ความคิดเห็นที่ 1 ที่ ตร. บอกว่าบาดแผลไม่สาหัส แจ้งพยายามฆ่าไม่ได้นั้นไม่ถูกนะครับ ดูที่เจตนาครับว่าเจตนาทำร้ายร่างกายหรือเจตนาฆ่า หากเจตนาฆ่าทำไม่สำเร็จจึงเป็นพยายามฆ่า แต่ หากเจตนาทำร้ายทำไม่สำเร็จจึงเป็นพยายามทำร้าย เช่น ถือปืนห่างกันแค่ 2 เมตรยิงขา ทั้งที่ยิงอวัยวะสำคัญได้เห็นได้ว่าเจตนา ของผู้ยิงไม่ได้ต้องการเอาชีวิตเพียงแต่ ทำร้ายร่างกาย ยังงี้ไม่เป็นพยายามฆ่า หรือ อีกกรณี ยืนห่างกันเท่าเดิมเล็งปืนที่ศรีษะแต่ ผู้เสียหายหลบได้ไม่มีบาดแผลอะไรเลย เห็นได้ว่าผู้กระทำความผิดมีเจตนาเอาชีวิต แต่ทำไม่สำเร็จ แบบนี้ถึงไม่มีบาดแผลก็ผิดพยายามฆ่าได้ ของคุณผมว่า ผิดฐานพยายามฆ่าหรือป่าวต้องดูพฤติการณ์อื่นประกอบ แม้ ฟันหัวเป็นอวัยวะสำคัญ  แต่ต้องดูพฤติการณ์อื่นประกอบด้วย ฟันทีเดียวไม่แรงแล้วหยุดอาจแค่สั่งสอนไม่ได้ต้องการเอาชีวิต หรือว่า พยายามฟันอีกกะเอาให้ตาย ต้องดูพฤติการณ์ของคนที่ทำนะครับว่าเจตนาจะฆ่าหรือแค่ทำร้าย แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 51 22:50:21 จากคุณ : tesoek b.b - [ 25 ธ.ค. 51 22:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่ครับต้องดูที่เจตนาครับ ไม่ต้องดูผล ถึงแม้ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยหากเจตนาฆ่า เมื่อไม่สำเร็จหรือสมประสงค์ ก็เป็นพยายามฆ่าครับ และหากทำร้ายสาหัส หากไม่มีเจตนาฆ่า ก็มีโทษแค่ทำร้ายร่างกายผู้อื่นสาหัสเท่านั้นเช่นเดียวกันครับ          อย่างกรณีของคุณนั้น ถึงแม้ว่าบริเวณศรีษะ เป็นจุดสำคัญก็จริง ก็ต้องดูเจตนาฝ่ายตรงข้ามด้วยครับเช่นขณะที่ทำร้ายนั้นได้มีการกระทำซ้ำๆ กันหรือไม่เช่น ฟันซ้ำหรือครั้งเดียว หรือพฤติกรรมการหยุดทำร้ายของเขาเกิดจากอะไร หยุดเองหรือมีคนจับ หรือก่อนทำร้าย ขณะทำร้าย หรือหลังทำร้าย นั้นผู้กระทำได้พูดหรือข่มขู่ต่างๆ นาๆ ว่า จะฆ่าให้ตาย หรือเสียดายที่ไม่ตายฯลฯหรือเปล่าครับ และพฤติกรรมอื่นๆ อีกมากมายเลยที่ต้องวิเคราะห์ครับ            ดังนั้นผมคิดว่า หากจะตั้งขอหากับผู้ต้องหาแล้ว  ขอให้ตั้งตามพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ควรจะตั้ง ผมคิดว่าจะเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายที่สุดครับ เพราะมิฉะนั้น ความเป็นธรรมก็จะเอนเอียงเช่นกัน  ยังไงก็ขอให้คุณแม่หายเร็วๆ นะครับ จากคุณ : www.mahisornlaw.com (attorney_law) - [ 25 ธ.ค. 51 23:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นี้ละครับเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้โทษของผู้ต้องหาจากหนัก เป็นเบาได้เช่นกัน  หากพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนอย่างไม่เป็นธรรม หรือเอนเอียงไปข้างใด ข้างหนึ่งครับ ดังนั้น ผมคิดว่าตอนคุณแม่โดนทำร้ายคุณก็บอกว่ามีพยานรู้เห็นค่อนข้างเยอะ คุณลองสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ดูครับ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร  ข้อเท็จจริงที่คุณทราบจากผู้เห็นเหตุการณ์นั้น ต่างกับข้อเท็จจริงของพนักงานสอบสวนหรือเปล่า                การที่ผู้เสียหายได้รับบาทเจ็บไม่สาหัส แล้วพนักงานสอบสวนบอกว่าไม่เป็นพยายามฆ่า ถือว่าพนักงานสอบสวน มองที่ผล(บาดแผล) เป็นหลัก ซึ่งจริงๆ แล้วต้องมองที่เจตนาเป็นหลักครับ จากคุณ : www.mahisornlaw.com (attorney_law) - [ 25 ธ.