ความคิดเห็นที่ 1 บอกเค้าว่า ให้ไปฟ้องศาลเอาเองครับ เพราะเมื่อไปถึงศาล ค่าปรับ ค่าติดตามทวงถาม ค่าโน้นค่านี้ ศาลท่านตัดทิ้งแทบเกือบหมดครับ มีบางอย่างที่ผมพูดในนี้ไม่ได้ครับ เอาเป็นว่า บอกเค้าให้ไปฟ้องศาลครับ ใจแข็งเข้าไว้ อย่าไปยอมมัน สู้ๆ จากคุณ : น้าออด - [ 22 พ.ค. 51 14:28:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เหมือนกันเลย ค้ำประกันให้ลูกพี่ลูกน้องค่ะ ตอนนี้น้องจ่ายค่างวดครบหมดแล้ว (แต่ช้ามากกก) จ่ายงวดสุดท้าย 5/02/2008 เขาส่งฟ้องศาลว่าเราไม่จ่าย 6/02/2008 ฟ้องเป็นคดีดำ ค่าอะไรต่ออะไรมากมาย เป็นแสนเหมือนกัน แต่น้าบอกให้ใจเย็นๆ ให้ไปตามหมายศาล เก็บหลักฐานการจ่ายเงินทุกอย่างไว้ ไปเจรจา ซึ่งถ้าเราไปตามที่ศาลนัด ท่านก็จะให้ความยุติธรรม มีค่าเสียหายบ้าง แต่ไม่เว่อร์ขนาดที่ทางไฟแนนซ์เรียกร้องมา ....... เข้าใจความรู้สึกค่ะว่าคงเหมือนกัน ร้อนใจมากๆ โชคดีที่น้าเป็นทนายคอยให้คำแนะนำและปลอบใจ มันน่าโมโหจริงๆ กับความเดือดร้อนที่คนอื่นทำไว้ให้ ....... เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : WANAJAA - [ 22 พ.ค. 51 15:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถูกครับเราจะจ่ายเท่าที่เห็นควร เช่น ราคารถที่ขาดอยู่ อันนั้นยังไง ๆ ก็ไม่รอด แต่ค่าใช้จ่ายของไฟแนนซ์ ค่าปรับ ค่าทวงถาม ค่าติดตาม ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ บอกไปเลยว่าเราจะจ่ายแค่ส่วนที่ยังขาดอยู่จากราคารถเท่านั้น นอกนั้นอยากได้ไปฟ้องเอา จากคุณ : Natelo - [ 22 พ.ค. 51 15:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กรณีนี้ถ้า คุณไม่จ่าย เขาก็จะเอารถไปประมูล แต่จะให้สิทธิ์เจ้าของก่อน แต่กรณีที่เรียกค่าเสียหายเพิ่ม ยอดนั้นจะรวมค่าตัวรถด้วย โดยรวมๆแล้วมากกว่าแสนแน่ๆ(ยกเว้นมอไซต์ รุ่นเล็ก)  แต่กรณีนี้น้อยกว่า แสน เอาไปประมูลน่าจะได้มากกว่าแสน ส่วนต่างหลังจากหัก จะคืนให้เจ้าของเดิมครับ แต่ถ้าจ่ายก็จะต่อรองได้บ้างอาจจะเป็นส่วนลดดอกเบี้ย หรือค่าติดตาม แต่กรณีนี้จะต้องจ่ายเป็นก้อน ปิดไปเลยนะครับ จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า - [ 22 พ.ค. 51 16:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ^ ถูกต้องครับ...กรณีนี้เค้ายึดรถไปแล้วครับเค้าไม่ฟ้องหรอกครับนอกจากเค้าจะขายแล้วไม่ได้ราคาเท่ากับมูลหนี้ค้างชำระ แต่กว่าเค้าจะฟ้องโน้น...เกือบสิบปีครับ...เอากันจนลืมไปเลยว่าเคยไปซื้อรถตอนไหน... ถ้าผ่อนมาจนเกือบหมดแล้วโดนเค้าตามยึดรถได้ถือว่าซวยสุดๆครับ...อย่าไปท้าเค้าฟ้องนะครับ...เค้าไม่ฟ้องหรอกครับ...เพราะเค้าถือไพ่เหนือกว่า เรื่องนี้รถอยู่กับใครคนนั้นได้เปรียบครับ...เค้าจึงพยายามตามยึดรถมาให้ได้ก่อนครับอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง...ไอ้เรื่องฟ้องไม่ฟ้องนี้เค้าไม่ค่อยให้ความสำคัญมากหรอกครับในเบื้องต้น...บางกรณียึดรถได้แล้วขายแล้วผู้เช่าซื้อไม่ติดใจมีหนี้เหลือเล็กน้อยเค้าก็ไม่ฟ้องครับ... เมื่อรถอยู่ในมือเค้าอำนาจการต่อรองก็อยู่ที่เค้า...จากเดิมที่ผู้เช่าซื้อหายหน้าเบี้ยวหนี้ไม่มาติดต่อเลยกลายเป็นมาติดต่อเพื่อขอประนอม...ถ้าไม่สามารถยึดรถได้คงไม่มาให้เห็นหน้าแน่ๆ...ฉะนั้นเมื่อเค้ายึดรถได้แล้วและเราเองก็ค้างอีกไม่กี่งวดควรเข้าไปเจรจาดีกว่าครับ...ผมคิดว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดครับ แต่ถ้ารถหายไปเลย...อย่างนี้เค้าก็จะไปไล่เอากับประกันครับ...เพราะส่วนใหญ่พวกนี้เค้าจะบังคับทำประกันชั้นหนึ่งอยู่แล้ว..