรณ์คำสั่งเลิกจ้างนั้นและขอให้รับรองการลาออกของเรา พร้อมกับยื่นหนังสือร้องเรียนการจ้างพนักงานแนบไปด้วย แจ้งเหตุว่า คุณได้ตกลงเข้าทำงานในลักษณะหนึ่งแต่กลับถูกใช้ให้ไปทำงานในอีกลักษณะหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ส่วนเรื่องศาลปกครองนั้น ผมยังยืนยันว่าเป็นการยากที่ศาลปกครองจะประทับรับฟ้องครับ เนื่องจากคดีไม่มีมูล ขอแสดงความเห็นใจมา ณ ที่นี้ จากคุณ : Natelo - [ 12 ก.พ. 51 14:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถูกต้องแล้วครัคุณ Natelo เข้าใจถูกต้องแล้วครับ แต่การยื่นอุธรณ์นั้ผมควรจะเขียนเป็นลักณะอย่างไร ครับ ผมไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อน ครับ  ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : okb - [ 12 ก.พ. 51 14:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แค่เขียนในลักษณะจดหมายธรรมดาก็ได้ครับ ไม่ก็ลองไปถามประชาสัมพันธ์ดูว่ามีคำร้องเปล่าไหม เขียนเล่าเหตุการณ์ให้เป็นขั้นตอนว่าวันที่เท่าไรเข้าทำงานในฐานะอะไร ตำแหน่งอะไร ทำงานฝึกงานอย่างไร เจ้าหน้าที่อธิบายการทำงานหรือไม่ เหตุที่ไม่ไปทำงานคืออะไร แล้วผลของการไม่ไปทำงานเป็นอย่างไร เราไปขอลาออกจากงานเมื่อไร แล้วเจ้าหน้าที่แจ้งว่าอย่างไร ลงท้ายว่าเรามีความประสงค์ขอให้ ยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างแล้วให้พิจารณาให้เป็นการลาออกแทนครับ อย่าลืมแนบ หนังสือร้องเรียน ซึ่งหนังสือร้องเรียนจะออกในแนวแสดงความไม่พอใจว่า รับสมัครงานแบบนี้ ให้ฝึกงานแบบนี้ แต่กลับให้ไปทำงานอีกแบบหนึ่ง (อย่าหวังมากนะครับราชการส่วนมากเค้าไม่สนใจเรื่องแบบนี้เท่าไร) ขอให้โชคดี จากคุณ : Natelo - [ 12 ก.พ. 51 16:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากๆครับ คุณ Natelo ที่ช่วยตอบคำถาม แต่ผมกล้าที่ จะพูดว่า ทางหน่วยงานนั้น  ผิด คำพูดกับ ผม นะครับ ทำให้ ผมไม่ค่อยจะพอใจเป็นอย่างมากๆๆๆครับ คือ เหมือนกับว่า เค้า หลอกผมให้เข้า มาทำงาน ใน ตำแหน่ง งานในลักษณะงานที่ใช้แรงงาน แต่กลับ ให้ผม ทำอีกอย่าง ซึ่งงาน ทางด้านเนื้อเยื่อมนุษย์ มรัน เป็นงาน ที่ เกี่ยว ข้อง กับ ชีวิต ของคน นะครับ แล้วกลับให้ผม ทำงาน ที่ไม่เคยทำมาก่อน  ผมถึงได้ไม่ พอใจ เป็นอย่างมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ เพราะว่า ตอนที่รับสมัครงาน เข้ามาเค้าไม่ได้ เคยบอกกับผมว่า ให้มาทำงานในลักษณะอย่างนี้เลย ตอนที่สัมภาษณ์ เค้าก็ถาม ว่างานมรันเป็น งานหนัก นะ คือ  งานหนัก นี้ ผมไม่เคยกลัว เลย แล้ว เค้า สั่งก็ให้ผม ยก หนังสือกระดาษ ซึ่งก็ หนัก พอควร  คือ ว่าเป็นงานใช้แรงงานดีๆนี้เองละครับ   