ค. 51 23:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ด้วยความเคารพครับ ไม่รู้ว่าข้อความจะยังทันการและมีประโยชน์อยู่ไหม อย่างแรก อย่าไปโวยวายใส่ตำรวจมากนะครับ เพราะคุณยังต้องอาสัยเขาในการดำเนินการ เดี๋ยวเขาจะหมั่นไส้ ทำสำนวนหลวมๆก็ได้นะครับ การจะดูว่า ผู้กระทำความผิดนั้น ผิดฐานอะไร ก็ต้องเอา "เจตนา"ของผู้นั้นเป็นเกณท์ >>หากเขา มีเจตนาในใจที่ต้องการฆ่า =เขาต้องรับผิดฐานพยายามฆ่า >> หากเขาเจตนาทำร้าย = เขาก็ต้องรับผิดอย่าง ทำร้าย >> แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เรื่องเจตนาของผู้กระทำความผิด >> ไม่มีใครที่สามารถ หยั่งรู้ได้ นอกเสียจากตัวเขาเอง >> ดังนั้น จึงต้องมีการสู้กันในศาล เพื่อเอาลักษณะการกระทำ,อาวุธ,พยานหลักฐานต่างๆ  มานำเสนอต่อศาล >>ผู้ที่เป็นคนกลาาง>>ให้ศาลเชื่อว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น ที่นำมา>> จะบอกได้  ถึงเจตนาในใจของผู้กระทำความผิด >>เช่นนี้จึงพอสรุปได้ว่า จะเป็นความผิดฐานใด ต้องดูเจตนาในใจ >>ของผู้กระทำความผิด >> แต่ไม่มีผู้กระทำความผิดคนไหนหรอกครับ> ที่จะยอมรับความจริง >> ดังนั้น ต้องดูที่ "พฤติการณ์ ที่เขาได้กระทำ" จึงจะบอกได้ 1 คุณแจ้งข้อหาพยายามฆ่าได้ครับ  และสมควรอย่างยิ่ง (อยากให้แจ้งต่อ ผู้กำกับ สน.นั้น) 2ตำรวจ จะปฎิเสธคำร้องทุกข์ไม่ได้ >> หากปฎิเสธ ถือว่าปฎิบัติไม่ชอบ เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา(ไม่บอกมาตราดีกว่า เดี๋ยวคุณแรงเกินไป ไปบอกมาตราเขา แล้วเดี๋ยวยุ่ง) 3แรงกว่ากันเยอะครับ ,เอาพยานหลักฐานในคดี เป็นเครื่องพิสูจน์ 4ไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า(ความผิดที่ตัวตำรวจเห็นด้วยตาตัวเอง ในขณะกำลังกระทำความผิด) หรือไม่มีเหตุอื่นใด ให้จับได้ >> ดังนั้น ตำรวจต้อง ออกหมายเรียกผู้ต้องหามา สน.ก่อน  หากไม่มา จึงมีเหตุออกหมายจับได้ครับ - คุณต้องเข้าใจนะครับว่า ตำรวจเป็นคนๆนึงที่อยู่ดีๆ  ก็มีคนมาบอกว่ามีการทำร้ายกัน  ดังนั้นเมื่อได้แต่ฟังเขามาไม่ได้เห็นด้วยตา  ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ ผู้ถูกกล่าวหาด้วย (แม้ความจริงจะเป็นเช่นไร ก็ต้องให้ความเป็นธรรมทุกๆฝ่าย) 5เป็นปีครับ จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 - [ 26 ธ.