ความคิดเห็นที่ 1 นั้นสิครับคุณครู ผมก้ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเด็กมันอ่านหนังสือไม่ออก วันก่อน(นานแล้ว สัก ๒ปีได้แหละ) ไปให้เด็กชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ กรอกแบบฟอร์มอย่างหนึ่ง เด็กคนหนึ่งไม่ยอมกรอก ก็เลยถามว่า ทำไมไม่กรอกละครับ เด็กตอบว่า ไม่มีปากกา ผมก็เอาปากกาให้ เด็กบอกว่า เดี๋ยวรอของเพื่อนก่อน ผมก็ถาม ทำไมต้องรอ เด็กบอกว่า ผมอ่านไม่ออก ต้องรอให้เพื่อนบอก โอ้วแม่เจ้า เด็ก ป.๖ โรงเรียนใหญ่ ประจำตำบล สอบเลื่อนชั้นมาได้อย่างไร คุณครุทำอะไรอยู่เนี่ย ผู้ปกครองละ โอ้ว แย่แล้ว อนาคตของชาติ....... จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 21:37:27

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามาเศร้าด้วย  เด็กเดี๋ยวนี้อ่อนการอ่านเขียนมากมายจริงๆค่ะ สุด ๆ  เจอบ่อย - -* ขนาดโตจนจบ ม.3 อ่านได้น้อยมาก สงสัยต้องกลับไปเรียนหนังสือชุดมานี มานะ ชูใจ ซะล่ะมั้ง แล้วมีเวรผลัดกันตามที่ครูสั่งให้ออกไปอ่านหน้าห้องให้เพื่อนฟังทุกวันเลย จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 21:49:39

ความคิดเห็นที่ 3 ใช่แล้ว สู้มานะ มานี ไม่ได้หรอกครับ สนุกตั้งแต่ ป 1- ป.6 จากคุณ : สู้ๆ (Hallgood) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:19:25

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ต้องหัดอ่านออกเสียงด้วย จะได้ออกเสียงชัด ๆ เนาะ ไม่มีอะไรเกินออกไปอ่านหน้าห้องละ 555  ผิดปั๊บเพื่อนโห่เลย - -* จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:24:26

ความคิดเห็นที่ 5 ไอ้ลูกชาย ป.5 ร้อยวันพันปีไม่เคยมีการบ้าน ทั้งๆที่โรงเรียนนี้การบ้านเยอะ(พี่ๆที่ทำงานส่งลูกเรียนโรงเรียนนี้เยอะ) เอาวะไม่ไหวลองไปปรึกษาครูดูดีกว่า ก็เลยไปที่โรงเรียนคุยกับตรูประจำชั้น ครูแกบอกแต่ว่าเด็กเยอะ เราดูไม่ทั้วหรอกค่ะ จะไปจี้เด็กให้เรียนไม่ไหว อะไรของแกก็ไม่รู้ พยายามบอกแกว่า ไม่ต้องการให้ครูดูแล แค่อยากรู้ว่ามีวิธีการไหนที่จะดูว่าเด็กทำการบ้านส่งครูไหม แกก็บอกแต่เด็กเยอะ เลยสรุปเอาเองว่าสงสัยไม่ตรวจการบ้านเด็กแล้วบันทึกไว้ แล้วแต่ใครจะทำหรือไม่ทำ เลยไม่รู้เรื่อง ก็เลยไม่รู้ว่าไอ้แสบมันมีการบ้านหรือไม่มีต่อไป ปล เคยใช้วิธีโทรถามเพื่อน ถ้ามีมันบอกทำที่โรงเรียนเสร็จแล้ว ฉลาดจริงๆลูกเรา จากคุณ : แสนสุขสมนั่งชมวิหค เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:25:07

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นเด็กสมัยนี้ทำรายงานแล้วกลุ้มเหมือนกันค่ะ     เปิดเน็ต พอเจอแล้ว ปริ้นท์ ออกมา  เดินเข้าร้าน เย็บเล่ม นั่งเล่นเกมส์ รอ เสร็จยัดใส่กระเป๋า รุ่งขี้นเอาไปส่ง  พอถามว่า ในรายงาน มีเนื้อหาว่าอะไร ตอบว่า "ไม่ทราบ"   "ไม่ได้อ่าน " จากคุณ : ป้าลายคราม เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:44:44

ความคิดเห็นที่ 7   น้องชายที่บ้านป.2แล้วก็อ่านไม่ออกเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ใช่แค่ภาษาไทย การบ้านเลขก็ขี้เกียจจะทำ ชีวีตมีแต่เล่นค่ะ แม่ดุก็ไม่เคยกลัว บางทีก็แอบอิจฉาเค้านะคะ ชีวิตที่มีแต่ความสุข แต่ก็ห่วงค่ะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะโตซักที แม่เค้าหมดเงินเยอะมาก ทั้งซื้อวิตามินบำรุง พาไปหาหมอประสาท จากคุณ : momo เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:52:13 A:124.122.95.36 X: TicketID:197601

ความคิดเห็นที่ 8 การอบรม ของครอบครัว ก็ส่วนหนึ่ง การอบรม ของโรงเรียน ก็ส่วนหนึ่ง การอบรม ของสังคม ก็ส่วนหนึ่ง จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 23:11:25