แต่ผมก็ทำได้ครับ ก็แค่ งานใช้แรงกายดีๆนี้เองครับ   แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ  ทาง HR. ให้ผม ไปทำ ประวัติ  อาชญากรรม โดยการพิมพ์ลายนิ้วมือ  ที่ สถานี ตำรวจ  เจาะเลือด ตรวจร่างกาย เอกซเรย์   หมด ผมก็ทำ แต่ นี้ กลับทำให้ ผมเสีย เวลาเป็นอย่างมากๆๆๆครับ ที่มาทำกับผมอย่างนี้   แล้วทาง HR. กับทางฝ่ายกฎหมาย ก็ไม่เคย พูดเรื่อง กฎระเบียบ ของทางราชการอะไรเลย   กับทางพนักงานที่เข้ามาทำงานใหม่อะไรเลยนะครับ ต้องขอขอบคุณ คุณ Natelo ที่เข้ามารับฟัง  ขอบคุณเป็นอย่างสูง  ครับ จากคุณ : okb - [ 12 ก.พ. 51 16:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 งานราชการ เป็นงานที่มีกฎ ระเบียบ แบบแผน ที่ค่อนข้างตายตัวและไม่ยืดหยุ่นครับ ผมอยู่ราชการ  ผมเห็นมาพอสมควร เริ่มงานครั้งแรก ก็ไม่มีการชี้แจงกฎหมาย  ระเบียบ กฎเกณฑ์ อะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องไปเรียนรู้เอาเอง  จากการสอบถามเพื่อนร่วมงานบ้าง  หัวหน้าบ้าง  อ่านหนังสือหรือเอกสารเอาเองบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น  ก็ต้องทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ให้ถูกต้อง เพราะเค้าจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่าทุกคนต้องรู้แล้ว เมื่อคุณไม่ได้ทำตามระเบียบดังกล่าว  เค้าก็ต้องมีคำสั่งไปตามระเบียบ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการลงโทษทางวินัยของข้าราชการพลเรือนจะมีอยู่ 5 สถาน คือ 1. ภาคทัณฑ์ 2. ตัดเงินเดือน 3. ลดขั้นเงินเดือน 4. ปลดออก (ยังมีสิทธิรับบำเหน็จ บำนาญ) 5. ไล่ออก (ไม่มีสิทธิได้รับอะไรเลย) แต่ยังไงก็ต้องลองอุทธรณ์ดูก่อน   ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 12 ก.พ. 51 17:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ okb คงเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไป จึงขออนุญาตปรับความเข้าใจดังนี้ครับ 1.คุณไปสมัครงานตำแหน่งคนงานของสถานพยาบาลของรัฐ ดังนั้น สถานะคุณตอนนั้นคือ "ลูกจ้างชั่วคราว" หรือ "ลูกจ้างเงินบำรุง" 2.การที่จะเข้าทำงานในสถานที่ราชการนั้น ต้องไปทำประวัติที่สถานีตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่อง"ปกติ" ซึ่งถ้าเป็นข้าราชการ เขาจะทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือที่กระทรวงฯ ดังนั้นข้อนี้ ไม่ใช่"ประวัติอาชญากรรม"อย่างที่คุณเข้าใจ 3.ตำแหน่งงาน ตอนแรก ร.พ.ให้คุณทำความสะอาดห้องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์( อันนี้เข้าใจว่าน่าจะเป็นห้องแล็บ ที่ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ) แล้ววันที่ 6 กลับให้ไปทำงานเกี่ยวเนื้อเยื่อมนุษย์ ..