เมื่อยังขาดอยู่เท่าไหรเค้าจึงจะมาไล่เอากับเรา  ส่วนประกันก็จะไปติดตามหารถเอง (แก้คำผิด) แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 51 17:34:03 จากคุณ : อินทร์นิล - [ 22 พ.ค. 51 17:30:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนที่คุณจะนำรถไปส่งคืนให้ทำดังนี้ครับ        1.นำรถไปตรวจสภาพ ให้ร้านค้าออกใบเสร็จรับรองมา ถ่ายรูปแอร์ เครื่องยนต์หน้ารถ        2.ถ่ายรูปรถทุกด้าน ให้ติดทะเบียนหน้ารถ ภายในมีเครื่องตบแต่งใดถ่ายให้หมด ทีวี ผ้าม่าน คอนโทรล        3.ขับรถไปแจ้งความ ที่สถานีตำรวจว่านำรถที่ถูกยึดมาคืนบริษัรแจ้งเป็นหลักฐานเท่านั้นจะไว ตำรวจจะทำให้ คัดถ่ายรับรองมา 1 ชุด          4. โทรเรียกบริษัทรมารับรถ หรือขับไปส่งที่หน้าบริษัท(ถ่ายรูปรถที่หน้าบริษัทให้ติดชื่อบริษัทร)        ทั้งหมด... 4 ข้อนี้อย่าบอกให้บริษัทรรู้ ว่าเราทำหลักฐานไว้สู้คดี ผลคือ ข้อ1.รถอยู่ในสภาพดี ไม่มีการฟ้องเรียกค่าเสื่อมสภาพ เสียหายมาหมายเรียกเจ้าของสถาณที่บริการมาเป็นพยานศาลในประเด็นนี้         ข้อ.2.เวลานำรถออกขายทอดตลาด บริษัทรไฟแนนท์จะขี้โกง ซิกแซก ไม่ยอมบอกเวลาประมูล โดยซิกแซกขาย-หรือสมยอมขายกับเต้นท์รถในเครือ ในราคาตำกว่าครึง ของราคาจริง ฉนั้นการถ่ายรูปสภาพรถไว้จะทำให้ศาลเห็นสภาพที่แท้จริง ราคาจะสูงขึ้นอย่างมาก  ใบรับรถยนต์ของบริษัทรต้องตรวจว่า ลงว่ามีทีวี ม่าน คอนโซล แอร์ วิทยุฯล ให้ครบก่อนลงชื่อรับ และรับสำเนากลับมาด้วย            ขึ้นศาลคุณจะชนะในประเด็นนี้ตามรุ่นรถที่ขายจะได้ราคาที่แท้จริง         ข้อ.3.-4 ... การขับรถไปแจ้งความ หรือส่งให้บริษัทรเอง จะทำให้ศาลรับรู้ถึงรถอยู่ในสภาพดี และใช้งานได้ จะตัดประเด็นค่าติดตามรถยนต์ของบริษัทรได้อีกมากมาย เพราะเราขับมาส่งเองค่าติดตามจึงไม่มีมาก(ปล่อยมันฟ้องมา)          ทำทุกอย่างที่ผมบอก โดยเก็บหลักฐานทุกชิ้นไว้ คุณจะน็อคไฟแนท์บนศาลได้ ประหยัดเป็นแสนทีเดียวเชื่อผม....        ย้ำ....อย่าบอกไฟแนท์ว่าเราทำหลักฐานไว้ มิฉนั้นเขาจะหาเรื่องฟ้องในประเด็นอื่นๆมา...จำไว้นะครับขอให้ท่านโชคดี อย่ารอให้เขามายึด คุณจะถูฟ้องกลับอีกเป็นแสนครับ         ข้อ.4. จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 22 พ.ค. 51 17:37:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเองก็คำประกันรถให้พี่สาวกับน้องภรรยา ถ้าพวกเค้าชำระเงินค่าผ่อนช้าและโดนจดหมายทวงถาม ผมจะโดนแบลคลิสท์มั้ยครับ เพราะผมตั้งใจจะกู้แบงค์ซื้อบ้านสิ้นปีนี้ ถ้าโดนแบลคลิส หมดอนาคตเลยนะครับ จากคุณ : Nikom - [ 22 พ.ค. 51 18:42:50 A:192.168.50.112 X:118.173.232.102 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ จะซื้อบ้าน ตัวคุณเองต้องไปเช็คเครดิตบูโร ก่อนนะครับ อย่าพึ่งเรียกพนักงานไปประเมิน เพราะ การประเมินผ่าน หรือ ไม่ผ่าน มันย่อมมีค่าธรรมเนียมตามมา http://www.ncb.co.th/Default.htm   <<< ลองเข้าไปดูลายละเอียดนะครับ ศูนย์เครดิตบุโร จากคุณ : ข้าวก่ำ - [ 22 พ.ค. 51 19:49:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผู้ค้ำประกันยังไม่ติด Balck list จนกว่าจะถูกฟ้องนั่นแหละครับ เพราะมิได้เป็นลูกหนี้ แต่เมื่อธนาคารทราบว่าคุณได้ค้ำประกันหนี้อื่นไว้ มันจะยิ่งเป็นความเสี่ยง ดังนั้นยอดกู้อาจลดลงจากที่ควรได้ หรือ อาจต้องหาคนมาค้ำตัวเราเองเพิ่ม หรือต้องหาทรัพย์มาค้ำอีก แย่ครับการค้ำประกัน เนื้อไม่ได้กินเอากระดูกมาแขวนคอ จากคุณ : Natelo - [ 23 พ.ค. 51 09:51:46 ]