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า  แต่เรารู้สึกว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปิติ มานี มานะ ชูใจ ... หายไป เราเป็นเด็กที่อ่านหนังสือพิมพ์ได้ตั้งแต่ป. ๑  (อ่านนิยายไทยรัฐนะแหละ) เพราะอ่านปิติ มานี มานะ ชูใจ ได้  มันสนุกจนรู้สึกอยากอ่านต่อ อยากโตเร็วๆ จะได้อ่านเล่มของปีต่อไป พออ่านปิติฯ จบ ก็ตามไปอ่านอย่างอื่นต่อ อ่านนิยายที่แม่ซื้อมาเก็บไว้  อ่านสตรีสาร อ่านนิยายในสกุลไทย ....ทุกอย่างทำได้ตั้งแต่ประถม เราก็เลยรู้สึกไปเองว่า...มานี ปิติ มานะ ชูใจ เป็นคนที่ทำให้เราอ่านหนังสือได้เร็ว และพาลอ่า่นอย่างอื่นต่อไปด้วย แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 23:56:28 จากคุณ : Volksrecht เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 23:54:30

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ^ (edit จิ้มไป #๘ น้อ) จริงครับ เดี๋ยวนี้ ท่านจะพึ่งโรงเรียนอย่างเดียวไม่ได้แล้วครับ รอบครัวต้องมีส่วนช่วยอย่างมากเลยคครับ ในการอบรม เลี้ยงดู สั่งสอน ทั้งด้านสังคม และด้านอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ ด้านวิชาการ คุณพ่อ คุณแม่ ลองนึกดูก็แล้วกันว่า ท่านได้ให้เวลาลูกในการนั่งทำการบ้านด้วยกันไหม???? ต้องยอมรับแหละครับว่า เราคงไม่มีเงินสสงเสียให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆแบบโรงเรียนนานาชาติ ที่ค่าเทอม ปีละล้าน (หรือครึ่งล้านหว่า) ต้องช่วยตัวเองแหละครับ แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 52 00:23:16 จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 23:58:11

ความคิดเห็นที่ 11 ขอแสดงความเห็นใจคุณครู และทกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สรุปคำตอบก็คือ มันแย่ทั้งระบบ ถ้าจะให้แก้ไขให้ได้ผล ก็ต้องยกเครื่องกันทั้งระบบ ซึ่งก็ทำยากส์............ สวัสดี จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 06:29:46

ความคิดเห็นที่ 12 ผมอ่านหนังสือได้ตั้งแต่เมื่อไหร่จำไม่ได้อ่า แต่ก็พอนึกได้ว่าขึ้นประถมปลาย ก็พริ้วแล้วอ่ะน่ะ หลักสูตรที่ผมเคยเรียนตอนนั้น ตั้งแต่  อนุบาล - จบประถม คือ - การบ้านไม่ทำ ครูตี ตีจริง เจ็บจริง - ไม่ตั้งใจเรียน ออกไปคาบไม้บรรทัด ยืนกระต่ายขาเดียว - เขียนไทยผิด คัดใหม่ 20-1000 จบ (ตามระดับชั้น) - เลิกเรียน ยังไม่กลับบ้าน ต้องไปเรียนต่อตามนัดกับครู (บางวัน) - ส่งการบ้าน ถ้ามีตรงไหนผิด ครูจะเรียกไปทำความเข้าใจตรงนั้นเลย - จับคู่บัดดี้ มีปัญหาอะไรให้ปรึกษากัน ดูแล(จ้องจับผิด)กันและกัน - ถ้าครูจับได้ว่าลอกการบ้านเพื่อน เรื่องนี้จะถูกรายงานทางบ้าน... (แล้วจะโดนรุมประชาทัณฑ์) - ในมือครูจะมีไม้เรียวอยู่อันหนึ่ง ถ้าบรรยากาศห้องเรียนเริ่มเสียงดัง ครูจะเอาฟาดโต๊ะดังๆ 1ที - เล่นเกมส์ครับ สนุกมากๆ พวกเผ่นไม้เล็กๆแล้วเอามาต่อคำกัน (เขาเรียกว่าอะไรไม่รู้อ่ะ) - ท่องสูตรคูณทุกเช้า - 1ปี ขาดเรียนไม่เกิน 2ครั้ง - ปิดเทอม ไปเรียนพิเศษ (ฟรี) - ทางบ้าน แม่จับมือเขียน ตั้งแต่จำความได้ - ทางบ้าน ไม่เคยซื้อหนังสือเขียนตามรอยประให้ ทั้งๆที่อยากได้มาก - ทางบ้าน ที่ฝาผนังจะติด โปสเตอร์ ก-ฮ / ระดับเสียงอักษร /สูตรคูณ ฯลฯ ไว้ไม่มุมใดก็มุมหนึ่ง - ทางบ้าน จะถามตลอดว่า ตรงนี้อ่านว่าอะไร ฯลฯ - ทางบ้าน ตัวไหนอ่านไม่ออก โดนพี่เขกหัว - ทางบ้าน ก่อนนอน "บังคับ" ให้ท่องสูตรคูณแม่1-12 และ ท่อง ก-ฮ  ไม่งั้นโดนฆ่า - ทางบ้าน  ตอนเด็กๆละครไทยห้ามดู สารคดีดูได้ แต่ไม่เกิน 5ทุ่ม              (ยกเว้นเปาบุ้นจิ้น,หนังจีนหัวล้าน,และพวกกำลังภายใน)   เท่าที่จำได้ก็ประมาณนี้อ่ะครับ... ผมว่าหนังสือเรียนเล่มไหนไม่เกี่ยวหรอกครับ ถ้าเนื้อหาไม่โดนใจก็เพิ่มเองได้นี่ ดูจากที่ครูว่า ก-กา ข-ขา (น่าจะยังสอนเด็กประถมต้นๆ) สมัยผมเรียนประถมหลักสูตรก็ แก้ว กล้า เจ้าดำ ธรรมดาทั่วไป... พอขึ้นประถมปลายๆก็พวก พระยาฉัตรทัณฑ์ พาลีเสียสัตย์ จู่ล่งฝ่าทัพฯ พระร่วง ร้านค้าริมทาง นกกางเขน  ฯลฯ  (จำได้อยู่แฮะ) (สมัยนั้นนักเรียนห้องผม ป.1-ป.6 มีอยู่ 12-14 คนครับ เข้าๆออกๆ) จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 08:06:11