ค. 51 00:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทะเลาะวิวาทในเรื่องเล็กน้อย อีกฝ่ายเกิดโทสะคว้าอีโต้ในครัวมาฟันศีรษะ ... มองว่าเป็นการทำร้ายร่างกายกันนะคะ เพราะการมีปากเสียงในเรื่องเล็กน้อยคงไม่ถึงขนาดให้คนจะฆ่าแกงกันได้ ตำรวจยังไม่จับตัวคนร้าย คนร้ายยังลอยนวลอยู่ ต้องรอหมายจากศาลค่ะ และต้องมีทั้งหมายค้นและหมายจับด้วย เนื่องจากว่า ไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าที่ตำรวจเห็นเหตุการณ์ตรงนั้นเลย จะผลีผลามเข้ามาจับกุม แล้วบอกข้อหา ตัวคนร้ายก็ต้องปฏิเสธแน่นอนค่ะ เพราะตำรวจไม่เห็นเหตุการณ์ มีคนไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ต้องนำบันทึกประจำวันและคำร้องทุกข์กล่าวโทษนั้นไปขอหมายจากศาลก่อน จึงจะจับตัวผู้ต้องหาได้นะคะ และการที่จะเข้าจับกุมในเคหสถาน ก็ต้องมีหมายค้นด้วย เพราะว่า ตำรวจไม่ได้วิ่งไล่จับผู้ร้ายด้วยตัวเองนะคะ มีคนไปร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ จะเข้าไปจับใครก็ต้องบอกข้อหาแก่เขาก่อนว่า นี่คือหมายค้น นี่คือหมายจับ ขอจับคุณในข้อหาพยายามทำร้ายร่างกาย ... ใจเย็นๆ ค่ะ ... กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปตามกระบวนการของมันเอง ถ้าการฟันศีรษะเพราะมีปากเสียงเพียงเล็กน้อย และบาดแผลไม่สาหัสมาก เป็นการพยายามฆ๋า ก็ศาลก็คงยกฟ้องค่ะ เพราะฟังจากข้อเท็จจริงแล้ว ไม่น่าจะมีเจตนาฆ่าได้นะคะ ขอให้คุณแม่หายป่วยไวๆ ค่ะ จากคุณ : นกกระจิบฟองน้ำ - [ 26 ธ.ค. 51 08:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สนับสนุนทุกข้อความข้างบนครับ เพราะหลักกฎหมาย และ หลักปฏิบัติข้างบนตอบไปหมดแล้วครับ แต่ข้อตั้งข้อสังเกตไว้นิดนึงว่า กรณีนี้อาจมองว่าเป็นเจตนาเล็งเห็นผลได้ว่าจะทำให้ตายได้ในทันทีหรืออาจถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เพราะกระทำที่บริเวณหัว ซึ่งเป้นอวัยวะสำคัญ แม้ว่าจะมีผลเพียงแค่เย็บ 7 เข็มก็ตาม กรณีถ้าสู้กันจริงๆ หรือ ชี้ให้ศาลเห็นจริงๆ ก็อาจ(อาจจะเท่านั้น)จะเป็นกรณีพยายามฆ่าได้ครับ ขึ้นอยู่กับการต่อสู้คดีครับ จากคุณ : น้าออด - [ 26 ธ.ค. 51 08:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถึงน้าออด ขนาดคดีที่ใช้ขวานฟันกลางหลังสองที นอนโรงพยาบาลเย็บสิบกว่าเข็มเป็นเวลายี่สิบกว่าวัน ทนายจำเลยยังต่อสู้ให้เป็นการป้องกันได้เลย จากสถานการณ์เป็นช่วงเวลากลางคืน ไม่มีแสงไฟ และพวกวัยรุ่นตะลุมบอนกันไม่รู้ใครเป็นใคร ... โจทก์ฟ้องว่า เป็นการพยายามฆ่า แต่จำเลยต่อสู้ว่า เป็นการป้องกัน เพราะถูกรุมทำร้าย ไม่เห็นว่าใครเป็นใคร มีแค่ไฟหน้ารถ แต่เหตุเกิดหลังรถ แค่ข้อกล่าวหา สามารถต่อสู้กันได้ค่ะ ... อยู่ที่ความเก่งของทนายจำเลย ในการพยายามดึงพยานหลักฐานให้ศาลเห็นตามได้ ถึงเจ้าของกระทู้ ใจเย็นๆ นะคะ ให้ถึงกระบวนการนั้นก่อน ส่วนที่ว่าจะได้ถึงศาลเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับคดีที่ศาลนั้นๆ ว่ามีมากเพียงใด ตามคิวค่ะ เพราะเคยเห็นว่า บางคดีก็หกเดือน บางคดีก็สองปี เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ต้องทำสำนวน ต้องสอบปากคำ ในชั้นสืบสวน สอบสวน และก็เข้าไปไต่สวนมูลฟ้องอีกว่ามีมูลตามฟ้องหรือเปล่า ... ถ้าไม่มีส่วยใต้โต๊ะแล้ว กระบวนการยุติธรรมบริสุทธิ์โปร่งใสแน่นอนค่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 51 10:11:40 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 51 09:30:07 จากคุณ : นกกระจิบฟองน้ำ - [ 26 ธ.