อื่ม...คุณ am_kittiya ทราบมั้ยครับว่าสันดานนั้นมาจากอะไร....
สันดานนั้นก็มาจากอุปนิสัย....อุปนิสัยก็มาจากการประพฤติ ปฎิบัติ.....ที่ได้จากการฝึกฝน อบรม บ่มนิสัยของคนผู้นั้น.....เหตุที่พระพุทธเจ้าจัดให้มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐมิใช่เพราะว่ามนุษย์นั้นเดินได้สองขา.....แต่เพราะว่ามนุษย์เป็นสัตว์โลกที่พัฒนาตนเองให้สูงส่งได้...ฝึกฝนได้....ยกระดับตนเองในด้านต่างๆ ได้....
ถามว่าระหว่างการเปลี่ยนแปลงตนเองกับการให้คู่สมรสอีกฝ่ายยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น....อย่างไหนมันจะช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่ากัน.....ซึ่งการแก้ปัญหามันก็มีทั้งการแก้ปัญหาเชิงรุกและการแก้ปัญหาเชิงรับ.....การแก้ปัญหาเชิงรุกก็คือการแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหาโดยการพัฒนาตนเองเพื่อไม่ให้มันเกิดปัญหา.....
ส่วนการแก้ปัญหาเชิงรับก็คือการยอมให้ปัญหามันเกิดขึ้นก่อนแล้วให้คู้สมรสอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับในสิ่งที่มันเป็น....
ปัญหาของชีวิตคู่มันจะไม่เกิดเลยถ้าคนสองคนยอมรับในสิ่งบกพร่องของกันและได้......แต่ผมถามหน่อยว่ามันจะยอมรับกันไปได้นานแค่ไหน......คุณเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า..."ใหม่ๆ น้ำต้มผักก็ยังว่าหวาน"....หรือ..."ข้าวใหม่ปลามัน"....หรือเปล่าครับ....คำเหล่านี้มันสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในใจของคนได้ตลอดเวลา....
ใหม่ๆ ชายอาจจะยังยอมรับในสิ่งที่หญิงเป็นได้....แม้มันจะเป็นมันจะเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ก็ตาม....เช่น ความแข็งกระด้าง....ไม่อ่อนหวาน....ไม่มีระเบียบ....เกียจคร้าน....ไม่มีมารยาท....และอาจรวมถึงไม่ฉลาดพอ.....แต่นานไปหากเค้าไม่ยอมรับ เกิดความเบื่อหน่าย คุณคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น....และหากมีตัวเลือกที่ดีกว่าเข้ามาเค้าจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือ
มันจะดีกว่ามั้ยครับหากว่าเราจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอก่อนที่ปัญหามันจะเกิด....เพราะหากมัวแต่รอให้เค้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่เรื่อยไป สุดท้ายคนที่เปลี่ยนแปลงอาจจะเป็นตัวผู้ชายเองก็ได้นะครับ.....ซึ่งเค้าจะไม่เปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่เค้าจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแฟนไปในคราวเดียวกันเลย....
เมื่อวันนั้นมาถึงจะแก้ไขเพื่อเอาใจสามีตนเองก็คงไม่ทันแล้ว...เพราะอีกคนเค้าใหม่กว่า สดกว่า และอาจจะดีกว่าในทุกด้านด้วย
ในชีวิตผมเห็นมาหลายคนแล้วนะครับ ผู้หญิงที่ประกาศกร้าวว่าไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อใคร....มันเป็นการเอาชนะผู้ชายอย่างหนึ่งโดยให้เค้ายอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น.....ซึ่งใหม่ๆ เค้าก็อาจยอมให้ครับเพราะยังข้าวใหม่ปลามันอยู่....แต่พอนานวันเกิดเค้าเบื่อขึ้นมา หรืออยากเปลี่ยนแฟน....คราวนี้แหละความเดือดร้อนจะมาเยือน
ถ้าตนเองฝึกฝนมาดีแล้ว เพียบพร้อมแล้ว ไม่คิดจะพัฒนาแล้ว....พูดง่ายๆ คือพอใจในความดีของตัวเองแล้ว....ก็ขอรักษาความดีนั้นไว้ให้ยาวนาน.....แต่หากว่างานในหน้าที่ตนยังบกพร่อง....แต่ยังไม่คิดจะแก้ไขตนเอง.....อันนี้ก็แล้วแต่กรรมแล้วนะครับ...ได้สามีที่ดีก็โชคดีไป...
ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาทในการใช้ชีวิตคู่....และเพื่อประโยชน์แก่ตนเอง....เราควรจะพัฒนาตัวเราเองอย่างสม่ำเสมอไม่ดีกว่าหรือครับ......เพราะเสน่ห์ทางปัญญาคุณสามารถพัฒนาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด....และทุกสิ่งที่กล่าวมาก็ยังมีประโยชน์ในการนำไปถ่ายทอดให้บุตรหลายอีกด้วยนะครับ
สิ่งที่ผมกล่าวมานั้นคนที่ยังไม่มีปัญหาและยังมองไม่เห็นถึงปัญหาอาจจะยังไม่เข้าใจ....แต่เมื่อไหร่ถ้าปัญหามาถึงแล้วก็จะเข้าใจได้ดีเอง
(แก้คำผิด)
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 18:48:39
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 18:36:23
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 17:59:21
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 17:21:23