ความคิดเห็นที่ 13   หนังสือมีส่วนมากค่ะ..ถ้าไปถามครูที่สอนทั่วไปรับรองว่าจะต้องตอบแบนี้ หนังสือเสริมคุณครูก็เอามาสอนค่ะ ถ่ายเอกสารแจกเด็กด้วยค่ะ (เงินครูเอง ) เครื่องถ่ายของโรงเรียนห้ามใช้เพราะต้องใช้ทำฏีกาเบิกเงินค่ะเดี๋ยวเสีย... ...เชื่อไหมค่ะทุกวันนี้เหนื่อยมาก คิดดูสิค่ะเราเลี้ยงลูกสองคนบางวันเหนื่อยแทบตาย แต่นี่เด็ก 40 คนนะค่ะถ้าใจไม่รักจริงๆ ทำ(ให้ดี) ไม่ได้หรอกค่ะ กลับมาเรื่องหนังสือหน่อยนะค่ะ..เนื่องจากสอนมาหลายปีทำให้รู้ว่าหนังสือเล่มไหนเข้าท่าไม่เข้าท่า..มานะ มานี..เป็นหลักสูตรปี 2521..กระทรวงยกเลิกไปแล้ว..ต่อมาก็มีชุดรถไฟ ตามารถไฟ เล่มนี้ก็ดีเด็กๆ ชอบมากเน้อหาสนุกภาพสวย....ต่อมาก็ยกเลิกอีกค่ะ ทีนี้ลงคลองเลยค่ะ เนื้อหาสับสนใช้คำที่เข้าใจยาก ขนาดครูอ่านแล้วยังมี งง ๆ ในเนื้อหาเลยค่ะ อ่ะแล้วตัวละครอะไรมันสับสนไม่เข้าใจง่าย ๆ ใส ๆ เหมือนมานะมานี (หนังสือชื่อ ภาษาพาที ลองไปอ่านดูของ ป.1 หรือ ป.2 ก็ได้ค่ะ ) ยังเคยคุยกับเพื่อนครูด้วยกันเลยว่า คนสอนไม่ได้มีโอกาสทำหนังสือ ( คนทำเป็นพวกนักวิชาการที่ไม่ได้ลงสอนจริงๆ) และระบบธุรกิจก็เป็นอีส่วนหนึ่งเพราะบางสำนักพิมพ์ให้เปอร์เซ็นหนังสือ ผอ. สูง จึงทำให้ได้รับเลือกเป็นหนังสือที่ใช้สอนในโรงเรียน อีกเรื่องนะค่ะสำหรับน้องๆ คนไหนที่อยากเป็นครู อยากให้ตั้งใจเป็นครูที่ดีจริงๆ เพราะอาชีพนี้บอกเลยว่าเหนื่อยมาก ๆ ถ้าไม่รักเด็ก ขี้รำคาญ โมโหร้าย อย่ามาเป็นเพราะเด็กคือเด็กมีเรื่องจุกจิกทั้งวัน เดี๋ยวทะเลาะกัน เดี๋ยวขี้แตกรดกางเกง เดี๋ยวรองเท้าหาย ผู้ปกครองบางคนไม่พอใจก็มา ด่าเอาๆ เพราะความเกรงใจมีน้อยลงค่ะ ถ้าอ่านแล้วรับได้ทำไหวก็มาช่วยกันสอนค่ะ คิดว่าเป็นลูกหลานอาชีพนี้ถ้าทำดีผลก็ตกที่ตัวเรา ลูกของเราด้วยค่ะ...ระบายยีดยาวค่อยโล่งหน่อยพรุ้งนี้จะได้มีแรงไปสอนลูกศิษย์ต่อ..สู้ๆๆ จากคุณ : ครูน้อยมากๆ จขกท เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 09:24:31 A:115.67.80.25 X: TicketID:245333

ความคิดเห็นที่ 14 T^T เห็นใจครูแท้ท่าน ของข้าน้อย แม่จับท่องศัพท์ภาษาอังกฤษตั้งแต่ ป.3 ฟังไม่ผิดหรอกท่าน เพราะ ร.ร. ข้าน้อยเรียนภาษาอังกฤษไปด้วย หลังจาก ป.1-2 + อนุบาลได้ภาษาไทย ผสมคำได้แล้ว แม่ข้าน้อยยังว่า หากท่องได้ 5 คำ/วัน จะซื้อขนมให้ ข้าน้อยโซโลเลยท่าน 555+ จากคุณ : เหมันต์ใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 09:28:07