ค. 51 09:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พยายามฆ่าแน่นอนครับ โดยดูจากเจตนาที่ใช้มีดฟันบริเวณศีรษะ ซึ่งผู้ฟัน มีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเล็งผลได้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจทำให้ผู้ที่ถูกฟันได้รับอันตรายถึงชีวิต เมื่อการกระทำไม่บรรลุผล จึงกลายเป็นข้อหา พยายามฆ่า ตำรวจจะบอกว่าฟันแล้วบาดแผลไม่ลึกจึงไม่ไช่พยายามฆ่านั้น ฟังไม่ขื้นครับบ จากคุณ : เด็กนิติ (basyakuza) - [ 26 ธ.ค. 51 10:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ด้ยความเคารพ ถ้ามีหมายจับ ไปจับที่บ้านของเขา ไม่ต้องมีหมายค้นครับ จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 - [ 26 ธ.ค. 51 13:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถึง คห.ที่๙ ถ้าเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาหลบไปอยู่ที่บ้านคนอื่น ต้องมีหมายค้นใช่ไหมคะ แต่ถ้าเขาอยู่บ้านตัวเอง ไม่ต้องมีหมายค้นใช่ไหมคะ จากคุณ : นกกระจิบฟองน้ำ - [ 26 ธ.ค. 51 16:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สมมุติก่อนนะครับ..... สมมุติว่า...ผมสอบปากคำผู้กล่าวหาได้ความว่ามูลเหตุการทะเลาะวิวาท เป็นเรื่องเล็กน้อย และคู่กรณี...เกิดโมโหขึ้นมาเลยคว้าเอามีดอีโต้ที่อยู่ใกล้ มาฟันใส่ศรีษะหนึ่งครั้ง  ,เป็นการฟันครั้งเดียว ไม่ได้ฟันซ้ำ พร้อมๆกับพูดว่า อย่างนี้ต้องสั่งสอน ให้จำและมีโอกาสจะฟันซ้ำได้อีกแต่ก็ไม่ทำ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นชาย และคู่กรณีเป็นหญิง.... ผมก็คงจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาในฐานทำร้ายร่างกาย หากผม....เป็นร้อยเวรในคดีนี้ เมื่อผมทราบว่าอธิบายให้คุณเข้าใจไม่ได้ว่า ทำไมผม...ต้องแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายข้างต้น ผมก็สอบสวนปากคำคุณ...ซึ่งคุณต้องการจะแจ้งความว่า พยายามฆ่า โดยจะระบุเลขมาตราเลยนั้นก็ทำได้ โดยผมจะบันทึกให้ตามที่คุณต้องการ แต่เวลาตามที่ผมแจ้งข้อกล่าวหา ผมจะแจ้งข้อกล่าวหาที่ไม่มีพยานหลักฐาน สนับสนุนและมีอัตราโทษสูงกว่าตามที่คุณต้องการไม่ได้... อีกทั้งในคดีนี้คุณไม่ได้เป็นผู้ักล่าวหานะครับ....มารดาของคุณต่างหาก เพราะท่านยังสามารถให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนได้ แล้วมองมุมกลับกัน....หากคุณรู้ว่าญาติของคุณมีเจตนาที่จะสั่งสอนคนอื่น โดยตีเบาะๆที่ศรีษะจนแตก พักรักษาตัวเล็กน้อยก็หาย แล้ว...ญาติของคุณถูกคนที่ถูกทำร้ายแจ้งกับร้อยเวรว่า " พยายามฆ่า " ร้อยเวรก็ดีใจหายแจ้งข้อหานี้ให้ เป็นคุณ...