คือพอดีป้าเสียน่ะค่ะแล้วป้าแต่งงานกับลุงแต่ไม่มีลูกคนที่มีสิทธิ์ในมรดกก็จะมี3คนคือ
คุณตา คุณยาย(พ่อแม่ของป้า)กับลุงใช่มั๊ยคะ แล้วทีนี้เรื่องมันมีอยู่ว่า สมัยป้ายังมีชีวิตอยู่ ลุงดีกับทั้งคนในครอบครัวเรา ซึ่งเรากับน้องก็เรียกเขาว่าป๋า ดีกับคุณตาคุณยายด้วย
ทุกๆเดือนป้ากับลุงจะพาคุณยายไปซื้อของใช้ในบ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายหลายๆอย่าง เนื่องจากตอนนี้คุณตาคุณยายไม่ได้ค้าขายแล้ว
แต่เมื่อป้าเสียเมื่อวันที่19 ก.ย.51 พอเสร็จงานศพป้า ลุงก็ได้เอาใบมาให้คุณตาคุณยายเซ็นต์ คือใบที่มอบอำนาจให้เป็นผู้จัดการมรดก คุณตาเห็นว่าที่ผ่านมาลุงก็เป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
แล้วคุณตาก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะมายกทรัพย์สมบัติอะไรให้ ขอแค่ดูแลกันไปอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นพ่อเป็นลูกกันแล้วก็พาไปซื้อของใช้ทุกเดือนแค่เดือนละไม่เกิน2พันบาท
แต่ตอนที่ลุงเอามาให้เซ็นต์นั้นแม่ของดิฉันซึ่งมีสักเป็นน้องสาวแท้ๆของป้าและลุงที่เป็นพี่ชายป้าอีกคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลยมารู้อีกทีตากับยายก็เซ็นต์ไปแล้ว
พวกเราก็ไม่ได้ว่าอะไรมากเพราะเชื่อใจว่าลุงจะไม่ตุกติกแน่ๆ แต่หลังจากเสร็จงานลอยอังคาร ลุงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน (จริงๆเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังต้องช่วยงานกันอยู่)เริ่มพูดจาไม่ดีกับคุณยาย
และก่อนหน้าที่เขาจะให้พวกเราไปหอบเสื้อผ้าของป้ามานั้น เขาก็ได้ให้คนอื่นขอย้ำว่าตนอื่นจริงๆค่ะ แค่นับถือกันเป็นอา+หลานแค่นั้น แล้วแม่คุณก็หอบไปซะหลายอย่าง ทั้งกระเป๋าหนังแท้ ซึ่งดิฉันสนิทกับป้ามากจะรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน แต่พอไปดูกลับไม่มีแล้วพวกผ้าไหม เครื่องสำอางค์เรียกว่าของดีๆขนไปหมด เหลือแต่ที่เขาไม่ต้องการก็ปล่อยให้เรามาเก็บ ทั้งๆที่ตอนแรกตกลงกันแล้ว
ว่าอย่าให้ใครมารื้อไปก่อนนะ แล้วที่แม่เราสงสัยคือ ป้าเป็นคนรอบคอบมาก เพราะก่อนจะเสียตากับยายก็ถามว่ามีอะไรจะสั่งเสียมั๊ย ป้าก็บอกว่าไม่ เรียบร้อยหมดแล้ว ทำให้แม่แน่ใจว่าป้าต้องเขียนอะไรบอกไว้แล้วอาจจะเก็บไว้ที่ใดที่หนึ่ง แล้ววันนึงลุงก็โทรมาหาแม่ดิฉันถามว่าฉันกับน้องและแม่ชื่อกับนามสกุลสะกดยังไง และลุง(พี่ชายป้า)นามสกุลอะไร แม่เราก็ได้บอกไปแล้วเขาก็บอกให้แม่ส่งหลักฐานของเรากับน้องไปให้เขา (พูดแบบไม่ค่อยเต็มใจ)เพราะเรากับน้องได้ในสิทธิ์ค่า ฌปค. (ป้าเป็นครู) เลยทำให้ลุงไม่ค่อยพอใจ
