|
ความคิดเห็นที่ 20 |
ขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนนะคะที่ให้คำแนะนำและกำลังใจ อ่านความเห็นของหลายๆ ท่านที่ตั้งใจตอบเรายาวมากๆ ก็ซาบซึ้งใจอย่างมากค่ะ (เพื่อนๆ ที่ตอบสั้นก็ซึ้งน้ำใจเช่นกันค่ะ) ทั้งๆ ที่เป็นคนแปลกหน้า เราไม่เคยเข้ามาโต๊ะนี้เลย ในขณะที่จิตใจบอบช้ำมากขนาดนี้ ก็ยังมีเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจทั้งๆที่ไม่เคยสนทนากันเลย
ขอขอบคุณทุกๆ คนนะคะ จะตอบรวมๆ เลย ไม่แยกตอบแต่ละคนนะคะ สรุปก็คือ จนถึงเช้าวันนี้ เราไม่ได้นอนเลยแม้แต่งีบเดียว เช้ามาก็เลยเตรียมข้าวของๆ ลูกสำหรับที่จะไปโรงเรียน รีดเสื้อผ้าชุดทำงานของเรา และของลูกเตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ เก็บใส่กระเป๋าเอาใส่หลังรถ กะว่าจะไปหาโรงแรมนอนค่ะ คืนนี้ถ้ากลับบ้าน เราก็คงไม่ได้นอนอีกแน่ๆ
โดยพื้นฐานนิสัยเราเป็นคนนิสัยไม่ดีค่ะ ชอบคิดเล็กคิดน้อย ฟื้นฝอยหาตะเข็บอยู่นั่นแล้ว ชอบคิดอะไรที่ทำร้ายตัวเอง เมื่อคืนนี่เราคิดว่าถ้าเราเป็นสามี เราก็คงอยากตบตัวเองสักฉาดเหมือนกัน คอยกวนอารมณ์เขา ประชดประชันเขาทั้งคืน มันเจ็บใจน่ะค่ะ มาทำเอาเราประสาทกินจนนอนไม่ได้ แต่ตัวเขานอนหลับกรนคร่อกฟี้ แล้วยังผู้หญิงคนนั้นอีก ทำไมต้องมาทำกับเราอย่างนี้
แต่เมื่อคืน ตอนที่ขับรถออกเล่นวนรอบเมืองเชียงใหม่ตอนตีสองกว่าๆ ก็พยายามคิดนะคะว่า มันคงจะเป็นกรรมที่เราเคยทำไว้ไหม คือสมัยที่เป็นสาว เรารู้จักกับเพื่อนทางเน็ทคนหนึ่งก็คุยกันถูกคอมาก ก็คุยกันจนเกินเพื่อนไปแหละค่ะ แต่ด้วยระยะห่างเชียงใหม่กรุงเทพ มันก็เลยไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าไหร่ มารู้ทีหลังว่าเขามีแฟนแล้ว แต่ก็ยังจีบ ยังหวานกับสาวๆ ไปทั่ว ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เราก็คิดว่า เออ คงเป็นกรรมที่เราเคยทำนั่นแหละ และอีกอย่างมาคิดถึงฝั่งน้องนกนั่น...ก็คิดว่าเขาก็คือคนที่ถูกหลอก เขาไม่ได้รู้มาก่อนว่าผู้ชายที่จีบเขามีลูกมีเมีย ก็เป็นคนที่น่าสงสาร พอคิดอย่างนี้ ก็ค่อยหายโกรธมาหน่อย แต่อีกแว๊บหนึ่งก็มาคิดว่า....ถ้าเป็นเรา มีผู้ชายมาจีบ เราก็คงจะถามว่าผู้ชายคนนั้นมีแฟนหรือยัง เพราะผู้ชายอายุ 30 กว่าแล้วมันก็น่าสงสัย แต่นี่น้องเขาก็ไม่ถามเลย สามีเราก็เลยได้ข้ออ้าง เพราะเราถามเขาว่า ตกลงน้องนกนี่มันรู้ไหมว่าเธอมีลูกมีเมียแล้ว สามีเราตอบมาว่า ก็ไม่เคยถาม ก็ไม่ต้องบอก ชั่วไหมละคะ.....
