ความคิดเห็นที่ 2 |
เพราะบางคนเข้าใจความหมายของคำว่าผู้จัดการมรดกคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงครับ....
เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เข้าใจว่าผู้จัดการมรดกมีอำนาจที่จะจัดการแบ่งทรัพย์มรดกได้ตามอำเภอใจ....เปรียบเสมือนผู้จัดการบริษัทที่มีอำนาจสั่งการให้คุณให้โทษแก่ผู้ใดในบริษัทก็ได้.....ดังนั้นเราจึงมักเห็นบ่อยครั้งว่าบางคนเมื่อศาลตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกแล้วบ้าอำนาจ สำคัญตนผิด เรียกร้องความสำคัญหรือเงินทองจากทายาทโดยข่มขู่ว่าจะไม่ยอมจัดการโอนทรัพย์มรดกให้ ซึ่งเป็นความสำคัญผิดในสิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกอย่างร้ายแรง เพราะผู้จัดการมรดกมีอำนาจหน้าที่เพียงเท่าที่กฎหมายกำหนดคือจัดการแบ่งทรัพย์มรดกให้เป็นไปตามพินัยกรรม....หรือกรณีไม่มีพินัยกรรมก็แบ่งให้เท่าๆ กันตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจหรือสิทธิใดนอกเหนือไปจากนั้น
หากกระทำการโดยไม่สุจริตก็โดนฟ้องร้องได้ทั้งแพ่งและอาญา.....และไม่ตัดสิทธิที่ทายาทจะร้องขอให้เปลี่ยนตัวผู้จัดการใหม่ได้
ดังนั้น....ผมอยากให้เข้าใจกันให้ถูกต้องว่าผู้จัดการมรดกนั้น....เป็นผู้จัดการแต่เพียงในนาม....แต่หากเรียกตามหน้าที่ที่ทำนั้นต้องเรียกว่า "กรรมกรมรดก" เพราะเป็นผู้ที่ต้องอุทิศแรงกายแรงใจและทรัพย์สินในการที่จะจัดการทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทคนอื่น....ขวนขวายติดตามสืบหาทรัพย์มรดกของผู้ตายมาให้แก่ทายาท.....อีกทั้งยังไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จใดๆ จากกองมรดกด้วย เว้นแต่จะได้โดยพินัยกรรมหรือทายาทส่วนใหญ่เค้าตกลงให้
ด้วยเหตุดังกล่าวเราจึงเห็นได้ว่า......การเป็นผู้จัดการมรดกนั้นเป็นงานที่ต้องอุทิศตนเพื่อผู้อื่น....มิได้มีอำนาจเหนือกว่าทายาทคนอื่น....ต้องขวนขวายหาทรัพย์มรดกมาแบ่งให้แก่ทายาทคนอื่น....ในขณะที่ทายาทคนอื่นไม่จำต้องดินร้นอะไร...หากเพิกเฉยไม่ทำงาน ทำไม่ถูกต้อง ทุจริต ก็มีความผิดทั้งแพ่งและอาญา.....เช่นนี้แล้วผมจึงอาจกล่าวได้ว่า "ผู้จัดการมรดก" นั้นแท้จริงแล้วมีหน้าที่เสมือน "กรรมกรมรดก" นั้นเอง....
จากคุณ |
:
อินทร์นิล
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ต.ค. 52 10:12:41
|
|
|
|