PANTIP.COM : U8447514 ไม่นึกไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะต้องขึ้นศาล รบกวนขอคำปรึกษาหน่อยครับ เรื่อง "ยักยอกทรัพย์มรดก" [กฎหมาย]

ความคิดเห็นที่ 5

อื่ม...อันดับแรกคุณต้องเข้าใจเสียก่อนว่าทายาทผู้มีสิทธิ์ได้รับมรดกในคดีนี้มีใครบ้าง....และแต่ละคนจะได้รับกันคนละเท่าไหร่

จากข้อเท็จจริงที่คุณบรรยายมาในกระทู้....ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายคือ....

1. ภริยา (แม่)

2. มารดา (ย่า)

3. บุตร (คุณ)

โดยภริยา (แม่) ในฐานะคู่สมรสจะได้รับในส่วนของสินสมรสครึ่งหนึ่ง...จากนั้นจึงนำที่เหลือจากการแบ่งสินสมรสมาหารเป็นจำนวน 3 ส่วนเท่าๆ กันโดยภริยาก็ยังมีสิทธิได้รับมรดกในฐานะทายาทอีกส่วนหนึ่งด้วย

ดังนั้น....การที่คุณบรรยายฟ้องว่า "เมื่อวันที่ xx จำเลย ได้โอนมรดกเฉพาะส่วนให้แก่ ย่า" ก็เป็นการรับในคำฟ้องว่าส่วนที่โอนไปนั้นเป็นมรดกเฉพาะส่วนให้แก่ย่า....ซึ่งย่าก็เป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดก เมื่อทรัพย์มรดกเป็นส่วนของย่า ภายหลังจากการรับโอนย่าจะโอนให้ลุงมันก็เป็นสิทธิของย่าที่จะกระทำได้......มันจึงไม่น่าใช่กรณีการเบียดบังเอาทรัพย์มรดกเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์....เพราะมันเป็นการกระทำโดยอาศัยสิทธิความเป็นทายาทที่จะกระทำได้ แต่หากว่ามันเป็นการใช้สิทธิที่เกินส่วน เช่น โอนไปมากกว่าจำนวนที่มีสิทธิได้รับจริง ก็เป็นเรื่องที่ทายาทคนอื่นชอบที่จะขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวได้

ซึ่งการโอนผิดพลาดคลาดเคลื่อนดังกล่าวอาจเกิดจากการเข้าใจผิดในสิทธิของตนก็เป็นได้....ซึ่งหากว่าเป็นกรณีเช่นว่าก็ไม่อาจฟังได้ว่าเป็นการกระทำโดยทุจริตอันจะเป็นความผิดอาญา

กรณีจึงเป็นเรื่องที่คุณต้องไปพิจารณาว่าทรัพย์มรดกที่โอนไปนั้นมันเกินกว่าสิทธิที่ย่าจะได้รับในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกหรือไม่....หากเป็นการโอนที่ล้ำจำนวนก็ขอให้เค้าโอนคืนหรือหากเค้าปฎิเสธที่จะโอนคืนก็ขอให้ศาลเพิกถอนการโอนในคดีแพ่งต่อไป.....และจะขอถอดถอนผู้จัดการมรดกหรือไม่อย่างไรก็ไปว่ากล่าวกันในภายหลัง.....ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้คุณไม่ได้ให้มาจึงกล่าวโดยหลักการได้เพียงเท่านี้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่สนับสนุนให้ญาติพี่น้องฟ้องคดีอาญาต่อกัน....เพราะมันเป็นการแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อกันมากเกินไป.....เว้นแต่มูลความผิดมันจะชัดแจ้งว่าเป็นอาญาจริงๆ และเหลือวิสัยที่จะพูดคุยตกลงกันได้ก็จำเป็นต้องทำ

ลองพิจารณาดูนะครับ

จากคุณ : อินทร์นิล

เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:37:42