แต่ก็นั่นแหละนะคะ จิตใจมันก็ยังสับสนอยู่ เช้านี้ไปส่งลูกไปโรงเรียนทั้งๆ ที่เบลอๆ แต่บอกตัวเองว่าต้องตั้งสติให้มั่น อย่าหลับใน อย่าประมาท ชีวิตลูกอยู่ในกำมือที่เราถือพวงมาลัยรถ พอไปส่งลูกเข้าโรงเรียน คุณครูตกใจค่ะ ไปถึงโรงเรียน 7.30 น. เช้าเกิน 555 ปกติไปถึงโรงเรียนเกือบ 9 โมงแน่ะ
แต่พอออกจากโรงเรียน เริ่มมึนค่ะ เลยแวะถามโรงแรมระหว่างทางจากโรงเรียนลูกถึงที่ทำงานว่า ถ้าพักวันนี้เช็คอินได้กี่โมง พนักงานบอกว่าตอนนี้มีห้องว่าง เข้าพักเลยก็ได้ เลยบอกว่า ขอไปสแกนลายนิ้วมือเข้าที่ทำงานก่อนละกัน ไปลงเวลาที่ทำงานแล้วก็กลับไปนอนที่โรงแรมค่ะ แต่ก็ไม่ได้นอน โทรคุยกับเพื่อนปรับทุกข์ไปก็ยังไม่หายทุกข์ เลยโทรไปหาพ่อครูท่านหนึ่ง ซึ่งเราและสามีเคารพเหมือนพ่อ ตอนไปสู่ขอเรา พ่อครูท่านนี้ก็ไปเป็นผู้ใหญ่สู่ขอให้ ก็เล่าให้ท่านฟังจนหมด ทุกถ้อยกระบวนความ พ่อครูก็บอกว่า ดีแล้วที่เล่ามา พ่อครูจะไม่เข้าข้างสามีเราเลย ท่านก็ปลอบใจเรามากมาย แล้วก็บอกว่าถ้าคับแค้นใจยังไงก็โทรหาพ่อได้ตลอดเวลา
โทรคุยกับพ่อครูก็แล้ว กับเพื่อนก็แล้ว แต่ไอ้ที่กรุ่นๆ มันก็ยังไม่หายค่ะ ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยโทรเข้ามือถือสามี ทั้งๆ ที่ตอนแรกกะไว้ว่าจะไปนอนโรงแรม ไม่ติดต่อเขา ไม่บอกเขาเลย กะจะหายไปเลย แต่นิสัยเราเป็นคนอยากวีนก็วีนให้หมดเปลือก ก็เลยโทรไป ก็คุยกันเรื่องเดิมๆ วกไปวนมา เราก็บอกว่าที่เธอบอกเมื่อคืนว่า ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนอื่น ตอนนี้มีแค่เราสามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น ถ้าจะมีปัญหาก็เพราะเราทำตัวเอง เราก็บอกเขาไปว่า เธอลองคิดดูนะว่าจิตใจของเมียที่ผัวไปรักคนอื่นน่ะ มันบอบช้ำแค่ไหน จะมาพูดว่าที่เราโวยวายบ้าบอเป็นเพราะเราก่อปัญหาเองเหรอ อย่าเห็นแก่ตัวสิ
ที่เราเจ็บมากคือ ในวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก แต่สามีกลับส่งดอกไม้ให้ผู้หญิงคนอื่น ลืมลูก ลืมเมีย แล้วช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจบ้านเรากรอบมากๆ ชนิดที่ว่าเงิน 3 พันบาทจะต้องจ่ายคนงานยังไม่มีเลยค่ะ เขาก็บอกว่าจะไปยืมที่ไหนมาจ่ายก่อนก็ได้ ถ้าเราไม่มี แต่ช่วงที่กรอบขนาดนั้น เขากลับสั่งดอกไม้ราคา 550 บาทให้กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เมีย
