PANTIP.COM : U6968696 พ่อไม่ให้เปลี่ยนชื่อ ถ้าเปลี่ยนจะตัดความเป็นพ่อลูก []

ความคิดเห็นที่ 4

ตัวเองทำมาหากินกับเอกสารมานานมากจนสรุปได้ว่า เรื่องชื่อสกุลนี้ไม่เปลี่ยนเป็นดีที่สุด เพราะว่ายุ่งยากวุ่นวาย เสียทั้งเงินทั้งเวลา

1. คุณเปลี่ยนชื่อ คุณก็ต้องไปเปลี่ยนบัตรประชน พาสปอร์ต ใบขับขี่ บัญชีแบงค์ ฯลฯ
2. คุณจะไปเรียนต่อ ก็ต้องทำหนังสือรับรองว่าทรานสคริปต์ของคุณซึ่งเป็นชื่อเดิม กับชื่อปัจจุบันนั้นเป็นคนๆ เดียวกัน
3. คุณเคยได้วีซ่ามาแล้ว พอเปลี่ยนชื่อก็ต้องเสียเงินขอวีซ่าใหม่ เพราะต้องทำพาสปอร์ตใหม่
4. คุณเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลสามีหลังแต่งงาน คุณต้องเปลี่ยนเอกสารทั้งสำรับใหม่หมด
5. คุณหย่า กลับไปใช้นามสกุลเดิม ก็ต้องไปเปลี่ยนกลับเป็นสกุลเดิมทั้งหมด
ฯลฯ

ความจริงก็คือ ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นั้นถือว่าเป็นมงคลสูงสุด เพราะท่านตั้งให้คุณด้วยความรัก ความปราถนาดี
อย่างที่ไม่มีใครให้คุณได้มากกว่านี้อีกแล้ว ถ้าไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูมา ป่านนี้คุณจะไประหกระเหินอยู่ที่ไหน เคยคิดบ้างไหม
ถ้ามีความคิดว่าการเปลี่ยนชื่อนั้นจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น ของฟันธงว่าคิดผิดค่ะ การที่ชีวิตจะดีขึ้นหรือเลวลงอยู่ที่กรรม
คือการกระทำของตัวคุณเอง ไม่ได้อยู่ที่ชื่อ ถ้าคุณไม่ตั้งใจเล่าเรียน ไม่มีความอุตสาหะในการทำงาน
ไม่มีสติสัมปชัญญะครองตน ไม่มีวิจารณญานในการตัดสินในเลือกคู่ครอง เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุนำไปสู่ความเสื่อม
ความหายนะ ทั้งสิ้น

ดิฉันไม่คิดว่าการเปลี่ยนชื่อทำให้อะไรๆ ในชีวิตดีขึ้น หรือเปลี่ยนไป ถ้าเราไม่เปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติของตัวเราเอง
ให้ทำในสิ่งที่เป็นมงคลแก่ตัว แต่เนื่องจากตัวเองเป็นทั้งลูกและหลานหมอดู ได้เห็นจากคนที่มาหาหมอดู
หรือมาปรึกษาเรื่องเปลี่ยนชื่อ ทั้งคุณปู่และคุณพ่อจะไม่สนับสนุน แถมคัดค้านอย่างแรงว่า เรื่องการเปลี่ยนชื่อ
ว่าไม่มีผลอะไร นอกจากความรู้สึกของเจ้าตัวเท่านั้น ท่านได้ให้เหตุผลว่า คนเรานั้น ถูกกำหนดมานับตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์มารดา
แล้วว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ชีวิตจะดีขึ้น หรือแย่ลง ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเจ้าตัว ว่าตั้งแต่เกิดมา
ได้เคยประกอบกรรมดีบ้างหรือไม่ ดำรงชีวิตในทางที่เป็นมงคลหรือไม่ คนที่อ้างว่าอยากเปลี่ยนชื่อ เพื่อจะได้เรียนหนังสือเก่งขึ้นนั้น
ตำรับตำรา ถ้าไม่ท่องไม่อ่าน จะไปเก่งได้อย่างไร หรือบ้างก็ว่า ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่เจริญ ไม่ได้ก้มลงมองตัวเองบ้าง
ว่าทำงานนั้น ทำอย่างไร สักแต่ว่าทำตามที่นายสั่งไปวันๆ ไม่เคยคิดว่า จะทำอย่างไรให้ประสิทธิภาพของงานดีขึ้น
หรือลดความเสียหายลง ฯลฯ และในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความตั้งใจในการทำงาน ไม่ใช่เอาแต่คุยกับคนโน้นคนนี้
พอให้หมดวันไปวันๆ ข้อสำคัญ ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นั้น ถือว่าเป็นนามมงคลอันสูงส่ง ที่ไม่อาจหาใดมาเทียมได้