งานเกี่ยวกับเนื้อเยื่อมนุษย์นี่น่าจะหมายถึง ทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูในแผนกเนื้อเยื่อฯเท่านั้น เพราะการที่จะเข้าไปทำงานที่เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย หรือ ทดลองอะไรต่อมิอะไรกับเนื้อเยื่อมนุษย์นั้น ต้องใช้บุคลากรที่ได้รับการศึกษา อบรม มาโดยเฉพาะและในหลายกรณีต้องใช้บุคคลที่ มี " ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสาขาต่างๆ" ไม่ใช่ให้เพียงคนที่ได้รับการ ฝึกทำความสะอาด มาทำ ดังนั้นข้อนี้ คุณต้องเข้าใจข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนเป็นอย่างมาก 4. เมื่อคุณสมัครเข้าเป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่ง "คนงาน" ดังนั้น หน่วยงานจึงมีสิทธิเต็มที่ที่จะ " สั่ง" ให้คุณปฏิบัติงานที่แผนกใดๆก็ได้ ในตำแหน่งคนงาน ไม่ถือว่าเป็น"การเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง" อีกทั้ง "สภาพการจ้าง" ก็มีใน กฏหมายแรงงานเท่านั้น และกฏหมายแรงงาน ก็ไม่สามารถใช้บังคับกับส่วนราชการได้ 5.การปฐมนิเทศน์ เจ้าหน้าที่ใหม่ ตามปกติส่วนราชการจะจัดให้มีปีละ 1 ครั้ง โดยจัดคราวเดียวกันสำหรับบุคลากรใหม่ทั้งองค์กร มิใช่ สำหรับทุกคนๆทุกครั้ง ดังนั้นเมื่อหน่วยงานยังไม่จัด ก็ไม่เป็นข้อบกพร่องอะไร แต่เป็นเรื่องที่บุคลากรใหม่ต้องขวนขวายหาความรู้เองด้วย 6.....ผมแค่ต้องการทำเป็นเรื่องไล่ออกมาเป็นการลาออกครับ.... วัน ที่ 6 (วันแรก ของการเซ็นสัญญาการทำงานและเป็นการทำงานจริง) คุณถูกเปลี่ยนงาน คุณก็เลยไม่ไปทำงาน หน่วยงาน แจ้งให้คุณไปรายงานตัวแต่คุณไม่ไป .........แล้วคุณเข้าใจว่า เขา"ไล่คุณออก" อันนี้ไม่ใช่ไล่ออก แต่เป็น"การเลิกจ้าง" เพราะการไล่ออกของส่วนราชการนั้น เป็น"โทษทางวินัย" ขั้นสูงสุดสำหรับความผิดร้ายแรงผู้ที่ถูกไล่ออกจะต้องมีสถานะเป็น "ข้าราชการ" หรือ"ลูกจ้างประจำ" และก่อนที่จะมีคำสั่ง ไล่ออก จะต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวนอะไรต่อมิอะไรมากมาย แล้วจึงสั่งไล่ออกได้ ทีนี้หลังจากถูกสั่งไล่ออก ผู้ที่ต้องคำสั่งนั้นจึงจะมีสิทธิ์ อุทธรณ์คำสั่ง แตไม่ใช่อุทธรณ์ต่อศาลปกครองนะครับ ต้องอุทธรณ์ต่อ อนุกรรมการ ก.พ.ระดับจังหวัด กระทรวง และ อนุกรรมการก.พ. แล้วจึงมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เมื่อกรณีของคุณไม่เข้ากับการที่จะถูกไล่ออกสักอย่างเดียว ดังนั้น คุณเพียงถูกเลิกจ้างเท่านั้น แล้วคุณจะนำคดีไปสู่ศาลปกครองได้หรือไม่ กรณีนี้สัญญาจ้างระหว่างคุณ - ร.พ.นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณะประโยชน์หรือไม่ เป็นสัญญาสัมปทานหรือไม่ หรือเป็นไปตามเงื่อนไขอื่นๆที่จะนำคดีเข้าศาลปกครองได้หรือไม่ ข้อนี้ เห็นว่าสัญญาจ้างนี้ไม่เข้าเงื่อนไขที่จะนำคดีไปสู่ศาลปกครองได้เลย ดังนั้น ศาลปกครองไม่รับฟ้องแน่นอนครับ 7.คุณไม่สามารถเปลี่ยนคำสั่งเลิกจ้าง มาเป็น ลาออกตามที่คุณต้องการได้ เพราะข้อเท็จจริงคุณไม่ได้ลาออก 8.โชคคยังดีนะครับที่ส่วนราชการไม่ปรับ หรือ ดำเนินการตามสัญญาจ้างที่คุณผิดสัญญา จากคุณ : สนเดียวดาย - [ 12 ก.พ. 51 20:10:18 A:125.24.41.103 X: TicketID:167652 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต้องขอขอบคุณ  คุณ  เด็กข้างห้างฯ  ที่เข้าใจผม ครับ แต่ในเรื่องของเอกสาร ผมยังไม่ได้ รับ เอกสาร ทางด้านกฎระเบียบ อะไร เลย ตลอด เวลา 5 วัน ของการฝึกงานทำงาน ครับ กลับเข้ามาอีกทีครับตอนนี้ครับ   คุณ  Natelo ผม เพิ่งได้ จดหมาย ให้ ไปยื่นเรื่องการ อุธรณ์ ในจดหมาย ให้ ยื่น ภายใน เวลา 30 วันครับ  แล้วผม จะต้องเขียน คำให้ การ    การอุธรณ์อย่างไร ครับ  คือ ว่าเขียนใน ลักษณะอย่างไรน ครับ  และ  ผมจะต้องให้การ ปากเปล่า  หรือไม่ครับ ในการ อุธรณ์ คดีนี้   และ ถ้าผมอยากจะยื่น ข้อเสนอให้กับ ทางนั้นโดยให้ทำเป็น สัญญา ลายลัก  อักษรว่า โดยมีการทำสัญญาซึ่งกันและกัน และลงลายเซ็น และมีพยาน บุคคล อื่น รู้เห็น  โดยเขียน ว่า  ถ้าผม จะเขียนเรื่องว่าถ้าผลออกมาเป็น อย่างไร ผมจะให้ทางนั้น เขียน สัญญา ทางกฎหมายว่า ตัวผม นาย okb  จะไม่ขอสมัครงาน หรือ มีตำแหน่ง ใน หน่วยงาน ทางสถานพยาบาลนี้อีก ตลอดไป ถ้าผิด ข้อสัญญา ขอให้ นำเรื่อง สัญญาฉบับนี้ ไปฟ้องต่อ ศาลแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ ต่อไป  นี้พอจะทำได้ไหมครับ   คือ พูดง่ายๆว่า ผมจะสาปส่ง นะครับ ต้องขอขอบคุณ คุณ Natelo  มากๆครับ และ  คุณเด็กข้างห้างฯ  มากๆครับ จากคุณ : okb - [ 12 ก.พ. 51 20:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอตอบ คุณ สนเดียวดาย   ผมเป็นลูกจ้างชั่วคราวครับ ทางฝ่ายกฎหมาย นั้น เค้าบอกกับผมว่า เป็นการทำเรื่อง  ไล่ออก ครับ ไม่ใช่ เลิกจ้าง ครับ เป็น ห้อง lab ครับ ที่เป็นทางด้าน เนื้อเยื่อ ที่ จะต้องมีความรู้ ก่อน ถึงจะทำ งานในลักษณะอย่างนี้ได้ นะครับ แต่การที่ผมทำความสะอาด คุณ นึกภาพ  ของคนทำความสะอาด ให้ดีๆนะครับ ว่าเป็นอย่างไร คือ กวาด  เช็ด  ถู  ห้อง  เช็ด  กระจกห้อง ที่ผมทำนะครับ  ก็เค้าบอกให้ผมทำความสะอาด นี้ครับ แล้ว คุณจะให้ผม ทำเป็นอย่างอื่นได้ อย่างไรกัน ละครับ ส่วนในเรื่องที่คุณ  สนเดียวดาย บอกว่าหน่วยงานจึงมีสิทธิเต็มที่ที่จะ " สั่ง" ให้คุณปฏิบัติงานที่แผนกใดๆก็ได้ ในตำแหน่งคนงาน ผมก็ คิดว่า งานของผมคือการ ทำความสะอาด การเป็นภารโรง นะครับก็ตอนที่สัมภาษณ์งานเค้าให้ผมยก กระดาษหนักให้เค้าดู  แต่ไม่พูดเรื่องลักษณะการทำงานอะไรเลย  และ  ผมว่า เค้าไม่อธิบายในเรื่องของ ลักษณะการ ทำงาน ตั้งแต่ ตอนแรก ผลลัพณ์ จึงได้ เป็นอย่างนี้ นะครับ ถ้า เค้าพูด อธิบาย ตั้งแต่ตอนแรก ในการ สัมภาษณ์ เข้าทำงาน ก็คงไม่เสีย ความรู้สึก อย่างนี้ครับ ส่วนเรื่องของศาลปกครอง  ทางฝ่ายกฎหมาย เค้าก็บอกว่า ให้ผมไป ยื่นเรื่องเอาเองครับ  ถ้าไม่พอใจในผลการตัดสินครับ  ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แล้วครับ เครียด จริงๆๆๆๆนะครับ จากคุณ : okb - [ 12 ก.พ. 51 20:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมขอพูดกับคุณ สนเดียวดาย  คุณ เด็กข้างห้างฯ คุณ Natelo  ทั้ง 3 ท่านนะครับว่า ถ้า  สมมุติว่า คุณเป็นเจ้าของบริษัท หรือ กิจการอย่างใด อย่าง หนึ่ง นะครับ ผมขอถาม คุณกลับ นะครับว่า ถ้าตอนที่คุณ จะรับ คนเข้าทำงาน แล้วคุณ ถามคนที่มาสมัครงานกับ เค้าว่า ใช้ computer เป็นหรือไม่ นะครับ  ถ้าสมมุติว่า คนที่มาสมัครงานกับคุณนั้นใช้ computer ไม่เป็นเลย  แต่กลับ มาบอกหรือ พูด ปิดบัง กับ คุณว่า  สามารถ ใช้ computer เป็น นะ ครับ ผมขอถามคุณกลับนะครับ ว่า คุณทั้ง 3 ท่านจะรู้สึกอย่างไรที่เค้ามาปิดบังข้อมูล หรือ content กับคุณ อย่างนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร ครับ ผมขอถามแค่นี้นะครับ ต้องขอขอบคุณมากๆๆครับที่เข้ามารับฟังปัญหา ของผม ขอบคุณจริงๆครับ จากคุณ : okb - [ 12 ก.พ. 51 20:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 1 ...ถ้า เค้าพูด อธิบาย ตั้งแต่ตอนแรก ในการ สัมภาษณ์ เข้าทำงาน ก็คงไม่เสีย ความรู้สึก อย่างนี้ครับ .... ข้อนี้....เห็นใจครับ 2....ส่วนเรื่องของศาลปกครอง ทางฝ่ายกฎหมาย เค้าก็บอกว่า ให้ผมไป ยื่นเรื่องเอาเองครับ ถ้าไม่พอใจในผลการตัดสินครับ ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แล้วครับ เครียด จริงๆๆๆๆนะครับ .... ข้อนี้... ก็อย่างที่ได้นำเรียนไปแล้วว่า ไม่สามารถนำเข้าสู่ศาลปกครองได้ เพราะ พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้บัญญัติเงื่อนไขของการที่จะนำขอพิพาทขึ้นสู่ศาลปกครองไว้แล้ว กรณีของคุณจึงไม่เข้าเงื่อนไขนั้น ขอแนะนำว่า ก .ไม่ต้องทำอะไรในเรื่องศาลปกครองนี้ครับ ข.ถ้าคุณเห็นว่าการกระทำของโรงพยาบาล(ไม่ว่าจะฝ่ายบุคคล หรือ HR หรือ ใครก็ตามแต่ ) ซึ่งเป็นการกระทำในนาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นการโต้แย้งสิทธิอย่างใดของคุณ ตามสัญญาจ้าง คุณก็สามารถนำคดีไปฟ้องศาลยุติธรรมที่มีเขตอำนาจ ได้ครับ 3....