ความคิดเห็นที่ 1 หัวใจคุณใจดี ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที พอได้สติขึ้นมาบ้าง ก็ถามว่า "บริษัทจะช่วยเหลือเรื่องเงินทองให้หนูบ้างไหมคะ?" ผู้บริหารท่านนั้นก็บอกเธอว่า จะเสนอให้ บริษัทจ่ายเงินให้ 6 เดือน จากนั้นก็ยอกตามสูตรว่า "เพื่อไม่ให้เสียประวัติการทำงาน และเพื่อเสนอให้ผู้บริหารพิจารณาเงินช่วยเหลือได้ง่าย จึงขอให้คุณใจดีช่วยเขียนใบลาออกให้ด้วย" และยื่นใบลาออกให้คุณใจดี เขียนให้ ใจจริงคุณใจดีไม่อยากออก ไม่อยากเขียน ยังคิดไม่ออก ว่าจะไปทำงานอะไรต่อ แต่คิดว่าเขาไม่ต้องการให้ทำงานต่อ เขาจะช่วยเรื่องเงินด้วย ดีกว่าออกไปเฉยๆ ก็เลยเขียนใบลาออกให้เขาไป จากนั้นก็คืนกุญแจรถ คืนโทรศัพท์มือถือ ให้อย่างว่าง่าย แล้วนั่งแท๊กซี่กลับบ้าน เวลาผ่านไปแล้ว 3 เดือนกว่า ๆ เงินที่ผู้บริหารบอกว่าจะช่วยนั้น ก็ยังไม่ได้ โทรหาก็บ่ายเบี่ยงบอกว่า เจ้านายไม่อยู่...เจ้านายยังไม่อนุมัติ ...ยิ่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลชี้แจงอ้ำ ๆ อึ้งๆ ว่า "ก็คุณใจดี ตัดสินใจเขียนใบลาออกเอง บริษัทจึงไม่จ่ายเงินให้ครับ" ก็เลยแน่ใจว่าถูกหลอกแน่แล้ว จากคุณ : แก้ไขด่วน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 14:27:12

ความคิดเห็นที่ 2 เอาละสิ ทีนี้ ความดันโลหิต ความโกรธ ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจ แน่นขึ้นมาจุกหน้าอก ขึ้นมาทันที ไปปรึกษาเจ้าหน้าที่แรงงาน ก็บอกว่าการที่ผู้บริหารพูดว่าจะเสนอให้เงินช่วยเหลือนั้นไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน แบอกว่าการเขียนใบลาออกด้วยตนเอง ขณะมีสติสัมปชัญญะนั้น มีผลแล้ว จะฟ้องร้องก็ยากที่จะชนะ "ตกลงว่าหนูมีโอกาสจะฟ้องชนะเขาได้ไหมคะ อาจารย์)เธอถามอีกครั้งหลังจากเล่าจบ ท่านทั้งหลายครับ เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็ก ๆ หรืบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีชื่เสียงเกิดขึ้นไม่น้อย สิ่งที่ผู้บริหารคิดก็คือ 1.ไม่อยากเสียเงิน จะให้ใครออกทำไมต้องแถมเงินด้วย 2.กลัวเสียชื่อเสียง ถ้ามีคนรู้ว่าเลิกจ้างพนักงาน ถ้ากล่อมให้เขียนใบลาออกได้ ก็จะบอกคนอื่นได้ว่า เขาลาออกเอง 3. คิดว่า การให้เขียนใบลาออกเอง ลูกจ้างจะไม่มีสิทธิไปฟ้องศาล วิธีการผิด ๆ ที่มักจะทำกันก็คิอ -เรียกพนักงานมาคุยและให้เขาเขียนใบลาออกให้ -ให้เหตุผลว่าเพื่อไม่ให้เสียประวัติ หรือจะให้เงินช่วยเหลื -ถ้าไม่เขียนใบลาออก ก็อาจจะยกเรื่องโน้น เรื่องนี้มาข่มขู่ มาตอกย้ำจนพนักงานเบื่อ ทนการกดดันไม่ไหว -พอได้ใบลาออกสมใจแล้ว ก็อ้างต่อว่า "ก็คุณลาออกเอง คุณมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ขณะเขียน ไม่มีใครบังคับคุณนี่"แล้วก็ตัดบทไม่คุยด้วยเอาดื้ๆ แบบนี้ก็เจอบ่อยๆ จากคุณ : แก้ไขด่วน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 14:33:17