แล้วที่แม่สงสัยคือในเมื่อไม่เกี่ยวกับแม่และลุงเลยทำไมเขาถึงถามชื่อและนามสกุล และพอถึงวันที่เขาให้เราไปขนเสื้อผ้าของป้า กระเป๋าทุกใบถูกเปิดซิบอกหมด และมีร่องรอยการรื้อทั้งตู้เสื้อผ้า ทั้งตู้โชว์ทุกอย่าง เราก็บอกแม่ว่าอย่าไปหวังอะไรเลย ถ้าเขาไม่อยากให้เราก็ทำอะไรไม่ได้ ทีนี้คุณยายเลยโกรธที่เขาเริ่มพูดจาไม่ดี คุณยายก็เลยโทรไปถามว่า แล้วเรื่องทรัพย์สินของป้าล่ะ เขาก็ตอบกลับมาว่า ก็แบ่งให้ไปแล้วไงจะเอาอะไรอีก ทั้งๆที่เงินนั้นถึงลุงจะไม่ให้ ตากับยายก็ต้องได้อยู่แล้วก็คือเงินบำเหน็จตกทอด หรือเขาจะหมายถึงเสื้อผ้าป้าที่เขาให้มานี่หรอที่เขาว่าแบ่งให้แล้ว
ทั้งสร้อย แหวน นาฬิกา ป้ามีเยอะมากแต่วันที่ไปดูลุงบอกว่าหาไม่เจอ เรารู้ทั้งรู้ว่าอยู่ตรงที่เขารื้อออกไปแล้วแต่เราก็ไม่พูด พอถามถึงเงินในบัญชีเขาก็บอกว่าเป็นเงินที่เขาให้ป้าทุกเดือนเดือนละ4หมื่นทั้งๆที่ช่วงวันศพยังเห็นสมุดบัญชีตั้ง4-5เล่มและสลากออมสินอีก100,000บาทแล้วเขาบอกว่าให้ป้าแค่เดือนละ2-3หมื่นบาท แล้วดิฉันก็เลยคิดว่าป้าของดิฉันก็ทำงาน ไม่ได้เกาะเขากินซะหน่อย จะเป็นไปได้ยังไงที่เงินทุกๆบัญชีจะเป็นของเขา (ตอนนี้เขาโอนไปเป็นชื่อเขาหมดแล้ว) และถ้าเขาจะพูดอย่างงั๊นจริงๆตัวเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าบ้านที่เขาอยู่เงินมากกว่าครึ่งที่คุณตาไปเอาออกมาจากธนาคารให้ ข้าวของทุกอย่างเป็นเงินที่คุณยายซื้อให้ แต่เขากลับไม่เคยสำนึก
อยากจะถามว่า
1.ถ้าเราจะเรียกร้องถึงทรัพย์สินของป้าที่ตากับยายต้องได้ แต่เขาพูดว่าเป็นของเขา เราจะทำอะไรเขาได้มั๊ยคะ
2.แล้วข้าวของที่เป็นเงินคุณยาย เราเอาคืนมาได้มั๊ย แล้วเรื่องบ้านที่เป็นเงินคุณตาเราจะเรียกร้องจากเขาได้มั๊ย
3.ถ้าพูดจริงๆแล้วคุณตาเป็นคนไม่ชอบขึ้นศาลเพราะอายชาวบ้านเขา ถ้าคุณยายฟ้องเขาจริงๆจะได้มั๊ย
4.แล้วเราสามารถเรียกร้องอะไรจากเขาได้บ้างคะ เพราะป้ามีบ้าน1หลัง คอนโด1ห้อง สร้อยแหวนอีกมากมาย (บ้านเป็นชื่อลุง แต่เงินเป็นเงินคุณตา,คอนโดเป็นชื่อป้า แต่ตอนนี้ลุงโอนเป็นชื่อตัวเองแล้ว)
5.ถ้าจะฟ้องจริงๆเราแจ้งข้อหาอะไรได้บ้างคะ
ขอบคุณค่ะ อาจจะยาวไปหน่อย แต่มันอัดอั้นจริงๆค่ะ กะว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปพูดกับเขาแบบไม่ให้เขาตั้งตัว เพราะกลัวว่าเขาจะไปปรึกษาเพื่อนของเขาแล้วมาแย้งอ่ะค่ะ
จากคุณ :
zugarmafia
- [
31 มี.ค. 52 11:42:12
]