ความคิดเห็นที่ 15   หะๆ โดนจริงๆ ครับความเห็นของแต่ละคน ผมสอนพิเศษเด็กมัธยมครับ เจอ ม.6 คนนึง ภาษาไทยไม่แข็งแรงครับ อ่านช้ามาก ไม่ต่อเนื่องแถมบางคำยังอ่านไม่ออก อังกฤษยิ่งแล้วใหญ่ วิชาคณิตผมต้องไล่ตั้งแต่พื้นฐานการบวกลบครับ น่าเป็นห่วงอนาคตเด็กไทยมากเลยครับ พออ่านความเห็น จขกท. ปั๊บก็ รู้เลยครับ เป็นที่พื้นฐานครอบครัวครับ พ่อแม่เค้าฐานะดีมาก แต่ทำงานต่างจังหวัดทั้งคู่ ซื้อบ้านหลังใหญ่ให้ลูกอยู่ ซึ่งในบ้านก็มีแต่เกมส์คอม เกมส์PS แถมให้เงินลูกซะเยอะ ลูกก็เอาเงินที่ได้ไปแต่งรถซิ่ง 2 สัปดาห์พ่อแม่จะกลับมาทีนึง คือ.. สงสารพ่อแม่ครับ เค้าทุ่มเงินให้เรื่องเรียนพิเศษไม่อั้นเลย เพราะเค้ามีเงินขยันหากันทั้งสามีภรรยา แต่สิ่งที่ควรดูแลเป็นพิเศษหน่อยคือ ลูกตัวเองครับ ผมได้เงินค่าสอนพิเศษเด็กคนนี้เยอะมากครับ แต่ถ้าให้ประเมินเค้าไม่ตั้งใจเรียนเลยครับ จนบางครั้งผมหมดกำลังใจสอน ความรู้ที่ได้ไปกับเงินที่พ่อแม่เสียไป มันไม่คุ้มเลยครับ เง้อ... ครูคนแรกคือพ่อแม่นะครับสอนเป้าหมายในชีวิตและสอนให้ลูกมีจุดยยืนในสังคม ถ้าพ่อแม่ปล่อยปะละเลย ก็คงเหมือนกับการฆ่าลูกตัวเองทางอ้อม บางคนอาจบอกว่าที่เด็กเสียน่ะ เพราะเด็กมันไม่ดีเอง ผิดแล้วครับเป็นที่สิ่งแวดล้อมต่างหาก ซึ่งสิ่งแวดล้อมจะดีไม่ดีนั้น อยู่ที่พ่อแม่จะจัดให้ครับ ลูกแค่เดินตาม เค้ายังเด็กไม่รู้สิ่งไหนควรไม่ควร ปล.ผมอายุยังน้อย แต่ก็ฝากบอกพ่อแม่ทั้งหลายที่มีลูกไว้อ่าน จากคุณ : Tsky เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 09:55:41 A:58.8.119.109 X:

ความคิดเห็นที่ 16   อ่านข้อความของคุณครูแล้ว ทำให้เรานึกย้อยเวลาไปในอดีตเลย สิ่งที่เราได้รับในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษคืออะไรทราบไหมครับ คุณครูจะเดินเข้ามา พร้อมกับสั่งนักเรียนให้ทำแบบผึกหัด ระหว่างหน้านี้ ถึงหน้านี้ แต่ท่านมิได้อธิบายให้เข้าใจถึงเนื้อหาเลยว่า ทำไม He ต้องใช้กับ is หรือ They ทำไมต้องใช้กับ are แล้วท่านก็สั่งหัวหน้าห้องให้จดชื่อนักเรียนที่คุยกัน พร้อมกับเดินหายไปจากห้องเรียนโดยกลับมาใหม่เมื่อหมดเวลาเรียนกับการเก็บแบบผึกหัดไปตรวจแล้วนำมาคืนวันหลัง น่าสงสารเหล่านักเรียนจริงๆ เราจึงขอบอกว่า เรื่องแบบนี้มันมีมาตั้งแต่อตีดแล้ว เราหวังว่าท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเด็ดขาด ชีวิตการทำงานนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไร เราว่าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดและเราจักได้รับความสำเร็จ รวมทั้งคำชมเชยจากผู้เกี่ยวข้อง จากคุณ : ลมบน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 11:46:48 A:118.172.114.174 X: TicketID:199985

ความคิดเห็นที่ 17 ภรรยาก็เป็นครูอาชีพเหมือนกัน ไม่ได้อยู่ที่เด็กอ่านยหนังสือได้หรือไม่ได้ อยู่ที่คุณครูพยายามเต็มที่หรือยัง ถ้าพยายามเต็มที่แล้ว ก็สบายใจได้ครับว่าเต็มที่แล้วได้แค่นี้ เพราะมีอีกหลายปัจจัยที่คุณครูไม่สามารถทำได้ เช่น ครอบครัวหรือพื้นฐานของเด็ก เข้าใจและขอมอบกำลังใจให้ เพราะเป็นอาชีพที่หากตั้งใจทำต้องทุ่มเทแรงกายและใจมากมาย จากคุณ : napgnop เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:57:22

ความคิดเห็นที่ 18 ผมจำได้ละ ตอนเรียนประถมครูแต่ละวิชาจะมีกระดาษรายชื่อนักเรียน และจะมีช่องให้ติ๊กเรียงไปด้านหลัง เป็นการติ๊กการบ้านเด็กแต่ละคนตลอดเทอม ซึ่งผมไม่ค่อยทำส่งเพราะไม่ชอบทำการบ้านโดน ตีตูด ตีน่อง ตีมือหน้า-หลัง เคาะเล็บ ดึงจอนผม บิดพุง เป็นประจำ ตอนนี้เลยกรรมตามสนอง อิ อิ จากคุณ : แสนสุขสมนั่งชมวิหค เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 13:15:29