ผมขอถามคุณกลับนะครับ ว่า คุณทั้ง 3 ท่านจะรู้สึกอย่างไรที่เค้ามาปิดบังข้อมูล... ข้อนี้....ผมเป็นคนมองคนในแง่ดี ที่จะต้องมีความเชื่อว่า ในชั้นสมัครงาน เพื่อให้ได้งาน เขาจำต้องปิดบังความจริงไว้ เพื่อแสดงให้ผมซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท เห็นว่าเขามีความสามารถทางคอมพิวเตอร์ ทั้งที่ขณะนั้นยังไม่มี แต่ เขาอาจหาความรู้ให้มีขึ้นได้ในภายหลัง ดังนั้น ผมจึงไม่รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจ แต่ผมถือว่าเป็นหน้าที่ๆต้องดูข้อมูลอื่นๆประกอบคำตอบของเขา เช่นวุฒิบัตรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หน่วยกิตที่เขาเรียนมาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งปริญญาบัตร หรือ ประกาศนียบัตรของเขาผู้นั้น ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็น ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : สนเดียวดาย - [ 12 ก.พ. 51 22:26:16 A:125.24.41.103 X: TicketID:167652 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอตามหา คุณ Natelo ครับ ไม่ทราบว่าเมื่อสักครู่นี้ คุณ โทร ศัพย์เข้ามาที่ มือถือของผมหรือ ไม่ ครับ ที่ผม ให้ เบอร์โทรทางหลังไมค์ไป ถ้าใช่ ผมต้องกราบขอโทษนะครับ ว่าผมลืมเอา มือถือ  ออกไปด้วย เพราะผมใช้ internet จาก ร้าน internet cafe ครับ และ ถ้าใช่ช่วย ขอความกรุณา โทรอีกครั้งได้ไหมครับ พอดีเครื่อง มือถือ ของผมหล่นลงพื้นนะครับ จึงไม่ สามารถ เก็บ memmory ตรงmenu เครื่อง ที่ เบอร์ที่ไม่ได้รับ ได้ครับคือเครื่องมือถือไม่ค่อยดี นะครับ ต้องกราบขอโทษด้วยครับ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็กราบขออภัยอีกครั้งครับที่ เข้าใจผิด จากคุณ : okb - [ 12 ก.พ. 51 22:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ สนเดียวดาย  ครับ ผมขอคำชี้แนะ จากคุณ ได้ไหมครับ ว่าควรจะทำอย่างไร หรือ ควรปล่อยไปเลยตามเลย โดยปล่อย ให้เสีย ประวัติการทำงานไปอย่างนี้ ครับ โดยไม่ต้องไปทำอะไรเลย  คือ ไม่ต้องไป ยื่นเรื่อง อุธรณ์ ต่อทางสถานพยาบาลนั้น  หรือ ว่าควรทำอย่างไรครับ จากคุณ : okb - [ 12 ก.พ. 51 22:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดังที่นำเรียนไว้.. ข.