ความคิดเห็นที่ 4 |
|
เรื่องมีอยู่ว่า ผมโดนล้วงกระเป๋าที่ห้างแห่งหนึ่ง คนร้ายได้เครื่องไอพอดไป ซึ่งหลังจากที่รู้ว่าโดนล้วงกระเป๋าไป ผมก็ได้ขอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางห้าง ดูกล้องวงจรปิด ซึ่งก็ได้ภาพบุคคลที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นคนร้าย ผมก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรมาก เพราะภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ คนร้ายใส่หมวกบังหน้า เหมือนจะรู้มุมกล้องของห้าง อีกทั้งมุมกล้องไม่ค่อยชัดเจนในการกระทำผิด จึงได้แต่เขียนเรื่องร้องเรียนเอาไว้ที่แผนกรักษาความปลอดภัยของทางห้างว่าโดนล้วงกระเป๋า และทางเจ้าหน้าที่ของห้างก็ได้แนะนำให้ผมไปแจ้งความไว้ ซึ่งในขณะนั้นผมก็ยังไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใด เพราะคิดว่าถ้าแจ้งไปก็คงไม่ได้ของคืนมาแน่นอน หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือนผ่านไป ประมาณ 5ทุ่มกว่าของวันเสาร์ ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมคนหนึ่ง เพื่อนได้โทรมาบอกว่า เขาได้เจอไอพอดของผมวางขายอยู่ที่ตลาดมือคลองถม ซึ่งในเครื่องมีรูปภาพของผมอยู่ในนั้นด้วย เพื่อนเลยโทรมาถามว่าของผมโดนขโมยไปหรือเปล่า ซึ่งเรื่องของหายนี้ เพื่อนผมคนนี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่าผมโดนล้วงกระเป๋าไป หลังจากนั้นผมจึงได้ไปแจ้งความเรื่องของหายจากการโดนล้วงกระเป๋า แล้วก็แจ้งว่าไปเจอเครื่องดังกล่าวขายที่ตลาดคลองถม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แนะนำให้ผมกลับไปดูอีกครั้งที่ร้านนั้นว่าของยังอยู่ไหม ถ้าของยังขายอยู่ก็ให้มาเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับได้เลย ซึ่งคนขายจะโดนข้อหารับซื้อของโจร หลังจากนั้นในสัปดาห์ต่อมา ผมก็ได้ไปยังร้านที่ขายของร้านนั้น ซึ่งเมื่อไปถึงร้านปรากฎว่ารูปภาพของผมที่เคยมีในเครื่อง ได้โดนลบไปหมดแล้ว คราวนี้จึงไม่มีหลักฐานที่จะแสดงว่าเป็นเครื่องของผม แต่ด้วยความที่ผมได้เก็บกล่องของเจ้าเครื่องนี้ไว้ตอนที่ซื้อมา ซึ่งในกล่องก็จะมีเลข serial number อยู่ ซึ่งเลขนี้จะตรงกับเลขที่เครื่อง ผมจึงดูเลข serial number ที่เครื่องว่าตรงหรือไม่ ก็ปรากฎว่าเลขตรงกันแป๊ะ ผมจึงได้ไปที่โรงพักอีกครั้ง เพื่อพาตำรวจสายตรวจมาพาคนขายไปสอบสวน หลังจากที่สอบสวนอยู่ซักพัก ก็ได้ความว่า คนขายรับซื้อมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของที่โดนขโมยมา แต่ความผิดนี้จะเป็นความผิดทางอาญา ตามมาตรา 357 แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะเอาความอะไรคนขายมากนัก เพราะดูแล้วน่าจะเป็นคนที่รับซื้อมาจริงๆ คงไม่ใช่คนขโมย และอีกอย่างก็เห็นว่าเขาทำมาหากิน (ถึงแม้จะรู้ว่าเขาก็ยังขายของแบบนี้ต่อไปอีก) เลยไม่อยากทำให้เดือดร้อน แค่ขอให้ได้ของคืนก็พอ ซึ่งคนขายก็คืนของให้ทางเจ้าหน้าที่ก็เลยให้เขียนในเอกสารว่าจะไม่เอาผิดอะไรกับคนขาย และไม่ติดใจเอาความ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะสืบสวนต่อไปว่า คนที่นำมาขายเป็นใคร ทางเจ้าของร้านที่รับซื้อได้มีการขอสำเนาบัตรประชาชนคนขายหรือไม่ เพื่อที่จะได้สืบต่อไปว่าคนที่ขโมยเครื่องนี้มาเป็นใคร ซึ่งเรื่องราวหลังจากที่ได้ของคืน ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคืบหน้าไปถึงไหน แต่ผมก็คิดว่ายังไงก็คงจับคนร้ายไม่ได้ และร้านนี้ก็ยังขายของต่อไป เพราะทางร้านคงรับซื้อมาโดยที่ไม่ได้ขอหลักฐานอะไรจากคนที่นำมาขาย และก็คงจะมีร้านขายของที่รับซื้อของโจรมาขาย แต่ก็ยังขายอยู่อีกมาก ในกรณีของผมอาจจะได้ของคืน แต่ก็น่าจะมีอีกหลายคนที่ไม่ได้โชคดีแบบผม ยังไงก็ถ้าของหายก็ขอให้โชคดีได้คืนนะครับ
จากคุณ |
:
คนโดนขโมย
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ส.ค. 52 11:46:02
A:125.25.55.122 X: TicketID:213791
|
|
|
|