ความคิดเห็นที่ 1   ผมว่าคนละเรื่องกันนะนี่   คนละหน้าที่  ผู้พิพากษา อยู่ภายใต้การบังคบบัญชา ของ กระทรวง ยุติธรรม  แต่รัฐมนตรีกระทรวงนี้ ก็อยู่ภายใต้ สายงาน นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำประเทศ แต่ทุกคนก็ต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย   นายกถ้าทำผิด ก็ ถูกผู้พิพากษาตัดสินลงโทษ    ผู้พิพากษาประพฤติไม่เหมาะสม ก็อาจถูกตั้งกรรมการ ตรวจสอบ   ที่สำคัญ  ความนับถือ เกิดจาก การทำหน้าที่ ให้เป็นที่ ยอมรับ และ ศรัทธา  หากประพฤติ มิชอบ ตำแหน่งไหน ก็ โดนเหมือนกัน จากคุณ : m&mms เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 52 17:28:52

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนตัวคิดว่า เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการแบ่งแยกอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการออกจากกัน ปัจจุบันศาลจึงมีดำเนินงานเป็นอิสระมิได้อยู่ภายใต้กระทรวงยุติธรรม ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓          "มาตรา ๕  ให้มีสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระมีฐานะเป็นนิติบุคคล          การแบ่งส่วนราชการภายในของสำนักงานศาลยุติธรรมและการกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการนั้น ให้ทำเป็นประกาศ ก.บ.ศ.          ประกาศตามวรรคสอง เมื่อได้รับความเห็นชอบจากประธานศาลฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้" หน้าที่การงาน และฐานะทางสังคม          นายกรัฐมนตรีและผู้พิพากษามีหน้าที่แตกต่างกัน นายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นประมุข (หัวหน้า) ของฝ่ายบริหาร ส่วนผู้พิพากษาในประเทศไทยถือว่าทำงานภายใต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ ต่างฝ่ายต้องดูแลขอบเขตงานของตนให้อยู่ในความสงบ เรียบร้อย เป็นธรรม และต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเช่นกัน แม้ว่าจะคานอำนาจกันได้แต่ก็ไม่ควรมีการแทรกแซงการทำงานซึ่งกันและกัน          นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศไม่ดี ประเทศก็อาจจะตกเป็นเบี้ยล่างของประเทศอื่น หรือถูกประเทศอื่นแทรกแซงการทำงานได้ ประชาชนก็อาจอยู่กันอยากอดอยากเพราะเศรษฐกิจไม่ดี หรือเนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่สามารถควบคุมการทุจริตได้          ผู้พิพากษาทำงานไม่ดีประชาชนก็ไม่มีหลักประกันในความเป็นธรรม ความยุติธรรมเมื่อเกิดการฟ้องร้องคดีกัน และก็อาจเกิดจราจลตามมาได้ อาชีพสุจริตทุกอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และช่วยประเทศได้ทั้งนั้น สำคัญแต่เพียงว่าผู้ประกอบอาชีพนั้นได้ทำอาชีพนั้นอย่างสุดความสามารถ หรือเห็นคณค่า หรือมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพนั้นมากน้อยเพียงใด จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 52 17:59:45

ความคิดเห็นที่ 3 แอบมาดูครับ จริงอย่างที่ท่านว่ามาล่ะครับว่า  อำนาจหน้าที่ในแต่ละด้านต่างกัน เอามาเทียบกันตรงๆก็คงไม่ได้ จึงอยากทราบมุมมองของชาวบ้านธรรมดาๆว่า ถ้าไม่ได้ดูตามหลักการและเหตุผลมากนัก จะเห็นเป็นอย่างไรกันน่ะครับ ขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเห็นครับ จากคุณ : DARKSNIPER เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 52 18:21:02

ความคิดเห็นที่ 4 อำนาจตุลาการ เป็นอิสระจาก อำนาจบริหาร และ นิติบัญญัติ ครับ ถ้าถามว่าใครใหญ่กว่าสูงกว่ากันก็ต้อง นายก แน่นอนเพราะนายกมีคนเดียว ผู้พิพากษามีหลายร้อย โดยตำแหน่งนายกเป็นผู้นำรัฐบาล รัฐบาลมีผลกับคนทั้งประเทศ แต่ผู้พิพากษามีผลแค่เฉพาะคู่ความในคดี จากคุณ : bigcy เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 52 19:25:12

ความคิดเห็นที่ 5 คนละอำนาจหน้าที่ เปรียบเทียบกันไม่ได้อะ เค้าสร้างขึ้นมาเพื่อคานอำนาจกันอะ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 52 19:31:07

ความคิดเห็นที่ 6 ขอตอบ แบบ คนไม่มีความรู้นะครับ ผมคนที่คิดจะ มาเป็น นายกนั้น จิตใจที่ บริสุทธิ์ รักบ้านเมือง และ ไม่หวังผลประโยชน์จากประเทศชาติ จริงๆนั้นมีอยู่น้อย   น้อยกว่า คนที่คิดจะ เป็นผู้พิพาก นั้น ส่วนหนึ่งทำเพราะ จิตใจที่ยึดมั่นใจกฎหมาย และวิชาชีพของตน  และความไม่หวังผลประโยชน์จากประเทศชาติ เพราะฉะนั้น ผมคิดว่า ผู้พิพากษา สูงส่งกว่าครับ จากคุณ : spock เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 52 00:03:11

ความคิดเห็นที่ 7 นายกนั้น จิตใจที่ บริสุทธิ์ รักบ้านเมือง และ ไม่หวังผลประโยชน์จากประเทศชาติ จากคุณ : mooyui_na เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 52 20:30:56

ความคิดเห็นที่ 8   เทียบกันไม่ได้ เพราะดูจาก หลายๆ ความเห็นเข้าใจว่า จขกท จะเอา ผู้พิพากษาธรรมดา ที่มีอยู่เป็นร้อย กับนายกฯ คนเดียว มาเทียบกันได้อย่างไร ต้องเอาประธานคณะตุลาการ ที่มีอยู่คนเดียว (สูงสุดในฝ่ายตุลาการ) เทียบกับ นายกรัฐมนตรี ที่สูงสุดในฝ่ายบริหาร เทียบกันแบบนี้ ต่อให้ คนมีการศึกษายังไขว้เขว ไม่เชื่อหรือครับ ไม่งั้นทุกวันนี้ คนจบปริญญาตรี ยังเทียบหรือเปรียบ ความผิด ระหว่าง ผู้ที่นับถือ กับ ผู้ที่กระทำผิด ไม่ได้เลย บ้านเมืองถึงได้วุ่นวาย อันที่จริงคนเรียนสูงน่าจะเข้าใจ +แยกแยะอะไรทำนองนี้ได้ง่าย กว่าคนการศึกษาต่ำ แต่ไม่จริงเสมอไปซะงั้น จากคุณ : กองปราบ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 17:14:59 A:110.164.90.222 X: TicketID:103401