แล้วดิฉันก็ ได้เห็นว่าที่คุณปู่กับคุณพ่อพูดเสมอๆ เรื่องการเปลี่ยนชื่อนั้น เป็นความจริง ตอนนั้นดิฉันอายุสามสิบ ได้งานใหม่
เป็นงานระดับบริหารในองค์กรระหว่างประเทศ ที่มีชื่อเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เจ้านายก็โอน หรือน่าจะใช้คำว่า "โละ" เลขามาให้คนนึง
ชื่อคุณหน่อย เธอจบการเลขานุการมาจากโรงเรียนฝรั่งมีชื่อ ทำงานมาก็นานมาก เธออายุมากกว่าดิฉันยี่สิบปี
แต่เป็นคนรูปร่างหน้าตาดี และดูอ่อนกว่าอายุจริงมาก ตั้งแต่วันแรกที่ดิฉันเข้าไปทำงาน เธอก็มีอาการไม่พอใจ
เพราะดิฉันอายุคราวลูก เธอไม่เคยนึกถึงว่าดิฉันมีปริญญากี่ใบ ประสบการณ์การทำงานกี่ปี ตอนนั้นดิฉันได้ทราบว่า
เธอเคยเปลี่ยนชื่อมาครั้งนึงแล้ว ชื่อดั้งเดิมก็ไพเราะ ไม่ได้ฟังดูเชยหรืออย่างไร คุยกันเลยได้ทราบว่าที่เปลี่ยนเพราะดวงตก
สามีขอหย่า อยู่ๆ ไปสองสามปี เธอก็ลุกขึ้นเปลี่ยนชื่ออีกรอบนึง

ปรากฏ ว่าทุกอย่างเหมือนเดิม จะดีขึ้นได้ยังไงก็คุณเธอไม่เคยปรับปรุงตัว งานเข้าเจ็ดโมง มาทำงานแปดโมง
ในขณะที่นายใหญ่มาหกโมงครึ่ง มาถึงก็สั่งแซนด์วิชกับกาแฟมารับประทานก่อน งานยังไม่ทำ ยกเว้นเวลานายใหญ่มาสั่งให้ทำอะไร
ถึงจะทำ คนอื่นสั่งต้องรอก่อน พอสายๆ หน่อย นายๆ ทั้งหลายออกไปเดินตรวจงาน คุณเธอก็ยกหูโทรศัพท์เม้าท์กับเพื่อนๆ
หรือไม่ก็เดินออกไปเม้าท์ที่แผนกอื่้น ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาพ่อขุนอีกต่างหาก ที่ดิฉันทราบก็เพราะโทรเข้าเบอร์ที่โต๊ะตัวเอง
ไม่มีคนรับ เธอมีหน้าที่รับโทรศัพท์ให้ดิฉัน ไปทานกลางวันก็กลับมาช้าเป็นประจำ เรื่องอู้งานนี่ไม่ต้องห่วง แถมยังชอบเปรียบ
กับคนโน้นคนนี้ คนที่เธอชอบเอาตัวไปเปรียบด้วยนั้น เป็นคนประเภทที่ทำงานเก่ง หัวดี ทำงานเร็วและแม่นยำ
รู้จักใช้เทคโนโลยีมาทำให้งานราบรื่น รวดเร็ว และเป็นประเภทที่ว่า ไม่ต้องพูดมาก จัดการประสานงานทุกอย่างให้เรียบร้อย
ไว้ใจได้เต็มร้อย ดังนั้น ถึงคนคนนี้จะมีเวลามานั่งเล่นคอมพ์ มั่ง ทั้งนายใหญ่ และดิฉันก็ถือว่า เค้าเป็นที่มีประสิทธิภาพงานดีมาก
ไม่เคยบกพร่อง ถ้าจะมีเวลาไปนั่งอ่านหนังสือในเน็ทมั่ง ก็ให้เค้าไป ไม่เหมือนคนที่ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำ แล้วยังไม่ขยัน
เอาแต่คุย อู้งานไปวันๆ