ความคิดเห็นที่ 19 สมัยเด็กเช้าอ่านภาษาไทยก่อนกลับบ้านท่องสูตรคูณ เขียนตามคำบอกเอย เขียนหน้ากระดานเอย เราว่าของพวกนี้มันสั่งสอนให้คนเป็นคนได้จริๆนะ ถึงจะบอกว่าท่องแบบนกแก้วนกขุนทอง แต่ก็ไม่ใช่ว่านกแก้วนกขุนทองทุกอย่าง มันต้องสอนประยุกต์บ้าง ท่องได้ อ่านออก เอาไปใช้เป็นอ่ะ ส่วนตัวคิดว่าเด็กสมัยนี้ คิดแบบสมัยใหม่ พ่อแม่ตามไม่ทัน แต่รอยหยักสู้รุ่นพ่อแม่ไม่ได้เลย จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 13:47:31

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยกับ #17 ครับ ถ้าคุณครูทำเต็มที่แล้วก็สบายใจได้  เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ครูไม่สามารถทำได้ เช่น ปัญหาครอบครัวและพื้นฐานของเด็ก และที่คุณครู (จขกท.) พูดก็ถูกเช่นกัน มันสมอง (พื้นฐาน) ของเด็กก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง บางคนสมองไม่เปิดรับจริงๆ ถูกแล้วครับ  คนเราเก่งกันไปคนละอย่าง ถนัดกันไปคนละด้าน บางคนเรียนไม่เก่ง  แต่อาจจะเก่งในด้านอื่น ซึ่งสังคมก็มีหลากหลายอาชีพให้เขาเลือก ตามที่เขาถนัดครับ คุณครูทำใจให้สบาย  สอนเขาไปเท่าที่เขารับได้ครับ อย่ากดดันเขามากไป จะทำให้เขาท้อแท้ เขาเรียนรู้ได้เท่าไหร่ก็ควรพอใจเท่านั้น จะสบายใจทั้งลูกศิษย์และคุณครูครับ จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 13:58:34

ความคิดเห็นที่ 21 เด็ก ป๖ แล้ว ยังอ่านไม่ออก(บางคำ)ไม่แปลกครับ เพราะเด็กไม่คุ้นกับคำที่ใช้ประจำ....งงอ่ะดิ MSN จิงป่าว ม๋ายฟามว่า งาย ใจนะ(ขอบใจ) คอบคัว ม่ายรู้ ช่ายเป่า(ใช่หรือเปล่า) ก็มันคุยกันทางเนตแต่ละตัว เขียนกันแบบนี้ จนมันไม่รู้ว่าตัวสะกดจริงๆมันเป็นอย่างไร มันจึงไม่แปลกที่ ป๖ อ่านหนังสือไม่ออก จิงป่าว จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 16:14:00

ความคิดเห็นที่ 22    เห็นด้วยกับน้าออด  ผู้ใหญ่บางคนยังแอ๊บแป๊วเลย เด็กเลยทำตาม  แต่เอาใจช่วยครูนะคะ  เป็นแบบนี้ก็นับถือแล้วค่ะ ชอบค่ะที่มีครูเอาใจใส่เด็ก  จะได้แค่ไหนก็อีกเรื่องนึง จากคุณ : ไอติมเม็ดบัว เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 17:47:48

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับทุกความเห็นจ้า จากคุณ : อีกฝั่งฟากของเวลา เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 19:00:50

ความคิดเห็นที่ 24   เอาใจช่วยคุณครูทุกท่านค่ะ หลานสองคน เรียนโรงเรียนเอกชน การบ้านเยอะมาก แต่ยอมรับระบบเอกชนอย่างนึง คือ เด็กต้องหาข้อมูลในการทำการบ้าน และทำรายงานเอง การบ้านส่วนใหญ่สอนให้เด็กคิด (โจทย์การบ้านจะบอกมากว้างๆ สไตล์ฝรั่ง) เพราะฉะนั้น เด็กลอกการบ้านกันไม่ได้ จะสอบแต่ละครั้ง พี่ชายต้องติวให้ พี่ต้องซื้อตำราเรียนพร้อมหลานทีเดียว (ผู้ชายอายุสี่สิบกว่า นั่งอ่านหนังสือ ป.ห้า กับม.สาม) (บางครั้งเดือนร้อนมาถึงอา ต้องจัดตารางติวหนังสือช่วงใกล้สอบ) ไม่แน่ใจว่า ที่อื่นเป็นเหมือนกันมั๊ย เห็นด้วยกับ คุณ ป้าลายครามค่ะ เด็กมัธยมและนักศึกษาสมัยนี้ เป็นแบบนั้นจริงๆ เข้ากูลเกิ้ล เจอหัวข้อที่คิดว่าใช้ได้ พิมพ์ออกมา เข้าเล่มจบ ไม่อ่านแม้แต่เนื้อหาข้างใน การศึกษาเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ดูใกล้ตัว ยกตัวอย่างกระทู้ในพันทิป บางกระทู้ แค่เขียนเล่าเรื่อง หรือเหตุการณ์ ยังสร้างประโยค และใจความสำคัญไม่ได้เลย เขียนเอง เข้าใจเองอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าดิฉันเขียนอธิบายได้ดี บางครั้งดิฉันก็ยังใช้ภาษาพูด(แบบตัดบางคำออก) งง ๆ เองก็เคยเป็น แต่ต้องแปลกใจมากกว่า ที่เจอกระทู้เทพทั้งหลาย (กระทู้ที่ต้องมีคนใจดีเข้ามาแปลไทย เป็นไทย) หลายห้องค่ะที่มีกระทู้เทพฯ อ่านจบ ก็เดินมึนๆออกมา จากคุณ : richly @ money เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 19:21:04

