Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เค้ายังเป็นครอบครัว เป็นสามีภรรยากันอีกหรือเปล่าคะ ไม่อยากทำร้ายใครอีกแล้วค่ะ

    เข้ามาอ่านกระทู้ในพันทิปมานานแล้วค่ะ แต่ไม่เคยตั้งกระทู้เองเลยสักครั้ง ตอนนี้ยอมรับว่าเครียดมากค่ะ ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะปรึกษากับใคร ทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ รบกวนพี่ๆในพันทิปช่วยหนูด้วยนะคะ



    เรื่องมีอยู่ว่าตอนนี้หนูอายุ 24 ค่ะ ได้สนิทและคบหาดูใจกับพี่ผู้ชายคนนึงอายุ 40 มาได้สองปีกว่าแล้วค่ะ ในตอนแรกที่รู้จักกันช่วงต้นปี 50 พี่เค้าดูไม่เหมือนคนอายุ 30 ปลายๆเลย(มีหลายๆคนที่บอกอย่างนี้รวมทั้งหนูด้วย) ทั้งหน้าตา ผิวพรรณ การแต่งตัว การพูดจา แม้กระทั่งการวางตัว เหมือนคนอายุยี่สิบปลายๆเลยค่ะ ในตอนนั้น ทุกๆวันเราจะคุยกันเกือบจะทั้งวันที่มีโอกาสจนถึงตี 2 ตี 3 ทุกคืน (ตอนนั้นกำลังเรียนปริญญาตรีอยู่ค่ะจึงมีเวลาคุย) จนกระทั่งเราเริ่มคบกัน เมื่อเราเริ่มคบกันหนูจึงรู้ว่าในตอนนั้นพี่เค้าอายุ 37 กว่าๆแล้ว ในตอนนั้นเริ่มจะจิตตกนิดๆ เพราะกลัวว่าจะไปเจอคนมีครอบครัวเข้า แต่พี่เค้าก็ปฏิเสธ ในตอนนั้นหนูก็เชื่อสนิทใจเลยนะคะ และไม่เคยคิดถึงจุดนี้อีกเลย เพราะตอนนั้นก็คิดว่าพี่เค้าสามารถคุยกับเราได้ทั้งวันจนถึงตีสองตีสามทุกวัน คงไม่มีผู้ชายมีครอบครัวคนไหนสามารถให้เวลากับเราได้มากขนาดนี้ อีกทั้งครอบครัวหนูอบอุ่นมากค่ะ พ่อเป็นพ่อที่วิเศษที่สุดในความคิดของหนู พ่อดูแลแม่และลูกทุกคนทั้งกายและใจได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่หนูจำความได้ก็ไม่เคยเห็นพ่อหรือแม่ออกไปเที่ยวกันเองเลย ถ้าไปก็ไปกันทั้งคู่ หรือไม่ก็ทั้งครอบครัว นั่นมันทำให้หนูเชื่อสนิทใจเลยค่ะว่าถ้ามีครอบครัวแล้วคงไม่มีเวลาให้กับเรามากขนาดนั้น ในตอนนั้นเพื่อนๆ และลูกพี่ลูกน้องบางคนที่พอรู้เรื่อง ทุกคนแอนตี้ค่ะ ไม่มีใครอยากให้ไปยุ่งกับพี่เค้า ทำให้หลังจากนั้นหนูก็ไม่เคยปรึกษาเรื่องนี้กับใครอีกเลย