ต่อมาก็ทราบว่าคุณ หน่อยไปมีอะไรๆ กับคนในที่ทำงานเดียวกัน คนคนนั้นก็มีลูกมีเมียแล้ว คุณหน่อยเองก็รู้ ปกติดิฉันไม่สนใจ
เรื่องแบบนี้ ถือว่า นอกเวลางาน ใครจะไปขึ้นช้างลงม้าที่ไหน ดิฉันไม่สนใจ ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน แต่ปัญหาคือ
คุณหน่อยเอาความลับในงานบางอย่างออกไปเล่ากับคู่นอน ซึ่งตรงนี้เสียหายมาก เพราะกระทบกระเทือนถึงนายใหญ่ด้วย
ดิฉันจึงต้องทำงานที่ไม่สามารถเปิดเผยได้นั้นเสียเอง

ดิฉัน ทำงานโดยมีคุณหน่อยเป็นเลขาได้ไม่นาน ก็สุดทน เพราะคุณเธอไม่ยอมเรียนรู้อะไรเลย คุณหน่อยมีคอมพิวเตอร์ใหม่เอี่ยม
เป็นรุ่นที่ดีที่สุดที่มีในตลาดตอนนั้น โปรแกรมเพียบ แต่พอใช้ให้ทำอะไรในโลตัส หรือเอ็กเซล ก็จะถามทุกขั้นตอนว่าทำยังไง
ไม่เคยเอากระดาษมาจด และไม่เคยจำ ทางออฟฟิซจ้างครูมาสอน เป็นครูที่รับรองโดยไมโครซอฟท์ด้วย ค่าจ้างแพงลิบ
แต่ครูเก่งและสอนดีสมราคา คุณหน่อยก็ยังไม่พัฒนา จนในที่สุดดิฉันตัดสินใจบอกนายใหญ่ว่า ดิฉันขอเปลี่ยน ไม่เอาเลขา
แต่ขอโทรศัพท์ที่ีมีระบบตอบรับอัตโนมัติแทน เพราะยังไงๆ ดิฉันก็ลงเอยด้วยการทำงานส่วนมากเองอยู่แล้ว นายใหญ่ขานรับทันที
ทันใด คุณหน่อยเลยถูกย้ายไปเป็นเสมียนในห้องคัดเลือกเมล์ เงินเดือนไม่ได้ลด แต่ตำแหน่งลด ซึ่งต้องถือว่าโชคดีเป็นนักหนา
เพราะนายใหญ่นั้น ถ้าไม่ชอบใจใคร เป็นไม่ต่อสัญญาจ้างเอาง่ายๆ

หลัง จากโดนย้าย คุณหน่อยเปลี่ยนชื่อเป็นครั้งที่สอง โดยให้เหตุผลกับใครๆ ว่า ดวงไม่ดี ทำงานไม่เจริญ
ดิฉันแอบมานึกในใจว่า ดูทำตัวเข้า น่าจะเจริญอยู่หรอกหนา ไม่เรียนไม่รู้ ไม่พัฒนา แล้วมาอิจฉาเด็ก แต่ไม่ว่าคุณหน่อย
จะเปลี่ยนชื่อกี่รอบ เพื่อนๆ ของคุณหน่อยก็ยังคงเรียกคุณหน่อยว่า อีหน่อย ไม่เคยเปลี่ยน ดิฉันนึกถึงคำของคุณปู่กับคุณพ่อขึ้นมา
ทุกครั้งที่ใครมาถาม หรือปรึกษาเรื่องเปลี่ยนชื่อ และก็จะบอกทุกคนว่า อย่าเปลี่ยนเลยค่ะ ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เรานั้น
เป็นมงคลสูงสุดหาที่เปรียบมิได้ เพราะท่านตั้งให้ด้วยความปรารถนาดี ความรัก และท่านก็ประคบประหงมเลี้ยงดูคุณมา
จนโต ได้รับการศึกษาที่ดี ฯลฯ ถ้าอยากเปลี่ยน เปลี่ยนการกระทำของตัวเองเถอะค่ะ ทำในสิ่งที่ดีงาม เป็นมงคลแก่ตัว
ไม่ว่าจะเป็นการพูดจา การสมาคมกับผู้คน การรู้จักใช้สติปัญญาไตร่ตรองในการดำรงชีวิต
การไม่พาตัวไปอยู่ในสถานที่อโคจร ฯลฯ ก็บอกได้แค่นี้แหละค่ะ

จากคุณ : Lawanwadee - [ 6 ก.ย. 51 00:20:37 ]