ความคิดเห็นที่ 25 ใครได้เคยเรียน วิชา "อ่านเอาเรื่อง"  บ้าง....ปัจจุบัน ไม่รู้มันคือวิชาอะไร... การศึกษาไทย มันต้องแก้กันทั้งระบบ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ยังไง... เพราะทุกวันนี้ มันโกงกันทุกหย่อมหญ้าแล้ว..! จากคุณ : ประชาตาดำ (ประชาตาดำ) เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 11:25:30

ความคิดเห็นที่ 26 ดีใจที่ได้เห็นกระทู้แบบนี้ ผมเองก็ข้องใจกับปัญหานี้เหมือนกัน เพราะกระทบกับตัวเองเต็มๆ ก็ได้แต่โทษฟ้าดิน ที่ทำให้เกิดขึ้น  ผมเองมีลูกสาว ที่จบปีนี้จะต้องไปหาทางเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา  ในช่วงระดับอนุบาลและประถม เขาเรียนกับโรงเรียนเอกชนมาตลอด (สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีของรัฐบาลอยู่ในพื้นที่ใกล้บ้าน ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องการเดินทางมาก) ยอมรับว่าโรงเรียนเอกชนนั้นให้การเอาใจใส่ดูแลนักเรียนดีมาก ทั้งๆที่ห้องหนึ่งๆ มีนักเรียนไม่น้อยกว่าโรงเรียนของรัฐบาล ลูกผมได้พื้นฐานมาดีพอสมควร  มาผิดหวังเอามากๆกับตอนขึ้นชั้นมัธยมต้น ชึ่งได้มีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐบาลที่มีชื่อเสียงพอสมควร รวมทั้งยังได้เรียนพิเศษเพิ่มเติมอีก แต่ผลการเรียนไม่เป็นที่ยอมรับได้เลย กว่าผมจะรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดก็เกือบจะสายไป(ขออนุญาตไม่กล่าวถึง เพราะเป็นการกล่าวหาข้างเดียว) หลักสูตรการศึกษาก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่เป็นอย่างนี้ รวมทั้งผู้สอนที่ไม่มีทักษะในการสอน พ่อแม่ผู้ปกครองที่ขาดการเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิดและเข้าใจ ทำให้เป็นเหตุที่เกิดผลอย่างทุกวันนี้ สมัยที่ผมยังเป็นเด็กชาย ผมมีคุณครูประจำชั้นเพียงคนเดียว ซึ่งสอนวิชาหลักเกือบทุกวิชา และสอนได้ดีด้วย ไม่เหมือนสมัยนี้ เปลี่ยนวิชาก็เปลี่ยนครูผู้สอนด้วย แถมบางครั้งยังต้องเปลี่ยนห้องเรียนอีก ขอกล่าวถึง จขกท. นะครับว่า อย่าท้อแท้เลย ยังมีเด็กๆอีกมากที่รอการอบรมสั่งสอนอยู่นะครับ อย่าเสียใจว่าไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด แค่ทำให้สุดความสามารถที่มีก็เป็นบุญกุศลกับเด็กๆแล้วละครับ ขอเอาใจช่วยนะครับ จากคุณ : ครูที่บ้าน....... (ว่าวปักเป้า) เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 12:28:41

ความคิดเห็นที่ 27 วันก่อนหลานให้ช่วยทำการบ้านให้ (หลานอยู่ ป.4) คุณครูให้วาดรูปที่เกี่ยวกับสุภาษิตไทยซัก 2 เรื่อง หลานรบกวนให้ผมหารูปในอินเตอร์เน็ตให้แล้วปริ้น เค้าจะเอาไปติดสมุดส่ง ผมเลยถามว่า แล้วอาจารย์ให้ทำแบบไหน ให้วาดรูปหรือให้หาในอินเตอร์เน็ต ? หลานตอบว่า อาจารย์ให้วาดส่ง ผมก็เลยถามต่อว่า แล้วเพื่อนๆ เค้าทำแบบไหน ? หลานตอบว่า เพื่อนๆ ก็วาด ผมก็เลยถามอีกว่า แล้วทำแบบนี้อาจารย์ไม่ว่าหรือ ? หลานตอบว่า น้อง.... จะเป็นแกะดำ! จากคุณ : kanthalak เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 10:22:26

ความคิดเห็นที่ 28 ที่พูดมา......จริงค่ะ จากคุณ : หมูหมุน เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 23:19:08

ความคิดเห็นที่ 29   มันมาจากระบบการศึกษาบ้านเรา เร่งเรียนตั้งแต่อนุบาล ครูสอนภาษาไทยเดี๋ยวนี้ แจกลูกสระไม่เป็น ออกเสียงพยัญชนะ ผิดเพื้ยนแล้วเด็กมันจะได้อะไร อีกประเภทนึงคือเด็กเป็น LD อ่านไม่ได้จริงๆ แล้วเดี๋ยวนี้ไม่มีการเรียนซ้ำชั้น ขึ้นชั้นได้เรื่อยๆ ป 6 อ่านไม่ออกเยอะแยะเลย คงต้องปรับระบบการศึกษาไทยแล้วละ จากคุณ : แม่และครู เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 08:51:26 A:10.31.1.83 X:202.28.180.202