    หลังจากนั้น เมื่อเราสนิทกันมากขึ้นๆเรื่อยๆ พี่เค้าก็บอกความจริงกับหนูว่าเค้าเคยแต่งงานมาแล้วเมื่อสิบปีที่แล้วที่แล้ว แต่เป็นการแต่งงานที่ผู้ใหญ่จัดการให้และไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และมีลูก 1 คน แต่ตอนนี้เลิกกันแล้ว ตอนนั้นหนูแทบบ้าเลยค่ะ งงไปหมดเลย ทำไรไม่ถูก พี่เค้าบอกว่าเค้ารักลูกมาก แต่กับแม่ของลูกนั้นเลิกกันไปตั้งนานแล้ว เค้าเล่าให้ฟังว่า “น้อง” (ขอเรียกแทนลูกของพี่เค้าว่า “น้อง” นะคะ) และ “แม่น้อง” ออกจากของพี่เค้า(ภาคเหนือ) ไปอยู่บ้านของพ่อแม่ของ “แม่น้อง”(ภาคใต้) ตั้งแต่ปี 48 แล้ว และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย แต่กับลูกเค้าก็ไปหาอยู่บ่อยๆค่ะ ตอนนั้นหนูเครียดมาก ไม่อยากปรึกษาใคร กลัวโดนซ้ำเติม เพราะทุกคนเตือนหนูแล้ว แต่ตอนนั้นพี่เค้าก็ดีมาก จนเริ่มทำใจยอมรับได้เพราะเค้าเองก็ยืนยันว่าเลิกกันแล้วจริงๆ




    จนกระทั่ง ประมาณปลายปี 50 หนูกลับบ้านที่ต่างจังหวัดตอนนั้นเรียนจบแล้วค่ะจึงได้กลับบ้านยาวไปช่วยดูแลกิจการที่บ้าน พี่เค้าโทรมาบอกว่าเค้าคิดถึงลูกมากอยากเจอลูกเพราะไม่ได้ใช้เวลาอยุ่กับลูกนานๆมานานแล้ว ตอนได้เจอก็เจอกันแค่แป๊ปๆ เค้าจึงอยากใช้เวลาอยู่กับลูกสัก 1 อาทิตย์ โดยเค้าจะต้องลงไปภาคใต้เพื่อจะขับรถโดยพา “น้อง” และ “แม่น้อง” มาอยู่ด้วยกันที่บ้านในภาคเหนือ ......อ้อ..... บ้านที่ภาคเหนือเนี่ยเป็นบ้านของแม่ของพี่เค้า และได้ขายบ้านหลังนั้นให้กับ “แม่น้อง” ไปแล้ว ช่วงเวลานั้นหนูทรมานมากเลยค่ะ งง สับสนไปหมด ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร เค้าโทรหาหนูตลอดทั้งวันเหมือนเดิมค่ะ แต่ก็รู้สึกแย่ ช่วงนั้นทั้งอาทิตย์นอนไม่หลับเลย ตีสามตีสี่ยังขับรถออกมาคนเดียวขับไปเรื่อยๆจนถึงเช้า บางวันขับแบบฟุ้งซ่านรู้สึกตัวอีกทีอยู่อีกจังหวัดนึงซะแล้ว ตอนนั้นเครียดมากค่ะเครียดจนเข้าโรงพยาบาลเลย กลัวเราไปทำลายครอบครัวใครเข้า แต่ใจก็รักพี่เค้ามาก หนูมีอะไรกับพี่เค้าไปแล้วค่ะ เค้าเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่มีอะไรด้วย จนครบหนึ่งอาทิตย์แห่งความทรมาน พี่เค้าก็กลับมากรุงเทพส่วน “น้อง” และ “แม่น้อง” ก็กลับภาคใต้เพราะโรงเรียนน้องเปิดเทอมแล้วด้วย หลังจากนั้นหนูก็พยายามตัด เพราะทนกับความรู้สึกที่เครียดไม่ไหวอีกแล้ว แต่พี่เค้าก็ตามมาถึงจังหวัดที่หนูอยู่ ทำดีด้วยทุกอย่าง และยังยืนยันคำเดิมว่าเลิกกับ “แม่น้อง” และจริงๆ สุดท้าย..........หนูใจอ่อนค่ะ





