ความคิดเห็นที่ 1   หลังจดทะเบียนสมรสแล้วผุ้หญิงก็ผ่อนต่อเองคนเดียว แล้วคุณยังอยากได้ของเค้าเหรอครับ ถึงผมมีสิทธิ์ได้ ผมก็ไม่เอานะครับ จากคุณ : เรามันผู้ชายนะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 21:36:15 A:172.30.16.76 X:127.0.0.1, 58.10.90.85 TicketID:231873

ความคิดเห็นที่ 2   วรรคแรก ผู้หญิงผ่อนต่อคนเดียว วรรคที่สอง บอกว่าเป็นทรัพย์ที่เกิดจากรายได้คนทั้งสอง ตกลงมันยังไงครับ???? เอาให้แน่ จากคุณ : ไอ้ลิงกัง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 21:58:04 A:113.53.106.64 X: TicketID:187224

ความคิดเห็นที่ 3 มีหรือไม่คงต้องนำสืบกัน  แต่เขาก็มีสิทธิจะฟ้องขอแบ่งบ้านโดยอ้างว่าเป็นสินสมรส แต่จะชนะหรือไม่ก็คงต้องสู้กันในศาลและหลักฐานที่มี แต่ถ้าสรุปโดยยึดข้อเท็จจริงว่าฝ่ายหญิงจ่ายคนเดียว ฝ่ายชายไม่มีสิทธิ์ครับ จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 22:44:10

ความคิดเห็นที่ 4 #1 ไม่มีข้อความไหนเลยที่บอกว่าเป็นเรื่องของตัวผมเองนะครับ  อย่าคิดมั่วๆไปเอง มี #3 นี่แหละที่อ่านข้อความผมแล้วเข้าใจ เผื่อ #2 ยัง งง อยู่ อธิบายอีกนิดละกันว่า โดยปกตินั้น หลังจากจดทะเบียนไปแล้ว รายได้ที่ได้รับมาไม่ว่าจะสามีหรือภรรยาก็ถือว่าเป็ยคนๆเดียวกันเงินเดือนของภรรยาสามีก็มีสิทธิ์ เงินเดือนของสามีภรรยาก็มีสิทธิ์  และไม่ว่าจะไปซื้ออะไรก็ตาม แต่ถ้าเลิกกัน ก็ต้องนำทรัพย์สมบัติโดยรวมทั้งหมดมาแบ่งหารสองให้เท่าๆกัน (ย้ำว่า เฉพาะทรัพย์ที่เกิดหลังจดทะเบียนสมรสนะครับ เผื่อใครบางคนไม่รู้กฏหมาย) แต่ในเคสนี้ ผุ้หญิงเป็นผู้เริ่มต้นซื้อมา และผ่อนไปได้ 1 ปี แล้วจึงมาจดทะเบียนสมรส และผู้หญิงก็ผ่อนของเค้าเองคนเดียวไปอีก 10 ปี (แต่ตามกฏหมายเค้าบอกว่า รายได้ของสามีและภรรยาถือว่าเป็นคนๆเดียวกัน) ดังนั้นแสดงว่าเงินที่ผ่อนไปหมายถึงเงินของสามีด้วย (ว่าตามกฏหมายนะครับ) ดังนั้นต่อให้สืบหลักฐานจริงๆว่าเป็นเงินรายได้ของผุ้หญิงคนเดียวที่ผ่อนคนเดียว แต่ตามกฏหมายมันก็ถือว่าเป็นเงินของผู้ชายด้วย แล้วแบบนี้ต้องแบ่งบ้านให้ผู้ชายรึเปล่าครับ ถ้าผู้ชายเรียกร้องอยากได้ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 23:36:05 จากคุณ : Rapter เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 23:35:23

ความคิดเห็นที่ 5 สามีหรือภรรยาก็ถือว่าเป็ยคนๆเดียวกัน --- อันนี้ไม่มีในกฏหมายครับ  ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคนชอบนึกอย่างนั้น ถ้าภรรยาหาเงินได้โดยลำพัง เอาเงินนั้นผ่อนบ้าน  เป็นของภรรยาคนเดียวครับ จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 00:46:55

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนผู้หญิงซื้อบ้านเป็นสัญญาจะซื้อขายซึ้งตอนนั้นกรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ขายอยู่ ถ้าผ่อนหมดหลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วมีการโอนกรรมสิทธิ์กันระหว่างนี้ ทรัพย์สินที่ได้จึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างการสมรส ถือว่าเป็นสินสมรส ทีนี้หลายคนบอกว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะผู้หญิงผ่อนมาคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ แต่บ้านกลับเป็นสินสมรสซะนี่ แต่หลังจากที่มีการแต่งงานกันแล้วการที่จะมาแยกแยะว่าอันนี้เงินชั้น อันนี้เงินคุณมันคงเป็นไปได้ยาก เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทำงานเพียงลำพัง ชีวิตคู่มันต้องกินต้องใช้ ทุกวันมันก็มีค่าใช้จ่ายร่วมกัน กฎหมายก้เลยให้ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ของทั้งสองฝ่ายที่ได้มาเป็นสินสมรสซะ จากคุณ : ตุ๊กตาดุ๊กดิ๊ก เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 02:26:06