ความคิดเห็นที่ 30 แบบฝึกหัดอ่านไทย.. ที่ลุงเคยเรียน .. ป้ากะปู่ กู้ E จู้  ป้าดูปู่ กู้ E จู้.. ...แต่ก่อน ก่อน นานมาแล้วคนเรายังโง่ บ้านเมืองก็ยังไม่มี.. ด.ช. ปัญญา  กะ ด.ญ เรณู.. .. .. กอ อา กา กามา   ขอ อา ขา ขากา.. ..ตาคำแกทำนา กะเมียแก แกมีวัว ห้า ตัว.. .. ..มานะ ธิดา ปิติ ชูใจ ........... ถ้าขึ้น ป. 2 นกกางเขน  ชอบมาก เช้าวันหนึ่ง นกกางเขนตัวผู้ตัวหนึ่ง เกาะอยู่บนกิ่งไม้ จากคุณ : ลุงแสง (ลุงแสง) เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 09:00:22

ความคิดเห็นที่ 31 ทำไง ให้เป็นกระทู้ปักหมุดอะ อยากให้เป็นกระทู้แนะนำมาก ๆ ตอนเด็ก ๆ จะถูกสอนมาเหมือนคุณ คห 12 คุณสหายกุนเชียง ที่บ้านไม่ค่อยได้สอนอะไร เพราะพ่อกับแม่ เป็นคนจีน อ่านภาษาไทย ไม่ออก แต่ท่านจะสนับสนุนเรื่องการเรียนมาก ถึงจะอ่านภาษาไทยไม่ออก แต่พ่อจะจับให้คัดลายมือประจำ จำได้ สมัยเด็ก ถูกจับให้ท่องสูตรคูณ ท่องอาขยาน เขียนตามคำบอก เขียนคำไหนผิด ต้องคัดลายมือคำนั้น แล้วแต่ 10 คำ 20 คำ ก็ว่ากันไป อิอิ พอได้อ่านชื่อ หนังสือเรียนหลาย ๆ เล่มที่มีคนมาโพสไว้ อย่างนกกางเขน อยากบอกว่า ไล่ตามซื้อเก็บสะสมไว้ได้ ด้วยนะจะบอกให้ อย่างนิทานร้อยบรรทัด มีครบทุกเล่ม แบบเรียนเร็วใหม่ ไม่รู้มีใครเคยเรียนมั๊งหรือป่าว ....เด็กชายใหม่ รักหมู่ เป็นเด็กดี... (หว่า เลยรู้อายุกันพอดี หุหุหุ) เล่าไปแล้ว คิดถึงอดีตจังเลย ทำให้คิดถึงคุณครูที่สอน ทุกท่านมีจิตวิญญาณของคนเป็น "ครู" อยู่เต็มหัวใจมาก ๆ จำได้ว่า คุณครูอำนวย ซึ่งเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ท่านขนขวาย หาวิธีการสอน มากมาย หาหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ สำหรับเด็ก ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็น student weekly นะ ออกเป็นรายเดือน หรือ รายสัปดาห์จำไม่ได้แล้ว มาให้นักเรียนอ่าน ด้วยทุนของตัวเอง ถ้าเด็กคนไหน พอมีกำลัง ก้อให้หาซื้อมาอ่าน ตอนนั้น จำไม่ได้แน่ว่า เล่มละ 1.50 บาท หรือ 3.00 บาท กันแน่ พอมาเปรียบเทียบกับคุณครูที่สอนหลาน ๆ นี่คนละเรื่องเลย เพื่อนบอกว่า ถ้าอยากให้ลูกเรียนทันเพื่อนในห้อง ก้อต้องให้เรียนพิเศษ กับครูหลังเลิกเรียน เพราะครูเค้าจะสอนการบ้านให้ ในส่วนที่เค้า ไม่ได้สอนในห้อง ไอ้เราได้ฟังก็ได้แต่เหนื่อยใจ.... เคยเข้าไปเขียนโพสถามในเวปบอร์ดของกระทรวงศึกษาธิการ นานแล้ว ว่า ใครเป็นคนออกแบบหนังสือเรียนภาษาไทย คิดได้ไง สอนให้อ่านแบบภาษาอังกฤษ เอาที่ละตัวมาประสมกัน ไม่ได้สอนให้ผันสระ วรรณยุกต์ อย่างสมัยก่อน อย่างเช่นคำว่า พ่อ เคยให้หลานอ่านให้ฟัง เค้าอ่านว่า พอ ออ เอก พ่อ ไม่ได้ประสมสระ วรรณยุกต์ อย่างสมัยเรา ๆ ไปช่วยเพื่อนทำวิทยานิพนธ์ ทดสอบแบบช่วยสอนอ่านภาษาไทย แล้วต้องตกใจที่ เด็กในส่วนที่ดูแล 15 คน มีคนที่อ่านได้หมดทุกคำ แค่คนเดียว ถามได้ความว่า คุณพ่อ คุณแม่ สอนให้อ่านแบบประสมสระ ผันวรรณยุกต์ ก้อเลยอ่านได้ ส่วนคนอื่น ๆ พอคำไหน ไม่เคยเห็น หรือเคยเห็น แต่จำไม่ได้ จะอ่านไม่ออก เพราะประสมสระ ผันวรรณยกต์ไม่เป็น วิชาอื่น ๆ ที่เค้าสอนกัน ก็ไม่ว่าละนะ ว่า จะหาวิธีแปลกใหม่มาสอน แต่วิชาภาษาไทยนี่ มันเป็นภาษาของชาติ มีวิธีสอนมาอย่างดี ถึงใครจะว่าเป็นวิธีโบร่ำโบราณ แต่ก้อเป็นวิธีที่เค้าสอนกันมา แล้วทำให้อ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี อีกเรื่องที่อยากจะบอกก็คือ ไม่เฉพาะคุณคูรของเด็ก ๆ นักเรียนสมัยนี้เท่านั้นหรอกนะ ที่ไม่ค่อยมีจิตวิญญาณของความเป็น "ครู" สถาบันการศึกษาในระดับ มหาวิทยาลัย ก็ ไม่ยิ่งหย่อน คนที่มาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ในระดับสูง ๆ ก่อนที่จะคิดว่า จะสอนอะไรให้ลูกศิษย์ได้บ้าง กลับถามก่อนว่า ทางสถาบันการศึกษานั้น จะให้อะไรตัวเองได้บ้าง ตัวเองจะได้อะไร นอกจากเงินเดือน ทั้ง ๆ ที่บางคน ได้ทุนไปเรียนมาด้วยซ้ำ บางคนก็สมัครเข้าไปเป็นอาจารย์ใน สถาบันมีชื่อ เพียงเพื่อให้มี profile ไว้เขียนในประวัติการทำงานเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่บางที ยังไม่ทันได้สอนอะไรด้วยซ้ำ แล้วก็ลาออก อย่างนี้แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงคุณภาพของการศึกษาในบ้านเราแล้วล่ะมั๊ง สู้ ๆ นะจ๊ะ คุณครูเจ้าของกระทู้ จากคุณ : แห้วป๋อง เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 17:40:41

