ความคิดเห็นที่ 1   เหนื่อยใจแทนพี่สาวคุณจังค่ะเหมือนผู้ชายเค้าเห็นแก่ตัวมากเกินไป(รึเปล่า) ดูๆแล้วพี่สาวคุณรักว่าที่สามีมากพอไหมค่ะที่จะร่วมชีวิตกันไปในอนาคต ลองตัดปัญหาเรื่องทรัพย์สินออกไปเถอะค่ะถ้ารักกันจริง ถ้าไม่มั่นใจในว่าที่สามี เวลาแต่งงานไปแล้วก็แอบเก็บตังไว้ด้วยสิคะถ้ากลัวไม่มั่นคง ฟังที่คุณเล่ามาดู เหมือนว่าที่สามีของพี่สาวคุณเค้าจะมีฐานะที่ดีและมั่นคง ในอนาคตถ้ามีลูกด้วยกัน แล้วเกิดการหย่าร้างทรัพย์สินของฝ่ายชายยังไงก็ตกเป็นของทายาทอยู่วันยังค่ำ อันนี้พูดถึงกรณีมีลูกนะคะ แต่ถ้าไม่มีลูกด้วยกันพี่สาวคุณคงต้องช่วยเหลือตัวเองอะค่ะ แอบเก็บสะสมเงินไว้เอง เซ็นสัญญาไปเถอะค่ะ ยังไงจดทะเบียนสมรสก็ยังดีกว่าวันดีคืนดีเค้าไปจดกับคนอื่นแล้วตัวเอง กลายเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัวนะคะ ถ้ารู้สึกว่าไม่เป็นธรรมก็ไม่ต้องแต่ง แต่กรณีนี้ต้องเลิกกันนะ(แต่ดิฉันไม่สนับสนุนให้เลิกกันนะคะ) คิดเยอะๆนะพี่สาวคุณคงรู้นิสัยฝ่ายชายดี และคงรู้ว่าว่าจะแต่งหรือไม่ ถ้าแต่งกันไปแล้วฝ่ายชายดูแลพี่สาวคุณได้ดีแค่ไหน ถ้าพี่สาวคุณรักเค้า และสามารถตัดเรื่องเงินทองออกไปได้ก็แต่งเถอะค่ะ เงินทองของนอกกาย จากคุณ : weena เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 23:14:53 A:94.254.226.120 X: TicketID:240265

ความคิดเห็นที่ 2 บอกพี่สาว เรือนหอ อย่าได้ปูพรม นะครับ เดี๋ยวพรมขาดหมด เจอเขี้ยวเจ้าบ่าว จากคุณ : ขุนนนท์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 23:17:54

ความคิดเห็นที่ 3 อุ๋ย  รักกันมั๊ยคะเนี่ย หรือแต่งเพราะผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ล่ะ คิดจะเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังจะมาแยกว่า อันนี้ของฉัน อันนั้นของเธออีกเหรอ แล้วจะอยู่กันมีความสุขเหรอคะ  แปลกใจ จากคุณ : ปีกพระจันทร์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 23:30:57

ความคิดเห็นที่ 4 ทางเลือกมี 2 ทางครับ  คือ 1. ยอมเซ็นสัญญาเรื่องทรัพย์สินแต่โดยดี   ด้วยความยินดีและเต็มใจ  ไม่อิดออดใดๆ เพราะทรัพย์สินเดิมของฝ่ายชายนั้น  ถึงอย่างไรก็ไม่มีสิทธิอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่สินสมรส อีกทั้งยังเป็นการแสดงความซื่อตรง  จริงใจ  ของพี่สาวของคุณที่มีต่อสามีในอนาคตของเธอด้วย การที่ผู้หญิงยินยอมเซ็นเรื่องทรัพย์สินที่ไม่ใช่สิทธิของเธอแต่โดยดี จะทำให้ฝ่ายชายมีความไว้วางใจเธอมากขึ้น ไม่ระแวงว่า  เธอ "จับ" ผู้ชายรวยๆแต่งงานเพราะหวังสบาย  หวังพึ่งพาการเงินของเขา หรือหวังรวยทางลัด   ถ้ารักเขาจริง  ต้องคิดร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา  ไม่ใช่คิดหาหลักประกันความมั่นคงให้กับตัวเอง ถ้าคิดหาหลักเกาะอย่างนี้....ฝ่ายชายคงรักได้ไม่ถึงครึ่งใจแน่ๆ เพราะไม่ได้รักเขา  ที่เขาเป็นเขา     หากแต่ต้องการแต่งงานกับเขา  เพราะต้องการความมั่นคง ถ้าผมรู้ว่าเจ้าสาวของผม  แต่งงานกับผมเพราะเห็นว่าผมรวย  ไม่ได้รักผมที่นิสัยใจคอและคุณสมบัติ แต่รักผมที่ทรัพย์สมบัติ   ผมจะไม่แต่งงานด้วยอย่างเด็ดขาด เพราะชีวิตเป็นของไม่แน่นอน  ทรัพย์สินที่มีอยู่อาจหมดไปได้ คนที่รักกันจริง  จะยินดีร่วมทุกข์ร่วมสุข  ไม่ทอดทิ้งกันในยามยาก ถึงอย่างไร   ฝ่ายชายก็รวยอยู่แล้ว มีทรัพย์สมบัติมากอยู่แล้ว หลังแต่งงาน  เขาย่อมมีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น    ส่วนที่เพ่ิมขึ้นมานั้นถึงอย่างไรก็เป็นสินสมรสอยู่ดี ถ้าไม่คิดจะหย่ากับสามี.....จะกังวลไปไยกับเรื่องการแบ่งทรัพย์สิน 2. พี่สาวคุณได้ต่อรองกับสามีไปแล้ว  และเห็นผลแล้ว ฝ่ายชายรู้สึกไม่สู้ดีนัก   เพราะพี่สาวของคุณได้แสดงออกไปแล้วว่าต้องการความมั่นคง ถ้าเป็นผมนะ.....เหลือใจให้ไม่ถึงครึ่งแล้วละครับ ข้อ 2 ที่จะแนะนำนี้   พี่สาวคุณคงนำไปใช้ไม่ได้แล้ว  เพราะเผยไต๋ไปแล้วว่าอยากได้ความมั่นคง แต่....จะลองนำไปใช้ดูก็ได้นะครับ   แต่จะมีความเสี่ยงสูงมากๆที่จะไม่ได้แต่งงานกัน คือ  บอกกับฝ่ายชายไปว่า   ถ้าไม่รักกันมากพอ  ไม่ไว้ใจกันมากพอ....ก็อย่าแต่งงานกันดีกว่า เคยมีเจ้าสาวคนหนึ่ง...ฝ่ายชายให้เซ็นสัญญาเรื่องทรัพย์สินเหมือนกัน เจ้าสาวถึงกับน้ำตาคลอ  ด้วยความน้อยใจ   แล้วบอกว่า...ถ้าพี่ไม่ไว้ใจหนู  พี่อย่าแต่งงานกับหนูเลย จะเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว  พี่ยังไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน  แบบนี้ไม่ต้องแต่งงานกันดีกว่า เจ้าบ่าวก็เลยจดทะเบียนสมรส  โดยไม่ได้ให้เจ้าสาวเซ็นสัญญาเรื่องทรัพย์สิน คู่บ่าวสาวนี้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมา 20 กว่าปีแล้ว  และไม่ได้หย่ากัน   แต่ผมคิดว่า ข้อ 2 นี้  พี่สาวคุณคงเสี่ยงมากๆที่เขาจะไม่จดทะเบียนสมรสด้วย อาจแต่งงานแค่เป็นพิธีเท่านั้นเอง   หรือยกเลิกการแต่งงานไปเลย ก็ตัดสินใจเลือกเอานะครับ  ว่าจะใช้วิธีไหน จากคุณ : Chocolate_X เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 01:14:57