คุณจะร้องเรียนร้อยเวรไหมครับ...... จากคุณ : ฮูฮง - [ 26 ธ.ค. 51 16:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถึง..นกระจิบสุกสวย ถ้าผู้ที่มีหมายจับ อยู่ในบ้านตัวเอง เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องมีหมายค้นครับ แต่นอกจากนี้แล้ว หากผู้ถูกจับอยู่ในที่รโหฐานอื่นที่ตนเองมิใช่เจ้าบ้าน  ผู้ทำการจับต้องมีหมายค้น ด้วยครับ(มีทั้งสองหมาย) คุณนกกระจิบเข้าใจถูกแล้ว >>เว้นแต่ เจ้าของที่รโหฐานนั้น จะอนุญาตให้ผู้ทำการจับเข้าไปได้ เช่นนี้ไม่ต้องมีหมายค้น  มีแต่เพียงหมายจับอย่างเดียว หรือ เข้าข้อม.78 ก็ทำการจับได้ แต่แม้ว่า ผู้ทำการจับจะได้เข้าไปจับผู้ถูกออกหมายจับ ในที่รโหฐาน  ซึ่งเป็นเหตุให้การจับนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ไม่ทำให้การสอบสวนของพนักงานสอบสวนเสียไป ไม่ตัดอำนาจพนักงานอัยการในการฟ้อง ถึง...จขกท.  ที่คุณฮูฮก  ที่กล่าวมาถูกแล้ว ผมจำได้คุ้นๆว่า การแจ้งข้อหาแก่ ผู้ต้องหา จะต้องมีเหตุอันเชื่อได้ว่า ผู้ต้องหาได้กระทำความผิดนั้นๆ หาก ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา เกินกว่าที่จะเป็น ถือเป็นการปฎิบัติมิชอบ อาจโดนข้อหาครอบจักรวาลได้ (เพราะอาจเกี่ยวด้วยเรื่องสิทธิ ของผู้ถูกกล่าวหา  เช่น เรื่องเหตุการออกหมายจับ) จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 - [ 26 ธ.ค. 51 21:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กลับมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากวันนี้ได้พบแม่แล้ว และได้คุยกับพยานแวดล้อมที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วค่ะ เรื่องมันเริ่มที่การโต้เถียงกันหลังจากนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ ก็คว้าไม้ก่อน แต่แม่ก็เร็วเอามือกดมือของฝ่ายตรงข้ามไว้ และมีชาวบ้านเข้ามาแยกออกในระหว่างที่แยกออกจากันแล้วเผลอ เค้าคว้ามีดฟันลงมากลางศรีษะแม่ดิฉัน และไม่ได้แค่ทีเดียวเค้าพยายามจะฟันซ้ำ แต่เนื่องจากมีชาวบ้านอยู่ใกล้ๆ เลยคว้าตัวไว้ และในขณะที่ชาวบ้านคว้าตัวเค้าไว้เค้าก็ยังเงื้อและฟันลงมาอีกหลานครั้ง แต่โดนแม่แค่ครั้งแรกครั้งเดียว คนที่มาช่วยแมยังโดนลูกหลงมีดบาดมือด้วย และกว่าจะดึงมีดออกจากมือได้ก็ค่อนข้างนานและยาก นอกจากนั้นเค้ายังมีการขู่อาฆาตว่า  " วันนี้ ku จะเอามึ _ให้ตาย " ซึ่งตรงนี้เป็นข้อมูลที่ได้จากชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เกือบทั้งหมดให้การตรงกัน  ในเบื้องต้นได้ให้คนที่โดนลูกหลงไปหาหมอที่อนามัยเป็นหลักฐานไว้แล้วค่ะ ส่วนสาเหตุที่เถียงกันก็เรื่องแย่งน้ำเข้านานั่นแหละค่ะ และอีกอย่างเมื่อคืนไม่ใช่ตำรวจรับแจ้งความนะคะ  เพราะเมื่อคืนไปถึงโรงพักแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่ร้อยเวรที่สามารถรับเรื่องได้  ไปนั่งรอเป็นชั่วโมงก็ไม่มา  ได้แต่เล่าให้จ่าฟังและคุยกับร้อยเวรทางโทรศัพท์เท่านั้น ( ปกติโรงพักต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอดไม่ใช่เหรอคะ )   วันนี้ได้ไปที่โรงพักอีกครั้งและเจอตำรวจที่แสดงกิริยาแย่มาก  ย้ำว่าเราไม่ได้โวยวายเลยทั้งสิ้น  แต่เรายืนยันว่าเราจะดำเนินคดีไม่ได้แจ้งด้วยซ้ำว่าจะดำเนินคดีอะไร ( จะทำร้ายร่างกาย หรือ พยายามฆ่า ก็สุดแล้วแต่ )   ขณะที่แม่เรากำลังเล่าเหตุการณ์ตำรวจท่านนี้ก็โทรศัพท์ หันไปคุยกับคนอื่น เดินออกไปดูหมาที่กัดกัน ทำให้แม่เราเล่าขาดช่วงจนงง ตนโดนฟันหัวนะคะลำพังไม่ต้องเล่าไม่ต้องคิดอะไรมากก็ปวดแผลอยู่แล้ว นี่ต้องมานั่งเล่าเรื่องซ้ำๆให้คนที่ไม่สนใจฟังอีก แล้วในที่สุดตำรวจก็สรุปกับแม่เราว่าจะเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย  เพราะเชื่อว่าผลสุดท้ายทางเราก็ต้องถอนแจ้งความอยู่ดี  ดูเค้าคิดสิค่ะ  โดนฟันหัวนะคะ ไม่ใช่คนตบกันจะได้มาไกล่เกลี่ยยอมความกันได้ง่ายๆ อย่างนี้ต่อไปไม่พอใจใครก็เอามีดฟันหัวแล้วไปไกล่เกลี่ยแล้วจบงั้นเหรอค่ะ พอเรายืนยันจะดำเนินคดี ก็ทำกิริยาหงุดหงิด หาว่าเรารู้ดีกว่าตำรวจ ( เราจะดำเนินคดีกับคนผิดเนี่ยเรียกรู้ดีตรงไหน ค่ะ )  อีกทั้งโยนสมุดลงบันทึกประจำวันลงตรงหน้าเราอีกด้วยและประโยคที่เจ็บปวดมากๆ คือ " คุณจะรู้ดีกว่าผมได้ไง อันนี้มันกลไกลชุมชน ผมเจอมาเยอะผมรู้ดีว่าในที่สุดตอนแรกจะเอาเรื่องผลสุดท้าย แม่คุณนั่นแหละก็จะเป็นฝ่ายมาขอผมให้ถอนแจ้งความ  ผมจบโทรัฐศาสตร์ ตรีนิติศาสตร์เจอมาเยอะ ผมรู้ดี ถ้าคุณไม่ฟังผมเชิญคุณออกไป " นี่แหละประโยคที่ตำรวจพูดกับประชาชน  หลังจากที่ประชาชนผู้เสียหายต้องรอตำรวจตั้งแต่เมื่อคืนและไม่สามารถแจ้งความได้ ก็เจ็บปวดแล้ว พอมาแจ้งความได้ก็เจอกิริยาฉุนเฉียวเหมือนคนหงุดหงิดอะไรมาร้อยชาติอย่างนี้ นี่สรุปผู้เสียหายไม่มีสิทธิ์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาใช่ไหมค่ะนี่ ในกรณีอย่างนี้ เราสามารถร้องเรียนกับใครได้บ้างค่ะ เพราะเราเกรงว่าตำรวจจะขี้เกียจทำสำนวน และเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ระดับสารวัตรเชียวนะคะ  ตอนนี้ในเบื้องต้นเราก็ได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับไว้แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะดีขึ้นแค่ไหน  ถ้าเราไม่แจ้งความกับ สน.ในท้องที่ เราสามารถไปพึงพาตำรวจจากที่ไหนได้มั่งค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : *แชมพู* - [ 26 ธ.ค. 51 21:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืม...ขอโทษด้วยครับ... ที่เจอร้อยเวรอย่างนี้...... ก็สามารถร้องเรียนได้ครับ..ร้องเรียนที่เร็วๆหน่อยๆ ก็ร้องที่ผู้การจังหวัดที่ร้อยเวรอยู่..แต่ต้องลงชื่อนามสกุลจริงด้วยนะครับ เพื่อที่คณะกรรมการสอบสวนเขาจะได้มาสอบสวนคุณถึงเหตุการณ์ที่จะเอาผิดกับร้อยเวรถูก หากคุณไม่แจ้งความ..กับตำรวจท้องที่ คุณไปแจ้งความที่กองปราบ... เขาก็สอบสวนปากคำมมารดาคุณ และส่งเรื่องมาให้้ท้องที่เดิมอยู่ดี.... จากคุณ : ฮูฮง - [ 26 ธ.