เราก็บอกว่า จะเอายังไง เรารับไม่ได้จริงๆ เมื่อรู้ว่าสามีไม่รักเราแล้ว หรือรักคนอื่นมากกว่าเรา เขาก็บอกว่าไม่ได้รักน้องนก แค่เล่นๆ อยากลองดูว่าสักมหานิยมจะขลังจริงไหม เราก็ด่าเขากลับไปอีกรอบว่า คิดอะไรตื้นๆ คิดแค่อยากจะสมสู่กับเขาแล้วไม่คิดเหรอว่าเอาเขาแล้ว มันก็ต้องรับผิดชอบ เธอมีลูกสาวนะ ไม่กลัวบาปกรรมจะตกกับลูกหรือไง เขาก็บอกว่าคิดอยู่ แล้วจะเอายังไง ตอนนี้เขาก็เลิกหมดแล้ว จะไม่ติดต่ออะไรอีกแล้ว ก็จะปรับปรุงตัวใหม่ จะอยู่กับเรา เราก็บอกว่า ถ้าอยู่แค่ตัว แต่ใจไม่อยู่นะ ก็ไม่ต้องอยู่ เรารับไม่ได้กับการที่คนเป็นผัวไม่มีความรักให้แก่กันแล้ว ความทุกข์ยากที่ก่อร่างสร้างตัวกันมา 7-8 ปี เงินก้อนแรกที่ทำงานด้วยกันเป็นเงิน 1,600 บาท จดไว้ทุกบาททุกสตางค์ว่าเราเก็บไว้เท่าไหร่ เขาเก็บเท่าไหร่ เพื่อจะได้สร้างอนาคตด้วย มันไม่มีพลังพอจะเหนี่ยวรั้งจิตใจเธอไว้ได้เหรอ คืนวันที่ทุกข์ยากที่ต้องนอนเฝ้าลูกในโรงพยาบาลของรัฐ โดยที่ไม่รู้ชะตาชีวิตว่าพรุ่งนี้ลูกจะตาย หรือลูกจะรอดคืนนั้น มันไม่ได้เหนี่ยวรั้งสติเธอไว้ได้เลยเหรอ
จริงๆ เราอยากจะพูดอีกว่า วันที่เธอลำบากปางตายเพราะเอารถไปคว่ำที่ปาย แล้วเราต้องวิ่งหารถให้ควั่กเพื่อไปรับเธอกลับมารักษาที่เชียงใหม่ วันที่หัวใจแทบจะหลุดไปเพราะไม่รู้ว่าสามีจะเจ็บหนักหรือเปล่าน่ะ น้องนกคนนั้นเคยรับรู้ไหม กับเมียที่แก่และอ้วน ที่ไร้แรงดึงดูดทางเพศ แต่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาขนาดนั้น ความผูกพันมันมีน้อยกว่าความสาว เจ้าเสน่ห์ของผู้หญิงคนใหม่หรือไง
เขาก็บอกว่า เขาก็แค่คะนอง ไม่เคยคิดจะร่วมหัวจมท้ายกับน้องนกอยู่แล้ว ก็แค่สนุก อยากลอง เราจะให้อภัยเขาได้ไหม กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ ทำให้ครอบครัวเป็นเหมือนเดิม เราก็ถามเขากลับว่า เธอใช้เวลานานแค่ไหนที่รักน้องนก เขาก็ตอบไม่ได้ เขาบอกว่าไม่ได้รัก ก็แค่หลง เราก็ถามย้ำว่า แล้วเธอใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหลงน้องนก เขาก็ไม่ตอบ ...เราก็เลยบอกว่า ก็ให้รู้ไว้ว่า เธอใช้เวลานานเท่าไหร่ที่เธอหลงผู้หญิงคนนั้น ฉันก็ใช้เวลานานกว่านั้นสิบเท่าที่จะทำใจลืมเรื่องนี้
เมื่อคืนเราไปค้นโปสการ์ดของน้องนกที่เราฉีกลงถังขยะมาต่อๆ แล้วแปะใส่กระดาษ เอาที่ห้อยมือถือที่น้องนกส่งมาแปะติดด้วย แล้วเขียนว่า สิ่งเตือนใจในวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่สามีมีให้ ผู้หญิงอื่น แล้วทากาวติดข้างฝาบ้าน แล้วเอาโปสการ์ดอีกใบ ที่ลูกสาววาดรูปดอกไม้ที่โรงเรียนแล้วคุณครูส่งมาที่บ้าน สุขสันต์วันพ่อ ลูกสาวก็เขียนด้วยลายมือโย้เย้ของเด็กอนุบาล 2 ว่า น้อง...... รักพ่อ....... เราเอาแปะติดคู่กัน เราก็ถามเขาว่าเห็นโปสการ์ดที่เราติดไว้ข้างฝาไหม เขาบอกว่าเห็น เราก็บอกว่า อย่าเอาทิ้งนะ เก็บเอาไว้เตือนใจว่าความรักของลูกมันเทียบไม่ได้เลยกับความรักที่พ่อไปมีให้ผู้หญิงอื่น เขาก็บอกว่าฉีกทิ้งขยะไปแล้ว ก็คุยกันร่วม 40 นาทีค่ะ ว่าจะเอายังไง เขาถามว่าแยกกันอยู่ก่อนไหม เขาจะกลับไปอยู่บ้านแม่ เราก็อยู่กับลูก แต่ทีนี้เราไม่ถูกกับแม่ผัวค่ะ เราก็บอกว่าไม่ต้องหรอก เธออยู่บ้านเถอะ ฉันไปเอง เขาก็ว่าเราจะไปไหน เราก็บอกว่าไม่รู้ ก็อึ้งกันไป สุดท้ายก็คือบอกว่า จะอยู่ด้วยกันนี่แหละ พยายามทำตัวให้เหมือนเดิม น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก เขาก็จะปรับปรุงตัว จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว เขาเข็ดแล้ว
เราก็บอกว่า แหวนแต่งงานของเรา เราจะเอาไปขายนะ คือแหวนของเขามันหายไปเมื่อเกือบครึ่งปีก่อนค่ะ ตอนทำงานที่ปายแล้วไปหาปลาที่แม่น้ำ แล้วก็ทำหายที่นั่น เขาก็ไม่หาใหม่มาใส่ เพราะเหตุนี้มั้ง น้องนกเลยคิดว่าเป็นโสด สามีก็ชั่วพอที่จะไม่บอกเพราะอยากฟันสาว
พอเราบอกว่าเราจะเอาแหวนไปขาย เขาก็บอกว่าแล้วจะซื้อให้ใหม่ ก็ตกลงว่าจะล้างไพ่กัน ค่อยเริ่มต้นใหม่กัน เราก็บอกว่า ขออะไรสองสามอย่างได้ไหม ของทุกอย่างที่เป็นของน้องนก เอาทิ้งให้หมดได้ไหม ทั้งผ้าพาสมีน่าจากอินเดีย แหวน ของเก่าอะไร เอาทิ้งให้หมดได้ไหม ไม่ต้องเอาไปให้คนอื่นด้วย เผาทิ้งเลย เขาบอกว่าได้ เราถามว่าลบรูปน้องนกจากคอมพ์ได้ไหม เขาบอกว่าได้ เราก็นิสัยไม่ดี แอบเหน็บอีกว่า แล้วจะลบจากใจด้วยไหมล่ะ เขาก็บอกว่าได้
เราก็บอกว่า ขออีกข้อหนึ่ง....ถ้าวันไหนเลิกรักน้องนกได้ ช่วยบอกเราด้วย เขาก็บอกว่า วันนี้ ตอนนี้เลย บอกได้เลยว่าไม่ได้รักน้องนก แค่อยากลอง แค่สนุก ที่คุยกันก็ทีเล่นทีจริง เรื่อยเปื่อยแค่นั้น
เราก็ไม่รู้นะคะว่าจะทำใจให้ลืมๆ ไปได้แค่ไหน เพราะความระแวงมันต้องมีแน่ๆ แต่ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่า จะโฟกัสที่ลูกคนเดียวแล้วค่ะ พอดีช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยพอใจกับโรงเรียนของลูกด้วย ตอนนี้กำลังหาโรงเรียนใหม่ให้ลูก ซึ่งจะเป็นแนวทางที่พ่อแม่ต้องร่วมเรียน ร่วมทำกิจกรรมกับลูกด้วย เราก็เลยตั้งใจว่าจะทิ้งนิสัยเก่าๆ ไม่ค่อยสนใจลูก ปล่อยลูกทีวีอะไรพวกนี้ทิ้งเสีย แล้วจะทุ่มเทให้ลูกอย่างเต็มที่ จะเป็นแม่ที่ดีของเขา จะให้เวลากับลูกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเราก็จะไปลดน้ำหนัก ดูแลตัวเอง แต่ไม่ใช่เพื่อสามีค่ะ แต่จะเรียกศรัทธาของตัวเองคืนมา ความคิดฝ่ายชั่วยังแอบแวบๆ มาเลยนะคะ วันไหนกูผอมเถอะ มีผู้ชายมาจีบกูก็จะเล่นด้วย อันนี้เป็นความคิดฝ่ายชั่วที่แอบมาตอนเจ็บหนักๆ อยากประชดชีวิตค่ะ แต่เพื่อนสนิทก็บอกว่า กรูว่าเมิงคงไม่มีทางมีชู้หรอกว่ะ เล่นกำหนดสเป็กชู้ซะเทพขนาดนั้น ....แบบว่าเคยคิดไว้ว่าถ้าจะชั่วมีชู้ทั้งที ไม่ได้ระดับน้องๆ นิชคุณก็ประมาณน้องชอนจองเมียงค่ะ 555555 ....คือชีวิตนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้ ฮ่าๆ