ความคิดเห็นที่ 5 จขกท ไม่ได้บอกว่า ว่าที่เจ้าบ่าวเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ ขอเดาว่าเป็นคนไทยก่อนนะคะ ดิฉันมีความเห็นว่าสัญญาเรื่องทรัพย์สินนี้มีประโยชน์ แต่ต้องเป็นธรรมและไม่ขัดกับกฏหมายหรือศีลธรรมอันดี บ้านและที่ดินนั้นเป็นของเขามาก่อน ไม่ต้องมาผ่อนแบงค์ต่อ ถือว่าเป็นสินส่วนตัว ไปแตะต้องเขาไม่ได้ แต่สำหรับทรัพย์สินอื่นที่มีดอกผลออกมา ดอกผลส่วนนี้ถือเป็นสินสมรส ดังนั้น ถ้าเงื่อนไขของข้อตกลงเรื่องการจัดการทรัพย์สินขัดกับข้อกฏหมายข้อหนึ่งข้อใด พี่สาวคุณก็ควรจะต่อรองเสียตั้งแต่ตอนนี้ พูดง่ายๆ คือพบกันครึ่งทาง เอาข้อกฏหมายเป็นเกณฑ์  ควรพูดกันให้เข้าใจเสียก่อน ไม่ใช่มาฟูมฟายเสียอกเสียใจ แต่ไม่ต่อรอง ถ้ารับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะสัญญาเอาเปรียบ หรือว่าที่เจ้าบ่าวแสดงความไม่ไว้ใจ หรือธาตุแท้อย่างอื่นให้เห็น ไม่ควรแต่งงานค่ะ จากคุณ : Lawanwadee เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 01:24:47

ความคิดเห็นที่ 6   ผู้ชายเส็งเคร็งพรรค์หยั่งงี้ ก็มีเหรอ ยึดติด ในเรื่องไม่เข้าเรื่อง จากคุณ : มิสเตอร์แข็งโป๊ก เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 07:14:39 A:58.9.92.34 X: TicketID:242488

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ เห็นด้วยกับข้างบน เป็นครั้งแรก...แหะๆ ท่าทางเจ้าบ่าวจะ เห็นแก่ตัวนะครับ... จากคุณ : คนบินประจันบาน... (anirutstb) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 07:23:14

ความคิดเห็นที่ 8   ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นต่างๆนาๆ เมื่อคืนคุณพ่อเรียกประชุมลูกๆทุกคน พี่สาวผมบอกว่าแม่ของแฟนเขาต้องการคุยกับพ่อผม 2 คน แต่พ่อผมไม่เห็นด้วย บอกว่าให้พ่อแม่เขามากับเขา บ่ายนี้พ่อเรานัดทนายมาคุยที่บ้านเพื่อที่จะได้เข้าใจข้อดีและข้อเสียของสัญญานี้ ก่อนที่จะคุยกันตอนเย็น ประเด็นที่เมื่อวานพ่อและลูกๆคุยกันคือ 1. ทำไมตอนที่มาสู่ขอถึงไม่พูดเรื่องสัญญาก่อนสมรสขึ้นมา ทำไมถึงให้เวลาเราคิดแค่ไม่กี่วัน 2. ในเมื่อฝ่ายเราไม่เรียกร้องสินสอดอะไร แต่ทำไมถึงระแวงว่าเราคิดอยากได้สมบัติเขา 3. ถ้าเซ้นสัญญาและแต่งงานขึ้นมา 3.1 พี่สาวผมต้องทนการระแวงไปตลอดชีวิตใช่มั้ย 3.2 แฟนพี่สาวตายแล้วพี่สาวผมจะอยู่ในสถานะอะไร 3.2 แฟนพี่สาวไม่พอใจพี่สาวผม ก็มีสิทธิ์ที่จะไล่ออกจากบ้านใช่ไหม 4. แฟนพี่สาวผมเขียนสัญญาเพื่อตัวเขาฝ่ายเดียว ไม่ได้คำนึงถึงค่าเสียเวลาหรือเสียโอกาส ไม่มีการพูดถึงจำนวนเงินฟ้องหย่า ค่าเลี้ยงดู 5. อยากให้เข้าใจตรงกันนะครับว่า สินก่อนแต่งของแฟนพี่สาวผม รวมถึงดอกเบี้ยและผลงอกเงยทุกอย่างด้วยครับ (เขาชี้แจงรายละเอียดถึงขั้นรวม เครื่องประดับ, พระเครื่อง, เฟอร์นิเจอร์เก่า, ...) ความจริงฐานะของเราทั้งสองฝ่ายถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับคนทั่วไป คือไม่มีความจำเป็นที่ฝ่ายไหนต้องพึ่งกัน พี่สาวผมก็ยังไม่ได้ทำความเสียหายอะไรที่ว่าสังคมจะยอมรับไม่ได้ หน้าตาก็ถือว่าดีกว่าคนทั่วไปมากและอายุก็ยังไม่พ้นเกณฑ์วัยแต่งงาน สรุปสุดท้ายแล้ว พ่อผมให้พี่สาวผมตัดสินใจด้วยตัวเอง คือพี่สาวผมต้องเลือกทางเดินของตัวเอง พ่อบอกว่าไม่ต้องกลัวเรื่องการเสียหน้าเรื่องที่ต้องยกเลิกงานแต่ง (ถึงแม้แจกการ์ดไปหมดแล้ว) ถ้าพี่สาวผมเลือกที่จะแต่งไม่ว่าในกรณีที่แฟนพี่สาวยอมให้บ้านและที่ดินเป็นสินสมรสหรือไม่ก็ตาม พวกผมและพ่อเป็นห่วงว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นครั้งนี้มันได้ฝังลึกลงในใจของทั้งสองฝ่ายแล้ว จากคุณ : meg เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 09:23:16 A:124.122.144.218 X:

ความคิดเห็นที่ 9   เพิ่งเคยได้ยิน เคส แบบนี้ ให้ตายเถอะ เป็น เคส ที่ตลกมาก ตลก จริงๆ ผู้ชายแบบนี้ ครอบครัว หรือ พี่สาว คุณ ยัง จะเอามาทำพันธ์ รึ ครับ สำหรับ ความคิดผม เอา ผู้ชายแบบนี้ ไปทำปุ๋ย ยังไม่รู้ว่า ต้นไม้ มันยังจะงอกงาม หรือ ป่าวเลย เส็งเคร็งจริงๆ ตกลง จะบ้า สมบัติ รึ จะมีเมีย แล้วลูกเต้า ออกมา ตอนเลี้ยง ดู พวกเขาไม่ต้อง ทำสัญญา กันใหม่รึ เช่น เสื้อ ลูก ผู้หญิง เป็นคนซื้อ แพมเพิท ผู้ชายเป็นคนซื้อ ต่อมา เมื่อลูกเข้าโรงเรียน แม่ เป็นคนซื้อปากกา ถ้าอยากได้ หนังสือ ให้ไปขอตังค์ พ่อ แค่คิด ก็ ผิดแล้ว กับ ผู้ชายไม่แฟร์ พรรค์ หยั่งงี้ (ผมไม่ใช่คนดีอะไรนะ แต่ถ้าจะมีเมียแล้ว คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ ไปตายสะดีกว่า) จากคุณ : มิสเตอร์แข็งโป๊ก เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 09:49:04 A:58.9.235.217 X: TicketID:242488

ความคิดเห็นที่ 10 เอ่อ.. อึ้งค่ะ  คิดได้ไง ฝ่ายชายก็ทำเกินไป เเต่ถ้าเป็นเรือนหอ  ซึ่งเข้าใจว่าไม่ใช่บ้านเดิมที่ฝ่ายชายอยู่มาก่อน  ก็น่าจะให้ฝ่ายหญิง มีสิทธิ์ร่วมด้วย เเต่ถ้ากรณีเป็นบ้านที่ครอบครัวฝ่ายชายอยู่  ซึ่งมีเเม่ / พ่อ / พี่น้อง  คิดในเเง่ดีนะค่ะ  เค้าอาจจะกันฝ่ายหญิงไปไล่ญาติเค้าออกจากบ้านมั้ง ก็คือคุมครองคนในบ้าน พรรคพวกตน ก็ไม่ผิด  เผื่อว่าจะเข้ากันไม่ได้ ถ้าต่างคนต่างมีจะกิน ฐานะดีอยู่เเล้ว ก็ไม่น่าจะต้องกังวลเรื่องสมบัตินะค่ะ ขึ้นอยู่ที่ใจเเล้วละค่ะ ถ้ากลัวว่าเงินทองจะรั่วไหล ทำสัญญาขึ้นอีก 1 คล้ายๆ กะที่ฝ่ายชายทำ ทรัพย์สินเดิม ก่อนสมรส ของฝ่ายหญิง ฝ่ายญิงก็มีสิทธิ์เเต่เพียงผู้เดียว เเต่ก็ยังมิคลายความสงสัยนะค่ะ  เเต่งกันไปจะอยู่ยังไง ต้องคอยเเอบสมบัติกันตลอดเวลา  เเล้วจะมีความสุขกันเหรอค่ะ จากคุณ : Kapolo-KaTeJung เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 10:14:19

ความคิดเห็นที่ 11 แค่เห็นสัญญาเราก็คงไม่แต่งแล้วละ เหมือนดูถูกตัวฝ่ายหญิงด้วย ในเมื่อฐานะทั้งสองฝ่ายไม่ได้น้อยหน้ากว่ากัน ถ้าเค้ากลัวขนาดนั้นก็ให้เค้าอยู่คนเดียวต่อไปเถอะค่ะ อ่านแล้วเศร้าแทนพี่สาว จขกท และเสียความรู้สึกแทนผู้ใหญ่จริงๆ จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 10:32:54

ความคิดเห็นที่ 12 ควรจะมีอะไรร่วมกันบ้าง เช่น บัญชีเงินฝาก(ก้นถุง) เป็นชื่อร่วมกัน จากคุณ : Ms_Econ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 11:14:20