ถ้าคุณเห็นว่าการกระทำของโรงพยาบาล(ไม่ว่าจะฝ่ายบุคคล หรือ HR หรือ ใครก็ตามแต่ ) ซึ่งเป็นการกระทำในนาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นการโต้แย้งสิทธิอย่างใดของคุณ ตามสัญญาจ้าง คุณก็สามารถนำคดีไปฟ้องศาลยุติธรรมที่มีเขตอำนาจ ได้ครับ ซึ่งถ้าจะฟ้อง ก็ต้องฟ้อง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หมายถึผู้ที่"ดำรงตำแหน่ง"ขณะฟ้อง ไม่ใช่"คนที่เป็นผู้อำนวยการ"ขณะเลิกจ้าง ตั้งฟ้องเรื่องผิดสัญญาจ้างได้ครับ แต่ในข้อนี้ เท่าที่เคยดูสัญญาจ้างคนเข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวของโรงพยาบาล และ ข้อเท็จจริงเท่าที่คุณให้มา ... มองไม่เห็นทางที่จะชนะคดีได้เลย (เรียนตามตรงครับ) ส่วนกรณีการอุทธรณ์นั้น ก็ไม่มีผลที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอกครับ การเลิกจ้าง มิใช่คำสั่งทางปกครอง แต่เป็นเรื่องเลิกจ้างตามสัญญาเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้น ดังนั้นเรื่องฟ้องก็ไม่ควรฟ้อง อุทธรณ์ ก็ไม่ควรอุทธรณ์ ทำเฉยๆไปเสียดีกว่า ส่วนเรื่องประวัติการทำงานที่คุณกลัวว่าจะเสียไปนั้น ขอเรียนว่า โรงพยาบาลของรัฐ หรือหน่วยงานใดของรัฐ ไม่มีนโยบายที่จะไปตามให้ประวัติการเลิกจ้างลูกจ้างของตนกับใครๆ หรอกครับ ขนาดบุคคลภายนอกจะเอาข้อมูลจากโรงพยาบาล ถ้าเป็นเรื่องความลับทางราชการ ก็ยังต้องอาศัย พรบ.ข้อมูลข่าวสารฯ หรือ ถ้าใครต้องการข้อมูลคนไข้ ก็ยังต้องมีหมายศาล ดังนั้คุณมั่นใจได้เลยว่า การเลิกจ้างระหว่าง คุณ-โรงพยาบาล ก็จะอยู่ในแฟ้มเอกสารของโรงพยาบาล ซึ่งไม่มีใครอ้างความจำเป็นใดๆที่จะเอาออกไปได้ ถ้าหากว่ามีการลักลอบเอาออกไป แล้วคุณเกิดความเสียหาย ก็ต้องไปว่ากันเป็นเรื่องอื่นต่อไป ดังนั้นกเลิกจ้างนี้จึงไม่มีการเสียประวัติการทำงานอย่างที่คุณกังวลหรอกครับ ขอให้สบายใจได้ และประสบความสำเร็จในงานใหม่ครับ ขอให้โชคดี ครับ จากคุณ : สนเดียวดาย - [ 12 ก.พ. 51 23:33:36 A:125.24.47.214 X: TicketID:167652 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไม่ได้โทรไปครับ ขออภัยด้วยที่ไม่ได้ตอบ พอดีเวลาหลังเลิกงานจะเป็นเวลาพักผ่อนสมองของผมครับ จะไม่ค่อยเข้ามาตอบ คราวนี้ก็อย่างที่ผม และ คุณสนเดียวดายว่าไป การฟ้องศาลคงไม่รับฟ้อง เพราะไม่มีมูล ส่วนการอุทธรณ์นั้น สามารถทำได้แน่นอนครับ โดยทำเป้นคำร้องหรือหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการของเค้า แต่ผลก้คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เราทำได้แค่ร้องเรียน เท่านั้น หากโชคดีอาจจะได้จดหมายตอบจาก คณะกรรมการ ประมาณว่าขอแสดงความเสียใจที่การรับสมัครเข้าทำงานทำให้เข้าใจผิด แต่ผลของการเลิกจ้างจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าให้ผมคาดเค้าก็คงนิ่งเฉยไปละครับ การอุทธรณ์ ลักษณะนี้จะไม่เรียกเข้าไปให้การปากเปล่าหรอกครับ ยังไงก็ตัดใจแล้วปล่อยวาง หางานใหม่เริ่มต้นกันใหม่ หากสมัครงานที่ใหม่แล้วมีปัญหาเพราะเรื่องนี้ค่อยร้องเรียนอีกครั้งครับ ถึงตอนนั้นการร้องเรียนก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นเพราะเราได้รับความเสียหาย เท่ากับถูกขัดสิทธิ ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : Natelo - [ 13 ก.