ตอนนี้ก็พยายามคิดอะไรที่ขำๆ แทน...อย่างเมื่อคืน ขับรถรอบเมืองเชียงใหม่ตอนตีสองนี่ก็กะทำมิวสิคเต็มที่ค่ะ เปิดมือถือเพลงคืนอันเป็นนิรันดร์คลอไปด้วย เล่นวนเป็นร้อยรอบเลยค่ะ กะให้แบบ...อุ๊ย น้ำตาคลอเบา มองถนนตาพร่า แต่ดันไม่มีน้ำตาเสียอีก 555 เจอตลาดดอกไม้ก็ลงไปซื้อ แม่ค้าบอกว่าคิด 250 ก็แล้วกัน ดึกแล้ว ....ถ้าเป็นปกตินี่ฝันไปเหอะค่ะจะเสียเงินเพื่อสิ่งไร้สาระแบบนี้ 50 บาทยังไม่จ่ายเลย ถ้าเป็นปกติก็คงจะต่อราคาอีก แต่นี่....เอ๊ะ ชั้นต่อราคาไปก็ไม่ได้ฟีลทำมิวสิคสิ อกหักก็ต้องทุ่มเท จ่ายบ้าบอไป จะได้อินๆ ฮ่าๆๆ
สุดท้าย ณ เวลานี้...เราก็เป็นแบบนี้ค่ะ ตายังปรือ สติก็ยังขาดๆ เกินๆ คืนนี้นอนโรงแรม ก็บอกสามีไปแล้วว่าจะนอนโรงแรม (ทั้งๆ ที่ตอนแรกกะไม่บอก หายไปเลยให้เขาเป็นห่วง) เขาก็บอกว่าแล้วแต่ก็แล้วกัน เราก็ดันบอกว่าจะมานอนที่นี่ไหมล่ะ เขาก็บอกว่าจะไปเยี่ยมตอนค่ำๆ ละกัน เพราะต้องเร่งงานที่บ้าน พรุ่งนี้ต้องเอางานไปส่งวัดตามกำหนด
ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนนะคะ....สำหรับกำลังใจ ความเห็นของเรามันอาจจะไม่จบแค่นี้ พรุ่งนี้อาจจะมีพลิกผันอีกก็ได้ เพราะเราก็ไม่แน่ใจในอารมณ์ตัวเองเหมือนกัน เราว่าเราเป็นไบโพลาร์ค่ะ อารมณ์สุดขั้วเลย อาจจะทำอะไรขาดสติอีกก็ได้
อ้อ สำหรับหลายๆ ความเห็นที่ชมว่าเราใจเย็น เข้มแข็ง ผู้ดีนั้น เขินอายมากค่ะ เพราะมันไม่เป็นอย่างนั้นค่ะ ไม่อยากบอกว่ารายละเอียดนั้นถ่อยสุดๆ ค่ะ พูดแต่ละคำนี่หยาบๆ ทั้งนั้น ถ้าคำพูดที่เราพูดไปเป็นมีดก็เป็นมีดที่คมที่สุด ที่กรีดทั้งเลือดเนื้อและหั่นถึงกระดูกเลยแหละค่ะ กะหั่นทั้งเขาและเรานั่นแหละ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย และเราก็ฟาดไหล่เขาไปหลายที ตีไหล่เขาจนปลายนิ้วห้อเลือดทั้ง 4 นิ้วค่ะ เขาก็ไม่ตอบโต้นะคะ เขาบอกว่าตบที่หน้าเขาเลย เราก็คิดในใจ ตบหน้าเมิง เดี๋ยวเมิงโมโหมากรูก็ตายสิ เรื่องไรจะตบให้โง่ ก็เลยฟาดไหล่ไป 4 ทีค่ะ
แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 16:29:38
แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 15:41:55
จากคุณ |
:
ดอกสัก33
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ก.พ. 53 15:40:22
|
|
|
|
|