    หลังจากนั้นอีกสักสามสี่เดือน พี่เค้าก็มาสารภาพว่า การเลิกกันของ พี่เค้า และ “แม่น้อง” นั้น ญาติๆฝั่งพี่เค้ารับรู้กันถ้วนหน้าว่าเลิกกันแล้ว แต่ญาติๆฝั่ง “แม่น้อง” ไม่มีใครรู้ เพราะพี่เค้าเกรงใจ และ “แม่น้อง” ก็ไม่อยากให้ครอบครัวของตัวเองที่ภาคใต้รับรู้ด้วยเพราะ พ่อของ “แม่น้อง” เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จึงไม่อยากทำให้ท่านไม่สบายใจ ดังนั้นพี่เค้าจึงมาขอหนูว่าถ้า พ่อของ “แม่น้อง” จะมารักษาตัวที่กรุงเทพพี่เค้าจะต้องเป็นคนขับรถพามาจากภาคใต้เข้ากรุงเทพ และรอจนรักษาเสร็จพี่เค้าก็จะต้องขับรถจากกรุงเทพพากลับใต้ หลังจากนั้นพี่เค้าก็จะกลับเข้ากรุงเทพเองคนเดียว อีกทั้งพี่เค้ายังสารภาพอีกด้วยว่า ก่อนหน้านี้เวลาพ่อของ “แม่น้อง” มาเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพ พี่เค้าก็ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เค้าบอกว่าที่เค้าทำทั้งหมดเพื่อปิดความลับกับทางฝั่ง “แม่น้อง”





    หลังจากนั้นสักพัก พ่อของ “แม่น้อง” ก็เสียชีวิตค่ะ พี่เค้าขอหนูลงใต้ 10 กว่าวัน เพื่อไปทำหน้าที่เป็นลูกเขยตามประเพณีจีน แต่เราก็คุยกันทุกวันเหมือนเดิม ช่วงนั้นหนูเครียดมากๆๆๆๆๆ เหมือนเดิมค่ะ เครียดจนคิดว่าจะปล่อยวาง เหมือนสภาพจิตใจมันรับไม่ไหวแล้ว แต่พอพ้นสองอาทิตย์ พี่เค้ามาอธิบายๆๆๆ ง้อๆๆๆ จนสุดท้าย............หนูใจอ่อนคะ




    หลังจากงานศพ พี่เค้า กับ “แม่น้อง” ทะเลาะกันแรงมากจนเรื่องแตก “แม่น้อง” สารภาพเรื่องทั้งหมดกับญาติๆทางภาคใต้เรื่องที่พี่เค้ากับ “แม่น้อง” เลิกกัน หนูแอบเห็นพี่เค้าเครียดค่ะ แต่เค้ากลับบอกว่าสบายใจจะได้ไม่ต้องเล่นละครอีกต่อไป และหลังจากนั้น (ประมาณ มกรา 51)พี่เค้า กับ “แม่น้อง” ก็ไม่เคยติดต่อหรือเจอหน้ากันอีกเลย แต่พี่เค้าจะโทรหาลูกทุกวัน



    จนกระทั่งเดือนที่แล้วเค้าคิดถึงลูก จึงให้ “น้อง” มากรุงเทพ ตอนนี้น้องจะขึ้น ม.1 แล้วค่ะ “น้อง” มากรุงเทพครั้งนี้ได้เจอกับหนูด้วย พี่เค้าแนะนำว่าหนูเป็นเพื่อนกับพี่เค้า “น้อง” กับหนูค่อนข้างจะคุยกันถูกคอและสนิทกันดี เวลาพี่เค้าจะพา “น้อง” ไปไหน ก็จะพาหนูไปด้วยตลอด น้องเค้ามาอยู่กรุงเทพ 1 อาทิตย์ พี่เค้าจะแบ่งวันที่นอนที่คอนโดกับหนูและนอนที่บ้านกับ “น้อง” เท่าๆกัน ส่วนวันสุดท้ายที่เหลืออีกวัน ก็นอนด้วยกันหมด 3 คน ที่บ้านพี่เค้าค่ะ (ลืมบอก ตอนนี้หนูมาเรียนต่อแล้ว จึงมาอยุ่กรุงเทพ อยู่คอนโดค่ะ พี่เค้าก็มาอยู่ด้วยกัน) ส่วนญาติพี่น้องพี่เค้าที่อยู่กรุงเทพก็รุ้จักกันค่ะ เค้าก็ดีกับหนู




