ญาติคนไข้กรุณาติดต่อการเงินด้วยค่ะ เพื่อรับทราบค่าใช้จ่ายในการทำ CT Scan พยาบาลห้องไอซียูบอกผม แล้วก็พาผมไปฝ่ายการเงิน ค่าทำ CT Scan เป็นเงิน 5,500 บาทนะคะ รบกวนญาติช่วยชำระเงินก่อนด้วยค่ะ เจ้าหน้าที่การเงินบอกผม ผมควักบัตรเครดิตให้รูด ขอบคุณคะ
คุณเคยรู้สึกมั๊ยครับว่าการเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทันท่วงทีและดีพอนั้น คุณต้องมีเงินในกระเป๋าอยู่ไม่น้อยจำนวนหนึ่ง ผมสงสัยว่า ถ้า ณ เวลานั้นผมไม่มีเงิน หรือผมไม่ได้พกเงินมาพอ อะไรจะเกิดขึ้น
คนที่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไปได้นั้น ต้องมีเงินมากพอด้วย
ใช่มั๊ย
ระหว่างที่ผมรอหมอพาคุณแม่ผมไปทำ CT Scan นั้น ผมก็โทรศัพท์บอกคุณพ่อของผม ท่านตกใจมากที่รู้ว่าคุณแม่ถึงกับชัก แต่เมื่อถึงมือหมอท่านก็พอคลายใจ ในตอนแรกท่านจะให้เพื่อนบ้านรีบขับรถมาส่งที่กรุงเทพในคืนนั้นเลย แต่ผมก็ห้ามไว้เพราะยังไงซะคืนนี้คุณแม่ผมก็ต้องนอนไอซียูทั้งคืน
จากนั้นผมก็โทรบอกน้องชายผมที่อยู่ต่างจังหวัด แล้วก็พี่ชายผม
ผมนั่งรอผล CT Scan อยู่เกือบชั่วโมง ระหว่างนั้นพี่ชายผมก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลพร้อมหลานชายแล้ว เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า นี่ก็เกือบจะห้าทุ่มแล้ว
สุดท้ายหมอก็ออกมา
หมอเช็คฟิลม์จากการทำ CT Scan แล้ว แต่ต้องบอกก่อนว่าหมอไม่ได้ฉีดสีเข้าไปเพราะคนไข้เป็นโรคไต ดังนั้นผลที่ได้ก็จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วเป็นไงครับ
ผมรีบถามต่อ ผลการตรวจ ไม่พบว่ามีเลือดออกในสมอง หมอพูดด้วยสีหน้ายินดี ผมกับพี่ชายแทบจะร้องไชโยออกมาเลยครับ เป็นข่าวดีจริงๆ เป็นไปได้ว่าความดันขึ้นสูงมากจนสมองขาดออกซิเจน จนทำให้คนไข้ชัก แต่คุณแม่คุณท่านเก่งมากเลยนะ ปกติความดันขึ้นไปจนชักแบบนี้ ส่วนมากจะเส้นเลือดในสมองแตกกัน แล้วหมอจะรักษายังไงต่อครับ หมอว่า โรคอื่นๆเราก็รักษากันมาได้ถูกทาง เพราะคุณแม่มาหาหมอทุกอาทิตย์ ต่อไปนี้ที่ต้องระวังมากก็คือความดัน คุณต้องซื้อเครื่องวัดความดันติดบ้านไว้เลย วัดให้ท่านเป็นประจำทุกวัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ยาเอาไม่อยู่ คุณก็จะได้รู้และพาท่านมาหาหมอได้ทันท่วงที จะได้ไม่เกิดอาการชักแบบนี้ ครับ คุณแม่คุณนี่ยอดคนเลยนะ อดทนทุกอย่างจริงๆ หมอชมแม่ผมอีกครั้ง
นั่นซินะ คุณแม่ผมถึงจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆแต่ท่านก็อดทนสุดยอดมหัศจรรย์จริงๆ ครั้งที่ท่านล้มจนแขนหักเพราะความดันขึ้นนั้น หมอก็บอกว่าไม่รู้ท่านทนได้ยังไง นี่ก็อีกครั้งกับหมออีกคน ที่ทึ่งว่าท่านทนได้ยังไงจนมาถึงมือหมอด้วยสมองที่ยังปกติ
ผมนับถือในความเป็นยอดคุณแม่ของท่านจริงๆ ท่านไม่เคยบ่นที่จะต้องไปหาหมอทุกอาทิตย์ ต้องไปเจาะเลือด ไปฉีดยา ท่านพูดเสมอว่าอยากจะมีชีวิตที่ยืนยาวเพื่อจะได้เห็นลูกๆหลานๆเติบโต หลายปีที่ผ่านมาท่านต้องต่อสู้กับโรคภัยหลายอย่างที่รุมเข้ามา ทุกๆมื้ออาหารท่านต้องกินยาเป็นสิบเม็ด แขน ขา และมือที่ไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ท่านไม่ค่อยได้ออกไปไหน แต่ท่านก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในแบบของท่าน
วันที่สองคุณแม่ผมถูกส่งไปทำ MRI Scan เพื่อตรวจสมองให้แน่ชัดกว่าเดิม และคุณหมอไม่พบความผิดปกติใดๆในสมอง นั่นเป็นข่าวดีจริงๆ
และวันนี้ วันที่สามของการนอนโรงพยาบาล คุณแม่ผมพักในห้องปกติได้แล้วพร้อมหน้าคุณพ่อและลูกๆหลานๆ สติท่านกลับมาเหมือนเดิม กินได้มากกว่าปกติอีก พูดคุยกับพวกเราอย่างสนุกสนาน เราตัดสินใจที่จะบอกท่านว่าเหตุการณ์ในคืนที่ท่านชักเป็นอย่างไร พวกเราคิดว่าสิ่งสำคัญคือท่านต้องรู้ว่าอะไรได้เกิดขึ้น เพื่อที่ท่านจะได้ไม่ประมาทและดูแลตัวเองให้อยู่กับพวกเราไปอีกนานๆ เช่นเคย คุณแม่ผมรับรู้สิ่งเหล่านั้นด้วยอาการสงบและพร้อมที่จะสู้
คุณหมอบอกว่า ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อีก 1 2 วันคุณแม่ผมคงได้ออกจากโรงพยาบาล
ผมตั้งใจว่า ผมจะต้องดีกับคุณแม่ให้มากกว่านี้ ผมไม่รู้ว่าท่านจะอยู่กับผมได้นานอีกแค่ไหน แต่ช่วงเวลาที่เหลือ ผมจะทำให้ดีกว่าเดิม เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง
ผมจะได้ไม่ต้องมาเสียใจว่าผมยังไม่ได้ทำเพื่อท่านให้ดีพอ
ผมขอขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจครับ
ปล. ผมต้องขอตัวไปนอนแล้วนะครับ อดหลับอดนอนมาหลายคืน
สู้ๆ
จากคุณ |
:
ทองพญา
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.ค. 52 22:35:17
|
|
|
|
|
|