ความคิดเห็นที่ 32 อ่อ ลืมบอกไปอีกอย่าง คิดว่า ที่เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เพราะไม่มีสมุดจดการบ้าน มีแต่หนังสือแบบฝึกหัดของแต่ละวิชา แต่ละวันเด็ก ๆ ต้องลากกระเป๋ากันตัวเอียง เพราะจัดตารางเรียนที ต้องขนไปหมดทั้งหนังสือเรียน หนังสือแบบฝึกหัด เปิดเทอมแต่ละที พ่อ แม่ วิ่งหาเงินกันหน้ามัน เพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียนให้ลูก ไม่เหมือนสมัยเรา ซื้อแต่สมุด หนังสือ ใช้กันตั้งแต่ พี่คนโต จนน้องคนเล็ก จากคุณ : แห้วป๋อง เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 17:47:17

ความคิดเห็นที่ 33 ภาษาไทยใครทำเสื่อม (มันเกี่ยวกับการ์ตูน แต่ไม่เกี่ยวกับการ์ตูน) http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8578776/A8578776.html#232 แนะนำกระทู้นี้จ๊ะ จากคุณ : แห้วป๋อง เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 18:17:42

ความคิดเห็นที่ 34 ผมเอง ก็ต้องได้ชื่อวัยรุ่นไทยเหมือนกัน แต่ก็ไม่รุ่นมากนัก เพราะเกิดมาก่อนที่ หลักสูตรจะปรับเป็น พ.ศ. 2544 ต้องบอกว่า การเรียนในสมัยก่อนภาษาไทย แน่นอนมากครับ ทุกวันนี้ต้องขอขอบพระคุณ คุณครูมาจนถึงทุกวันนี้ ทำนองเสนาะ เดี๋ยวนี้ โรงเรียนรัฐฯ บางโรงเรียนยังมีอยู่ครับ การอ่านไม่เท่าไหร่ แต่การเขียนนี่สิครับ ขอใช้ภาษาฝรั่งว่า เข้าขั้น โคม่า บางคนลืมไปแล้ว ว่าคำจริงๆ มันเขียนอย่างไร สิ่งที่น่ากลัวคือ เมื่อ ภาษาวิบัติ เหล่านี้ มันดาดดื่น เกินกว่า จะเป็นภาษาแฟชั่น หรือภาษาคึกคะนอง มันจะเกิดอะไรขึ้น จำได้มั้ยครับ ว่า ภาษาไทย คำบางคำ ผิด แต่สมัยจอมพลปอฯ ก็ได้ทำให้มันถูกต้องได้ (อันนี้ เท่าที่อ่านผ่านๆมา) นั่นหมายความว่า ถ้าวัยรุ่นสมัยนี้ยังใช้ภาษาวิบัติ เช่นนี้อยู่ อนาคต ภาษาพวกนี้ ก็คงจะอยู่ใน พจนานุกรม ของพวกเราเป็นแน่ ป.ล. เป็นความคิดส่วนตัว (ผมยังเป็นนักเรียนอยู่เลย) อย่างไรก็ ใช้วิจารณญาณ ด้วยขอรับ อีกนิด(ที่จริง ไม่ควรเขียนเพิ่มหลัง ป.ล.) อยากจะรณรงค์ภาษาไทยอย่างจริงจัง มีใครอยากเป็นแนวร่วมบ้าง?? จากคุณ : ลิงใส่แว่น (noptee) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 11:43:47