    พี่เค้าบอกกับหนูว่า “แม่น้อง” จะพา “น้อง” มาเรียนต่อที่เหนือ เพราะบ้านหลังนั้นก็เป็นชื่อของ “แม่น้อง” และแม่น้องก็จะมาทำธุรกิจที่ภาคเหนือดัวย ดังนั้น วันที่ “แม่น้อง” จะมารับ “น้อง” ก็จะรับน้องขึ้นเหนือ และไปอยู่ถาวรเลย ในวันที่มารับนั้น “แม่น้อง” ขับรถจากใต้และจะมารับน้องที่บ้านพี่เค้าช่วงเย็นๆ และจะไปนอนโรงแรมกับ “น้อง” เพื่อเดินทางขึ้นเหนือต่อในวันรุ่งขึ้น หนูก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ช่วงหัวค่ำหนูโทรศัพท์ไปหาพี่เค้า ปรากฏว่าโทรไม่ติด หนูคิดว่าแบตหมดก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะหลังจากนั้นอีกสักชั่วโมงพี่เค้าก็โทรมาและกลับห้อง จนวันรุ่งขึ้น พี่เค้าสารภาพว่า เมื่อคืน พี่เค้าไปกินข้าวกับ “น้อง” และ “แม่น้อง” มา พี่เค้าบอกว่าพี่เค้าทำเพื่อ “น้อง” และใช้เวลาแค่เกือบๆชั่วโมง ตอนนี้หนูเริ่มสับสนอีกแล้วค่ะ ว่ายังไงกันแน่ เพราะน้องก็อยู่กับเค้ามาเป็นอาทิตย์แล้ว และน้องก็รับรู้มานานแล้วเรื่องพ่อกับแม่ของ “น้อง” หนูไม่รู้ว่าพี่เค้าคิดยังไง แต่ตอนนี้หนูมั่นใจว่าว่าสภาพจิตใจหนูเริ่มพร้อมแล้ว หนูเริ่มสงสารสภาพจิตใจตัวเอง มันฟุ้งซ่านมาก ตอนนี้เริ่มคิดมาก สงสารพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ไม่รู้เรื่องเลยถ้ารู้จะผิดหวังมากแค่ไหน




    ที่สำคัญ หนูสงสาร “น้อง” เพราะน้องค่อนข้างสนิทและให้ความไว้ใจหนู มีหลายๆเรื่องที่เค้าปรึกษาหนู พี่เค้าเคยพา “น้อง” มาที่คอนโด น้องเห็นสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้าพี่เค้าอยู่ในตู้ หนูบอกว่า พ่อฝากไว้ เพราะพี่เค้าย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าให้ “น้อง” รู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน เค้าก็พยักหน้าเฉยๆ คุยกับหนูเรื่องนู้นเรื่องนี้ แถมยังอยากจะมานอนที่คอนโดอีก หนูรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มากเลยค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นน้องเป็นหลาน เค้าเป็นเด็กน่ารัก ไม่คิดอะไรมาก ช่างพูดช่างคุย “น้อง” กลับไปแล้วก็ยังคุยกันบ่อยๆทางmsn




    หนูจะทำยังไงดีคะ หนูยังรักพี่เค้ามากเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เริ่มท้อแล้ว เพราะความคิดที่มันฟุ้งซ่านเกินไป หาความสุขไม่ได้มาเป็นอาทิตย์แล้ว เพราะความคิดมันคิดไปเรื่อยมันหยุดไม่ได้ นอนไม่ค่อยจะหลับ ขนาดพี่เค้านอนอยู่ข้างๆทุกคืน ก็ยังนอนไม่หลับ มันฟุ้งซ่านค่ะ แต่ไม่ได้บอกพี่เค้านะคะว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นอนกอดหรือไม่ก็จับมือกันทุกคืนจนพี่เค้าหลับ แต่หนูไม่เคยหลับ แกล้งหลับไปอย่างนั้นเอง แต่ใจไม่เคยหยุดคิด หนูสับสนไปหมดแล้วว่า เค้ายังเป็นครอบครัวกันอยู่รึเปล่า ถึงแม้เค้าจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน แต่อาจจะยังเป็นครอบครัวกันอยู่ก็ได้ ในความคิดของหนูเมื่อก่อน คำว่าครอบครัว ต้องหมายถึงอยู่แบบ พ่อ แม่ ลูก พร้อมหน้ากัน โดยเฉพาะ พ่อกับแม่แทบไม่เคยจะห่างกันเลย แต่พอโตขึ้นเรื่อยๆเริ่มเห็นแล้วว่าแต่ละครอบครัวมันก็มีรายละเอียดที่ต่างกัน คำว่าครอบครัวของบางคนอาจไม่ต้องอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ไม่ต้องติดต่อหรือคุยกันตลอดเวลาเค้าก็ยังเป็นครอบครัวกันได้.......