พ. 51 09:06:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ต้องขอขอบ  คุณNatelo  และ  คุณ สนเดียวดาย ที่ช่วยเข้ามาให้ ความรู้กับผมและท่าน อื่นที่เข้ามา ให้ความรู้ กับผมเป็นอย่างยิ่ง ครับ แต่ผม มี ข้อ สงสัย ประการหนึ่ง คื่อ ถ้าผมไปสมัครงานอื่น ที่เป็น หน่วยงาน ของรัฐ หรือ หน่วย งานภาค รัฐวิสาหกิจ   หรือ การทำงานภาค เอกชน  เช่น  บริษัท  ห้างร้าน หรือ ธุรกิจ อื่น ผม จะมีประวัติ การทำงานที่เสีย นี้   ใช่หรือไม่ แล้ว การ ตรวจสอบการเค้า จะรู้ เรื่องราวของผมใช่หรือ ไม่ครับ จะทำให้มีผลการเข้าทำงานในสถานที่แห่งใหม่ อีกเรื่องที่ คุณ Natelo บอกว่าในการอุธรณ์นั้น ให้ทำเป็หนังสือ ร้องเรียน นี้หมายความว่า ผมจะต้องเขียน เป็นลายลักษณ์ อักษร ลงในกระดาบษ A4 ทั่วๆไปใช่หรือไม่ ครับ ในการยื่นเรื่องอุธรณ์นั้นครับ ต้องขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงต่อ  คุณ Natelo คุณ สนเดียวดาย อีกครั้งครับ ที่ช่วยให้ความรู้ให้ความกระจ่างกับผม และครั้งนี้ คือ บทเรียน แห่งชีวิต ของผม ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงทำให้รู้ว่า อย่าได้ ไว้ใจทาง อย่าวาง ใจคน จะจนใจเอง โดย เชื่อถือคำพูดของคนเพียงแค่ดูแต่รูปร่างหน้าตาภายนอก หรือ คนที่มีหน้าที่ ตำแหน่งงานดีๆ  ครับ จากคุณ : okb - [ 13 ก.พ. 51 10:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 และ ขอถาม คุณ Natelo และ  คุณ สนเดียวดาย  อีกเรื่องคือ การฟ้องร้องคดีความ ทางแพ่ง ทางสถาพยาบาลนั้นสามารถกระทำ ได้ใช่หรือไม่ครับ ถ้าสมมุติว่าผมไม่ มีทรัพย์สินใดๆให้ ยึดทรัพย์  ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : okb - [ 13 ก.พ. 51 15:57:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ...การฟ้องร้องคดีความ ทางแพ่ง ทางสถาพยาบาลนั้นสามารถกระทำ ได้ใช่หรือไม่ครับ.... ทำได้ครับ ....ถ้าสมมุติว่าผมไม่ มีทรัพย์สินใดๆให้ ยึดทรัพย์ ... ข้อนี้ เป็นคนละขั้นตอนกับเรื่อง จะฟ้องได้หรือไม่ แต่เป็น ข้อที่ ผู้ฟ้องจะนำมาพิจารณาว่าจะฟ้องหรือไม่ มากกว่า อย่างที่เรียนไว้ ถ้าการผิดสัญญาของคู่สัญญา ไม่ทำให้สถานพยาบาลเสียหาย หรือเสียหายเล็กน้อย เขาไม่ฟ้องหรอกครับ เพราะมันค่อนข้างยุ่งยาก แต่ถ้าเป็นผิดสัญญาที่มีความเสียหายมากๆ เขาถึงจะพิจารณาฟ้อง ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : สนเดียวดาย - [ 14 ก.พ. 51 15:16:30 A:125.24.48.35 X: TicketID:167652 ]