|
ความคิดเห็นที่ 177 |
|
ขอโทษด้วยนะค่ะที่เมื่อวานไม่ได้มาอัพข้อมูลให้เลย เพราะหลังจากหอบหิ้วน้ำหนักเกินมาตรฐานไปเดินเตร็ดเตร่อยู่คาร์ฟูพระราม 4 กับหวานใจ ก็ได้ไมโครเวฟสมใจ ยี่ห้อ LG ลดราคาแล้วเหลือ 1,890 พร้อมกับพัดลมหนึ่งตัว หวานใจพูดแหย่ว่า "พัดลมตัวนี้พัดแรงดีเนอะเล่นเอาผมพี่กระเจิงเลย" "พัดแค่ผมก็พอนะค่ะ อย่าแรงจนพัดใจปลิวไปก็พอ"(หยอดมุขหน่อยเรา) ไอ้เรานึกว่าเค้าจะซึ้งกับมุข แต่...พี่ท่านไม่ได้สนใจเลย "พี่ว่า..เราขึ้นรถเมล์ไปดีกว่า รถเมล์ฟรี ดีออกไม่เสียค่ารถ" โอ้ว..my god หวานใจฉันคิดได้ไงเนี้ยะ ผู้หญิงอ้วนๆหนึ่งคนถือกล่องไมเครเวฟขนาด 23 ลิตร กับผู้ชายไทยน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานถือพัดลมขนาดใบพัด 16 นิ้ว คงเป็นภาพที่น่าหดหู่ "ไม่ขึ้นรถเมล์ก็เดินเอา" เค้าเสนอความคิดเห็น แต่เราแค่คิดก็จะตายแล้ว เดินจากคาร์ฟูพระราม 4 ไปสาทรเนี้ยะนะ ฉันขอตายก่อน คุณหวานใจคงเห็นอาการทางสีหน้าเลยตัดบทชวนขึ้นแท๊กซี่ :-)ีใจจัง โม้มาซะยืดยาว ขอเล่าความรักออนไลน์ของเราต่อล่ะกัน หลังจากที่คบหาดูใจกันได้สักพัก ทีทำงานเราก็จัดไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด บังเอิญว่าดันเป็นจังหวัดบ้านเกิดเค้าพอดี เราก็ชวนเค้าไปด้วย(อิอิ..แอบมีแผนในใจ) เค้าซึ่งไม่ค่อยได้กลับบ้านก็ตกปากรับคำทันที ไปถึงที่พักเค้าขอตัวกลับไปบ้าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงแรมที่เราพักเท่าไหร่ ไม่มีคำพูดชวนไปที่บ้านจากเค้าสักคำ เล่นเอาเราน้อยใจ แต่เก็บความรู้สึกไว้ แถมเพื่อนๆยังมาพูดเชิงเหน็บแหนมว่า เฮ้ย..มาถึงที่แล้ว เค้ายังไม่ชวนเข้าบ้านอีก มันชักยังไงอยุ่หน่า เค้ามีลูกมีเมียเก็บไว้หรือเปล่า พอเค้ากลับมาค่ำๆ เราก็ทำเป็นไม่สนใจ เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ ยังคุยกับเค้าปกติ แต่อากัปกริยาในความน้อยใจมันแสดงออกมา เค้าจับพิรุธได้ ก็เลยถามว่าเรางอนเค้าเรื่องอะไร แค่นั้นแหละ หมูน้อยน้ำตาแตกเลย(55+) พอเค้ารู้ เค้าก็เลยบอกเราว่า พรุ่งนี้จะพาไป แล้วต่อไปนี้จะได้รู้ว่าเพราะอะไรเค้าถึงไม่ชวนไปบ้าน เช้าวันรุ่งขึ้น เราแต่งตัวซะสวย สุภาพ เรียบร้อย (อิอิ) กะว่าให้ว่าที่คุณพ่อคุณแม่สามีเห็นแล้วประทับใจ บ้านเค้าเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ มีรั้วรอบขอบชิดอย่างดี จัดได้ว่ามีฐานะพอสมควร น้าน..ว่าที่พ่อสามีของฉันนั่งอยู่ตรงนั่น(เดาเอาดูจากลักษณะหน้าตาที่คล้ายๆกัน) ไอ้เราแกล้งทำเขินๆ ยืนหลบอยู่หลังแฟน ทั้งๆที่เค้าบังเราไม่มิดหรอก เค้าแนะนำเรากับพ่อ แต่ดูพ่อเค้าไม่ได้สนใจหรือดีใจกับการมาของเราทั้งคู่เลยสักนิด เฉยซะจนเราอึดอัด สักพักแม่เค้าเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ดูแม่เค้าดีใจนะที่เห็นลูกชาย แต่ทำหน้างงๆเมื่อเห็นเรา ท่านยังพอแสดงความรู้สึกรักและห่วงไยลูกชายอยู่บ้าง แต่ฝ่ายพ่อไม่มีเลย เฉย เย็นชา ดูเป็นคนดุๆด้วยซ้ำ ส่วนตัวแฟนเราออกจะเกร็งๆเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อ เราคาดเดาได้เลยว่า สมัยเค้าเป็นเด็กๆ คงกลัวพ่อมาก เราไปนั่งอยู่บ้านนั้นประมาณชั่วโมงกว่าๆ แม่เค้าขนผลไม้ที่เก็บมาจากสวนใส่ถุงให้เต็ม ขากลับแอบยื่นเงินให้แฟนเราหนึ่งพัน มีการกระซิบกระซาบว่า เมื่อวานพ่อไปเจอเพื่อนที่ลูกชายเค้าตายที่ตลาด เห็นว่าพูดกระทบกระทั่งกัน (ตอนนี้แหละแฟนเราทำหน้าเศร้าไปเลย) แล้วเมื่อเช้าบริษัทดีแทคส่งใบแจ้งหนี้ให้ไปชำระมาที่บ้านนะ แต่แม่เค้าฉีกทิ้งแล้วเดี๋ยวพ่อเห็น เค้าจะถูกด่าเอา เราได้แต่คิดในใจว่า บ้านนี้ดูท่าจะใช้ระบบเคอร์ฟิวในการปกครอง ช่างดูเป็นครอบครัวที่ไม่น่าอบอุ่นเลย มันยังไงบอกไม่ถูก แฟนพาเราไปลาพ่อเค้า ที่ตอนนั้นนั่งดูนกเขา พ่อเค้าพูดคำเดียวสั้นๆว่า "เออ..โชคดี" แต่ไม่มองหน้าลูกชายเลยด้วยซ้ำ ไม่มีแม้แต่หางตาจะแลเลย ระหว่างทางนั่งรถกลับมา แฟนเราเล่าให้ฟังว่า พ่อเค้าเป็นคนเข้มงวดกับลูกๆ ส่วนแม่ไม่มีบทบาทอะไรในบ้าน ตอนเด็กๆ พวกเค้าจะกลัวพ่อกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเค้าหรือพี่สาว และน้องชาย ทุกคนถ้าพ่อสั่งว่าไม่ ไม่มีใครกล้าหือ พอเรียนหนังสือแฟนก็มาอยู่หอพัก ติดเพื่อน ติดหญิง ไม่ค่อยจะกลับบ้าน และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ แฟนของเรากับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นลูกชายคนเดียวของเพื่อนสนิทพ่อ ชวนกันไปดูคอนเสริตระหว่างทางกลับมาเกิดอุบัติเหตุรถชน แฟนเรารอดแต่พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลสามเดือนมีรอยผ่าทั้งตัว(เวลาถอดเสื้อออกมาจะเห็นรอยเย็บชัดเจนมากๆ )ส่วนเพื่อนเค้าซึ่งเป็นคนขับเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นครอบครัวเค้ากับครอบครัวของเพื่อนพ่อก็เลยผิดใจกัน เพราะต่างฝ่ายต่างโทษกันว่าคนโน้นผิดคนนี้ผิด เล่ามาถึงตอนนี้แฟนเราทำท่าเหมือนคนจะร้องไห้ เรารับรู้ได้เลยว่าเค้าคงสำนึกว่าที่ผ่านมาเค้าทำเรื่องให้ที่บ้านตลอด เราก็เลยบอกเค้าไปว่า ขอให้เค้าอยู่กับปัจจุบัน ทำตัวให้ดีขึ้น ถึงพ่อจะไม่เชื่อแต่กาลเวลาก็พิสูจน์ได้ว่าเค้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว คืนก่อนกลับมากรุงเทพ มีงานเลี้ยงจัดขึ้น อาหารบุฟเฟ่ย์ ไอ้เราปกติจะเป็นคนกินเก่ง แต่คืนนี้กินอะไรไม่ลง ยิ่งเห็นคุณหวานใจเศร้าๆ อดคิดไม่ได้ว่า กูไม่น่าเลย ไม่น่าเรียกร้องขอไปบ้านเค้าเลย เหมือนเป็นการตอกย้ำแผลในใจเค้ายังไงบอกไม่ถูก อัดเบียร์ไปสองกระป๋อง(ปกติไม่ดื่มแอลกอฮอร์เลย) พอมึนได้ที่ ขึ้นเวทีคว้าไมค์ร้องเพลง ท่ามกลางเสียงโห่ของเพื่อนๆ "เธอกักขังตัวเองไว้ นานเท่าไหร่ ไม่รับใครเข้ามา ความปวดร้าวในคราวนั้น ที่มันฝังใจ อย่าแบกให้เหนื่อยล้า มองที่ฉันคนนี้ ที่เธอรักมานาน คนที่เธอมองผ่าน เรื่อยมา อย่าเพิ่งคิดว่าชีวิต ของเธอไม่มีค่า ฉันขอรักษาเธอได้ไหม ให้เธอแชร์ความช้ำในหัวใจ มาให้ฉัน แบ่งมันมาจนเธอนั้นสบายใจ และจะแชร์ความรักไปให้เธอเก็บไว้ ใส่มันลงแทนที่ในหัวใจ ที่เธอปวดร้าว" ถึงแม้เสียงเราจะไม่ดี ร้องผิดคีย์ไปบ้างแต่ได้ใจแฟนไปเต็ม(อิอิ)คืนนั้นเลยได้เห็นน้ำตาซึมๆจากลูกผู้ชายหนัก 57 กก. พร้อมคำพูดที่ว่า "รู้แล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่ดีแค่ไหน ยังอยากจะคบพี่อีกหรือเปล่า" ไม่คบได้ไงค่ะ คนที่ผิดแล้วยอมรับผิด พร้อมจะแก้ไขให้มันดีขึ้น ทำไมเราจะไม่ให้อภัย อดีตก็คืออดีต เราขอเลือกอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ขอยืมคำพูดประจำของเค้ามาใช้หน่อย
จากคุณ |
:
เก๋ (เก๋กาการิ)
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ต.ค. 52 18:46:27
|
|
|
|
|