    จากที่เล่ามาทั้งหมดหนูอยากถามพี่ๆทุกคนว่า
    1.หนูกำลังจะทำร้ายครอบครัวใครหรือเปล่าคะ แต่จริงๆแล้วเค้ามีปัญหากันอย่างรุนแรงมานานแล้วจริงๆค่ะ แต่หนูอยากรู้ว่าถ้าไม่มีหนูสักคน จะทำให้ครอบครัวนี้ดีขึ้นหรือเปล่า จากการที่หนูได้พูดคุยกับคนใกล้ตัวพี่เค้าหลายๆคน หนูทราบว่าเค้าเลิกกันแล้วจริงๆ แต่จากหลายๆเหตุการณ์ เช่น การที่พี่เค้าปิดบัง “น้อง” ในเรื่องความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างหนูกับพี่เค้า นั่นหมายถึง พี่เค้าเกรงใจ “น้อง” หรือ เกรงใจ “แม่น้อง” คะ อีกทั้งการที่พี่เค้ายังนัด “แม่น้อง” ไปกินข้าวนั่นหมายถึง เค้ายังเหลือความเป็นครอบครัวความเป็นสามีภรรยากันอีกใช่ไหมคะ หรือจะเป็นการทำเพื่อลูกอย่างที่เค้าบอกจริงๆ (เค้าบอกว่าลูกเค้าไม่ได้เจอหน้าแบบพ่อแม่ลูกมานานมากแล้ว)
    2. หนูควรจะทำไงดีคะ ระหว่างอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ หรือตัดซะตอนนี้เลย ทำใจลำบากค่ะ หนูก็รู้ว่าพี่เค้าคงรักหนูอยู่บ้าง และ “หนูก็รักพี่เค้ามากค่ะ” แต่พอนานๆไปคำว่า เหนื่อยใจ ทุกข์ ท้อ สงสารตัวเอง สงสารพ่อแม่พี่น้อง รังเกียจการกระทำของตัวเอง ผิดหวังในตัวเอง หมดศรัทธาในตัวเอง และที่สำคัญที่สุด คือ รู้สึกผิดกับ “น้อง” ค่ะ เพราะหนูมีความรู้สึกว่าถ้าไม่มีหนูสักคนบางทีพี่เค้าจะได้ทำเพื่อลูกได้เต็มที่โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

    3.ถ้าหนูต้องตัดใจจริงๆหนูควรจะทำใจยังไงดีคะ ยอมรับว่าเป็นคนอ่อนแอมากค่ะ หนูควรจะมีวิธีคิดยังไงให้เปิดใจรับคนอื่นได้บ้าง เพราะตั้งแต่คบกับพี่เค้าก็มีคนดีๆเข้ามาในชีวิตอยู่หลายคนแต่รู้สึกเหมือนตัวเองไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครเลย เหมือนตัวเองหัวใจตายด้านไปแล้วค่ะ


    ขอบคุณทุกคนนะคะที่อ่านมาถึงตอนนี้ ตอนนี้เครียดมากจริงๆค่ะ ปรึกษาใครไม่ได้ เพราะตอนเริ่มคบก็ไม่ปรึกษาใครอยู่แล้วเพราะกลัวโดนห้าม ไม่คิดเลยค่ะ ว่าตัวเองจะต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องของครอบครัวคนอื่น รู้สึกแย่ อยากหลับค่ะ ไม่ค่อยอยากรับรู้อะไรมากมายอีกแล้ว ท้อ.............................

    จากคุณ : neptune - [ 21 เม.ย. 52 14:15:16 A:192.168.50.35 X:58.8.100.132 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com