ความคิดเห็นที่ 7 บ้านหลังนี้หญิงได้มาก่อนสมรสจึงเป็นสินส่วนตัว เมื่อมาจดทะเบียนหย่ากันภายหลังไม่ต้องแบ่งให้ชายครับ จากคุณ : ความสุขเล็กๆ เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 06:59:49

ความคิดเห็นที่ 8 คห๕ ทำไมพูดออกมาอย่างนั้น ทำไมไปฟันธงอย่างนั้น เพราะว่าที่คุณบอกมามันผิดเต็มๆครับ กฎหมายเอาความรู้สึกมาตอบไม่ได้ คนที่ไม่รู้กฎหมายเค้าไม่รู้หรอกว่าอะไรถูกหรือผิด ถ้าคนแนะนำกฎหมายที่ผิดแล้วเสียหาย ถามว่าคนแนะนำจะรับผิดชอบหรือไม่.....เปล่าเลยครับ ดังนั้นการออกมายืนยันอะไรที่ไม่ถูกต้องในทางกฎหมาย ขอให้ระวังด้วย คราวนี้ผมขอตอบเรื่องของ จขกท ตามกฎหมายนะครับ ญ ผ่อนบ้านมา ๑ ปี หลังจากนั้นจดทะเบียนสมรส และผ่อนต่อมาอีก ๑๐ ปี โดยผ่อนคนเดียว ทรัพย์นั้นแบ่งออกได้ดังนี้ครับ เป็นสินส่วนตัวของ ญ ๑ ปี ก่อนมีการจดทะเบียนสมรส เป็นสินสมรส ๑๐ ปี หลังจากจดทะเบียนสมรส เมื่อหย่ากัน ต้องแยกสินส่วนตัวออก แล้วเอาสินสมรสมาแบ่งกัน กรณีนี้ไม่ว่าใครจะผ่อนหรือไม่ ก็ถือว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาในระหว่างสมรสทั้งสิ้น กรณีเดียวที่จะเป็นสินส่วนตัวของ ญ ในเรื่องนี้ ถ้าพิสูจน์ได้ว่า ญ เอาสินส่วนตัวที่มีมาก่อนสมรส นำมาผ่อนบ้าน เช่น ญ มีเงิน ๑๐ ล้านอยู่ก่อน แล้วเอาเงิน ๑๐ ล้านเนี้ย มาผ่อนทั้งหมด โดยมิได้เอาเงินเดือน หรือเงินที่หามาได้ระหว่างสมรสมาผ่อนเลย อันนั้นถือว่าบ้านเป็นของ ญ ตามหลักกฎหมายเรื่องหนี้ ว่าด้วยเรื่องช่วงทรัพย์ แต่ถ้า ญ เอาเงินเดือน หรือ เงินที่หามาได้ระหว่างสมรสมาผ่อน บ้านที่ผ่อนไป ๑๐ ปี ก็ถือว่าเป้นสินสมรส ช. มีสิทธิ์ในนั้นกึ่งหนึ่งตามกฎหมาย เมื่อหย่ากัน ช. มีสิทธิด้วยครับ แต่เรื่องนี้ อาจตกลงกันได้ ถ้า ช. ไม่รับบ้าน ไม่อยากแบ่ง หรือ เห็นว่า ญ ผ่อนเอง เลยไม่อยากแย่งมา อาจทำสัญญาหรือบันทึกการหย่าได้ว่า ยกบ้านที่เป็นสินสมรสให้ ญ แต่ผู้เดียวก็ได้ เสริม... คห๖ ที่บอกว่า ตอนซื้อเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย ตอนโอนจึงมีกรรมสิทธิ์ อันนั้นคงใช้ได้ในกรณีเช่าซื้อนะครับ ส่วนบ้านเนี้ย เค้าโอนกันตั้งแต่ไปจดทะเบียนแล้ว ดังนั้นกรรมสิทธิ์จึงเป็นของผู้ซื้อแล้วตั้งแต่ต้น แต่ที่ผ่อน ธ. เพราะว่ามีสัญญาจำนองกันอยู่และมีการกู้ซื้อบ้านนั่นเอง กรณีที่คุณ คห๖ บอกมาในเรื่องนี้ จึงไม่ถูกต้องครับ กฎหมายมั่วไม่ได้ ถ้าจะมั่วหรือตอบเอามัน ขอร้องครับ หาข้อมูลด้วย จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 07:17:20

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ น้าออด มากครับ จากคุณ : Rapter เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 10:41:10