ค. 51 22:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณค่ะ ทุกๆท่าน คุณฮูฮงคะ ไม่ต้องขอโทษดิฉันหรอกค่ะ  เพราะแค่คุณเข้ามาให้ข้อมูลก็ขอบคุณมากๆแล้วค่ะ ^-^ เจตนาคืออยากดำเนินคดีให้ถึงที่สุดค่ะ  ไม่ว่าจะเข้าข่ายคดีใดก็ตาม  ดิฉันก็ไม่ได้ดันทุรังว่าจะต้องพยายามฆ่าเท่านั้น ที่สอบถามก็เพื่อเป็นข้อมูลว่ามันสามารถดำเนินคดีข้อหาอย่างนี้ได้หรือไม่ ส่วนในความเป็นจริงจะเป็นข้อหาอะไรก็ว่าไปตามหลักเกณฑ์ตามกฏหมายค่ะ  คือถ้าตำรวจให้ข้อมูลด้วยวาจาสุภาพและกิริยาที่สุภาพคนเข้าไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจจะไปหาเรื่องตำรวจทำไมกัน การเข้ามาหาข้อมูลที่นี่ก็เพื่อให้ตัวเองมีความรู้ติดตัวไว้บ้างเพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินคดี  เพราะพอจะทราบมาว่าตำรวจที่นี่ชอบแสดงกิริยาข่มขู่ชาวบ้านเพราะไม่ค่อยอยากทำคดี  คือเคยได้ยินจากชาวบ้านแต่ไม่นึกว่าจะเจอจริงๆกับตัวเอง  ชาวบ้านแถวนี้ก็กลัวตำรวจมีหลายๆคดีที่ไม่ยอมดำเนินคดีเพราะไม่อยากไปโรงพัก ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งดิฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น   หลังเกิดเหตุการณ์ที่โดนตำรวจไล่ออกมา ดิฉันก็ได้เข้าไปคุยกับผู้กำกับ สน.  และผู้กำกับก็ได้มีการเรียกตัวสารวัตรท่านนั้นไปคุยซึ่งก็ไม่ทราบว่าคุยอะไรกัน แต่หลังจากออกจากห้องผู้กำกับ สารวัตรท่านนี้ก็บอกว่าจะดำเนินคดีให้ ( ไม่รู้เต็มใจและจะเต็มที่กับคดีแค่ไหน ) แต่เราก็จะลองดูการปรับปรุงการทำงานของสารวัตรท่านนี้ดูก่อนค่ะ  ซึ่งถ้าไม่ได้เรื่องจริงๆ เราคงจะต้องร้องเรียนจริงๆแล้วล่ะคะ  อย่างที่หลายๆความคิดเห็น  ไม่ว่าอย่างไร ณ. ตอนนี้ เราก็ต้องพึ่งตำรวจนายนี้เพราะเค้าเป็นคนทำสำนวนให้เรา  เราเลยบอกตำรวจว่า เราจะถือว่าสิ่งที่คุณแสดงกิริยาเมื่อสักครู่ไม่ได้เกิดขึ้นแล้วกัน ( เป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากๆในความรู้สึกเรา ทำไมเราต้องยอมให้คนที่ทำไม่ถูกด้วย ) ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เรียกคู่กรณีไปสอบปากคำแล้วค่ะ เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา แต่ตำรวจยังไม่ได้สอบปากคำแม่เราอย่างจริงจังเลย มีแต่บันทึกแจ้งความที่ฟังอย่างไม่ประติดประต่อเมื่อสักครู่ รายละเอียดยังไม่ชัดเจน สอบปากคำผู้ต้องหาก่อนผู้เสียหาย ???   แต่ก็เอาเหอะ ขอให้ดำเนินการให้เต็มที่ก็แล้วกัน  ขอบคุณสำหรับทุกท่านสำหรับคำแนะนำนะคะ  ถ้าอย่างไรจะเข้ามาอัพเดทความคืบหน้าอีกครั้งค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : *แชมพู* - [ 26 ธ.ค. 51 23:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หลังจากฟ้องเรื่องของแม่เรียบร้อยแล้ว ก็จ้างทนายความไปฟ้องตำรวจในฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยซะเลย จากคุณ : นกกระจิบฟองน้ำ - [ 27 ธ.ค. 51 05:39:39 ]