ความคิดเห็นที่ 13 ผู้ชายเห็นแก่ตัวคับ แสดงถึงความไม่มั่นใจ ในตัวเจ้าสาว อาจจะดูเหมือนรอบคอบ แต่จิตใจผู้หญิงเค้าไม่นึกถึงเลยคับ อย่าไปแต่งด้วยดีกว่าคนแบบนี้ โดนกดขี่แน่นอน ถ้าเจ้าสาวทนได้ก็แล้วแต่นะคับ จากคุณ : ห้องเล็กเลขที่99 เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 12:02:46

ความคิดเห็นที่ 14   อย่าแต่งเลยค่ะ เลิกคบไปเลย "..ง...ก.....เ...กิ.....น....." จากคุณ : น้ำฟ้าสีฟ้า เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 12:20:16

ความคิดเห็นที่ 15   ถ้าเราเป็นพี่สาวคุณ  มีพ่อ  และน้องอย่างคุณ... เราไม่แต่งงานหรอก... เคยรู้เหมือนกันว่ามีสัญญาแบบนี้...อยากรู้จัง... มันเอาความรู้สึกของคนที่จะแต่งงานด้วยไปไว้ตรงซอกไหนของสมอง... แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 52 13:59:05 จากคุณ : อยากเก่งเหมือนเตี่ย เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 12:58:26

ความคิดเห็นที่ 16   ลองไม่เซ็นต์สิครับ ดูสิจะเกิดอะไรขึ้น แค่นี้ก็มองกาลไกลออกแล้วครับ ตอนนี้ใครๆ ก็สามารถพูดได้ว่าจะดูแลฝ่ายหญิงให้ดีที่สุด หากผู้ที่จะแต่ง หากเป็น 1 ในครอบครัวผม ผมคงต้องห้ามให้ได้ อะไรกัน คิดจะแต่งเมียทั้งที ไม่มีอะไรเป็นหลักให้ฝ่ายหญิงไว้เลย แบบนี้มันก็เกินไป จากคุณ : wat&pp เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 13:40:48

ความคิดเห็นที่ 17 5. อยากให้เข้าใจตรงกันนะครับว่า สินก่อนแต่งของแฟนพี่สาวผม รวมถึงดอกเบี้ยและผลงอกเงยทุกอย่างด้วยครับ (เขาชี้แจงรายละเอียดถึงขั้นรวม เครื่องประดับ, พระเครื่อง, เฟอร์นิเจอร์เก่า, ...) *********************** ให้ตายเถอะค่ะ แต่งงานกับเค้าไป จะเหลือที่ยืนในบ้านเค้ามั้ยนั่น เล่นแจกแจงถึงขั้นนั้น ต่อไปถ้าพี่สาว จขกท เที่ยวไปนั่งโซฟาทำกาแฟหกใส่ จะโดนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอาได้นะ เราละกลัวแทนจริงๆ ถึงแม้ว่าจะมีฐานะด้วยกันทั้งคู่ ไม่สนเรื่องเงินทอง แต่แหม เล่นทำสัญญากันขนาดนี้ มันบ่งบอกอะไรในตัวเค้าได้ตั้งหลายอย่าง ว่ามั้ยคะ จากคุณ : แดดอ่อนอ่อน เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 13:55:28

ความคิดเห็นที่ 18   ความรู้สึกของ "หัวใจ" ในอนาคต ไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้ใช่ไหมคะ แม้แต่ "ความั่นคง" ก็ไม่มีความแน่นอน มีคนพูดได้เคยบอกไว้ว่า ** ความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง ** จากคุณ : พิงคาน เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 14:01:11 A:115.67.99.103 X:

ความคิดเห็นที่ 19   ครั้งนี้ผมมาเขียนคำตัดสินใจของพี่สาวผมครับ เช้านี้พ่อแม่ฝ่ายชาย แฟนพี่สาว พ่อและพี่สาวไปคุยกันที่โรงแรม เขาพยายามอธิบายสาเหตุว่าที่ต้องเซ็นสัญญาเพราะว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แฟนพี่สาวผมเป็นอดีตนักการเมืองที่ตอนนี้โดนเว้นวรรค 5 ปี และเพราะว่าเขาเคยยื่นรายการแสดงทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. เมื่อตอนก่อนโดนเว้นวรรค เขากังวลว่าจะมีปัญหาถ้าเขากลับมาเรื่องการเมืองต่อ ผมไม่ค่อยเข้าใจมาก แต่เป็นเหตุผมที่พี่สาวผมเขาไม่ติดใจ พ่อแม่ฝ่ายชายบอกว่าให้สินสอด เงินสด 1 ล้านบาท เครื่องเพชรชุดใหญ่ และแหวนหมั้น หลังจากที่พี่สาวผมกลับมาบ้าน ท่าทีเปลี่ยนไปจากเมื่อวานมาก ตอนบ่ายทนายมาคุยที่บ้าน สิ่งเดียวที่พี่สาวผมบอกทนายว่าอยากได้จากเขาคือมีบ้านให้อยู่ถ้าเกิดแฟนเขาเกิดเป็นอะไรไป พี่สาวไม่ได้ต้องการมีสิทธิ์ในบ้านครึ่งหนึ่งหรือให้บ้านเป็นสินสมรส (ซึ่งยังไงฝ่ายชายคงไม่ให้อยู่แล้ว) ทนายบอกว่าถ้าจะเขียนข้อสัญญาเพิ่มเข้าไปได้คือว่าแฟนพี่สาวต้องขอความยินยอมจากพี่สาวผมก่อนที่จะทำอะไรกับบ้านหลังนี้ได้ ซึ่งพี่สาวผมก็ดูเหมือนพอใจและบอกว่าในเมื่อคนเรารักกันแล้วต้องเชื่อใจกัน ความคิดเห็นส่วนตัวของผม (ไม่ได้เขียนก่อหน้านี้) คือผมอยากให้พี่สาวผมรักตัวเองและให้ทำตัวให้มีราคามากกว่านี้ พ่อแม่แฟนและแฟนก็บอกว่าจะดูแลให้ดีที่สุดแต่ท้ายสุดแล้วเป็นแค่ลมปาก ลิ้นไม่มีกระดูก พี่สาวผมบอกว่าเข้าใจที่ผมเป็นห่วง แต่อยากให้ผมเคารพการตัดสินใจ คำพูดผมแสดงออกชัดเจนว่าอยากให้ยกเลิกการแต่งงาน เพราะถ้าแต่งไปผมคิดว่าจะไม่มีความสุขมีแต่น้ำตา ผมคิดว่าแฟนพี่สาวผมเห็นแก่ตัวและมองพี่สาวผมเหมือนทรัพย์สินชิ้นหนึ่งที่สามารถมีลูกให้เขาได้ มีพี่สาวผมคนเดียวเท่านั้นที่จะรู้ว่ามีความสุขหรือเปล่า คบกันแค่ 3-4 เดือน ผู้ชายมาสู่ขอ แล้วนี่ก็เกือบปีจะแต่งงาน ผมคิดว่าเวลาที่เขาพิสูจน์ตัวเองมันน้อยมาก แฟนพี่สาวผมเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับครอบครัวผมสักเท่าไหร่ หลังจากนี้ไปผมคงต้อมยอมรับความจริงและช่วยเตรียมจัดงานเลี้ยง หลังแต่งงานไปผมคงไม่สามารถเข้าไปมีบทบาทอะไรได้มากแล้ว เพราะคงเป็นเรื่องของครอบครัวพี่สาว สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือภาวนาให้พวกเขาอยู่อย่างมีความสุขและภาวนาให้ไม่มีปัญหา ขอบคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็น จากคุณ : meg เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 16:59:11 A:124.122.141.227 X:

ความคิดเห็นที่ 20    ถ้ารวยพอกัน ก็ไม่ต้องจด และทำสัญญาให้เหมือนกันไปก็ได้ เอ ยิ่งเป็นนักการเมือง เขาจะยิ่งไม่อยากมีทรัพย์สินมากไม่ใช่เหรอ แบบแอบยกให้คนอื่นหมดแบบนี้อ่ะ  หรือเราเข้าใจผิด   จากคุณ : ไอติมเม็ดบัว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 19:06:50

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านมาครบ 20 คคห.แล้ว....บอกได้คำเดียวว่า กมฺมุนา วตฺตตี  โลโก...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม..แล ก็พี่สาวคุณ จขกท.ได้เลือกแล้วที่จะไปผูกชีวิตไว้กับเขา  ก็หมดหน้าที่ของเรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายแล้ว..  ได้แต่อวยพรอยู่ห่าง ๆ ให้เธอโชคดีค่ะ ??? จากคุณ : แม่แก่ประจำรุ่น (123 งามพร้อม) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 22:18:52

ความคิดเห็นที่ 22   ^ ^ ^ เห็นด้วยกับ คคห.21 นะคะ พี่สาวคุณได้เลือกแล้ว เค้าคงรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเค้าคืออะไร ครอบครัวของคุณ ก็คงได้แต่ภาวนาให้เค้าและว่าที่สามี มีครอบครัวอันอบอุ่นค่ะ จากคุณ : คนใกล้ตัว เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 09:46:46 A:124.120.135.214 X:

ความคิดเห็นที่ 23   ขอบคุณค่ะสำหรับทุกความคิดเห็น ดิฉันเป็นคนที่ถูกกล่าวถึงและอยากจะอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงตัดสินใจแต่งงานถึงแม้ว่าจะต้องเซ็นสัญญาก่อนแต่งงานนะคะเพื่อที่เพื่อนๆจะได้เข้าใจสถานการ์ณในความรู้สึกของดิฉัน จริงค่ะที่เราคบกันแบบเป็นแฟนมาแค่ 11 เดือน แต่ก็เป็น 11 เดือนที่เราเจอกันเกือบทุกวัน ทุกๆวันที่เจอกันเรามีความสุขและไม่ค่อยมีปัญหากัน ปัญหาส่วนมากก็เป็นเล็กๆน้อยๆ แฟนเป็นคนทำงานเยอะมาก หลังจากที่เค้าโดนห้ามเล่นการเมือง 5 ปี เค้าก็มาทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดเงินทั้งในและต่างประเทศ สำหรับดิฉัน แฟนเป็นคนที่น่าทึ่งมาก เพราะอายุเพียง 30 กลางๆ เค้าทำงานเยอะและประสบความสำเร็จในชีวิตมากๆ นอกจากนั้นแฟนเป็นคนที่ทำอาหารเก่งมากและเป็นคนที่ละเอียดกับทุกอย่างๆในชีวิตและก็ดูแลดิฉันเป็นอย่างดี ตอนแรกดิฉันก็มีอึดอัดบ้างเนื่องจากดิฉันเป็นคนใช้ชีวิตสบายๆ อะไรก็ง่ายๆ หยวนๆ แต่การที่อยู่กับเค้าก็ทำให้ดิฉันเป็นคนละเอียดและรอบครอบมากขึ้นมาก เราคบกันด้วยดีมาตลอด ต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากันค่ะ เราเพิ่งมีปัญหาในช่วงใกล้ๆงานแต่งงาน ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ก็มาจากความคิดเห็นของผู้ใหญ่ที่แตกต่างกันในเรื่องของการจัดงานเนื่องจากบ้านเค้าไปคนไทย ส่วนดิฉันเป็นคนจีนจ๋า แต่เราก็ก้าวผ่านทุกๆปัญหามาใด้ จนมาถึงวันนึงที่แฟนบอกว่าเค้าต้องการให้ดิฉันเลื่อนการจดทะเบียนสมรสไปก่อน (เรามีฤกษ์จดทะเบียนในวันหมั้นและผู้ใหญ่ฝั่งดิฉันก็รับทราบแล้ว) เนื่องจากแฟนอยากขอเวลาเคลียร์เงินลูกค้าซึ่งอยู่ในชื่อเค้า (เค้าดูแลเงินและลงทุนให้ลูกค้าผู้ใหญ่เป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก) และทางลูกค้าพอทราบเรื่องว่าเค้าจะแต่งงานก็ถามเค้าว่าแล้วถ้าตัวแฟนเป็นไรไปเค้าจะได้เงินคืนได้ไง เนื่องจากเงินจะตกมาเป็นของดิฉันและลูก แต่ดิฉันไม่ยอมเพราะว่าเรามีฤกษ์จดทะเบียนและดิฉันไม่อยากแจ้งเปลี่ยนกับทางครอบครัวกลัวว่าผู้ใหญ่จะเสียความรู้สึก ดังนั้นแฟนเลยบอกว่าทางออกทางเดียวก็คือเค้าต้องทำสัญญาก่อนแต่งงานเพื่อให้ลูกค้าสบายใจเรื่องเงินของเค้า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาดิฉันก็ได้ขอดูตัวสัญญาและก็ตกใจว่านอกจากแฟนจะแจงแค่เรื่องเงิน เค้าก็ระบุทรัพย์สินของเค้าทั้งหมดรวมถึงตู้โบราณที่น้องชายดิฉันกล่าวถึง ด้วยความที่ดิฉันไม่เข้าใจ ดิฉันเลยนำเรื่องมาปรึกษากับที่บ้านเลยเป็นเหตุให้น้องชายซึ่งเป็นห่วงดิฉันมากๆนำเรื่องราวมาโพสท์เพื่อขอความคิดเห็นเพื่อนๆ ดิฉันยอมรับว่าน้อยใจมาก 1. ที่แฟนลงรายละเอียดทรัพย์สินละเอียดขนาดนี้เหมือนเค้ากลัวว่าเราจะมาเอาของเค้าไป แต่ตอนหลังแฟนได้อธิบายว่าที่เค้าลงละเอียดทุกอย่างเพราะเค้าอ้างอิงตามรายละเอียดจากเอกสารที่เค้าแจ้ง ปปช. ตอนเล่นการเมืองและไม่ได้มีความตั้งใจจะทำให้ดิฉันรู้สึกอย่างนี้ 2. ดิฉันกลัวว่าถ้าเค้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ดิฉันจะโดนไล่ออกจากบ้านเพราะบ้านก็เป็นสินก่อนสมรส ตอนหลังดิฉันมาปรึกษากับเพื่อนที่เป็นทนาย เค้าก็ให้ความกระจ่างว่าถ้าเกิดสามีเสียชีวิตโดยไม่มีพินัยกรรม บ้านจะตกมาเป็นของทายาทนั่นคือลูกกับดิฉัน พอดิฉันฟังก็สบายใจมากขึ้น 3. หลังจากที่คุยกับครอบครัว ทุกคนก็กลัวว่าถ้าเค้าเกิดไล่เราออกจากบ้านล่ะเพราะมีคนอื่น ดิฉันจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาแฟน ซึ่งแฟนบอกว่าเพื่อความสบายใจและเค้าไม่คิดจะอย่ากับดิฉันอยู่แล้ว เค้ายินดีที่จะให้ลงในหนังสือสัญญาว่าจะให้ดิฉันอยู่ที่บ้านนี้ตลอดไปและถ้าเค้าจะทำอะไรเกี่ยวกับบ้านเช่น ขาย จำนอง ให้คนอื่นเช่าหรือเข้ามาอยู่ เค้าต้องให้ดิฉันยินยอมเป็นลายลักอักษร ซึ่งดิฉันก็พอใจแล้ว แต่เมื่อกลับมาเล่าให้น้องชายฟัง น้องชายบอกว่าเราควรต้องมีหลักประกันมากกว่านี้ คือควรต้องระบุไปเลยว่าจะจ่ายดิฉันเท่าไหร่ในกรณีอย่าร้าง ดิฉันเข้าใจความหวังดีของน้องชายนะคะ แต่จริงๆแล้วดิฉันไม่ได้ต้องการแต่งงานเพื่ออย่าร้างและดิฉันไม่อยากเรียกร้องอะไรขนาดนั้นเพราะว่าฝ่ายเค้าต้องคิดว่าฝ่ายดิฉันอยากได้เงินของเค้า อีกอย่างนึงตัวดิฉันเองแต่งงานก็เพราะรักพี่เค้าและอยากอยู่กับเค้า ไม่ได้หวังถึงทรัพท์สินเงินทองของเค้า บ้านดิฉันเองก็มีฐานะอยู่แล้วถึงไม่เท่าพี่เค้าแต่เราก็อยู่อย่างสบาย ดิฉันกลัวอย่างเดียวคือถ้าทำสัญญาแล้ว ถ้าเกิดเค้าเป็นอะไรไป ดิฉันจะต้องอุ้มลูกออกจากบ้าน ซึ่งในจุดนี้ทางทนายก็ได้ให้ความกระจ่างแล้วว่าในกรณีนี้ บ้านและทรัพท์สินทั้งหมดของเค้าก็จะตกเป็นของลูกกับดิฉันอยู่แล้ว และแฟนเองก็ยอมลงในสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรกับบ้านถ้าไม่ได้รับความยินยอมของดิฉัน อีกอย่างทนายความของคุณพ่อก็บอกโดยชัดเจนอยู่แล้วว่าถึงแฟนไม่ทำสัญญาก่อนแต่ง ทรัพท์สินส่วนตัวอย่างไรเราก็ยุ่งไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งของพวกนี้สามารถสืบได้อยู่แล้วในกรณีอย่าร้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแฟนเคยแจ้งรายละเอียดพวกนี้กับทาง ปปช ไปแล้ว การทำสัญญาแค่ทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นและจะได้ไม่ต้องเสียเวลาสืบกันถ้าเกิดอย่าร้างกันจริงๆ ดิฉันพยายามอธิบายทั้งหมดนี้ให้น้องๆฟัง แต้น้องก็ยืนกรานว่าดิฉันควรคุยเรื่องค่าเสียเวลาในกรณีอย่าร้าง ดิฉันรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมากในตอนนี้ เนื่องจากดิฉันไม่ได้คิดว่าจะต้องอย่าและดิฉันเองก็ไม่อยากให้พี่เค้ารู้สึกว่าเราเห็นแก่เงินหรือว่าคิดเรื่องอย่าร้าง ในระหว่างเดียวกันการที่ดิฉันเอาเรื่องมาปรึกษาที่บ้านทำให้น้องๆคิดว่าแฟนดิฉันเคี่ยว งก และก็กลัวดิฉันจะอยู้อย่างลำบากจะอยากให้ดิฉันยกเลิกงานแต่งงาน ดิฉันรู้สึกกดดันมากๆค่ะ ช่วยให้ความคิดเห็นหน่อยนะคะ จากคุณ : ขนมจีน เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 11:26:59 A:125.25.216.179 X:

ความคิดเห็นที่ 24   เราว่านะ ดูแล้ว ทางครอบครัวคุณขนมจีน คงเป็นห่วงและอาจจะไม่รู้รายละเอียดและเหตุผลที่คุณตัดสินใจไปทั้งหมด ซึ่งฟังๆดูแล้ว คุณก็มีเหตุผลของคุณที่จะคบว่าที่เจ้าบ่าวคนนี้ แต่สิ่งที่คุณควรทำคือ ให้ทางครอบครัว พี่น้องคุณ มั่นใจว่า ผู้ชายคนนี้จะดูแลคุณให้คุณมีความสุขจริงๆ ให้เค้าได้รู้จักตัวตนของผู้ชายคนนี้มากขึ้น ในมุมมองที่คุณเห็นว่าเค้าคือคนที่คุณรัก และรักคุณจริงๆน่ะ ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ โชคดีค่ะ จากคุณ : คนใกล้ตัว เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 12:08:43 A:124.120.135.214 X:

ความคิดเห็นที่ 25   คงไม่มีความคิดเห็นอะไรเพิ่มล่ะมังครับ เพราะ บรรทัดแรก คุณบอกไปแล้ว ว่า ตัดสินใจ แล้ว ก็เลยไม่มีความเห็นต่อเนื่อง จากคุณ : มิสเตอร์แข็งโป๊ก เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 13:13:58 A:58.9.97.241 X: TicketID:242488

ความคิดเห็นที่ 26 "เค้าก็มาทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดเงินทั้งในและต่างประเทศ"<<<<<<<<<<<<<มีด้วยเหรอคะ....ไม่เคยได้ยิน forex ในบ้านเรามันยังไม่มีกฎหมายรองรับนี่นา .. . แต่ ทั้งนี้ ที้งนั้น..คุณ ขนมจีน ก็ตัดสินใจไปเเล้ว เชื่อในวิจารณญานของตัวเราเองดีที่สุด..ค่ะ เพราะ คนอื่น..ไม่ได้ตามไปอยู่กับคุณ .. ถ้าเชื่อมั่นในตัวแฟนคุณ..ก็เเต่งงาน เลยค่ะ..สัญญาไม่มีความหมาย และทรัพย์สิน เงินทอง ไม่ได้รับประกัน ถึงความสุขในชีวิดเสมอไปค่ะ..ขอให้เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างมีความสุขนะคะ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 52 15:23:43 จากคุณ : hot oil เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 15:22:05

ความคิดเห็นที่ 27 Dear Khun  ขนมจีน A lot of women who thinks like you ended up in shxt. You may not think of divorce but please always keep in mind that a lot of thing in life are uncertain. Today your spouse may not even think of committing an affair but in the future who knows. ดิฉันรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมากในตอนนี้ เนื่องจากดิฉันไม่ได้คิดว่าจะต้องอย่าและดิฉันเองก็ไม่อยากให้พี่เค้ารู้สึก ว่าเราเห็นแก่เงินหรือว่าคิดเรื่องอย่าร้าง I know many women who used to think like you 40 years ago.( they are either Thai and US, very highly educated..some signed prenup some didn't) At that time their hubby said the same thing as your future husband said to you.....I swear to take good care of you forver. 10- 20 years later their husband begged them to signed divorced paper to let them go free ( to get new wives). ( I am not a divorced attorney but I am a very nosy person that's why I have these information. I keep them for my own record.) Let' s me remind you again that today divorced rate is 1 in 2 to 1 in 3 married couple and tend to rise every year. Please don't be reckless to think that you will be an exceptional ones. It is damn sensible to think that you may be one of them. I don't mean to curse you or anything but as a child of one of that reckless women, I don't want any one in my own shoes. If he really loves you, ask him prove it now. Not by just making promises. จากคุณ : cardiogenic เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 20:23:28

ความคิดเห็นที่ 28   ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับทุกความคิดเห็น ดิฉันเข้าใจที่คุณcardiogenicเขียนเตือนให้ดิฉันระวังว่าอะไรก็ไม่แน่ไม่นอนในชีวิต ดิฉันเห็นด้วยนะคะแต่ดิฉันรู้สึกไม่กลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน การที่เรากลัวและมองโลกในแง่ร้ายจะทำให้หวาดระแวงและใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข ถ้ามัวแต่กลัวว่าจะต้องอย่าร้างหรือสามีจะนอกใจดิฉันก็คงไม่ต้องแต่งงานไม่ว่าจะกับใครก็ตามหรือไม่ว่าจะมีสัญญาหรือไม่มีก็ตาม ดิฉันคิดว่าถ้าเราทำดีคิดดีสิ่งดีๆก็จะเกิดขึ้นกับเราเองหรือถึงว่ามันไม่เกิดขึ้นและมีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นแทน ดิฉันก็จะไม่เสียใจเพราะดิฉันได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว ถึงว่าที่สามีดิฉันจะทิ้งดิฉันในอนาคตไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ดิฉันก็ตอมรับสภาพความเป็นจริงและดิฉันก็คงจะเสียใจแต่ดิฉันจะไม่เสียดายที่ได้แต่งงานกับเค้า ได้ใช้เวลาดีๆร่วมกัน ถึงว่าที่สามีดิฉันจะทิ้งดิฉันและไม่ให้อะไรดิฉันเลยก็ตาม ดิฉันก็ต้องยอมรับความเป็นจริงและเคารพการตัดสินใจของเค้า ถ้าเค้าไม่รักและเอ็นดูเรา ก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องอยู่กับเค้าและส่วนตัวดิฉันแล้วดิฉันเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรของเค้า ดิฉันคิดเสมอว่าอะไรที่ไม่ใช่ของเรามันก็ไม่ใช่ของเราและเราจะเอามันมาเป็นของเราได้อย่างเรา ของส่วนตัวของเค้าก็คือของของเค้า ถ้าเค้ารักเราและอยากให้เรา เค้าก็จะให้เราเองโดยที่เราไม่ต้องเรียกร้องค่ะ การที่เราไปคาดหวังทรัพย์สมบัติของเค้าหรือของครอบครัวเค้าจะทำให้เราอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุขเพราะถ้าเค้าไม่ให้เรา เราก็จะเสียใจ ส่วยเรื่องที่คุณcardiogenicบอกว่าถ้าเค้ารักดิฉันจริงเค้าก็ควรต้องพิสูจน์ให้เห็นตอนนี้ สำหรับดิฉันการที่ว่าที่สามียอมแก้สัญญาไปตามที่ดิฉันกล่าวไว้ก่อนหน้านี้และการที่เค้าดูแลและใส่ใจดิฉันเป็นอย่างดีก็ถือว่าโอเคสำหรับดิฉันแล้วค่ะ แค่นี้ดิฉันก็พึงพอใจมากแล้ว ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้เพราะถึงดิฉันจะต้องอย่าร้างและเดินออกจากบ้านตัวเปล่า ดิฉันก็ยังสามารถทำงานหาเงินด้วยตัวเองได้และไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลา สำหรับดิฉันอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดถ้าเรามัวแต่กลัวเราก็คงไม่ต้องทำอะไรพอดี ดิฉันแค่เป็นห่วงความรู้สึกของน้องชายดิฉันและอยากให้น้องเข้าใจจริงๆว่าดิฉันมีความสุขกับตรงนี้และดิฉันก็พร้อมจะรับกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม แค่อยากให้น้องๆสนับสนุนการตัดสินใจของดิฉันค่ะ จากคุณ : ขนมจีน เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 23:14:30 A:125.25.216.179 X:

ความคิดเห็นที่ 29   สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมคือน้องชายคนสุดท้องของครอบครัว คุณ "ขนมจีน" พี่สาวของผมครับ ปัจจุบัน เราทั้งสองทำงานในบริษัทของครอบครัว ซึ่งตัวผมเอง ใกล้ชิด มองเห็น เข้าใจ รับฟัง ในเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มทั้งหมด ผมเข้าใจรับในความรู้สึกจนกระทั้งไปถึงการตัดสินใจของพี่สาวของกระผม"ขนมจีน" เพียงอดไม่สบายใจไม่ได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร... กับคู่นี้ กับเรื่องราวทั้งหมดที่มีทั้ง พี่ชาย(Meg) , พี่สาว(ขนมจีน) กล่าวเอาไว้ข้างต้นทั้งหมด มันเป็นมุมมองที่ผมเข้าใจ ของแต่ล่ะฝ่าย. ผมยอมว่า ผมเป็นห่วงในตัว พี่"ขนมจีน" ทั้งความรู้สึก , การตัดสินใจ , สุขภาพกายและใจ และ ความรู้สึกคนในครอบครัวของกระผม ผมขออภัย,ขอขอบคุณในเวลาเดียวกัน หากทำให้ผู้อ่านรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง , ยินดี ดีใจ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น. ซึ่งที่ผ่านมา ตัวพี่ขนมจีนเองก็ suffer ในสภาวะแบบนี้. รู้อยู่เวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงในตอนนี้มันพิสูตรหลาย ๆ ของคนทั้งคู่ไม่และชัดเจน. แต่ในส่วนลึก ๆ อยากให้พี่"ขนมจีน"ตระหนักในสิ่งที่ตักเตือนและเข้าใจถึงความห่วงใยของครอบเราที่แสดงออกมาทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้ "ขนมจีน" อาจรู้สึกทรมารมากเพียงใดก็อยากให้รู้เอาไว้ว่าคนอื่นเป็นห่วงมากพี่”ขนมจีน” มาก...เช่นเดียวกัน... อืม.. ขนมจีนไม่ต้อง ment แล้วเพราะไม่อยากให้ ขนมจีน noid ระหว่างที่พิมพ์... จากคุณ : run run run don't run เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 01:31:24 A:124.122.144.213 X:

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นกำลังใจให้พี่น้อง..ครอบครัวนี้นะคะ.. เรื่องสุข เรื่องทุกข์  ของพี่น้อง..เนี่ย..คนที่จะเข้าใจได้จริงๆคือพี่น้องค่ะ.. เข้ามารับทราบปัญหา..แต่ช่วยแก้ไขให้ไม่ได้... แต่ อยากให้คุณขนมจีน..ได้เริ่มต้นชีวิตอย่างมีความสุข..โดยพี่ๆน้องๆ..คุณพ่อคุณแม่ มีความสุขด้วย... เป็นกำลังใจให้จริงๆค่ะ....... จากคุณ : ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 16:08:08

ความคิดเห็นที่ 31   ขอเข้ามา "สนับสนุน" ความห่วงใยของคนในครอบครัวค่ะ จากคุณ : พิงคาน เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 18:41:55 A:111.84.81.65 X:

ความคิดเห็นที่ 32   โอ้วววววว ยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าซะอีก แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็มีนางเอกหน้าโง่กว่าในนิยายอีก ไม่ๆๆๆๆ ตื่นๆๆๆ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีจริงในโลกนี้ เขาแค่มาเล่าให้เราฟังเพื่อฝึกสมองเท่านั้น โอ้วววว หรือว่าเป็นเรื่องจริง ไม่น่า เป็นไปได้ไง ยังมี ญ หน้าโง่แบบนี้อยู่ในโลกอีกเหรอ ที่ยอมให้ ช หลอกฟันฟรีๆ ทั้งๆที่รู้ว่ามันเห็นแก่ตัว แล้วยอมที่จะไปเป็นคนใช้ในบ้านมันอีก โอ้ววววว โน ไม่จริง นี่มันประเทศไทย ศตวรรษไหนแล้ว จากคุณ : โอ้ววว ยอด นายจอร์จมาก เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 21:18:10 A:110.49.130.90 X: TicketID:038237