ความคิดเห็นที่ 3 ฝ่ายบุคคล บางทีแทนที่จะเป็นคนกลางให้เหตุ ผล ให้ความเป็นธรรมก็ไม่ทำ บางคนก็ร่วมขบวนการ "หักคอ" พนักงานด้วยตนเอง ตั้งแต่ต้นจนจบก็มี ใครที่ทำให้พนักงานออกจากงานได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินถือว่าเก่ง ...ยอมรับนับถือกันในทางที่ผิด ๆ เจ้าหน้าที่แรงงาน (บางคน)ที่มีหน้าที่คุ้มครองลูกจ้าง ก็จำความเข้าใจแบบเก่า ๆ มาแนะนำ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีโอกาสชนะ ก็ปัดเรื่องให้พ้นตัว ไม่ช่วยเหลือลูกจ้างเท่าที่ควร มาดูเรื่องคุณใจดีกันต่อว่า "คุณใจดีมีช่องทาง มีเหตุผลในการฟ้องศาลแรงงานได้หรือไม่???" เรื่องนี้จะว่าไปแล้ว นายจ้างมีส่วนผิด 100% ตั้งแต่ต้น ผมจะชี้ให้เห็นช่องทางดังนี้ 1.การที่ผู้บริหารเรียกคุณใจดีไปบอกว่าจะหาผู้จัดการคนใหม่มาแทน บอกให้คุณใจดีเขียนใบลาออก หยุดงานไปก่อน ให้คืนรถ คืนโทรศัพท์ไม่ต้องมาทำงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนั้น นายจ้างมีเจตนาและแสดงเจตนาเลิกจ้างอย่างชัดเจน ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม แล้ว 2.การที่บอกว่าเขียนใบลาออกเอง ลงชื่อเอง มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ก็ถือเป็นการลาออกเองด้วยความสมัครใจนั้น ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป... ลองมองความจริงว่า *คุณใจดี ยังไม่ได้งานใหม่ที่ดีกว่า ยังไม่มีรายได้อื่นที่ดีกว่า อยู่ดีๆ จะลาออกไหม? *ถ้านายจ้างท่านนั้นไม่เรียกไปคุย ไม่บอกให้เขียนใบลาออก อยู่ดีๆ คุณใจดี จะควักใบลาออกมาเขียนเองไหม? *มีงานทำ มีเงินเดือน มีรถขับ มีโทรศัพท์ใช้ อยู่ดี ๆ จะคืน จะลาออกไหม? *ถ้าผู้บริหารท่านนั้นไม่บอกว่าจะช่วยเงิน 6 เดือน คุณใจดีจะลาออกไหม? ถ้าคำตอบทั้ง 4 ข้อ ว่ "ไม่"  ก็ชี้ให้เก็นแล้วว่า การลาออกนั้นผิดปกติ ไม่ธรรมดา ใบลาออกนั้น ย่อมไม่มีผล จากคุณ : แก้ไขด่วน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 14:41:10

ความคิดเห็นที่ 4 ซึ่งการกระทำของนายจ้างลักษณะเดียวกันนี้ ศาลฏีกาแผนกคดีแรงงานเคยพิพากษาเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วว่า "เป็นการเจตนาเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ให้นายจ้างจ่ายเงิน 1.ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 2.ค่าชดเชย 3.ค่าเสียหายที่เลิกจ้างไม่เป็นธรรม 4.ดอกเบี้ย ให้ลูกจ้างตามฟ้อง คามคำพืพากษาเลขที่ 2575/2548" เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่นายจ้าง ลูกจ้าง ที่จะฟ้องคดีกัน ควรระลึกถึงอย่างที่สุด ก็คือ *เมื่อเป็นคดีความขึ้นมา ท่านกล้าที่จะโกหกตัวเองไหมว่า ไม่ได้พูด ไม่ได้ทำ ทั้ง ๆ ที่กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้องแท้ๆ *ท่านกล้าผิดคำสาบานในศาลอย่างนั้นหรือ?? จากคุณ : แก้ไขด่วน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 14:45:12

ความคิดเห็นที่ 5 ******** ได้ความรู้ดีจังค่ะ ชอบๆ จากคุณ : hug for love เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 16:43:42

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณ สาระดีๆคะ จากคุณ : onlycat เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 17:33:27

ความคิดเห็นที่ 7 โอ้ครับ ขอบคุณมาก เห็นชื่อกระทู้นี้ตั้งแต่กลางวันละ แต่คิดว่า คงไม่ใช่ "ลูกข้าง" แน่ น่าจะเป็น "ลูกช้าง" ซะมากกว่า ที่ไหนได้ มันคือ "ลูกจ้าง" นี่เอง แง่มๆ เอาใจช่วยคุณใจดีนะคับบบบบบบบบ จากคุณ : ทองพญา เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 22:05:22

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ^ อุ้ย...เพิ่งเห็นว่า พิมพ์ผิด ขอโทษด้วยนะคะ เป็นลูกจ้าง -*- จร้า ว่าแต่ นายจ้าง มาอ่านทำไมเนี่ย อิอิ จากคุณ : แก้ไขด่วน เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:56:25

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ^ อ่านไว้จะได้รู้ทันลูกจ้างอ่ะครับ อิอิ ลูกจ้างแบบคุณแก้ไขด่วนนี่แหล่ะ น่ากลัวสุดๆ เพราะว่า... ภายใต้ความสวย ได้ซ่อนความฉลาด ล้ำลึก สุขุม เอาไว้ เอิ้กๆ จากคุณ : ทองพญา เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 10:09:34

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นความรู้...ขอบคุณจขกท.ค่ะ จากคุณ : นินจาน้อย เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:08:52

ความคิดเห็นที่ 11   วิธีการนี้บริษัท dtac ใช้กับพนักงานอยู่ตอนนี้ ในสภาวะฝรั่งมาครองเมือง มี 3 คดี ที่ศาลแรงงานกลาง ศาลบอก "ก็คุณลาออกเอง คุณมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ขณะเขียน ไม่มีใครบังคับคุณนี่" สงสารมากครับ เพราะส่วนใหญ่เป็นหัวหน้างานอายุมากๆ แล้ว ภาพลักษณ์ไม่ได้ดีเหมือนก่อนแล้วครับ dtac จากคุณ : เพิ่งโดนมาครับ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 13:07:59 A:117.47.8.252 X: