สวัสดีครับ มีปัญหาเรื่องรับน้องมาฝากครับ อยากขอความคิดเห็น
เนื่องจากในมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ มีการบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมด้วยวิชาการพัฒนาคุณภาพนักศึกษาด้วยกิจกรรม ซึ่งมีกิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับกิจกรรมรับน้อง มีน้ำหนัก 1 หน่วยกิต
สำหรับปัญหาของผมนั้นเริ่มต้นที่ตัวผมเองมีรูปร่างอ้วน และมีโรคประจำตัวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูงที่เคยเป็น รักษาจนหายไป 5 ปีแ้ล้ว แต่ก็กลับมาเป็นใหม่ในวันที่มีการจัดกิจกรรมเปิดห้องเชียร์ ซึ่งในวันนั้นตัวผมเองได้แยกตัวออกมาแล้ว และแจ้งให้รุ่นพี่ทราบถึงความจำเป็นต่าง ๆ แต่ก็ถูกบังคับให้เข้าห้องเชียร์ ซึ่งมีการว๊ากที่ทำให้ตัวผมเองรู้สึกเวียนหัวและปวดหัวอย่างรุนแรงที่บริเวณท้ายทอยจนร้องไห้ ในคืนนั้นพ่อผมจึงพาส่งโรงพยาบาล และแพทย์นัดมาพบอีกในวันรุ่งขึ้น แพทย์ตรวจพบว่าผมมีความดันโลหิตสูง ประมาณ 170/100 ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาผมเองก็ไปเช็คความดันอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้จะเครียดอย่างไรความดันก็ไม่สูง แพทย์จึงสั่งห้ามเข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้เครียดหรือออกกำลังกายอย่างหนัก เพราะอาจทำให้อาการของโรคเลวลง พร้อมให้ใบรับรองแพทย์ ในวันเดียวกันก็ได้เอาใบรับรองแพทย์ไปมอบให้กับอาจารย์ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจารย์ก็รับทราบ แต่ในเย็นวันนั้นเอง ผมก็ยังถูกบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรม แล้วก็เหมือนเดิม ปวดหัวรุนแรง ทำให้รุ่นพี่ต้องหามส่งโรงพยาบาล ความดันสูงถึง 190/100 ในวันต่อมา ผมเองได้ถูกแยกตัวออกมาอยู่รวมกับเพื่อน ๆ ที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงเหมือนกัน และแล้วก็มีรุ่นพี่เดินเข้ามาต่อว่า ว่า "ทำไมถึงไม่เข้าห้องเชียร์ คุณสัญญากับผมแล้วไม่ใช่หรือ" แล้วก็มีการต่อว่าอีกหลายประโยคซึ่งผมเองก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่หลังจากนั้นก็ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่จะต้องเข้า ผมเองก็พยายามฝืนใจและฝืนสังขารเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งก็ไม่หนักเท่าใดนัก แต่เมื่อวานนี้ มีกิจกรรมเหล่านั้นอีกแล้ว ผมเองได้แยกออกมาแล้วเช่นกัน ผมนั่งอยู่ในตึก มีการว๊ากอยู่ด้านหน้าตึก ด้านหลังตึก ซึ่งเสียงว๊ากก็ตีกันพอสมควร ทำให้ผมเกิดอาการเครียด รวมถึงนอนไม่พอด้วย จึงทำให้มีอาการที่รุนแรงกว่าทุกครั้ง โดยครั้งนี้นอกจากอาการปวดหัวเวียนหัวแล้ว ยังมีการอาเจียน ชาที่แขนและขา เมื่อไปถึงโรงพยาบาล วัดความดันได้ 210/110 ซึ่งเป็นความดันโลหิตที่สูงที่สุดในชีวิตเลย (แอบภูมิใจนิด ๆ) ผมเองตอนนี้เครียดมาก เพราะเนื่องจากโรคนี้ที่เคยเป็นเคยรักษามา ใช้เวลา 2 ปีกว่าจะหาย แต่นั่นต้องใช้กำลังใจที่สูงมากและต้องไม่มีสิ่งใด ๆ มากระตุ้นเลย แต่นี่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอแบบนี้ไปอีกนานเท่าใด เพราะผมรู้สึกว่าทรมาณเหลือเกินเวลาที่ความดันขึ้น ในขณะที่กำลังเครียดนั้นก็ปวดหัวมาก ๆ สักพักอาการปวดหัวก็ลดลง แต่ก็จะหนัก ๆ หัวไปทั้งคืนและตลอดวันต่อมา แต่หากไม่เข้าร่วมกิจกรรม ก็เกรงว่าจะไม่ผ่านวิชานี้ เพราะผมเองใฝ่ฝันที่จะเข้ามาเรียนที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ แรก ๆ ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่นานเข้ากลับหนักเข้าไปอีก ยิ่งวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันหยุดยาวก็ต้องไปเข้าค่ายคุณธรรมจริยธรรมที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งได้พยายามติดต่อและปรึกษากับอาจารย์ที่ดูแลกิจกรรมแล้ว แต่อาจารย์ไ่ม่ยอมลูกเดียว บอกว่ากิจกรรมถูกกำหนดมาแล้ว ถ้าไม่เข้าร่วมคือติด F เพราะนี่เป็นกิจกรรมที่มีจำนวนชั่วโมงร้อยละ 50 ของกิจกรรมทั้งหมด ตอนนี้เครียดมากครับ กลัวจะมีอาการขึ้นมาอีก พ่อกับแม่ก็ไม่สบายใจเอามาก ๆ เนื่องจากอาจารย์เองก็สนับสนุนสิ่งเหล่านี้อย่างเต็มที่ แต่เท่าที่คุยกับอาจารย์ เหมือนท่านจะไม่สนใจเรื่องของผม และผมเองก็คิดวิธีการแก้ปัญหามาหลายทางแล้ว
ปล.อีกเรื่องที่ลืมเล่าให้ฟัง รุ่นพี่แจ้งกับผมว่า ในช่วงแรก ๆ นั้น แค่ลองดูว่าใครมีอาการร้ายแรงแค่ไหน ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลับมาเป็นโรคนี้อีกครั้งหนึ่ง ตรงนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเครียดมากด้วยครับ
ผมมีคำถามดังนี้ครับ
1. มีวิธีใดบ้างที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้
2. ในทางกฎหมายมีรองรับเรื่องเหล่านี้ไว้หรือไม่ เพราะตอนนี้แพทย์บอกว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิดการตีบตันของเส้นเลือดในสมอง หรือเส้นเลือดในสมองแตกได้ แต่หากมีทางแก้ปัญหา จะมีการแก้ในทางใดที่ผมไม่ต้องมีอาการเหล่านั้น
แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 52 01:31:11
จากคุณ :
chotiwat 
- [
4 ก.ค. 52 01:22:38
]
เรื่องรับน้อง
